[CR] นักเดินทาง บันทึก: 4วัน 3 คืน ครั้งแรกมอเตอร์ไซค์ลุยเดี่ยว เที่ยวผิดแผน (อ่างขาง - เชียงดาว - ห้วยน้ำดัง - ปาย )

ที่ไปที่มาของการเดินทางทริปนี้คือ ผมอยากไปนั่งดื่มด่ำบรรยากาศการนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น 
นั่งดูพระอาทิตย์ตก
อยากไปดูทะเลหมอก 
อยากไปสัมผัสอากาศเย็นบนยอดดอย 
ด้วยเงินค่อนข้างน้อย แต่ผมมีเวลา 4วัน3คืน (ถ้าจัดการดีๆเผลอๆได้ถึง5วัน 4คืน)
เลยหาข้อมูลว่าที่ไหนน่าจะเหมาะ ตอนแรกคิดว่าจะไปนั่งดูวิวแถวบ้านระเบียงดาว 
แต่ก็คิดว่าถ้าไปนั่งชมวิวที่บ้านระเบียงดาวอย่างเดียวมันคงไม่ค่อยแมทช์กับเวลาที่มีสักเท่าไหร่ 
เลยหาข้อมูลก็ได้ คำตอบครับว่า ไหนๆก็ไหนๆละ ไป ดอยอ่างขางเลยละกัน

เอาดิวะ!                    เอาดิวะ !                 เอาดิวะ !
เพี้ยนไฟลุกเพี้ยนสู้สู้เพี้ยนไฟลุก

พอตัดสินใจจะไปก็มาสำรวจตัวเองว่าพร้อมแค่ไหนกันเนี่ยกับการเดินทางไกล 
เพราะในชีวิตผมไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์ ระยะไกล ร่วมๆ 200 กิโลเมตรเลย 
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตแถมรถมอเตอร์ไซค์ผมก็คือ tiger retro sport type a
มอเตอร์ไซค์ทรงคลาสสิค สี่เกียร์ ดัมพ์เบรกหน้าหลัง เป็นมอเตอร์ไซค์ 110 ซีซี 
ที่ขับมา 5 ปีไม่เคยบิดเกิน 100 เลย และไม่รู้ว่ามันจะบิดถึงไหม



นี่คือครั้งแรกกับการเดินทางแบบนี้
มันเลยเกิดความกลัวและคำถามต่างๆ นาๆตามมาครับ 
ว่าจะไปดีไหม
อยู่บ้านเฉยๆดีกว่าไหม
 เสี่ยงไปไหม
นานางงในงง
 
ในระหว่างที่ชั่งใจจะไปไม่ไปดี
 รู้ตัวอีกทีก็เขียนใบลาพักร้อนไปแล้ว ก็คงไม่พ้นต้องแพ็คกระเป๋าแหละครับ
ระหว่างที่แพ็คกระเป๋ารู้สึกเหมือนกะเป๋าเดินทาง กล้องถ่ายรูป 
มันดี้ด้าใหญ่ ว่าจะได้ทำงานแล้วเว้ย เพราะปกติจะนอนฝุ่นเขรอะอยู่ซอกใดซอกหนึ่งของห้อง


คืนก่อนเดินทางมีบอล คู่เวียดนาม ไทย ผมเลยออกไปดริ้งแดร้งดรั้ง นิดหน่อยครับ
 กลับมาเกือบๆเที่ยงคืนกว่าจะนอน ก็ปาไปตีหนึ่ง
แถมตื่นมาตอนตีห้าเกือบหกโมงเพราะหิวน้ำ แล้วก็พบว่าตัวเองเมาค้างอีก 
เลยสงสัยตัวเองว่าจะรอดไหม กับการขับมอเตอร์ไซค์ร่วมๆ 200 กิโลเมตร
เพี้ยนชนแก้วเพี้ยนนักทดลอง
ผมออกเดินทางตอนแปดโมงกว่า
ผ่านถนน 3029 เส้นวงแหวนรอบสอง แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้น 107 เส้นแม่ริม- เชียงดาว
ด้วยความที่รถไม่แรง แถมคนขับเมาค้าง เลยต้องค่อยๆไปเป็นรถหวานเย็น  ผมวางแผนไว้ว่า
จะหยุดพักรถ กับพักคน ทุกๆระยะ 70 กิโลเมตร ตอนแรกตั้งใจจะขับเส้น 107 แล้วต่อเส้น 
1249 ขึ้นดอยอ่างขาง แต่พอถึงเวลาจริงๆ ดันขับไปเส้นหมู่บ้านอรุโณทัยแทน
ซึ่งก็ถือว่าดีครับเพราะ ทางไม่โหดนัก ถนนโล่งจัดๆ แต่เสียอย่างเดียวบางช่วงถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ


