หลายคนวางแผนชีวิตหลังเกษียณ โดยการเก็บออมเงินไว้กับธนาคารเพื่อใช้ในช่วงบั้นปลายชีวิต แต่เราจะรู้กันบ้างไหมคะว่าบรรดาข้าราชการและพนักงานเอกชนทั่วไป หลังเกษียณอายุงาน หรือเกษียณอายุราชการแล้ว จะได้รับเงินอะไร จากที่ไหนบ้าง
เงินบำเหน็จ บำนาญ ข้าราชการ
สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงคงไม่พ้นเงินบำเหน็จ บำนาญ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพนักงานราชการทุกคนล้วนแต่รอคอยเงินก้อนใหญ่อย่างเงินบำเหน็จ หรือเงินบำนาญรายเดือนที่จะได้รับอย่างสม่ำเสมอไปจนกว่าจะเสียชีวิต แล้วเงินบำเหน็จกับเงินบำนาญมีความแตกต่างกันอย่างไร
1. เงินบำเหน็จ เป็นเงินก้อนใหญ่ที่รัฐจะจ่ายให้ข้าราชการที่อายุครบ 60 ปี โดยจะมีวิธีการคำนวณ 2 แบบ คือ
• ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิก กบข. จะคิดจากฐานเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย คูณด้วยอายุราชการ ทำงานมากี่ปีก็คูณเข้าไป เช่น ทำงานมา 30 ปี เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 25,000 บาท ก็เอา 25,000 X 30 = 750,000 บาท คือเงินบำเหน็จที่เราจะได้
• ผู้ที่ไม่เป็นสมาชิก กบข. จะคิดจากฐานเงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณด้วยอายุราชการ เช่น ทำงานมา 30 ปี เงินเดือน เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 28,000 บาท ก็เอา 28,000 X 30 = 840,000 บาท คือเงินบำเหน็จที่เราจะได้รับ
2. เงินบำนาญ จะถูกแบ่งจ่ายเป็นรายเดือน เดือนละเท่า ๆ กัน โดยจะมีวิธีการคำนวณ 2 แบบ เช่นเดียวกันกันเงินบำเหน็จ คือ
• ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิก กบข. จะคิดจากฐานเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย คูณด้วยอายุราชการ หารด้วย 50 เช่น ทำงานมา 30 ปี เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 25,000 บาท ก็เอา (25,000 X 30)÷ 50 = 15,000 บาท คือเงินบำนาญที่เราจะได้ในทุก เดือน
• ผู้ที่ไม่เป็นสมาชิก กบข. จะคิดจากฐานเงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณด้วยอายุราชการ เช่น ทำงานมา 30 ปี เงินเดือน เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 28,000 บาท ก็เอา (28,000 X 30)÷ 50 = 16,800 บาท คือเงินบำเหน็จที่เราจะได้รับในทุก ๆ เดือน
เงินบำเหน็จ บำนาญประกันสังคม
หากข้าราชการมีเงินบำเหน็จ บำนาญจากรัฐบาล เหล่าพนักงานเอกชนเองก็มีเงินบำเหน็จ บำนาญเช่นกันค่ะ โดยเงินส่วนนี้จะมาจากกองทุนประกันสังคมที่เราจ่ายทุกเดือน ร่วมกับเงินสมทบของนายจ้างในอัตราเท่ากัน โดยจะมีเกณฑ์การจ่ายเงินต่างจากเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการ คือ
1. เงินบำเหน็จประกันสังคม จะจ่ายให้สำหรับผู้ที่ส่งเงินสมทบ 1-179 เดือน จะได้รับเงินเกษียณในรูปแบบของเงินบำเหน็จหรือเงินเบ็ดเสร็จก้อนเดียว โดยจะได้รับเงินในส่วนของเงินสมทบที่จ่ายเอง เงินสมทบในส่วนของนายจ้าง และผลประโยชน์ตอบแทนจากกองทุน
