ยาพิษเมื่อเจือจางจนเหลือแต่พลังงานด้วยกระบวนการทางเวชกรรมความคล้ายหรือโฮมีโอพาธีย์ กลับมีบทบาทเป็นสารบำบัด
รักษาโรคได้แม้กระทั่งโรคมะเร็ง
สารตัวอย่างที่สำคัญชื่อ โคเนียม แมกคิวลาตุม (Conium maculatum) ทำมาจากต้นพืชที่มีพิษชนิดหนึ่งชื่อ พอยสัน เฮมล็อก
(Poison Hemlock)
ยาพิษตัวนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคกรีก เพราะเป็นยาพิษที่ปรัชญาเมธีชื่อก้องโลกนามว่า โสเครติส เลือกที่
จะใช้สังหารตัวเอง เพื่อให้ต้องตามคำพิพากษาของศาลเอเธนส์ที่ต้องการเอาชีวิตเขาให้ได้
เรื่องราวมีอยู่ว่าโสเครติสเป็นปราชญ์ชาวเอเธนส์ มีชีวิตอยู่ในระหว่างปี 469-399 ก่อนคริสกาล อันเป็นช่วงเวลาที่มีสงครามระหว่าง
นาครรัฐของกรีก ที่สำคัญคือเอเธนส์กับสปาร์ตา โดยสปาร์ตาซึ่งเป็นรัฐทหารมีชัยชนะเหนือเอเธนส์ที่เป็นนาครรัฐแห่ง ประชาธิปไตย
เอเธนส์ในระยะฟื้นตัวจากความพ่ายแพ้ต่อสปาร์ตามีความ สับสนอลหม่านในเอกลักษณ์ของตนเอง เหตุเพราะนักการเมืองมัวแต่คุยโม้
โอ้อวดในความสามารถและชาญฉลาดของตัวเอง คอยแต่แสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ใส่ตัว แถมใช้ชีวิตอันสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย และ
ลอยหน้าลอยตาอยู่ในรัฐสภาอย่างไร้ยางอาย
โสเครติสเห็นถึงความ เสื่อมโทรมเน่าเฟะของระบอบประชาธิปไตยจอมปลอมที่นักการเมืองเอาแต่ได้คอยเอา ประโยชน์จากตำแหน่งหน้า
ที่ของตน รังแต่จะทำให้บ้านเมืองพินาศฉิบหาย สิ่งที่โสเครติสรังเกียจเป็นที่ยิ่งก็คือ "อำนาจเป็นธรรม (might is right)" กล่าวคือใครขึ้น
มาครองอำนาจ ก็หมายความว่าการกระทำทุกอย่างของตนล้วนเป็นสิ่งที่ถูกต้องเป็นธรรมทั้งสิ้น
โสเครติสจึงลุกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตสับปรับของนักการเมืองเหล่านั้นอย่างไม่ไว้หน้า
คำคมของเขาเชือดเฉือนบาดใจชนชั้นสูงในเอเธนส์เป็นอย่างยิ่ง แต่เป็นความสะใจของผู้คนที่ได้ฟัง
เพล โตลูกศิษย์ของเขาเปรียบเทียบไว้ว่า โสเครติสเปรียบเสมือนแมงเหลืองตัวเล็กที่ต่อยก้นม้าให้เจ็บสะดุ้งได้ทุกที ที่ต่อย ผู้คนพากัน
นับถือว่า "ในเอเธนส์ไม่มีใครชาญฉลาดไปกว่าโสเครติสอีกแล้ว"
แต่โสเครติสกลับ งุนงงต่อคำร่ำลือนั้น เพราะเขารู้สึกว่าตัวเขาเองช่างโง่เง่ายิ่งนัก ใครถามอะไรก็คิดแล้วคิดอีกกว่าจะตอบได้ ตรงกันข้าม
