เทคนิคที่เรากำลังจะแชร์ อาจไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ได้ 100% ท่านทั้งหลายอาจจะเจอเจ้านายแย่ๆ หรือสังคมห่วยๆ ได้เช่นกัน
อันนี้เราขอเอาจากประสบการณ์การทำงาน 10 กว่าปี และการสัมภาษณ์งานมามากกว่า 50 ที่ รวมกับเรื่องราวที่ได้รับการบอกกล่าวมาจาก
ญาติ พ่อแม่ พี่น้อง และเพื่อนฝูงนะคะ หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
หลายๆ คน ที่ทำงานมาสักพัก คงเคยมีประสบการณ์การทำงาน ที่เฟลกันบ้าง ตอนที่เข้าไปทำงานจริง ถึงได้รู้ว่า อ่อ บริษัทนี้ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ไม่น่าเลยเรา (แต่สำหรับคนที่ีร้อนเงิน ต้องทำงาน ไม่งั้นไม่มีกิน ก็เลือกไม่ได้อะเนอะ อันนี้เข้าใจไม่ว่ากัน)
สำหรับตัวเราแล้ว ก่อนการหาข้อมูลและสัมภาษณ์ เราจะให้ทุกบริษัทมี 10 คะแนนเต็มก่อนเบื่องต้นค่ะ
แล้วค่อยตัดไปทีละ 1 หรือ 0.5 คะแนน อันนี้คือเทคนิคของเรานะคะ
หาข้อมูลออนไลน์
นอกเหนือจากการเสิร์ชชื่อบริษัท เพื่อดูฟีดแบ็คในเน็ตแล้ว
เว็บ Workventure มีรีวิวบริษัท การทำงาน และวัฒนธรรมองค์กรอยู่ค่ะ นอกเหนือจากนั้น
หากเว็ปไซต์บริษัทมีรายชื่อ เจ้าของ ผู้ถือหุ้น กรรมการ หรืออื่นๆ
ให้เสิร์ชหาชื่อของบุคคลเหล่านั้นด้วย เพื่อดูข้อมูล ข่าว หรือคดีความ (ที่อาจมีในอดีต)
ในโซเชียลต่างๆ อาจจะมีไลฟ์สไตล์ของว่าที่เจ้านาย ที่เราต้องพิจารณาว่าถูกจริตหรือไม่อีกด้วยค่ะ
ยกตัวอย่างที่เราเคยเจอ คดีความ (อาญา) ของเจ้าของบริษัท / การโดนเรียกเตือนจาก อย. / การออกมาโวยวายของอดีตพนักงาน (ไม่จ่ายเงินเดือน)
วัฒนธรรมองค์กร / การให้สัมภาษณ์ของผู้บริหาร ฯลฯ เท่าที่จะเจอในเน็ต
พิจารณาจากวันที่ไปสัมภาษณ์ เพื่อคัดกรองเบื่องต้น
เช่น ความตรงต่อเวลาของเจ้านายหรือบุคคลที่ทำการสัมภาษณ์ เช่น Hr หรือ Manager หากมีการมาสายมากๆ หรือบริษัทผิดนัด
ให้เริ่มตัดคะแนน ความประพฤติของผู้สัมภาษณ์ ณ ตอนสัมภาษณ์ เช่น การส่งข้อความหรือเล่นโทรศัพท์มือถือขณะสัมภาษณ์
ยกตัวอย่างที่เราเคยเจอ คือผู้บริหารเล่นโทรศัพท์ตอนกำลังสัมภาษณ์ แต่มีการบอกเราก่อนว่า "พี่ขอเล่นโทรศัพท์นะคะ พอดีคุยกับลูกค้า"
กับ อีกที่ ผู้บริหารเล่นโทรศัพท์เหมือนกัน แต่ดูไม่ได้ใส่ใจกับการสัมภาษณ์ เราตัดคะแนนที่ที่ 2 ค่ะ ที่แรกไม่โดนตัด เพราะเขาดูสนใจจริงๆ
อีกเรื่องคือ ความตรงต่อเวลา จะมีงานบางตำแหน่งที่ต้องติดต่อกับลูกค้า ถ้าจำเป็นต้องมีบอสไปด้วย แล้วบอสไม่ตรงเวลา
เราห่วงภาพลักษณ์ของเราและบริษัทมากกว่า มันจะเสีย ถ้าเจอบอสแบบนี้
เจ้านายที่น่าทำงานด้วย
ทัศนคติหรือมุมมอง และการเตรียมตัวของผู้สัมภาษณ์ ก็สำคัญอีกเช่นกัน เพราะมันคือการใส่ใจบุคลากรของบริษัทตัวเอง
เราเคยเจอบอสที่สัมภาษณ์ ไม่ยอมอ่านประวัติและรายละเอียดก่อน พอถึงคิว มานั่งอ่าน CV แล้วบอกว่าคุณสมบัติไม่เหมาะ