2. เงินบำนาญประกันสังคม สำหรับผู้ที่ส่งเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือนขึ้นไป โดยจะได้รับเงิน คืนมาในรูปแบบของเงินบำนาญรายเดือน โดยมีวิธีการคำนวณจากเงินเดือนเฉลี่ย 60 สุดท้าย คูณ 20% คือเงินบำนาญที่จะได้รับในทุก ๆ เดือน
เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และ เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือพนักงานเอกชน จะได้รับเงินจากกองทุนที่เราจ่ายเงินสมทบในทุก ๆ เดือน โดยในส่วนของข้าราชการจะได้รับเงินจาก กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ส่วนพนักงานเอกชนจะได้รับเงินจาก กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยทั้งสองกองทุนนี้จะมีลักษณะการจ่ายเงินสมทบคล้ายกัน โดยตัวพนักงานและข้าราชการเองจะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนไม่น้อยกว่า 3% ในทุก ๆ เดือน และในส่วนของนายจ้างหรือรัฐบาลก็จะมีการจ่ายเงินสมทบในอัตราที่เท่ากัน เพื่อเป็นหลักประกันว่าเมื่อพนักงานหรือข้าราชการเกษียณอายุ หรือลาออกจากกองทุนแล้วจะได้รับเงินก้อนไว้ใช้ในวัยเกษียณอย่างแน่นอน
นอกจากเงินบำเหน็จ บำนาญ จากรัฐบาล , กองทุน กบข. , ประกันสังคม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แล้ว เรายังมีเงินได้ส่วนอื่น ๆ ที่เราตระเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าก่อนเกษียณอายุราชการด้วยตนเอง ซึ่งมีหลากหลายช่องทางให้เราเลือกว่าจะมีการเตรียมการรับมือกับค่าใช้จ่ายในวัยเกษียณอย่างไรบ้าง
เงินจากการทำประกันสะสมทรัพย์
หลายคนได้วางแผนเกษียณให้กับตัวเองด้วยการทำประกันสะสมทรัพย์ ทั้งในแบบที่มีเงินปันผลรายปี และแบบที่ไม่มีเงินปันผล โดยส่วนใหญ่แล้วประกันแบบสะสมทรัพย์จะเป็นการออมระยะยาว โดยให้ผลตอบแทนในระดับปานกลาง และมีความเสี่ยงต่ำ เป็นการวางแผนเพื่อการเกษียณในระยะยาวโดยมีการจ่ายเงินคืนในรูปแบบของเงินก้อน และจ่ายคืนให้เป็นรายปีตั้งแต่อายุ 60 ปีเป็นต้นไป คล้ายกับเงินบำเหน็จ บำนาญ
เงินจากกองทุนระยะยาว
ก่อนเกษียณหลายคนได้วางแผนเตรียมเงินเกษียณเพิ่มเติมโดยการซื้อกองทุนระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นกองทุน LTF หรือลงทุนในพันธบัตรต่าง ๆ ซึ่งมีระดับความเสี่ยงไม่มาก ให้ผลตอบแทนในระดับกลาง และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีรายปีได้ โดยมีเงื่อนไขว่าเราสามารถนำเงินไปลงทุนในกองทุนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ และจะต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 7 ปีปฏิทิน ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะนำเงินออกมาเมื่อครบ 7 ปีทันที หรือจะถือครองเกินกว่า 7 ปี เพื่อรับผลตอบแทนรายปีเพิ่มก็ได้
เงินจากการลงทุนทำธุรกิจ