กับนักการเมืองทั้งหลาย ที่พ่นได้สารพัดเรื่อง จริงบ้างเท็จบ้าง แต่ละคำล้วนไร้สาระทั้งเพ กุข่าวเพื่อประโยชน์ของตัวก็มี บ้างก็กล่าวอ้าง
ภายหลังว่าตนเองพ่นไปตามบท
ภาพ ตัดของโสเครติสเมื่อเทียบกับชนชั้นสูงทำให้เขาเป็นที่หมั่นไส้ของนัก ประชาธิปไตยจอมปลอม สุดท้ายเขาก็ถูกกล่าวหาให้ต้องคดี
แล้วตัดสินให้สังหารชีวิตตัวเอง ซึ่งโสเครติสเลือกที่จะดื่มยาพิษที่ชื่อว่า พอยสัน เฮมล็อก ระหว่างนั้นลูกศิษย์ของเขาได้ตระเตรียมทาง
หนีให้โสเครติส แต่เขาก็เลือกที่จะไม่หนี เพราะไม่ต้องการขายความเป็นมนุษย์ของตนเอง
เพล โตได้บรรยายภาพสุดท้ายของโสเครติสเมื่อดื่มยาพิษว่า โสเครติสเดินไปมาอยู่สักพักแล้วก็เดินต่อไปไม่ได้ เพราะขาของเขาหมดแรง
แล้วเพชรฆาตผู้ส่งยาพิษให้เขาก็ก้มลงตรวจสอบพบว่าขาของเขาชาไปหมด ไร้ความรู้สึก จากนั้นภาวะอัมพาตของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ
ค่อย ๆ ลามขึ้นมาจากขา จนถึงหน้าอก
ก่อนที่โสเครติสจะหมดลมหายใจเขากล่าวฝาก กับลูกศิษย์ว่า
"พวกเราล้วนเป็นหนี้บุญคุณเทพแอสคลีเพียส เทพเจ้าแห่งการเยียวยา เราชดใช้ท่านแล้ว ด้วยไก่ผู้หนึ่งตัว"
ศิษย์ รุ่นหลังของโสเครติสอธิบายคำพูดสุดท้ายของเขาว่า ไก่ผู้ตัวนั้นก็คือโสเครติส ซึ่งอุทิศชีวิตตนเองเพื่อหวังเยียวยาโรคร้ายที่เกาะกิน
นาครเอเธนส์อยู่
การ ตายของโสเครติสพลอยทำให้ต้น พอยสัน เฮมล็อก กลายเป็นตำนานไปด้วย เมื่อนำมาทำเป็นสารบำบัดโฮมีโอพาธีย์ชื่อ โคเนียม
นอกจากใช้รักษาอาการหนักแข้งหนักขา เดินไม่ได้ ประสาทชาแล้ว สิ่งที่ น่าแปลกใจก็คือยังธำรงค์ไว้ซึ่งบุคลิกของโสเครติสอยู่ในตัว
มันเองด้วย กล่าวคือเป็นบุคลิกที่ อ่อนนอกแข็งใน ภายนอกดูถ่อมตน ภายในนั้นยืนหยัดเข้มแข็ง ก็เลยเอามาใช้รักษามะเร็งบางชนิดได้ผล
มะเร็ง ที่ตรงกับคุณลักษณะ อ่อนนอกแข็งใน ก็คือ มะเร็งเต้านมนั่นเอง ก็เต้านมนั้นอ่อนนุ่มขนาดไหนใครๆ ก็รู้ แต่เมื่อกลัดตัวเป็นมะเร็งอยู่
ข้างในแล้ว
ถ้าคลำได้เมื่อไหร่ว่า แข็งเป็นก้อนราวกับก้อนหิน นั่นแหละครับ โคเนียม แมกคิวลาตุม ใช้ได้ผลล่ะ
เล่ง เจ็ง เป็นชื่อของอาซิ้มชาวจีนอายุ 89 ปี ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อแก่ เป็นก้อนที่ใหญ่ขึ้นทุกทีตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 แพทย์คลำพบว่าเป็น
