ครั้งหนึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้นเมื่อมีการปวารณาออกพรรษาแล้ว เป็นสมัยเขตเหมันตฤดูควรแก่การจาริก พระสงฆ์ปุถุชน 100 รูป ได้ไปทูลลาพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อไปสู่รุกขมูลเสนาสนะบำเพ็ญเพียรภาวนานุโยคสืบไป เมื่อได้รับพุทธานุญาตแล้ว พระสงค์ 100 รูป ก็พากันออกจาเมืองปาวายตนนคร จาริกไปราวป่าแห่งหนึ่ง แล้วต่างก็แยกทางกันไปเป็นหมู่ เพื่อไปสู่ชนบทตามความ
ปรารถนาของหมู่นั้นๆ พระสงฆ์หมู่หนึ่ง 5 รูป พากันจาริกไปถึงป่าชัฏแห่งหนึ่ง ก็ไปพบโจรเข้า ณ.ที่นั้น
โจรเห็นพระสงฆ์เดินมา ก็สำคัญว่าจะมีทรัพย์สิ่งอันมีค่าติดตัวมาด้วย ก็เข้าสกัดตีชิงเอาสิ่งของ พระสงฆ์ หมู่นั้นต่างองค์ก็ต่างหนีโจรหมู่นั้นไป แต่ภิกษุรูปหนึ่งล้มลง โจรก็ตีจนมรณภาพ แล้วก็ค้นดูที่ในกายตัวก็มิได้มีทรัพย์สินอันใด เมื่อเปิดบาตรออกดูก็เห็นแต่ผ้าสังฆาฏิผืนเดียวเท่านั้น โจรเหล่านั้นเมื่อมิได้ทรัพย์ตามปรารถนาก็พากันไปที่อื่นต่อไป ครั้นเมื่อโจรไปแล้ว พระสงฆ์ 4 รูปที่หนีไปนั้นก็หวนกลับมาตามหาภิกษุรูปที่หนีไม่ทันก็พบนอนมรณภาพอยู่ ณ.ที่นั้น
พระภิกษุ 4 รูปนั้นจึงพากัน นำความไปแจ้งแก่พระอานนท์ผู้พุทธอุปฐาก พระอานนท์ก็นำความที่
โจรตีพระภิกษุรูปนั้น ให้ถึงมรณภาพขึ้นกราบทูลแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงมีพุทธฎีกาตรัสแก่พระอุตตมรามเถรภิกษุ ผู้เป็นพระอสีติมหาสาวกที่มีปรีชาทางโหราศาสตร์ว่า " ดูกร อุตตมรามเถร พระภิกษุ ปุตุชนไปรุขมูล ไปพบโจรเข้าที่กลางทาง โจรตีตายเพราะเหตุไม่รู้ฤกษ์ยาม ไปถูกยามจรที่ไม่ดีเข้าเป็นเหตุให้ถึงอุปัทวันตรายเสียในกลางทาง ถ้าถูกยามจรที่ดีก็ไปสวัสดีมีชัยในวันข้างหน้า นึกสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้นสมปรารถนา ควรที่พระสงฆ์จะเรียนรู้ฤกษ์บนและคัมภีร์โหราศาสตร์ไว้คุ้มตัว เมื่อมีกิจธุระไปในที่ใดๆ
ก็จะได้ไปโดยสะดวก และการนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสิกขาบท ไม่ต้องอาบัติ"
หนังสือ จักรทีปนีพิสดาร อ.เทพย์ สาริกบุตร
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เรื่องฤกษ์ยาม
ปรารถนาของหมู่นั้นๆ พระสงฆ์หมู่หนึ่ง 5 รูป พากันจาริกไปถึงป่าชัฏแห่งหนึ่ง ก็ไปพบโจรเข้า ณ.ที่นั้น
โจรเห็นพระสงฆ์เดินมา ก็สำคัญว่าจะมีทรัพย์สิ่งอันมีค่าติดตัวมาด้วย ก็เข้าสกัดตีชิงเอาสิ่งของ พระสงฆ์ หมู่นั้นต่างองค์ก็ต่างหนีโจรหมู่นั้นไป แต่ภิกษุรูปหนึ่งล้มลง โจรก็ตีจนมรณภาพ แล้วก็ค้นดูที่ในกายตัวก็มิได้มีทรัพย์สินอันใด เมื่อเปิดบาตรออกดูก็เห็นแต่ผ้าสังฆาฏิผืนเดียวเท่านั้น โจรเหล่านั้นเมื่อมิได้ทรัพย์ตามปรารถนาก็พากันไปที่อื่นต่อไป ครั้นเมื่อโจรไปแล้ว พระสงฆ์ 4 รูปที่หนีไปนั้นก็หวนกลับมาตามหาภิกษุรูปที่หนีไม่ทันก็พบนอนมรณภาพอยู่ ณ.ที่นั้น
พระภิกษุ 4 รูปนั้นจึงพากัน นำความไปแจ้งแก่พระอานนท์ผู้พุทธอุปฐาก พระอานนท์ก็นำความที่
โจรตีพระภิกษุรูปนั้น ให้ถึงมรณภาพขึ้นกราบทูลแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงมีพุทธฎีกาตรัสแก่พระอุตตมรามเถรภิกษุ ผู้เป็นพระอสีติมหาสาวกที่มีปรีชาทางโหราศาสตร์ว่า " ดูกร อุตตมรามเถร พระภิกษุ ปุตุชนไปรุขมูล ไปพบโจรเข้าที่กลางทาง โจรตีตายเพราะเหตุไม่รู้ฤกษ์ยาม ไปถูกยามจรที่ไม่ดีเข้าเป็นเหตุให้ถึงอุปัทวันตรายเสียในกลางทาง ถ้าถูกยามจรที่ดีก็ไปสวัสดีมีชัยในวันข้างหน้า นึกสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้นสมปรารถนา ควรที่พระสงฆ์จะเรียนรู้ฤกษ์บนและคัมภีร์โหราศาสตร์ไว้คุ้มตัว เมื่อมีกิจธุระไปในที่ใดๆ
ก็จะได้ไปโดยสะดวก และการนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสิกขาบท ไม่ต้องอาบัติ"
หนังสือ จักรทีปนีพิสดาร อ.เทพย์ สาริกบุตร