สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลย เราขอยอมรับว่าดูฮันนี่บอยมาได้เป็นเดือนแล้ว ตอนแรกว่าจะไม่เขียนแต่มันต้องคาใจแน่ๆ เลยเอาวะ เขียนสักหน่อย บวกกับเมื่อเช้าเราเห็นว่า House Samyan ลงในเพจว่าวันนี้จะฉายฮันนี่บอยเป็นรอบสุดท้าย ใครยังไม่ได้ดูก็น่าเสียดายหน่อยนะจ้ะ
ฮันนี่บอยเป็นผลงานการกำกับการแสดงของผู้กำกับหญิงชาวอิสราเอล และเป็นผลงานการเขียนบทของไชอา ลาบัฟ (ผู้เคยรับบทพระเอกทรานฟอร์เมอร์ เจ้าของบับเบิลบีนั่นละ) เล่าถึงชีวิตในวัยเด็กของเขากับพ่อ ที่สำคัญที่สุดคือ
ไชอารับบทเป็นพ่อตัวเอง มันเจ๋งตรงนี้จริงๆ ฮันนี่บอยจึงได้รับคำวิจารณ์ว่าเป็นหนังที่ตรงไปตรงมา และบำบัดจิตใจคนดู (น่าจะคนเล่นด้วย) ได้ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งเลย
ไชอาเล่าเรื่องของเขาผ่านตัวละคร “โอทิส” ในวัยเด็กน้อยที่ต้องอยู่ “เจมส์” พ่อของเขา และ “โอทิส” ในช่วงวัยรุ่นที่ถูกจับ อยู่ในสถานบำบัด โดยใช้สองเส้นเรื่องในการเล่าถึงปัญหา และจุดจบของปัญหาตามลำดับ การเลี้ยงดูของพ่อในห้องเช่าเล็กๆ เด็กขาดแม่ และพ่อเองก็ดูจะไม่ได้เรื่อง ทำให้เด็กติดนิสัยการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง เหล้า บุหรี่ และกัญชา จากพ่อ ตัวละครทั้ง 2 ตัว ต่างก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด โอทิสนักแสดงเด็ก พยายามสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง ในขณะที่พ่อก็พยายามทำหน้าที่ของ “พ่อ” พยายามจะไปเข้ากลุ่มแชร์ประสบการณ์ต่างๆ และสิ่งที่ทั้งสองคนต้องร่วมกันก็คือความรักจากฝั่งตรงข้าม ที่ดูเหมือนว่าจะฝั่งตรงข้ามจะไกลเกินไปกว่าจะมาบรรจบกันได้

ในขณะที่โอทิสในวัยรุ่น เขาถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคทางจิตที่น้อยคนมากจะเป็น (เราจำชื่อโรคไม่ได้ ประมาณว่าเคยถูกทำร้ายทางใจอย่างรุนแรง) เขาแก้ปัญหาด้วยการกินเหล้าเมายา ทำตัวกักขฬะ ปากเสียไปทั่วจนทำให้ต้องเขาสถานบำบัด และในสถานบำบัดนั้นเองโอทิสก็ได้คิดทบทวนใหม่ สิ่งที่พ่อเคยทำกับเขายังคงค้างอยู่ในใจ จนสุดท้ายตัวละครโอทิสในวัยรุ่นก็เอาชนะใจตนเอง ให้อภัยพ่อ ในที่สุด
เรานับถือไชอามาก เขากล้าหาญที่จะเขียนบทภาพยนตร์บอกเล่าสิ่งที่อยู่ในใจของเขาออกมาได้อย่างหมดจด การแสดงเป็นพ่อของตนเองเด่นชัดทั้งอารมณ์ (แน่ละ ก็เขาถูกกระทำมาด้วยตนเองนิ) และเหตุผล ตอนเราเป็นเด็กเรามักจะไม่เข้าใจพ่อแม่ของตัวเอง จนโตมาเป็นผู้ใหญ่ความเจ็บปวดจากประสบการณ์จะอธิบายแทนพ่อแม่เอง ตรงนี้ละที่ไชอาทำออกมาได้ดีพอๆ กับการอธิบายความรู้สึกในวัยเด็ก ที่ได้เจ้าหนู โนอาห์ จูป (ที่เราเขียนชมไปเมื่อกระทู้ที่แล้ว) มารับบท ฮันนี่บอยจึงเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เรารู้สึกโล่งใจมากๆ จริงๆ