คุณสมบัติที่เรามีไม่ตรงกับสิ่งที่เขาต้องการ สิ่งที่เขาต้องการเราไม่มี แต่ทุกอย่างไม่ได้เขียนอยู่ในคุณสมบัติหรือ JD
กลับกันในการสัมภาษณ์งานทุกๆ ครั้ง หากคุณมีการเตรียมตัวที่ดี คุณสามารถสอบถามผู้สัมภาษณ์เพิ่มเติมได้
ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับงาน เช่น ความก้าวหน้าในสายงาน การเรียนรู้เกี่ยวกับหน้าที่การงาน ทักษะเพิ่มเติมที่ควรจะมีต่อไปในอนาคต
และทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัท เช่น จุดเด่นและจุดด้อยของบริษัท การพัฒนาให้ทัดเทียมหรือล้ำหน้าคู่แข่ง การวางแผนอนาคต
ขณะที่สัมภาษณ์นั้น อาจจะมีการพูดถึงเรื่องส่วนตัวได้บ้าง แต่ต้องไม่มากเกินไปที่จะทำให้คุณรู้สึกอึดอัดหรือตะขิดตะขวงใจที่จะตอบ
เพราะมันอาจจะเป็นลางว่า ที่นี่อาจจะเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องส่วนตัวของคุณมากเกินไป ตัดแต้มได้ค่ะ
ถ้าผ่านหมดแล้ว และได้เข้าไปทำงานจริง ก็อาจจะเป็นไปได้ ว่าสิ่งที่ทำให้ต้องตัดคะแนนออกไป ยังคงมีอยู่ค่ะ
เพราะการทำงานจริง เราจะเจอมากกว่าที่เจอแค่ตอนสัมภาษณ์แน่นอน
และงานที่ได้ลงมือทำจริง ก็อาจจะแตกต่างจาก Job description อีกด้วย
หลังจากนี้จะขึ้นอยู่กับทุกคนแล้วละค่ะ ว่างานที่เปลี่ยนหรือเพิ่มขึ้นนั้น เราทำไหว ทำได้ หรือทำได้ดีแค่ไหน
ขอให้ทุกคนโชคดีกับการหางานและการทำงานนะคะ
แชร์เทคนิค เลือกที่ทำงาน/เลือกเจ้านาย ให้อยู่แล้วมีความสุข ไม่เจอเจ้านายแย่ๆ สังคมห่วยๆ
อันนี้เราขอเอาจากประสบการณ์การทำงาน 10 กว่าปี และการสัมภาษณ์งานมามากกว่า 50 ที่ รวมกับเรื่องราวที่ได้รับการบอกกล่าวมาจาก
ญาติ พ่อแม่ พี่น้อง และเพื่อนฝูงนะคะ หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
หลายๆ คน ที่ทำงานมาสักพัก คงเคยมีประสบการณ์การทำงาน ที่เฟลกันบ้าง ตอนที่เข้าไปทำงานจริง ถึงได้รู้ว่า อ่อ บริษัทนี้ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ไม่น่าเลยเรา (แต่สำหรับคนที่ีร้อนเงิน ต้องทำงาน ไม่งั้นไม่มีกิน ก็เลือกไม่ได้อะเนอะ อันนี้เข้าใจไม่ว่ากัน)
สำหรับตัวเราแล้ว ก่อนการหาข้อมูลและสัมภาษณ์ เราจะให้ทุกบริษัทมี 10 คะแนนเต็มก่อนเบื่องต้นค่ะ
แล้วค่อยตัดไปทีละ 1 หรือ 0.5 คะแนน อันนี้คือเทคนิคของเรานะคะ
หาข้อมูลออนไลน์
นอกเหนือจากการเสิร์ชชื่อบริษัท เพื่อดูฟีดแบ็คในเน็ตแล้ว
เว็บ Workventure มีรีวิวบริษัท การทำงาน และวัฒนธรรมองค์กรอยู่ค่ะ นอกเหนือจากนั้น
หากเว็ปไซต์บริษัทมีรายชื่อ เจ้าของ ผู้ถือหุ้น กรรมการ หรืออื่นๆ
ให้เสิร์ชหาชื่อของบุคคลเหล่านั้นด้วย เพื่อดูข้อมูล ข่าว หรือคดีความ (ที่อาจมีในอดีต)
ในโซเชียลต่างๆ อาจจะมีไลฟ์สไตล์ของว่าที่เจ้านาย ที่เราต้องพิจารณาว่าถูกจริตหรือไม่อีกด้วยค่ะ