ก้อนที่แข็งราวกับหินขนาด 2x2.5 ซ.ม. กลิ้งไปมาได้ในเต้านมข้างซ้าย ไปตรวจด้วยแมมโมแกรมมีลักษณะเหมือนมะเร็งมาก
แพทย์ เสนอว่าจะเจาะชิ้นเนื้อแต่ลูกหลานบอกว่า อาม่าเล่งเจ็งแก่แล้ว ถึงจะเจาะชิ้นเนื้อพิสูจน์ว่าเป็นมะเร็ง ก็คงไม่ทำอะไรให้ทรมานคน
แก่ แถมเสี่ยงต่อการตีรังแตนให้มะเร็งกระจายไปซะเปล่าๆ จึงตัดสินใจไม่เจาะ แล้วหันหน้าเข้าหาธรรมชาติบำบัดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
2552 เหตุการณ์ ผ่านไป 3 เดือน ก้อนมะเร็งใหญ่ขึ้นเป็น 2.5x2.5 ซ.ม. เธอได้รับคำแนะนำให้กลับไปผ่าตัดเอาก้อนออก ซึ่งเธอก็ไม่ยอม
ทำ บอกว่า "อาม่าแก่แล้ว"
เธอใช้วิตามินทั้งชนิดกินทุกวัน และให้วิตามินระดับสูง หยอดเข้าเส้นเลือดทุก 3 วัน ทำอย่างสม่ำเสมอมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ผลก็คือ
ก้อนไม่ขยายตัว แต่ก็ยังคงอยู่เท่าเดิมไม่ลดขนาดลง
เรื่องนี้ คล้ายกับงานวิจัยของ ไลนัส พอลลิง ที่ทำร่วมกับ อีแวน คาเมลอน ซึ่งพิสูจน์ว่า ผู้ป่วยแม้จะเป็นมะเร็งระยะท้ายถ้าได้วิตามินซี
วันละ 10 กรัม จะยืดอายุผู้ป่วยได้ 3-10 เท่าตัว
อย่างไรก็ตาม สงครามกับมะเร็งในตัวของอาม่าก็ยังไม่ยุติ เพียงแต่ยันกันไว้ในสนามแห่งสงครามเท่านั้นเอง
ครั้น ถึงเดือนเมษายน 2554 เป็นโอกาสภายหลังที่ นพ.ราม กริสนัน ได้มาเปิดอบรมให้แพทย์โฮมีโอพาธีย์รุ่นแรกที่จบมาแล้ว ให้หันมา
รักษามะเร็งด้วยโฮมีโอพาธีย์ในแบบของท่าน นั่นนับเป็นอาวุธใหม่ของ แพทย์ธรรมชาติบำบัด ที่มีผู้ป่วยมะเร็งอยู่ในมือหลาย ราย ได้มี
โอกาสออกอาวุธ
อาม่าเล่งเจ็งได้เริ่มรับ โคเนียม ปลายเดือน เมษายน สลับกับ โฮมีโอพาธีย์อีกตัวหนึ่ง ตามตำรับ ราม กริสนัน นับเป็นความดีที่อาม่ามี
ความสม่ำเสมอต่อการรักษามาแต่ไหนแต่ไร สม่ำเสมอแต่ปล่อยวาง พบอาม่าทีไรก็เห็นแต่ความนิ่งในตัวของอาม่าเสมอ
อา ม่าไม่เคยอิดออด ไม่เคยบ่น ไม่ร่ำพิรี้พิไร ลูกหลานให้ไปเข้าวิตามินก็ทำตามกำหนด ให้กินสารบำบัดโฮมีโอพาธีย์ ซึ่งจะต้องทุบ
ขวดยา 1 ครั้ง กิน 1 ฝาทุก 15 นาที วันละ 10 ครั้ง ต่อเนื่องทุกวันก็ไม่เคยบ่น