หลายคนวางแผนการเตรียมเงินหลังเกษียณโดยการสร้างธุรกิจควบคู่ไปกับงานประจำตั้งแต่แรก ซึ่งรายได้ที่ได้มาจากการทำธุรกิจนี้เองที่จะนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน และเพื่อการเก็บออมไว้ใช้ในยามเกษียณ และแม้จะเกษียณอายุงานหรืออายุราชการไปแล้วธุรกิจของเราก็ยังคงทำเงินได้อย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ ที่ค่อนข้างมีความมั่นคงในเรื่องของรายได้ และสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงก่อร่างสร้างตัวก่อนถึงวัยเกษียณ หรือในช่วงหลังเกษียณอายุการทำงานออกมาแล้ว เช่น เดอะวอฟเฟิล ที่มีระบบการบริหารไม่ยุ่งยาก มีกรรมวิธีการทำไม่ยาก ขายง่ายสร้างรายได้เข้ากระเป๋าได้เรื่อย ๆ
หากเรามีการวางแผนทางการเงินที่ดี เมื่อถึงคราวที่เราต้องเกษียณอายุการทำงาน รับรองได้ว่าชีวิตหลังเกษียณของเราจะไม่ลำบากแน่นอนค่ะ เพราะนอกจากเราจะได้รับเงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญต่าง ๆ ที่เราควรได้รับอยู่แล้ว การวางแผนอนาคตให้กับตนเอง อย่างการลงทุนทำธุรกิจ การทำประกันสะสมทรัพย์ และการลงทุนในหน่วยลงทุนต่าง ๆก็จะช่วยให้ชีวิตหลังเกษียณของเรามีความมั่นคงและมั่งคั่งมากยิ่งขึ้น
หากวันนี้เรารอแค่เงินเกษียณจากรัฐบาลหรือจากกองทุนเพียงอย่างเดียว เราอาจจะใช้ชีวิตในวัยเกษียณได้ตามอัตภาพ แต่จะดีกว่าไหม หากเราสามารถใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างสุขสบายโดยการวางแผนทางการเงินล่วงหน้าด้วยตนเอง ในวันนี้เรายังพร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ และกำลังทรัพย์ ควรเริ่มวางแผนทางการเงินเพื่ออนาคตหลังเกษียณที่สุขสบายตั้งแต่วันนี้นะคะ
สนใจร่วมในความสำเร็จของเรา
Website :
https://bit.ly/2GSNlwL
Youtube :
https://bit.ly/2RXdWd0
Line :
http://nav.cx/aBAtyNI
Mobile: 081 351 3138 / 082 650 8866
Tel. 02 748 6410 - 11
E - Mail : thewaffle@thewafflesupply.com
หลังเกษียณได้เงินอะไรบ้าง
เงินบำเหน็จ บำนาญ ข้าราชการ
สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงคงไม่พ้นเงินบำเหน็จ บำนาญ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพนักงานราชการทุกคนล้วนแต่รอคอยเงินก้อนใหญ่อย่างเงินบำเหน็จ หรือเงินบำนาญรายเดือนที่จะได้รับอย่างสม่ำเสมอไปจนกว่าจะเสียชีวิต แล้วเงินบำเหน็จกับเงินบำนาญมีความแตกต่างกันอย่างไร
1. เงินบำเหน็จ เป็นเงินก้อนใหญ่ที่รัฐจะจ่ายให้ข้าราชการที่อายุครบ 60 ปี โดยจะมีวิธีการคำนวณ 2 แบบ คือ
• ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิก กบข. จะคิดจากฐานเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย คูณด้วยอายุราชการ ทำงานมากี่ปีก็คูณเข้าไป เช่น ทำงานมา 30 ปี เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 25,000 บาท ก็เอา 25,000 X 30 = 750,000 บาท คือเงินบำเหน็จที่เราจะได้
• ผู้ที่ไม่เป็นสมาชิก กบข. จะคิดจากฐานเงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณด้วยอายุราชการ เช่น ทำงานมา 30 ปี เงินเดือน เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 28,000 บาท ก็เอา 28,000 X 30 = 840,000 บาท คือเงินบำเหน็จที่เราจะได้รับ
2. เงินบำนาญ จะถูกแบ่งจ่ายเป็นรายเดือน เดือนละเท่า ๆ กัน โดยจะมีวิธีการคำนวณ 2 แบบ เช่นเดียวกันกันเงินบำเหน็จ คือ
• ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิก กบข. จะคิดจากฐานเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย คูณด้วยอายุราชการ หารด้วย 50 เช่น ทำงานมา 30 ปี เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 25,000 บาท ก็เอา (25,000 X 30)÷ 50 = 15,000 บาท คือเงินบำนาญที่เราจะได้ในทุก เดือน
• ผู้ที่ไม่เป็นสมาชิก กบข. จะคิดจากฐานเงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณด้วยอายุราชการ เช่น ทำงานมา 30 ปี เงินเดือน เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 28,000 บาท ก็เอา (28,000 X 30)÷ 50 = 16,800 บาท คือเงินบำเหน็จที่เราจะได้รับในทุก ๆ เดือน
เงินบำเหน็จ บำนาญประกันสังคม
หากข้าราชการมีเงินบำเหน็จ บำนาญจากรัฐบาล เหล่าพนักงานเอกชนเองก็มีเงินบำเหน็จ บำนาญเช่นกันค่ะ โดยเงินส่วนนี้จะมาจากกองทุนประกันสังคมที่เราจ่ายทุกเดือน ร่วมกับเงินสมทบของนายจ้างในอัตราเท่ากัน โดยจะมีเกณฑ์การจ่ายเงินต่างจากเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการ คือ
1. เงินบำเหน็จประกันสังคม จะจ่ายให้สำหรับผู้ที่ส่งเงินสมทบ 1-179 เดือน จะได้รับเงินเกษียณในรูปแบบของเงินบำเหน็จหรือเงินเบ็ดเสร็จก้อนเดียว โดยจะได้รับเงินในส่วนของเงินสมทบที่จ่ายเอง เงินสมทบในส่วนของนายจ้าง และผลประโยชน์ตอบแทนจากกองทุน
2. เงินบำนาญประกันสังคม สำหรับผู้ที่ส่งเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือนขึ้นไป โดยจะได้รับเงิน คืนมาในรูปแบบของเงินบำนาญรายเดือน โดยมีวิธีการคำนวณจากเงินเดือนเฉลี่ย 60 สุดท้าย คูณ 20% คือเงินบำนาญที่จะได้รับในทุก ๆ เดือน
เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และ เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือพนักงานเอกชน จะได้รับเงินจากกองทุนที่เราจ่ายเงินสมทบในทุก ๆ เดือน โดยในส่วนของข้าราชการจะได้รับเงินจาก กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ส่วนพนักงานเอกชนจะได้รับเงินจาก กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยทั้งสองกองทุนนี้จะมีลักษณะการจ่ายเงินสมทบคล้ายกัน โดยตัวพนักงานและข้าราชการเองจะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนไม่น้อยกว่า 3% ในทุก ๆ เดือน และในส่วนของนายจ้างหรือรัฐบาลก็จะมีการจ่ายเงินสมทบในอัตราที่เท่ากัน เพื่อเป็นหลักประกันว่าเมื่อพนักงานหรือข้าราชการเกษียณอายุ หรือลาออกจากกองทุนแล้วจะได้รับเงินก้อนไว้ใช้ในวัยเกษียณอย่างแน่นอน
นอกจากเงินบำเหน็จ บำนาญ จากรัฐบาล , กองทุน กบข. , ประกันสังคม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แล้ว เรายังมีเงินได้ส่วนอื่น ๆ ที่เราตระเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าก่อนเกษียณอายุราชการด้วยตนเอง ซึ่งมีหลากหลายช่องทางให้เราเลือกว่าจะมีการเตรียมการรับมือกับค่าใช้จ่ายในวัยเกษียณอย่างไรบ้าง
เงินจากการทำประกันสะสมทรัพย์
