สวัสดีคะ วันนี้เจ้าของกระทู้มาตั้งกระทู้เพื่อแชร์วิธีบำบัดโรคซึมเศร้าด้วยตัวเองกันคะ เแต่ขอเบรกไว้ก่อนนะคะว่าเราไม่ใช่หมอหรือผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เราก็เป็นแค่คนที่พบเจอเหตุการณ์ฝังใจ สะเทือนใจจนนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้า ของเราถ้าแบ่งเป็นระดับจะอยู่ในระดับ 1-2 ของเรามีหลายอย่างที่ทำให้เป็นโรคนี้ ความจริงเราเป็นสะสมมานานแล้วโดยที่เราไม่รู้ตัวเพิ่งได้มารู้ตัวช่วงกลางปีที่ผ่านมาเพราะเจอเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างหนักทำให้อาการที่เก็บไว้ค่อยๆเห็นชัดขึ้นเราขอไม่ลงลึกในสาเหตุของเรามาก ซึ่งความหนักเบาของเหตุการณ์ที่แต่ละคนที่เจอไม่เท่ากัน เราจะยกตัวอย่างหนึ่งในสาเหตุที่เราเป็นละกัน นั่นคือเราโดนคนรอบข้างล้อและเหยียดเรื่องหน้าตา ทำให้เราไม่กล้าออกจากบ้าน ผลข้างเคียงที่ส่งผลคือ ไม่ชอบการเข้าสังคม เวลาเดินจะไม่กล้ามองหน้าคนเพราะความกลัวว่าโดนทักเรื่องหน้าตาอีก ไม่มั่นใจ เพราะโดนเหยียดเรื่องหน้าตาทำให้คนรอบข้างมองข้ามเหมือนไม่มีตัวตน ไม่มีใครสนใจ พอสนิทกับใครจะเริ่มยึดติด โหยหาความอบอุ่น บางทีก็เหมือนเรียกร้องความสนใจ แต่ตอนนี้เริ่มค่อยๆปรับค่อยๆเปลี่ยนทีละอย่างๆ ที่เราเลือกใช้คำว่าบำบัดแทนการรักษาเพราะอย่างที่บอกไปว่าเราไม่ใช่หมอหรือผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เข้าวิธีบำบัดที่เราใช้กันเลยดีกว่า
1.พึ่งธรรมะ
หลายคนคิดว่าวิธีนี้จะช่วยได้จริงเหรอ มันก็แล้วแต่คนด้วยนะเพราะบางทีถ้าเราไม่รับ ปิดกั้นทุกอย่างก็เปล่าประโยชน์ ลองเปิดใจสักครั้ง ถ้าใครมีเวลาว่างลองไปปฏิบัติธรรมดู หรือใครที่ไม่ค่อยมีเวลาลองหัดอ่านหรือฟังคลิปธรรมะดูเจะทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น มองอะไรได้กว้างขึ้น เลิกยึดติด เลิกคาดหวัง อะไรควรปล่อยวางก็ควรปล่อย ลองหัดสวดมนตร์แผ่เมตตาให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เหตุการณ์หรือปัญหาอุปสรรคที่แบกรับหรือพบเจออยู่จะได้เบาบางลง เราเชื่อว่าที่หลุดพ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ส่วนหนึ่งก็มาจากการสวดมนตร์
2. 4 เลิก
เพราะคนสมัยนี้เริ่มอินเริ่มเสพสิ่งต่างๆผ่านโซเชียลโดยที่เราไม่รู้ว่าสิ่งที่รับมานั้นสามารถส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิด จิตใจ อารมณ์ ลองเลิกอ่าน เลิกฟัง เลิกเสพเดราม่าต่างๆไม่ต้องอินเทรนด์กับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมแค่เพราะกลัวว่าจะไม่ทันกระแสหรือไม่มีเรื่องไปคุยกับคนอื่น ลองค่อยๆตัดขาดโซเชียล ค่อยๆปิดการรับรู้ช่องทางที่ทำให้เราเห็นแต่เรื่องแย่ๆ และเลิกพูดเรื่องแย่ๆหรือเรื่องที่พูดแล้วไร้ประโยชน์