อยู่มาวันหนึ่งเมื่อเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งก็คือเธอได้กินสารบำบัดมาแล้ว 8 เดือน หรือเท่ากับป่วยเป็นมะเร็งมาแล้ว 2 ปีเต็ม หลานสาว
ของอาม่าถามขึ้นมาว่า "อาม่าจะเตรียมตัวไปผ่าตัดลอกต้อ คุณหมอจะต้องให้เตรียมตัวอะไรบ้างคะ ทราบมาว่าโฮมีโอพาธีย์มีสารบำบัด
ให้กินเพื่อเตรียมตัวผ่าตัด จะได้ผ่าง่ายหายเร็วใช่มั้ยคะ"
นั่นทำให้อาม่าได้รับการตรวจ ก้อนมะเร็งอีกครั้งหนึ่ง ผลปรากฏว่าเจ้าก้อนหินที่แข็งเป็นไตในเต้านมของเธอมีอันยุบก้อนลงเหลือเพียง
1x1 ซ.ม.เท่านั้น และก็ยังกลิ้งเล่นสนุกสนานอยู่ในเต้านม อย่างไม่มีทีท่าว่าจะอาละวาดก่อความ รุนแรงให้เธอใด ๆ ทั้งสิ้น
อาม่าได้รับสารบำบัดอีกตัวชื่อ อาร์นิกา (Arnica) ซึ่งเป็นสารบำบัดใช้กินก่อน และหลังผ่าตัด เพื่อไม่ให้เลือดออกง่ายและแผลหายเร็ว
ซึ่งก็ได้ผลตามนั้น
เป็นอัน ว่า ไก่ผู้ตัวนั้นที่ชื่อ โสเครติส แม้ว่าตายไปแล้ว 2,300 ปี ก็ยังคงยืนหยัดเยียวยาความเจ็บป่วยให้ผู้คนอยู่ แม้ว่าลูกหลานชาวกรีก
ของเขาต้องร่ำไห้ด้วยภาวะล่มสลายของบ้านเมือง ตราบเท่าทุกวันนี้ก็ตาม
ที่มา
http://www.matichon.co.th
http://www.thaihomeopathy.com/index.php/th/2009-08-31-14-58-04/120-2012-08-23-08-36-27
สารบำบัดโฮมีโอพาธีย์ จากโสเครติส ถึงมะเร็งเต้านม
รักษาโรคได้แม้กระทั่งโรคมะเร็ง
สารตัวอย่างที่สำคัญชื่อ โคเนียม แมกคิวลาตุม (Conium maculatum) ทำมาจากต้นพืชที่มีพิษชนิดหนึ่งชื่อ พอยสัน เฮมล็อก
(Poison Hemlock)
ยาพิษตัวนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคกรีก เพราะเป็นยาพิษที่ปรัชญาเมธีชื่อก้องโลกนามว่า โสเครติส เลือกที่
จะใช้สังหารตัวเอง เพื่อให้ต้องตามคำพิพากษาของศาลเอเธนส์ที่ต้องการเอาชีวิตเขาให้ได้
เรื่องราวมีอยู่ว่าโสเครติสเป็นปราชญ์ชาวเอเธนส์ มีชีวิตอยู่ในระหว่างปี 469-399 ก่อนคริสกาล อันเป็นช่วงเวลาที่มีสงครามระหว่าง
นาครรัฐของกรีก ที่สำคัญคือเอเธนส์กับสปาร์ตา โดยสปาร์ตาซึ่งเป็นรัฐทหารมีชัยชนะเหนือเอเธนส์ที่เป็นนาครรัฐแห่ง ประชาธิปไตย
เอเธนส์ในระยะฟื้นตัวจากความพ่ายแพ้ต่อสปาร์ตามีความ สับสนอลหม่านในเอกลักษณ์ของตนเอง เหตุเพราะนักการเมืองมัวแต่คุยโม้
โอ้อวดในความสามารถและชาญฉลาดของตัวเอง คอยแต่แสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ใส่ตัว แถมใช้ชีวิตอันสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย และ