พอขับผ่านบ้านอรุโณทัย ก็นึกว่าตัวเองอยู่ในเมืองจีนครับ บ้านช่องมีตัวอักษรจีนเต็มไปหมด 
ขับมาเรื่อยไป ความชันก็เพิ่มขึ้นตามระยะทางครับ เหลืออีก 30 กิโลจะถึงที่พัก 
ผมเลยแวะพักตรงจุดชมวิวหมู่บ้านผาแดง นั่งกินอะโวคาโด้ราดน้ำผึ้งราคา ถ้วยละ 20 บาทถูกมากๆ
 แล้วก็อร่อยมากๆความหอมมันของอะโวคาโด้ผสมกับรสชาติหวานหอมอมเปรี้ยวนิดๆของน้ำผึ้งเข้ากันสุดๆครับ


พอเข้า20กิโลเมตรสุดท้ายนี่มันส์ค๊อดๆครับ สลับเกียร์ 2 3 เป็นว่าเล่น
 เกรงแขนเกรงตัวเกือบตลอดทางแต่พอมาถึง ลานกางเต็นท์ตรงจุดชมวิวม่อนสน 
(12.30น. รวมเวลาขับมอเตอร์ไซค์ ประมาณ 4.30 ชั่วโมง )แล้วคุ้มกับวิวที่เห็นครับ
อากาศเย็นสบายอุณหภูมิน่าจะประมาณ20 นิดๆ ลมพัดเอื่อยๆ สูดหายใจได้เต็มปอดสักที


วันนี้วันพุธคนไม่มากนัก เต็นท์เลยว่างเยอะครับ บ่ายโมงทำการจองเต็นท์ 
แล้วก็ ได้ ประทับตราอุทยานแรกครับ (จริงๆก็ไปมาหลายอุทยาน แต่พึ่งได้ใช้)


บ่ายโมงครึ่ง ก็ขับรถลงจากจุดกางเต็นท์ เพื่อลงไปสถานีเกษตรอ่างขาง
ช่วงที่ผมมาดอกซากุระยังไม่บานแต่โดยรวมก็สวยยุนะครับ ขับรถ +เดินเล่น 


ประมาณ บ่ายสามก็กลับขึ้นมาจุดกางเต็นท์ พอเริ่มเย็นคนเริ่มเยอะขึ้น แต่แม่ค้าบ่นครับว่าคนน้อย
เห็นคนเขามาเป็นคู่บ้าง  เป็นกลุ่มบ้างมาเป็นครอบครัวบ้าง แต่ผมมาคนเดียวแอบเหงาหน่อยๆ 
พอเริ่มค่ำ แต่ละเต็นท์ก็เริ่มสั่งหมูกระทะมากิน ไอ้เรามาคนเดียวจะหารกล้าสั่งมากินคนเดียวก็ไม่กล้าเบอร์นั้น
 เลยสั่งข้าวคะน้าหมูกรอบ กับ ชาเขียวเฮียตัน เอาไว้จิบแก้เหงา (ตามกฏของอุทยานฯห้ามดื่มแอลนะครับ)
 พอพระอาทิตย์เริ่มตก ความมืดและความหนาวเย็นก็เข้ามาแทนที่ทีละน้อยๆ และที่ลานกางเต็นท์ม่อนสนนี้ 


ตอนมืดเราพอมองไปในตัวเมืองเราก็จะเห็นทะเลหลอดไฟเหมือนหิ่งห้อยนับล้านตัวส่งแสงระยิบระยับอยู่ด้านล่าง
กลุ่มแสงสีส้มที่เป็นแนวยาวไม่ใช่ทางช้างเผือก แต่เป็นทางรถวิ่งของถนนเส้น107  
พอเงยหน้าให้สูงขึ้น ทางช้างเผือกของจริงก็อยู่บนฟ้า เราก็เห็นดาวนับล้านส่องแสงพร่างพราวสกาวฟ้า 
สวยงาม เป็นที่สุด อยากให้ทุกคนมาสัมผัส เพราะมุมมองแบบนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ 