3.อยู่กับธรรมชาติ
จากข้อ 2 เมื่อเริ่มเลิกตัดขาดดราม่าได้ก็จงหาเวลาให้ตัวเอง พาตัวเองไปอยู่กับธรรมชาติปล่อยวางความคิดความรู้สึกทุกอย่าง โฟกัสอยู่กับสิ่งที่เห็น พาตัวเองไปเที่ยวในที่ใหม่ๆสังคมใหม่ๆ หรือที่ที่ใครไม่รู้จักเรา
4.ให้โอกาสตัวเอง
ให้โอกาสตัวเองได้ลองเรียนรู้หรือทำอะไรใหม่ๆที่ไม่เคยทำ อย่าพยายามขังตัวเองไว้กับห้องสีเหลี่ยม ทุกครั้งที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มดาวน์ให้รีบหาอะไรทำ เราเข้าใจว่าอารมณ์เวลาดาวน์ว่าเป็นยังไง เพราะตอนนี้บางทีเราก็ยังทางฮีลตัวเองอยู่เหมือนกัน
5.เลิกยึดติด เลิกคาดหวัง
อย่าเอาชีวิต ความรู้สึก คำสัญญาต่างๆมาทำให้เราต้องยึดติดจนไม่ยอมปล่อยวาง เลิกคาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่คิด
6.เวลาว่าง
ช่วงเวลาว่างๆก็ลองหยิบหนังสือดีๆสักเล่มมาลองอ่าน เช่น หนังสือกำลังใจ คำคมชีวิต อ่านแล้วลองคิดตามกระตุ้นสมองให้ได้คิดอย่างอื่นดีกว่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกต่างๆ
7. ดูคลิปสารคดีสัตว์ หรือคลิปตลก
เพราะเราเชื่อว่าความน่ารักของสัตว์จะช่วยบำบัดความเศร้าได้ในระดับนึงอย่างน้อยก็ช่วงเวลานึงก็ยังดีหรือดูคลิปตลกๆให้ผ่อนคลายความรู้สึก
สำหรับที่เรากล่าวมาอาจจะช่วยได้เบื้องต้นทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้รับว่าจะนำไปปรับใช้ได้มากแค่ไหนและทางที่ดีถ้ารู้ว่าตัวเองเริ่มมีอาการแย่เราแนะนำให้พบหมอหรือผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ส่วนเราเองเวลาอารมณ์ดิ่งลงเหวก็จะพยายามฮีลตัวเองไม่ให้ไปจมกับสิ่งเหล่านั้นนานๆ อาการของเราก็ยังมีออกอยู่บ้างเมื่ออยู่คนเดียวเช่นตอนนี้ที่ตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าจนตอนนี้ยังไม่รู้สึกง่วง มันทรมานนะเวลานอนไม่หลับ ยังไงเราก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวพ้นโรคนี้ไปให้ได้นะคะ
วิธีบำบัดโรคซึมเศร้าด้วยตัวเอง
1.พึ่งธรรมะ
หลายคนคิดว่าวิธีนี้จะช่วยได้จริงเหรอ มันก็แล้วแต่คนด้วยนะเพราะบางทีถ้าเราไม่รับ ปิดกั้นทุกอย่างก็เปล่าประโยชน์ ลองเปิดใจสักครั้ง ถ้าใครมีเวลาว่างลองไปปฏิบัติธรรมดู หรือใครที่ไม่ค่อยมีเวลาลองหัดอ่านหรือฟังคลิปธรรมะดูเจะทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น มองอะไรได้กว้างขึ้น เลิกยึดติด เลิกคาดหวัง อะไรควรปล่อยวางก็ควรปล่อย ลองหัดสวดมนตร์แผ่เมตตาให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เหตุการณ์หรือปัญหาอุปสรรคที่แบกรับหรือพบเจออยู่จะได้เบาบางลง เราเชื่อว่าที่หลุดพ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ส่วนหนึ่งก็มาจากการสวดมนตร์
