ตอนสุดท้าย....
*****เป้าหมายวันที่สี่ บ้านแพมบก อ.ปาย – ห้วยน้ำดัง ( แต่สุดท้าย ก็ไม่สามารถเดินทางได้ตามเป้าหมาย )
วันที่ 8 พ.ย.62 เวลา 06.00 น. ผมตื่นขึ้นมา รีบล้างหน้าแปรงฟันทันที เป้าหมายต้องเดินทางไปบ้านแพมบกที่อยู่ลบึกเข้าไปประมาณ 4 กม. ผมจับจักรยานเปล่าๆ แล้วรีบปั่นออกจากที่พัก ถนนปูนพื้นผิวไม่เรียบทำให้ต้องควบคุมจักรยานให้ดี ทางขึ้นเนินบ้างพอให้ออกแรงเรียกเหงื่อซึมๆ ข้างทางเป็นป่าดิบแล้ว บางช่วงมองไปเห็นทิวทัศน์เป็นแนวเขาที่ทอดยาวสวยงาม
มาซักครึ่งทางก็ผ่านน้ำตกแพมบก
ก่อนจะงัดเนินกันอีกลูก เนินนี้ชั้นพอสมควรเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน ก่อนจะไหลมาเรื่อยๆ จนถึงสามแยกก่อนจะเลี้ยวซ้าย
ผมปั่นมาอีกไม่ไกลนัก ก็ถึงสะพานไม้ข้ามลำธารที่จะเข้าหมู่บ้านแพมบก ภาพที่เห็นตรงหน้า มันทำให้ผมหยุดมองด้วยความตลึงงันและเพลิดเพลิน สะพานไม้ไผ่ทอดยาวผ่านทุ่งนาสีเขียว โดยมีฉากหลังเป็นสายหมอกคลอเคลียทิวเขาที่ทอดยาว
มีลำธารน้ำไหลผ่านก้อนหินน้อยใหญ่ ผมเห็นพระสงฆ์กำลังรวมตัวอยู่หน้าวัดเพื่อจะเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ผมรีบเข็นจักรยานขึ้นเนินไปหน้าวัดทันที่ หาที่จอดจักรยานแล้วเข้าไปนั่งยอๆงไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลเสียหน่อยครับ
เสร็จแล้วก็ขอหยุดเวลาด้วยการเดินเล่นบนสะพานไม้ไผ่ เพลิดเพลินกับการชมธรรมชาติอยู่พักใหญ่ๆครับ ที่บ้านแพมบก เป็นหมู่บ้านของชาวไต หรือ ชาวไทยใหญ่ แรงศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อพุทธศาสนา ได้ร่วมมือร่วมใจช่วยกันสร้างสะพานไม้ไผ่หรือที่เรียกกันว่า “สะพานบุญโขกู้โส่” เพื่อให้พระสงฆ์ที่เป็นพระสายปฏิบัติจากวัดห้วยคายคีรี ใช้เดินเข้ามาบิณฑบาตในยังหมู่บ้านครับ
ผมเดินถ่ายรูปเพลินอยู่พักใหญ่ ฝนก็เริ่มลงเม็ดเปาะแปะมาอีกครั้ง เห็นทีคงต้องกลับแล้ว เดี๋ยวฝนจะตกหนักแล้วจะกลับลำบาก
ระหว่างทาง ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ผมรีบปั่นผ่าฝนเพื่อกลับที่พัก “ตกมาเลย ตรูมาตัวเปล่าว้อยยย.. อย่างไรก็ต้องกลับไปอาบน้ำอยู่แล้ว 555++ ”
ณ ที่พักของผม “บ้านดินวิมานดอย” 10 โมงเช้าแล้ว ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด สัมภาระข้าวของต่างๆ ถูกยัดจัดระเบียบเข้ากระเป๋าทัวร์ริ่งหน้า-หลังไว้หมดแล้ว..... รถพร้อม คนพร้อม ล้อรอหมุน แต่ผมก็ยังคงต้องรอเวลาอยู่ในบ้านพักต่อ ในใจก็คิดว่า
ถ้าขืนฝนยังตกไม่หยุดอย่างนี้ การปั่นขึ้นห้วยน้ำดังวันนี้ อาจจะประสบปัญหา