เสียดายด้วยข้อจำกัดของกล้องและความอ่อนด้อยของผมเองทำให้ไม่สามารถนำภาพความงามนี้มาให้ทุกคนเห็นได้
ด้วยฝีมือตนเองรูปที่เห็นข้างบนนี้คือรูปที่ผมก๊อปมานะครับ 
เพี้ยนสะอื้น
พอเริ่มมืดเราเห็นดาว ใจก็เผลอคิดถึงอดีตครับ ในอดีตสมัยเด็กที่นอนดูดาวแล้ว 
คนเฒ่าคนแก่เล่านิทานเรื่องดาวลูกไก่ ที่ลูกไก่กระโดดลงหม้อตามแม่ไก่ จนอดสงสารแม่ไก่กับลูกไก่ไม่ได้ 
พอเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นก็ได้อ่านตำนานกลุ่มดาวแอนโดรเมด้า แล้วลุ้นไปกับตำนานปกรณัมเทพกรีกโบราณ
 ที่เพอซีอุส ต้องออกไปตัดหัวเมดูซ่าเพื่อมาช่วยเจ้าหญิงแอนโดรเมด้า
 เพื่อหญิงอันเป็นที่รักแล้วเขาถึงขั้นเสี่ยงตายแค่ไหนก็ไม่ยอมแพ้ พลังแห่งรักช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน

เรื่องเหล่านี้สมัยเด็กมันเป็นนิยายชวนฝัน พอโตมาเราก็มัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน 
พอมานึกว่าครั้งสุดท้ายที่ปล่อยให้ตัวเองล่องลอยไปกับการจินตนาการไปพร้อมกับ
การแหงนหน้าดูดาวมันเมื่อไหร่กันนะ ทำไมมันช่างนานเหลือเกิน

นั้นคือส่วนของความฝันแต่ความจริงที่คนมาเที่ยวบนที่สูงต้องผ่านมันไปให้ได้ก็คือ การอาบน้ำ
ซึ่งบอกได้เลยว่าหด หดจนคิดว่าถ้าพรุ่งนี้มันไม่กลับมาเหมือนเดิมเนี่ย 
กุต้องเข้าโรงบาลให้หมอดึงมันกลับออกมาไหม 555 น้ำเย็นเชี่ยๆครับ 
มันเป็นความบันเทิงทรมานที่หลายคนแสวงหา ผมก็เช่นกัน 
มีความสะใจทุกครั้งที่ตักน้ำจากขันราดตัววัดใจกันไปว่าขันต่อไปจะรอดไหม555

สองทุ่มกว่าๆ ถ้าเป็นเวลาปกติที่ห้องพัก ผมก็คงนั่งเล่นโทรศัพท์หรือไม่ก็ดูหนัง 
ดูยูทูปไป แต่เมื่อผมมาถึงที่นี่ ที่ที่เงียบสงบ จะมัวเล่นโทรศัพท์ก็คงไม่เข้าทีเลยมานั่งตรงที่มีไฟ 
เพื่อว่าจะได้อ่านหนังสือฟังดูแล้วน่าหัวเราะเพื่อที่จะได้มีเวลาอ่านหนังสือ 
ผมถึงขั้นต้องพาตัวเองมาไกลขนาดนี้ เพราะช่วงที่ผ่านมาผมไม่มีสมาธิและเวลาที่จะทุ่มไปกับการอ่านหนังสือเลย
 อะไรๆมันเร็ว มันแรง มันร้อนจนเราอยู่ไม่นิ่ง การมาที่นี่อีกสาเหตุหนึ่งก็เพื่อมาหยุดตัวเองทำให้เวลาในตัวเองให้ช้าลง
ใช้ชีวิตช้าๆบ้าง

อากาศตอนกลางคืนหนาวเย็นอุณหภูมิประมาณ 9 - 10 องศาน่าจะได้ ทำเอานอนแทบไม่หลับครับ
ผมตื่นมาอีกครั้งตอนประมาณตีห้าครึ่ง ทะเลหมอกไม่มาตามนัด แต่บรรยากาศยามเช้าก็สวยงาม ลมเย็นๆพัดเอื่อยๆ 

จุดหมายต่อไปของผมคือ คืนนี้ผมจะไปนอนที่จุดชมวิวขอบด้งใกล้หมู่บ้านขอบด้ง กับหมู่บ้านนอแล
กะว่าพอเช้าของอีกวันก็กลับลงอำเภอเชียงดาวนอนเชียงดาวแถวบ้านระเบียงดาวสักหนึ่งคืน 
สายๆก็กลับลำพูนแบบสบายๆ (นั่นคือสิ่งที่คิด แต่ชีวิตจริงมันมีอะไรที่คาดไม่ถึงได้เสมอ ต้องตามมาต่อครับ)
ผมเลยออกมาตั้งแต่เก้าโมงเช้าพอขับไปเรื่อยๆ จนเลยไปถึงชายแดนบ้านนอแล ไม่เจอจุดชมวิวสองจุด ที่google 
บอกว่ากางเต็นท์ได้ ขับจนไปถึงจุดชายแดนบ้านนอแล ก็เลยถามพี่ทหารที่ประจำการที่นั่น 