ลอยหน้าลอยตาอยู่ในรัฐสภาอย่างไร้ยางอาย
โสเครติสเห็นถึงความ เสื่อมโทรมเน่าเฟะของระบอบประชาธิปไตยจอมปลอมที่นักการเมืองเอาแต่ได้คอยเอา ประโยชน์จากตำแหน่งหน้า
ที่ของตน รังแต่จะทำให้บ้านเมืองพินาศฉิบหาย สิ่งที่โสเครติสรังเกียจเป็นที่ยิ่งก็คือ "อำนาจเป็นธรรม (might is right)" กล่าวคือใครขึ้น
มาครองอำนาจ ก็หมายความว่าการกระทำทุกอย่างของตนล้วนเป็นสิ่งที่ถูกต้องเป็นธรรมทั้งสิ้น
โสเครติสจึงลุกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตสับปรับของนักการเมืองเหล่านั้นอย่างไม่ไว้หน้า
คำคมของเขาเชือดเฉือนบาดใจชนชั้นสูงในเอเธนส์เป็นอย่างยิ่ง แต่เป็นความสะใจของผู้คนที่ได้ฟัง
เพล โตลูกศิษย์ของเขาเปรียบเทียบไว้ว่า โสเครติสเปรียบเสมือนแมงเหลืองตัวเล็กที่ต่อยก้นม้าให้เจ็บสะดุ้งได้ทุกที ที่ต่อย ผู้คนพากัน
นับถือว่า "ในเอเธนส์ไม่มีใครชาญฉลาดไปกว่าโสเครติสอีกแล้ว"
แต่โสเครติสกลับ งุนงงต่อคำร่ำลือนั้น เพราะเขารู้สึกว่าตัวเขาเองช่างโง่เง่ายิ่งนัก ใครถามอะไรก็คิดแล้วคิดอีกกว่าจะตอบได้ ตรงกันข้าม
กับนักการเมืองทั้งหลาย ที่พ่นได้สารพัดเรื่อง จริงบ้างเท็จบ้าง แต่ละคำล้วนไร้สาระทั้งเพ กุข่าวเพื่อประโยชน์ของตัวก็มี บ้างก็กล่าวอ้าง
ภายหลังว่าตนเองพ่นไปตามบท
ภาพ ตัดของโสเครติสเมื่อเทียบกับชนชั้นสูงทำให้เขาเป็นที่หมั่นไส้ของนัก ประชาธิปไตยจอมปลอม สุดท้ายเขาก็ถูกกล่าวหาให้ต้องคดี
แล้วตัดสินให้สังหารชีวิตตัวเอง ซึ่งโสเครติสเลือกที่จะดื่มยาพิษที่ชื่อว่า พอยสัน เฮมล็อก ระหว่างนั้นลูกศิษย์ของเขาได้ตระเตรียมทาง
หนีให้โสเครติส แต่เขาก็เลือกที่จะไม่หนี เพราะไม่ต้องการขายความเป็นมนุษย์ของตนเอง
เพล โตได้บรรยายภาพสุดท้ายของโสเครติสเมื่อดื่มยาพิษว่า โสเครติสเดินไปมาอยู่สักพักแล้วก็เดินต่อไปไม่ได้ เพราะขาของเขาหมดแรง
แล้วเพชรฆาตผู้ส่งยาพิษให้เขาก็ก้มลงตรวจสอบพบว่าขาของเขาชาไปหมด ไร้ความรู้สึก จากนั้นภาวะอัมพาตของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ
ค่อย ๆ ลามขึ้นมาจากขา จนถึงหน้าอก
ก่อนที่โสเครติสจะหมดลมหายใจเขากล่าวฝาก กับลูกศิษย์ว่า
"พวกเราล้วนเป็นหนี้บุญคุณเทพแอสคลีเพียส เทพเจ้าแห่งการเยียวยา เราชดใช้ท่านแล้ว ด้วยไก่ผู้หนึ่งตัว"