ประมาณ 11 โมงเช้า ฝนยังไม่หยุดเม็ด แต่ก็เบาลงบ้าง ผมเลยตัดสินใจออกจากที่พัก เดินทางต่อทันที ผ่านหมู่บ้านแพมกลาง ผมแวะร้านอาหารตามสั่งในหมู่บ้านเพื่อหาข้าวกินพร้อมซื้อขนมติดไม้ติดมือไว้เป็นเสบียงต่อ ซึ่งแม่ค้าก็เป็นเจ้าของบ้านดินที่ผมพักเมื่อคืนนี้ เรากล่าวทักทายกัน ผมชำระค่าที่พักกับเธอ พร้อมสั่งก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ไม่นานก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่จากแม่ค้าใจดีถูกเสิร์ฟทันที ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้ว เวลาที่ผมปั่นจักรยานทัวร์ริ่งมาตามต่างจังหวัดครั้งใด และเมื่อแวะสั่งอาหารตามสั่งที่ไหนก็ตาม พ่อค้าแม่ค้าจะให้อาหารมาเยอะมาก กินแทบไม่หมดทุกครั้ง นั่นแสดงถึงน้ำใจของคนเราที่ต่อเพื่อนร่วมมนุษย์ด้วยกัน พวกเขาต้องคิดว่าคนปั่นจักรยานมาแบบนี้ ต้องเหนื่อย ต้องหิว ต้องใช้พลังงานเยอะ เลยจัดเต็มให้ทุกครั้ง

ระหว่างที่ผมกินก๋วยเตี๋ยวก็พูดคุยสนทนากับแม่ค้าไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นก็มีชาวบ้านทยอยเข้ามาในร้านเพื่อสั่งอาหารกินกัน พวกชาวบ้านบางคนก็เข้ามา พูดคุย ถามว่ามาจากไหน จะไปไหน แบบนี้กันตลอด ฝนก็ยังคงไม่หยุด แถมตกหนักมาอีก แต่การสนทนาระหว่างผมกับชาวบ้านกลับออกรสขึ้นเรื่อยๆ ไปๆมาๆ ทั้งผมและชาวบ้านกลายเป็นติดฝนกันอยู่ในร้านด้วยกันแล้ว ชาวบ้านหลายคนออกความเห็นว่าการที่ผมจะขึ้นไปห้วยน้ำดังในสภาพอากาศแบบนี้คงลำบาก ที่ อ.ปาย ฝนตกมา 2 วันแล้ว โดยเฉพาะช่วงบ่ายๆ ไปจนถึงมืด ถนนที่จะขึ้นห้วยน้ำดังจะเปียกลื่น รถก็วิ่งกันเยอะ เพราะเป็นถนนหลักที่สัญจรเดินทางจาก อ.ปาย ไปเชียงใหม่ ฟังคำชาวบ้านพูดแล้วทำให้ผมสับสน ว่าจะเอายังไงต่อดี ใจหนึ่งก็คิดว่าผมจะอยู่ อ.ปาย ต่ออีกคืนดีไหม พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ หรือจะถอดกระเป๋าแล้วถอดล้อจักรยานขึ้นรถตู้โดยสารที่ อ.ปายกลับเชียงใหม่ดี เพราะผมมีเวลาจำกัด ผมจองตั๋วรถไปเพื่อเดินทางกลับในวันที่ 10 ไว้เรียบร้อยแล้วด้วย เพราะตามโปรแกรมคืนนี้วันที่ 9 นอนห้วยน้ำดัง เช้าวันพรุ่งนี้(วันที่ 9) ปั่นไปนอนตัวเมืองเชียงใหม่ แล้วบ่ายๆ วันที่ 10 นั่งรถไฟกลับกรุงเทพฯ ....เฮ้อ คิดแล้วสับสนไปหมด

แหงนมองดูท้องฟ้าที่นอกชายคาร้านค้า ฝนเริ่มเบาลง สรุปผมตัดสินใจไปต่อ เอาแบบไปได้แค่ไหนแค่นั้น นอนโรงเรียนกลางดอยก็นอนมาแล้ว
.....ผมตัดสินใจลุยโลด