2. 4 เลิก
เพราะคนสมัยนี้เริ่มอินเริ่มเสพสิ่งต่างๆผ่านโซเชียลโดยที่เราไม่รู้ว่าสิ่งที่รับมานั้นสามารถส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิด จิตใจ อารมณ์ ลองเลิกอ่าน เลิกฟัง เลิกเสพเดราม่าต่างๆไม่ต้องอินเทรนด์กับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมแค่เพราะกลัวว่าจะไม่ทันกระแสหรือไม่มีเรื่องไปคุยกับคนอื่น ลองค่อยๆตัดขาดโซเชียล ค่อยๆปิดการรับรู้ช่องทางที่ทำให้เราเห็นแต่เรื่องแย่ๆ และเลิกพูดเรื่องแย่ๆหรือเรื่องที่พูดแล้วไร้ประโยชน์
3.อยู่กับธรรมชาติ
จากข้อ 2 เมื่อเริ่มเลิกตัดขาดดราม่าได้ก็จงหาเวลาให้ตัวเอง พาตัวเองไปอยู่กับธรรมชาติปล่อยวางความคิดความรู้สึกทุกอย่าง โฟกัสอยู่กับสิ่งที่เห็น พาตัวเองไปเที่ยวในที่ใหม่ๆสังคมใหม่ๆ หรือที่ที่ใครไม่รู้จักเรา
4.ให้โอกาสตัวเอง
ให้โอกาสตัวเองได้ลองเรียนรู้หรือทำอะไรใหม่ๆที่ไม่เคยทำ อย่าพยายามขังตัวเองไว้กับห้องสีเหลี่ยม ทุกครั้งที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มดาวน์ให้รีบหาอะไรทำ เราเข้าใจว่าอารมณ์เวลาดาวน์ว่าเป็นยังไง เพราะตอนนี้บางทีเราก็ยังทางฮีลตัวเองอยู่เหมือนกัน
5.เลิกยึดติด เลิกคาดหวัง
อย่าเอาชีวิต ความรู้สึก คำสัญญาต่างๆมาทำให้เราต้องยึดติดจนไม่ยอมปล่อยวาง เลิกคาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่คิด
6.เวลาว่าง
ช่วงเวลาว่างๆก็ลองหยิบหนังสือดีๆสักเล่มมาลองอ่าน เช่น หนังสือกำลังใจ คำคมชีวิต อ่านแล้วลองคิดตามกระตุ้นสมองให้ได้คิดอย่างอื่นดีกว่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกต่างๆ
7. ดูคลิปสารคดีสัตว์ หรือคลิปตลก
เพราะเราเชื่อว่าความน่ารักของสัตว์จะช่วยบำบัดความเศร้าได้ในระดับนึงอย่างน้อยก็ช่วงเวลานึงก็ยังดีหรือดูคลิปตลกๆให้ผ่อนคลายความรู้สึก
สำหรับที่เรากล่าวมาอาจจะช่วยได้เบื้องต้นทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้รับว่าจะนำไปปรับใช้ได้มากแค่ไหนและทางที่ดีถ้ารู้ว่าตัวเองเริ่มมีอาการแย่เราแนะนำให้พบหมอหรือผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ส่วนเราเองเวลาอารมณ์ดิ่งลงเหวก็จะพยายามฮีลตัวเองไม่ให้ไปจมกับสิ่งเหล่านั้นนานๆ อาการของเราก็ยังมีออกอยู่บ้างเมื่ออยู่คนเดียวเช่นตอนนี้ที่ตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าจนตอนนี้ยังไม่รู้สึกง่วง มันทรมานนะเวลานอนไม่หลับ ยังไงเราก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวพ้นโรคนี้ไปให้ได้นะคะ