ศิษย์ รุ่นหลังของโสเครติสอธิบายคำพูดสุดท้ายของเขาว่า ไก่ผู้ตัวนั้นก็คือโสเครติส ซึ่งอุทิศชีวิตตนเองเพื่อหวังเยียวยาโรคร้ายที่เกาะกิน
นาครเอเธนส์อยู่
การ ตายของโสเครติสพลอยทำให้ต้น พอยสัน เฮมล็อก กลายเป็นตำนานไปด้วย เมื่อนำมาทำเป็นสารบำบัดโฮมีโอพาธีย์ชื่อ โคเนียม
นอกจากใช้รักษาอาการหนักแข้งหนักขา เดินไม่ได้ ประสาทชาแล้ว สิ่งที่ น่าแปลกใจก็คือยังธำรงค์ไว้ซึ่งบุคลิกของโสเครติสอยู่ในตัว
มันเองด้วย กล่าวคือเป็นบุคลิกที่ อ่อนนอกแข็งใน ภายนอกดูถ่อมตน ภายในนั้นยืนหยัดเข้มแข็ง ก็เลยเอามาใช้รักษามะเร็งบางชนิดได้ผล
มะเร็ง ที่ตรงกับคุณลักษณะ อ่อนนอกแข็งใน ก็คือ มะเร็งเต้านมนั่นเอง ก็เต้านมนั้นอ่อนนุ่มขนาดไหนใครๆ ก็รู้ แต่เมื่อกลัดตัวเป็นมะเร็งอยู่
ข้างในแล้ว
ถ้าคลำได้เมื่อไหร่ว่า แข็งเป็นก้อนราวกับก้อนหิน นั่นแหละครับ โคเนียม แมกคิวลาตุม ใช้ได้ผลล่ะ
เล่ง เจ็ง เป็นชื่อของอาซิ้มชาวจีนอายุ 89 ปี ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อแก่ เป็นก้อนที่ใหญ่ขึ้นทุกทีตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 แพทย์คลำพบว่าเป็น
ก้อนที่แข็งราวกับหินขนาด 2x2.5 ซ.ม. กลิ้งไปมาได้ในเต้านมข้างซ้าย ไปตรวจด้วยแมมโมแกรมมีลักษณะเหมือนมะเร็งมาก
แพทย์ เสนอว่าจะเจาะชิ้นเนื้อแต่ลูกหลานบอกว่า อาม่าเล่งเจ็งแก่แล้ว ถึงจะเจาะชิ้นเนื้อพิสูจน์ว่าเป็นมะเร็ง ก็คงไม่ทำอะไรให้ทรมานคน
แก่ แถมเสี่ยงต่อการตีรังแตนให้มะเร็งกระจายไปซะเปล่าๆ จึงตัดสินใจไม่เจาะ แล้วหันหน้าเข้าหาธรรมชาติบำบัดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
2552 เหตุการณ์ ผ่านไป 3 เดือน ก้อนมะเร็งใหญ่ขึ้นเป็น 2.5x2.5 ซ.ม. เธอได้รับคำแนะนำให้กลับไปผ่าตัดเอาก้อนออก ซึ่งเธอก็ไม่ยอม
ทำ บอกว่า "อาม่าแก่แล้ว"
เธอใช้วิตามินทั้งชนิดกินทุกวัน และให้วิตามินระดับสูง หยอดเข้าเส้นเลือดทุก 3 วัน ทำอย่างสม่ำเสมอมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ผลก็คือ
ก้อนไม่ขยายตัว แต่ก็ยังคงอยู่เท่าเดิมไม่ลดขนาดลง
เรื่องนี้ คล้ายกับงานวิจัยของ ไลนัส พอลลิง ที่ทำร่วมกับ อีแวน คาเมลอน ซึ่งพิสูจน์ว่า ผู้ป่วยแม้จะเป็นมะเร็งระยะท้ายถ้าได้วิตามินซี