พี่ทหารเขาก็บอกว่า อ่อเขายกเลิกหมดน้อง เป็นอันว่าคืนนี้ผมไม่มีที่นอนแล้วหละ 
เลยตั้งใจจะไปนอนดูความยิ่งใหญ่ของดอยหลวงเชียงดาวที่บ้านระเบียงดาว
แต่จำได้ว่าก่อนจะถึงทางเข้าเชียงดาว มีอุทยานแห่งชาติผาแดง
เลยทำการแวะเข้าไปประทับตราสักหน่อย เข้าไปก็เจอน้ำตกหินปูนขนาดไม่ใหญ่มาก 
ผมแวะถ่ายรูปเล็กน้อยแล้วก็ ออกมาแวะแช่เท้าที่บ่อน้ำร้อนโป่งอางอีกแป๊บนึงครับ


หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปบ้านระเบียงดาวด้วยความที่เป็นวันธรรมดา(วันพฤหัสบดี)
ผมเลยมั่นใจว่าที่พักเหลือเฟือแน่นอน แต่ก่อนถึงก็ขอแวะวัดถ้ำเชียงดาว
มีคนมาเดินเที่ยวถ้ำกันเยอะครับ ผมเป็นคนกลัวถ้ำครับไม่รู้ทำไม แต่โชคดีที่นักท่องเที่ยวเยอะ
เลยแอบๆทำเนียนเกาะกลุ่มไปกับเขา ภายในถ้ำประดับไฟสวยงาม การเที่ยวมีสองแบบครับ 
คือเดินไปจะถึงพระนอน กับเดินชมถ้ำลับที่ต้องมีไกด์พาไป
 ผมเลือกไปแค่พระนอนเพราะไฟสว่างและก็เนื่องด้วยเวลา
ความสวยงามของถ้ำก็อยู่ที่แสงไฟ มุมมืด มุมสว่าง ความลึกลับ หินงอกหินย้อย รวมกัน
 เป็นส่วนผสมที่ลงตัว คือต้องยืน ณ ตรงจุดนั้น เราจะได้สัมผัสความงามอย่างแท้จริง 
พอเข้าไปถึงมุมที่ประดิษฐานพระนอน ตอนแรกก็คิดว่าคงเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์พอไปถึง
 เป็นพระนอน ที่นอนแบบว่านอนเลยอ่าครับ คือนอนหงายเลย เอ่อไม่เคยเห็นมาก่อน
(เช่นเดียวกันรูปข้างล่างนี้ผมก็อปมาครับ)

 แน่นอนครับผมเข้าไปกราบพระปิดทอง
ท่องนะโม สามจบ ต่อด้วยบท สวดประจำตัวคือ

โสกา วิรัต จิตโตโย 
โสภานะโม สะเทวะเก 
โสกัปปัตเต ปะโมเทนโต 
โสภะวันนัง นะ มามิ หัง
 
" พระพุทธเจ้าพระองค์ใด มีพระจิตคลายจากความโศกแล้ว
 เป็นผู้งดงามในโลกนี้กับทั้งเทวโลก ทรงยังสัตว์ทั้งหลายผู้เศร้าโศกให้หายโศก 
ข้าฯ ขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าผู้มีพระฉวีวรรณงามพระองค์นั้น"

หลายคนที่เคยอ่าน การเดินทางของผมคงเคยสงสัยว่าทำไมผมมักจะสาธยายมนต์บทนี้ บ่อยๆ
มนต์บทนี้ชื่อว่าอะไรและความเชื่อในพุทธคุณของมนต์บทนี้คืออะไร
ผมจะนำมาขยายให้ฟังในกระทู้นี้ละกัน 
มนต์บทนี้เป็นหนึ่งใน พระอิติปิโสรัตนมาลา 108 ครับ 
มีความเชื่อว่าผู้ใดหมั่นท่องสาธยายมนต์บทนี้จะช่วย ปัดเป่า ความทุกข์โศก เศร้าเสียใจไปได้  
เม่าบัลเล่ต์เม่าฝึกจิต

ผมออกจากวัดมาตั้งใจว่าไปถึงบ้านระเบียงดาวประมาณ  บ่ายสาม 
กะว่าจะไปชิมน้ำพริกในตำนาน แล้วก็จิบเบียร์เย็นๆ 
มองดูเมฆเคลื่อนคล้อยผ่านดอยหลวงเชียงดาว
 พร้อมกับแคปชั่นในไอจี #เบียร์หลักร้อยวิวหลักล้าน 
พร้อมกับโพสรูปเบียร์กะวิวดอย ตอนนี้กายหยาบอยู่บนถนน 
แต่กายละเอียดจิบเบียร์ยุบนโฮล์มสเตย์เรียบร้อย 555
เม่าติดดอย
ชื่อสินค้า:   อ่างขาง เชียงดาว ห้วยน้ำดัง ปาย มอเตอร์ไซค์
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่