ผมร่ำลากับชาวบ้านในร้าน ซึ่งทุกคนต่างก็อวยพรให้ผมโชคดี เดินทางปลอดภัย ก่อนออกจากร้านแม่ค้าผู้ใจดีก็ไปเอาเสื้อกันฝนของเธอมาม้วนใส่ถุงส่งมาให้ผม “ ติดตัวไว้เต๊อะ” แถมยังเอายาพาราใส่ถุงให้ผมอีก 1 กำมือ ...ผมนี้ซึ้งน้ำใจอย่างมาก ชาวบ้านบอก “มีโอกาสก็กลับมาอีกเน้อ” แน่นอน มันจะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป ซักวันผมจะกลับมา
ผมออกจากบ้านแพมกลาง ปั่นเข้าสู่ถนนใหญ่ ฝนยังคงตกมาเรื่อยๆ หนักสลับเบา ผมจอดจักรยานงัดเอาเสื้อกันฝนที่ด้รับบริจาคมาใส่ทันที ไม่นานผมก็ถึงสะพานประวัติสาสตร์ท่าปาย เห็นนักท่องเที่ยวดูบางตา ผมแวะถ่ายรูป เพราะที่นี่เป็นจุดเช็คอินชื่อดัง ผมไม่อยากพลาด เสร็จแล้วก็เดินทางต่อ
ผมปั่นมาจนถึงด่านป้อมตำรวจตระเวนชายแดนตรงสามแยกที่ผมผ่านมาเมื่อวานนี้ ผมแวะหลบฝนอีกครั้ง ฝนยังคงตกอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด. ที่นั่นจำผมได้ เราแวะสนทนาพูดคุยกัน เจ้าหน้าที่หาน้ำมาให้ผมกิน พร้อมกับแนะนำว่า “ฝนตกแบบนี้ พี่ไม่ควรปั่นขึ้นไปห้วยน้ำดัง สภาพอากาศข้างบนปิด หมอกลงจัด ถนนนอกจากสูงชันแล้วยังเปียกลื่นอีกด้วย รถยนต์ก็เยอะวิ่งกันเร็ว อันตราย อย่าเสี่ยงเลย ไม่คุ้มกันครับ” พร้อมกับบอกว่า “เอาอย่างนี้ ดีไหม ผมจะโบกรถ ให้พี่ติดรถไปลงทางเข้าห้วยน้ำดัง แต่อย่างว่า ข้างบนฝนก็ตก อากาศก็ปิดมองไม่เห็นวิวอะไรทั้งนั้น พี่ไปก็ไม่สนุกหรอก กางเต็นท์ก็ลำบาก พี่ไปลงเชียงใหม่เลยดีกว่ามั้งครับ เพราะที่เชียงใหม่ฝนก็ตก เข้าเชียงใหม่หาที่พักเลยดีกว่าพี่”

ผมคงไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว มองเวลาก็บ่ายสองแล้วด้วย ผมมองถนนเห็นรถยนต์วิ่งผ่าสายฝนผ่านไปมาหลายคัน การปั่นจักรยานควรคำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตไว้ก่อน เส้นทางที่จะขึ้นไปห้วยน้ำดัง มันต่างจากเส้นทางที่ผ่านมาสองวันอย่างชัดเจน สองวันที่ผมปั่นผ่านมา รถยนต์แทบจะนับคันได้ ผมบอกเจ้าหน้าที่ ตชด. งั้น ผมรบกวนช่วยโบกรถให้ผมด้วยก็แล้วกันครับ ไม่นานก็มีรถกะบะผู้ใหญ่ใจดีมีน้ำใจยอมให้ผมร่วมเดินทางติดมาลงเชียงใหม่ด้วย เจ้าหน้าที่ช่วยกันยกรถจักรยานขึ้นท้ายกระบะ ผมขึ้นมานั่งท้ายกระบะ ร่าลาและขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด. บ๊าย บาย ตชด.และเมืองปาย รถยนต์วิ่งขึ้นเขาผ่านห้วยน้ำดัง ผมนั่งหนาวสั่นอยู่ท้ายกระบะ มองข้างทางหมอกลงจัด ฝนตกพรำๆ หนักสลับเบามาเรื่อยๆ ผมไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าผมดันทุรังปั่นขึ้นมา จะไปกลิ้งอยู่โค้งไหน.....