ยกตัวอย่างที่เราเคยเจอ คดีความ (อาญา) ของเจ้าของบริษัท / การโดนเรียกเตือนจาก อย. / การออกมาโวยวายของอดีตพนักงาน (ไม่จ่ายเงินเดือน)
วัฒนธรรมองค์กร / การให้สัมภาษณ์ของผู้บริหาร ฯลฯ เท่าที่จะเจอในเน็ต
พิจารณาจากวันที่ไปสัมภาษณ์ เพื่อคัดกรองเบื่องต้น
เช่น ความตรงต่อเวลาของเจ้านายหรือบุคคลที่ทำการสัมภาษณ์ เช่น Hr หรือ Manager หากมีการมาสายมากๆ หรือบริษัทผิดนัด
ให้เริ่มตัดคะแนน ความประพฤติของผู้สัมภาษณ์ ณ ตอนสัมภาษณ์ เช่น การส่งข้อความหรือเล่นโทรศัพท์มือถือขณะสัมภาษณ์
ยกตัวอย่างที่เราเคยเจอ คือผู้บริหารเล่นโทรศัพท์ตอนกำลังสัมภาษณ์ แต่มีการบอกเราก่อนว่า "พี่ขอเล่นโทรศัพท์นะคะ พอดีคุยกับลูกค้า"
กับ อีกที่ ผู้บริหารเล่นโทรศัพท์เหมือนกัน แต่ดูไม่ได้ใส่ใจกับการสัมภาษณ์ เราตัดคะแนนที่ที่ 2 ค่ะ ที่แรกไม่โดนตัด เพราะเขาดูสนใจจริงๆ
อีกเรื่องคือ ความตรงต่อเวลา จะมีงานบางตำแหน่งที่ต้องติดต่อกับลูกค้า ถ้าจำเป็นต้องมีบอสไปด้วย แล้วบอสไม่ตรงเวลา
เราห่วงภาพลักษณ์ของเราและบริษัทมากกว่า มันจะเสีย ถ้าเจอบอสแบบนี้
เจ้านายที่น่าทำงานด้วย
ทัศนคติหรือมุมมอง และการเตรียมตัวของผู้สัมภาษณ์ ก็สำคัญอีกเช่นกัน เพราะมันคือการใส่ใจบุคลากรของบริษัทตัวเอง
เราเคยเจอบอสที่สัมภาษณ์ ไม่ยอมอ่านประวัติและรายละเอียดก่อน พอถึงคิว มานั่งอ่าน CV แล้วบอกว่าคุณสมบัติไม่เหมาะ
คุณสมบัติที่เรามีไม่ตรงกับสิ่งที่เขาต้องการ สิ่งที่เขาต้องการเราไม่มี แต่ทุกอย่างไม่ได้เขียนอยู่ในคุณสมบัติหรือ JD
กลับกันในการสัมภาษณ์งานทุกๆ ครั้ง หากคุณมีการเตรียมตัวที่ดี คุณสามารถสอบถามผู้สัมภาษณ์เพิ่มเติมได้
ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับงาน เช่น ความก้าวหน้าในสายงาน การเรียนรู้เกี่ยวกับหน้าที่การงาน ทักษะเพิ่มเติมที่ควรจะมีต่อไปในอนาคต
และทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัท เช่น จุดเด่นและจุดด้อยของบริษัท การพัฒนาให้ทัดเทียมหรือล้ำหน้าคู่แข่ง การวางแผนอนาคต
ขณะที่สัมภาษณ์นั้น อาจจะมีการพูดถึงเรื่องส่วนตัวได้บ้าง แต่ต้องไม่มากเกินไปที่จะทำให้คุณรู้สึกอึดอัดหรือตะขิดตะขวงใจที่จะตอบ
เพราะมันอาจจะเป็นลางว่า ที่นี่อาจจะเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องส่วนตัวของคุณมากเกินไป ตัดแต้มได้ค่ะ
ถ้าผ่านหมดแล้ว และได้เข้าไปทำงานจริง ก็อาจจะเป็นไปได้ ว่าสิ่งที่ทำให้ต้องตัดคะแนนออกไป ยังคงมีอยู่ค่ะ
เพราะการทำงานจริง เราจะเจอมากกว่าที่เจอแค่ตอนสัมภาษณ์แน่นอน
และงานที่ได้ลงมือทำจริง ก็อาจจะแตกต่างจาก Job description อีกด้วย
หลังจากนี้จะขึ้นอยู่กับทุกคนแล้วละค่ะ ว่างานที่เปลี่ยนหรือเพิ่มขึ้นนั้น เราทำไหว ทำได้ หรือทำได้ดีแค่ไหน
ขอให้ทุกคนโชคดีกับการหางานและการทำงานนะคะ