โลงศพมวลชน/Reuse และสมาคมฝังศพ

 
บริเวณด้านหลังสุสาน St John and All Saints Church 
ในเมือง Easingwold  ที่ North Yorkshire ประเทศอังกฤษ credit: Michael Livsey/Flickr
.
ย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่ 13 หรือแม้กระทั่งก่อนหน้านี้
St John and All Saints Church 
เป็นคริสตจักรอังกฤษในยุคกลาง
ที่มีกำแพงหิน หลังคาหินชนวน
และหน้าต่างแหลมสามแฉกขนาดใหญ่แบบ Gothic
ในศตวรรษที่ 17 ภายในโบสถ์
มีโต๊ะทำพิธีกรรมทางศาสนาสนทนา
ระหว่างขาโต๊ะวางโลงศพไว้ใบหนึ่ง
โลงศพใบนี้ทำมาจากไม้โอ๊กเก่าแก่
มีอายุการใช้งานย้อนไปถึงยุค
ที่ครอบครัวที่ยากจนเกินกว่าจะซื้อโลงศพสำหรับคนตาย
ก็จะได้รับการเสนอจากคริสตจักร
ให้นำศพใส่ไว้ในโลงศพแล้วนำไปยังหลุมศพ
ที่ซึ่งศพจะถูกยกออกและนำไปวางไว้ในหลุมศพ
โลงศพก็จะนำกลับไปที่โบสถ์เพื่อรอคนตายรายต่อไป

ตามหนังสือ Old Church Lore (1891) ของ William Andrews 
หลายตำบลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ
มีโลงศพมวลชน/Reuse ประเภทนี้หลายแห่ง เช่นที่ Stockton-on-Tees
อีกแห่งหนึ่งที่ Howden ใน East Riding of Yorkshire
และใน St Oswald’s ที่ Durham
ว่ากันว่าโลงศพบางใบทำเป็นพื้นบานพับด้านล่าง
ตอนที่โลงศพถูกวางไว้เหนือหลุมศพ
แล้วใต้โลงศพที่เป็นบานพับจะถูกเปิดออก
เพื่อให้ศพหล่นลงในหลุมศพด้วยแรงโน้มถ่วง

อย่างไรก็ตาม คนจนบางคนไม่ชอบโลงศพมวลชน/Reuse
และเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้โลงศพใบนี้และมีโลงศพของตนเอง
คนยากจนจำนวนมากจึงวางแผนล่วงหน้าสำหรับงานศพของตนเอง

ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งตอนนี้ถูกฝังที่ Macclesfield ใน Cheshire
ใช้เวลา 20 ปีสุดท้ายชีวิตของเธอ
โดยแบ่งเงินบำนาญเพียงเล็กน้อยเพียง 9 เพนนีต่อสัปดาห์
เพื่อเตรียมไว้ใช้ในงานศพของเธอ
ในที่สุดเธอก็ได้ใช้โลงศพส่วนตัวในปี 1755
เธอตายตอนอายุ 80 ปี  และด้วยเงินถึง 5 ปอนด์สเตอลิงก์
ทำให้เธอถูกฝังศพด้วยโลงศพส่วนตัว
พร้อมป้ายหินสลักสลักไว้บนหลุมศพของเธอ



เพื่อช่วยเหลือคนยากจน
โบสถ์ สหภาพแรงงานและสมาคมอื่น ๆ
ได้จัดตั้งสมาคมฝังศพเพื่อยังประโยชน์แก่สมาชิกในชุมชน
ซึ่งเป็นเหมือนกับการทำประกันชีวิต แน่นี่เป็นประกันศพ
สมาชิกจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนหรือรายปีให้กับสมาคม
เพื่อสร้างกองทุนสะสมไว้ให้กับสมาคม
เพื่อเป็นจ่ายค่าใช้จ่ายในการฝังศพเมื่อสมาชิกคนใดเสียชีวิต
จำนวนเงินค่าสมัครสมาชิกมักขึ้นอยู่กับประเภท
ของงานศพที่ต้องการและอายุของบุคคลที่สมัคร
(แบบยิ่งแก่ยิ่งแพง เพราะใกล้วันตายมากแล้ว)