ท้ายที่สุดนี้เราชอบที่พ่อมักจะเรียกโอทิสว่าฮันนี่บอย (ในหนังแปลว่าหนุ่มน้อยหน้ามน) ไม่รู้ว่าพอจะเป็นคำบอกรักได้ไหม แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่คำหยาบ สิ่งที่ได้จากเรื่องนอกจากภาพสวยๆ จากผกก.หญิงแล้ว เรายังรู้สึกว่าไม่มีอะไรยากไปกว่าการแก้สันดานที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก มายเซ็ท การคิด หรือว่าเชื่อในเรื่องอะไรบางอย่าง ซึ่งล้วนได้รับมาจากพื้นฐานครอบครัวทั้งสิ้น
---------------------------------------------------------------------------------
ฝากติดตามเพจ Like flick ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
Honey Boy : ไอ้หนุ่มน้อยหน้ามนของพ่อ
ฮันนี่บอยเป็นผลงานการกำกับการแสดงของผู้กำกับหญิงชาวอิสราเอล และเป็นผลงานการเขียนบทของไชอา ลาบัฟ (ผู้เคยรับบทพระเอกทรานฟอร์เมอร์ เจ้าของบับเบิลบีนั่นละ) เล่าถึงชีวิตในวัยเด็กของเขากับพ่อ ที่สำคัญที่สุดคือไชอารับบทเป็นพ่อตัวเอง มันเจ๋งตรงนี้จริงๆ ฮันนี่บอยจึงได้รับคำวิจารณ์ว่าเป็นหนังที่ตรงไปตรงมา และบำบัดจิตใจคนดู (น่าจะคนเล่นด้วย) ได้ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งเลย
เรานับถือไชอามาก เขากล้าหาญที่จะเขียนบทภาพยนตร์บอกเล่าสิ่งที่อยู่ในใจของเขาออกมาได้อย่างหมดจด การแสดงเป็นพ่อของตนเองเด่นชัดทั้งอารมณ์ (แน่ละ ก็เขาถูกกระทำมาด้วยตนเองนิ) และเหตุผล ตอนเราเป็นเด็กเรามักจะไม่เข้าใจพ่อแม่ของตัวเอง จนโตมาเป็นผู้ใหญ่ความเจ็บปวดจากประสบการณ์จะอธิบายแทนพ่อแม่เอง ตรงนี้ละที่ไชอาทำออกมาได้ดีพอๆ กับการอธิบายความรู้สึกในวัยเด็ก ที่ได้เจ้าหนู โนอาห์ จูป (ที่เราเขียนชมไปเมื่อกระทู้ที่แล้ว) มารับบท ฮันนี่บอยจึงเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เรารู้สึกโล่งใจมากๆ จริงๆ
ท้ายที่สุดนี้เราชอบที่พ่อมักจะเรียกโอทิสว่าฮันนี่บอย (ในหนังแปลว่าหนุ่มน้อยหน้ามน) ไม่รู้ว่าพอจะเป็นคำบอกรักได้ไหม แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่คำหยาบ สิ่งที่ได้จากเรื่องนอกจากภาพสวยๆ จากผกก.หญิงแล้ว เรายังรู้สึกว่าไม่มีอะไรยากไปกว่าการแก้สันดานที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก มายเซ็ท การคิด หรือว่าเชื่อในเรื่องอะไรบางอย่าง ซึ่งล้วนได้รับมาจากพื้นฐานครอบครัวทั้งสิ้น
---------------------------------------------------------------------------------
ฝากติดตามเพจ Like flick ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