วันละ 10 กรัม จะยืดอายุผู้ป่วยได้ 3-10 เท่าตัว
อย่างไรก็ตาม สงครามกับมะเร็งในตัวของอาม่าก็ยังไม่ยุติ เพียงแต่ยันกันไว้ในสนามแห่งสงครามเท่านั้นเอง
ครั้น ถึงเดือนเมษายน 2554 เป็นโอกาสภายหลังที่ นพ.ราม กริสนัน ได้มาเปิดอบรมให้แพทย์โฮมีโอพาธีย์รุ่นแรกที่จบมาแล้ว ให้หันมา
รักษามะเร็งด้วยโฮมีโอพาธีย์ในแบบของท่าน นั่นนับเป็นอาวุธใหม่ของ แพทย์ธรรมชาติบำบัด ที่มีผู้ป่วยมะเร็งอยู่ในมือหลาย ราย ได้มี
โอกาสออกอาวุธ
อาม่าเล่งเจ็งได้เริ่มรับ โคเนียม ปลายเดือน เมษายน สลับกับ โฮมีโอพาธีย์อีกตัวหนึ่ง ตามตำรับ ราม กริสนัน นับเป็นความดีที่อาม่ามี
ความสม่ำเสมอต่อการรักษามาแต่ไหนแต่ไร สม่ำเสมอแต่ปล่อยวาง พบอาม่าทีไรก็เห็นแต่ความนิ่งในตัวของอาม่าเสมอ
อา ม่าไม่เคยอิดออด ไม่เคยบ่น ไม่ร่ำพิรี้พิไร ลูกหลานให้ไปเข้าวิตามินก็ทำตามกำหนด ให้กินสารบำบัดโฮมีโอพาธีย์ ซึ่งจะต้องทุบ
ขวดยา 1 ครั้ง กิน 1 ฝาทุก 15 นาที วันละ 10 ครั้ง ต่อเนื่องทุกวันก็ไม่เคยบ่น
อยู่มาวันหนึ่งเมื่อเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งก็คือเธอได้กินสารบำบัดมาแล้ว 8 เดือน หรือเท่ากับป่วยเป็นมะเร็งมาแล้ว 2 ปีเต็ม หลานสาว
ของอาม่าถามขึ้นมาว่า "อาม่าจะเตรียมตัวไปผ่าตัดลอกต้อ คุณหมอจะต้องให้เตรียมตัวอะไรบ้างคะ ทราบมาว่าโฮมีโอพาธีย์มีสารบำบัด
ให้กินเพื่อเตรียมตัวผ่าตัด จะได้ผ่าง่ายหายเร็วใช่มั้ยคะ"
นั่นทำให้อาม่าได้รับการตรวจ ก้อนมะเร็งอีกครั้งหนึ่ง ผลปรากฏว่าเจ้าก้อนหินที่แข็งเป็นไตในเต้านมของเธอมีอันยุบก้อนลงเหลือเพียง
1x1 ซ.ม.เท่านั้น และก็ยังกลิ้งเล่นสนุกสนานอยู่ในเต้านม อย่างไม่มีทีท่าว่าจะอาละวาดก่อความ รุนแรงให้เธอใด ๆ ทั้งสิ้น
อาม่าได้รับสารบำบัดอีกตัวชื่อ อาร์นิกา (Arnica) ซึ่งเป็นสารบำบัดใช้กินก่อน และหลังผ่าตัด เพื่อไม่ให้เลือดออกง่ายและแผลหายเร็ว
ซึ่งก็ได้ผลตามนั้น
เป็นอัน ว่า ไก่ผู้ตัวนั้นที่ชื่อ โสเครติส แม้ว่าตายไปแล้ว 2,300 ปี ก็ยังคงยืนหยัดเยียวยาความเจ็บป่วยให้ผู้คนอยู่ แม้ว่าลูกหลานชาวกรีก
ของเขาต้องร่ำไห้ด้วยภาวะล่มสลายของบ้านเมือง ตราบเท่าทุกวันนี้ก็ตาม
ที่มา http://www.matichon.co.th
http://www.thaihomeopathy.com/index.php/th/2009-08-31-14-58-04/120-2012-08-23-08-36-27