เช่นเดียวกับ บริษัท ประกันภัยในทุกวันนี้
ที่ผู้ทำประกันฉ้อโกงการประกันภัยด้วยเช่นกัน
สมาคมฝังศพก็มีปัญหาการฉ้อโกงด้วยเช่นกัน
ผู้ปกครองหลายคนลงทะเบียนสมัครสมาคมฝังศพไว้หลายแห่ง
มักจะใช้ประโยชน์จากลูกที่ป่วย
เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าว่าเด็กจะไม่รอดชีวิตในเวลาอีกไม่นาน
และเมื่อเด็กเสียชีวิตแล้ว ผู้ปกครองก็เรียกเงินค่าใช้จ่ายในการฝังศพจากแต่ละสมาคม
มีชายคนหนึ่งนำลูกตนเองไปสมัครเป็นสมาชิกสมาคมถึง 19 แห่ง
หลายคนถูกกล่าวหาว่าฆ่าลูกตนเองเพื่อรับเงินประกันศพ

สมาคมเหล่านี้บางแห่งมีสมาชิกมากถึง 5,000 คน
แต่เพราะไม่มีการควบคุมจากคนในท้องถิ่นหรือรัฐบาล(ในอดีต)
ทำให้หลายสมาคมสิ้นสภาพและเจ๊งไปในที่สุด
เพราะการบริหารจัดการทางการเงินและการโกงกันภายใน
Egton Bridge Guild ใน Eskdale
เป็นสมาคมฝังศพเพียงแห่งเดียวที่ยืนยาวจนถึงทุกวันนี้

เรียบเรียง/ที่มา

https://bit.ly/2OT0ysg



เรื่องเล่าไร้สาระ

เมืองไทยก็มีใช้โลงศพมวลชน/Reuse
คือ โลงเย็น/โลงติดแอร์ นวัตกรรมของคนไทย
ที่เคยอ่านเจอคนที่บอกว่าเป็นคนคิดคนแรกไม่ได้จดสิทธิบัตร
เพราะว่างงานมากในช่วง วิกฤติเศรษฐกิจไทยปี 2540
เลยประดิษฐ์ตู้เย็นแบบตู้แช่อาหารมาแช่ศพแทน
คาดว่าน่าจะได้แนวคิดมาจากห้องดับจิตของโรงพยาบาล
ที่มีการแช่เย็นศพคนตายก่อนชัณสูตรพลิกศพ
/ส่งคืนครอบครัวผู้ตาย/ส่งให้มูลนิธิ
จนทุกวันนี้มีการลอกเลียนแบบผลิตกันมาก
และบางรายส่งออกโลงติดแอร์ไปประเทศข้างเคียง

ลักษณะโลงติดแอร์จะเป็นโลงขนาดใหญ่
ที่การทำงานเหมือนตู้แช่ขนาดใหญ่วางครอบโลงศพขนาดเล็ก
แล้วเสียบปลั๊กไฟฟ้าให้ Compressor ทำงานปล่อยความเย็น
ความเย็นในระดับไม่ถึงกับแช่แข็งศพในบางเจ้า
พอถึงเวลาจะนำศพไปเผา ก็จะยกโลงศพติดแอร์ออกมาก่อน
แล้วจึงยกโลงศพขนาดเล็กที่มีร่างคนตายไปทำพิธีเผ่าต่อไป
บางวัดมีการซื้อเป็นครุภัณฑ์ของวัดเลย
แทนการเช่าจากบุคคลภายนอกเหมือนในอดีต


เมืองไทยคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ
จึงนิยมเผาศพ(ฌาปนกิจ)มากกว่าการฝังศพ
ส่วนศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม
ต้องฝังศพเท่านั้นตามข้อบัญญัติทางศาสนา

เรื่องนี้เคยถามเพื่อนที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค
แกยอมรับว่าที่ฝังศพป่าช้าคาทอลิคแถวบ้านเริ่มแออัด
ต้องทำเป็นคอนโดบรรจุหลายชั้นแล้ว
หลายคนอยากให้เผาศพแล้วบรรุเฉพาะเถ้ากระดูก
จะประหยัดเนื้อที่และสะดวกกว่า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องรอให้มีคำสั่งอนุญาตจากพระสันตปาปา
ว่าให้ดำเนิการเผาศพได้ แล้วบรรจุเฉพาะอัฐิแทน
รวมทั้งตอนนี้ ป่าช้าก็ทำเรื่องขออนุญาตจัดตั้งยากมาก

ส่วนของคนมุสลิมแถวรอบนอกไม่มีปัญหาที่ฝังศพ
แต่ในเมืองต้องอนุโลมให้ฝังทับฝังซ้อนได้
ตามบทบัญญัติพระคัมภีร์ว่าที่ดินเป็นของพระเจ้า
ไม่มีใครถือสิทธิ์เป็นเจ้าของตลอดกาล
จากการสอบถามเพื่อนมุสลิมแถวบ้าน