หลายคนได้วางแผนเกษียณให้กับตัวเองด้วยการทำประกันสะสมทรัพย์ ทั้งในแบบที่มีเงินปันผลรายปี และแบบที่ไม่มีเงินปันผล โดยส่วนใหญ่แล้วประกันแบบสะสมทรัพย์จะเป็นการออมระยะยาว โดยให้ผลตอบแทนในระดับปานกลาง และมีความเสี่ยงต่ำ เป็นการวางแผนเพื่อการเกษียณในระยะยาวโดยมีการจ่ายเงินคืนในรูปแบบของเงินก้อน และจ่ายคืนให้เป็นรายปีตั้งแต่อายุ 60 ปีเป็นต้นไป คล้ายกับเงินบำเหน็จ บำนาญ
เงินจากกองทุนระยะยาว
ก่อนเกษียณหลายคนได้วางแผนเตรียมเงินเกษียณเพิ่มเติมโดยการซื้อกองทุนระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นกองทุน LTF หรือลงทุนในพันธบัตรต่าง ๆ ซึ่งมีระดับความเสี่ยงไม่มาก ให้ผลตอบแทนในระดับกลาง และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีรายปีได้ โดยมีเงื่อนไขว่าเราสามารถนำเงินไปลงทุนในกองทุนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ และจะต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 7 ปีปฏิทิน ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะนำเงินออกมาเมื่อครบ 7 ปีทันที หรือจะถือครองเกินกว่า 7 ปี เพื่อรับผลตอบแทนรายปีเพิ่มก็ได้
เงินจากการลงทุนทำธุรกิจ
หลายคนวางแผนการเตรียมเงินหลังเกษียณโดยการสร้างธุรกิจควบคู่ไปกับงานประจำตั้งแต่แรก ซึ่งรายได้ที่ได้มาจากการทำธุรกิจนี้เองที่จะนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน และเพื่อการเก็บออมไว้ใช้ในยามเกษียณ และแม้จะเกษียณอายุงานหรืออายุราชการไปแล้วธุรกิจของเราก็ยังคงทำเงินได้อย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ ที่ค่อนข้างมีความมั่นคงในเรื่องของรายได้ และสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงก่อร่างสร้างตัวก่อนถึงวัยเกษียณ หรือในช่วงหลังเกษียณอายุการทำงานออกมาแล้ว เช่น เดอะวอฟเฟิล ที่มีระบบการบริหารไม่ยุ่งยาก มีกรรมวิธีการทำไม่ยาก ขายง่ายสร้างรายได้เข้ากระเป๋าได้เรื่อย ๆ
หากเรามีการวางแผนทางการเงินที่ดี เมื่อถึงคราวที่เราต้องเกษียณอายุการทำงาน รับรองได้ว่าชีวิตหลังเกษียณของเราจะไม่ลำบากแน่นอนค่ะ เพราะนอกจากเราจะได้รับเงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญต่าง ๆ ที่เราควรได้รับอยู่แล้ว การวางแผนอนาคตให้กับตนเอง อย่างการลงทุนทำธุรกิจ การทำประกันสะสมทรัพย์ และการลงทุนในหน่วยลงทุนต่าง ๆก็จะช่วยให้ชีวิตหลังเกษียณของเรามีความมั่นคงและมั่งคั่งมากยิ่งขึ้น
หากวันนี้เรารอแค่เงินเกษียณจากรัฐบาลหรือจากกองทุนเพียงอย่างเดียว เราอาจจะใช้ชีวิตในวัยเกษียณได้ตามอัตภาพ แต่จะดีกว่าไหม หากเราสามารถใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างสุขสบายโดยการวางแผนทางการเงินล่วงหน้าด้วยตนเอง ในวันนี้เรายังพร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ และกำลังทรัพย์ ควรเริ่มวางแผนทางการเงินเพื่ออนาคตหลังเกษียณที่สุขสบายตั้งแต่วันนี้นะคะ
สนใจร่วมในความสำเร็จของเรา
Website : https://bit.ly/2GSNlwL
Youtube : https://bit.ly/2RXdWd0
Line : http://nav.cx/aBAtyNI
Mobile: 081 351 3138 / 082 650 8866
Tel. 02 748 6410 - 11
E - Mail : thewaffle@thewafflesupply.com