ผมนั่งโต้ลมทนหนาวอยู่เกือบ 3 ชม. ก็มาถึง ห้างโลตัส ตลาดคำเที่ยง ริมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ ในสภาพสะบักสะบอม เหมือนผ่านการปั่นมาทั้งวัน เจ้าของรถลงมาช่วยเอาจักรยานลง ผมกล่าวขอบคุณและพูดคุยกันนิดหน่อย ที่นี่ฝนไม่ตก แม้จะครึ้มหน่อยก็ตาม ห้าโมงเย็นแล้ว ปั่นเข้าเมืองหาที่พัก หาอะไรอร่อยๆกิน เดินเล่นชมเมืองดีกว่า ปิดทริปกันวันนี้เลย
ตลอดการเดินทาง 4 วัน ผมได้ประสบการณ์และความรู้สึก รับรู้ทั้งความเหนื่อย ความล้า ความหิว ความร้อน ความหนาว ความเปล่าเปลี่ยว... แต่ไม่โดดเดี่ยว ได้เจอผู้คนรอบต่าง ต่างความคิดต่างวัฒนธรรม มันคือเสน่ห์ของการเดินทางในแบบฉบับทัวร์ริ่งที่แท้จริง
และนี่คือเรื่องราวการเดินทางของผม ที่ปั่นได้จริง เชียงใหม่ – แม่ริม – สะเมิง – วัดจันทร์ - ปาย
ซึ่งเป็นการเดินทางที่สนุกและได้รสชาติอย่างไม่คาดคิดมาก่อน ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ สวัสดีครับ
***********************************************************************
*********************************[/ce
และแล้วก็เหลือเรากับเขาเท่านั้น กับทริปจักรยานทัวร์ริ่งเส้นทางป่าสน เชียงใหม่-สะเมิง-วัดจันทร์-ปาย (ตอนที่ 4 ตอนจบ)
วันที่ 8 พ.ย.62 เวลา 06.00 น. ผมตื่นขึ้นมา รีบล้างหน้าแปรงฟันทันที เป้าหมายต้องเดินทางไปบ้านแพมบกที่อยู่ลบึกเข้าไปประมาณ 4 กม. ผมจับจักรยานเปล่าๆ แล้วรีบปั่นออกจากที่พัก ถนนปูนพื้นผิวไม่เรียบทำให้ต้องควบคุมจักรยานให้ดี ทางขึ้นเนินบ้างพอให้ออกแรงเรียกเหงื่อซึมๆ ข้างทางเป็นป่าดิบแล้ว บางช่วงมองไปเห็นทิวทัศน์เป็นแนวเขาที่ทอดยาวสวยงาม
มีลำธารน้ำไหลผ่านก้อนหินน้อยใหญ่ ผมเห็นพระสงฆ์กำลังรวมตัวอยู่หน้าวัดเพื่อจะเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ผมรีบเข็นจักรยานขึ้นเนินไปหน้าวัดทันที่ หาที่จอดจักรยานแล้วเข้าไปนั่งยอๆงไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลเสียหน่อยครับ
ระหว่างทาง ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ผมรีบปั่นผ่าฝนเพื่อกลับที่พัก “ตกมาเลย ตรูมาตัวเปล่าว้อยยย.. อย่างไรก็ต้องกลับไปอาบน้ำอยู่แล้ว 555++ ”
ถ้าขืนฝนยังตกไม่หยุดอย่างนี้ การปั่นขึ้นห้วยน้ำดังวันนี้ อาจจะประสบปัญหา
.....ผมตัดสินใจลุยโลด