เมืองไทยใช้ สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์
มีการจัดตั้งภายในหน่วยงานรัฐ และเอกชน หลายแห่งมาก
มีกฎหมายบังคับ เพราะเคยมีการหากินกับศพ
โกงเงินสมาคม หรือตายปลอม เป็นต้น




พิธีศพ

ท่านผู้อ่านที่เคยไปงานศพจะคุ้นกับคำที่ใช้ในพิธีซึ่งมีอยู่หลายคำ
เช่น ฌาปนกิจ สวดพระอภิธรรม บังสุกุล  
คำเหล่านี้มีผู้สอบถามถึงการใช้และความหมายกันอยู่เสมอ ๆ  
และอาจใช้ผิดกันอยู่บ่อยครั้ง  จึงนำนิยามความหมายคำเหล่านั้น
ที่ปรากฏใน พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
มาเสนอให้ได้ทราบ เพื่อจะได้ใช้ให้ถูกต้อง ดังนี้

สวดพระอภิธรรม มีที่มาจากคำว่า อภิธรรม
ซึ่งเป็นชื่อปิฎกหนึ่งในพระไตรปิฎก ประกอบด้วย
๑. พระวินัยปิฎก ๒. พระสุตตันตปิฎก ๓. พระอภิธรรมปิฎก  
ซี่งพระอภิธรรมปิฎกเป็นชื่อธรรมะชั้นสูงซึ่งมีอยู่ ๗ คัมภีร์
คือ ๑. สังคณี ๒. วิภังค์ ๓. ธาตุกถา ๔. ปุคคลปัญญัติ ๕. กถาวัตถุ ๖. ยมก ๗. ปัฏฐาน
นิยมนำคัมภีร์ทั้ง ๗ นี้มาใช้สวดในงานศพ  
การสวดนี้เรียกว่า สวดพระอภิธรรม ไม่ใช่ สวดพระอภิธรรมศพ

ฌาปนกิจ เป็นคำนาม หมายถึงการเผาศพ  
ก่อนฌาปนกิจจะมีการทอดผ้าบังสุกุล  
ผ้าบังสุกุลคือผ้าที่พระภิกษุชักจากศพ
หรือเป็นผ้าที่ทอดบนด้ายสายสิญจน์หรือทอดบนผ้าภูษาโยง
ที่ต่อจากศพด้วยการปลงกรรมฐาน  
การที่มีพิธีชักผ้าบังสุกุลนั้นเนื่องมาจากในสมัยพุทธกาล
ผู้ที่ออกบวชเป็นพระภิกษุคือผู้ที่ละซึ่งกิเลสทั้งปวง
และออกไปบำเพ็ญศีลอยู่ในป่า
ดังนั้นจึงไม่คำนึงว่าทั้งอาหารและเครื่องนุ่งห่มต้องเป็นแบบไหน มาจากที่ใด  
จึงบิณฑบาตเพื่อขอรับอาหาร  
แต่การจะหาผ้ามาทำเป็นสบงจีวรนุ่งห่มนั้นค่อนข้างยาก  
ดังนั้นเมื่อมีคนตายญาติจะนำศพห่อผ้าขาวแล้วนำไปทิ้งไว้ในป่า
พระภิกษุจะไปชักผ้าขาวที่ใช้ห่อศพมาซัก
และย้อมสีจากเปลือกไม้เพื่อใช้ห่มใช้ครอง  
ก่อนการชักผ้าจากศพจึงต้องปลงกรรมฐานก่อน  
แต่ปัจจุบันข้าวของเครื่องใช้สำหรับพระภิกษุหาง่าย  
ในพิธีต่าง ๆ รวมทั้งพิธีศพเจ้าภาพจึงจัดเตรียมผ้าบังสุกุลไว้
เพื่อทอดผ้าบังสุกุลให้แก่พระภิกษุที่มาทำพิธี  
กิริยาที่พระภิกษุชักผ้าบังสุกุลเรียกว่า ชักบังสุกุล มิใช่ ชักผ้าบังสุกุล  
คำว่า บังสุกุล นี้ มีผู้ใช้เป็นภาษาปากว่า บังสกุล  ซึ่งก็ไม่ผิด

ที่มา  https://bit.ly/2DT1gj0








คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Rwanda: Children of genocide grapple with horrors of past | DW News




คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
38.000 Ears and Noses lay Buried here Mimizuka




แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่