ได้ทำงานในอาชีพที่ใฝ่ฝัน เป็นอะไรที่สุขจนไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีอะไรสุขไปมากกว่านี้อีกแล้วค่ะ แต่ในความสุขมันก็ปะปนไปไปด้วยน้ำตา และความผิดหวังต่างๆมากมาย วันนี้เราจะมาแชร์ มาเล่าชีวิตในช่วงที่ผ่านมาของเรากันค่ะ ว่าในอาชีพ “แอร์โฮสเตส” นี้ เราพัฒนาตัวเองยังไงบ้าง กว่าจะมาถึงวันนี้ของเรา เราผ่านอะไรมาบ้าง
เกริ่นก่อนเลยนะคะ เรื่องราวของเรา อาจจะเหมือน หรือไม่เหมือนกับประสบการณ์ของท่านอื่นๆที่เข้ามาอ่าน แต่เราก็คาดหวังว่าเรื่องราวนี้ จะช่วยท่านอื่นๆในการดึงตัวเองออกจากปัญหา และหันกลับมาพัฒนาตัวเองได้นะคะ เพราะหลังเรื่องราวร้ายๆ เราจะเจอสิ่งดีๆเข้าซักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เราเชื่ออย่างนั้นนะคะ แม้จะเคยไม่เชื่อมาก่อน
เราเองเคยจมอยู่กับปัญหาค่ะ ไม่รู้ว่าท่านไหนเคยรู้สึกกดดันเหมือนกับเราไหม ที่มีคนอื่นมาชื่นชมเรา แต่เรากลับไม่เคยชื่นชมในตัวเองเลยแม้แต่น้อย เรื่องของเรื่องมันเกิดจากเราเองได้เริ่มเข้าสู่อาชีพแอร์ โดยที่คนรอบตัวก็ต่างบอกว่าเป็นอาชีพที่สวยหรู โรยด้วยกลีบกุหลาบ ชื่นชมในบุคลิกภาพของเรา ตอนนั้นเรามีแฟน แล้วเราก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ก็ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ทุกอย่างไปได้สวย ใครก็บอกว่าหน้าที่การงานดี มีครอบครัวที่ดี มีคนรักที่ดี เป็นอะไรที่น่าอิจฉา
แอร์หลายๆท่าน หรือคนที่สังเกตอาชีพแอร์ดีๆ จะต้องรู้แน่นอนว่าเรื่องของเวลา ไม่เข้าใครออกใคร อยู่คนละไทม์โซนกับครอบครัวและคนรักตลอด แล้วเวลาเนี่ยแหละค่ะเป็นจุดสำคัญของอาชีพนี้ ความสาวความสวย ไม่ได้เป็นองค์ประกอบของความรักที่แท้จริง “สวยขนาดนี้แฟนไม่ทิ้งหรอก” “ชีวิตดีอ่ะมีงานทำดีๆมีแฟนดีๆ” “แต่งได้แล้วรอเป็นเพื่อนเจ้าสาวอยู่” หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เราไม่เคยคิดว่าความรักของเราจะพัง แต่มันก็พังลง ใครก็บอกว่าเค้าไม่มีทางนอกใจเราหรอก เราดีขนาดนี้ พร้อมขนาดนี้ แต่ใครจะรู้บ้างคะบนความสมบูรณ์แบบ เราไม่ได้ได้มันมาง่ายๆ เราตั้งใจเรียน ตั้งใจสอบเข้าทำงาน ตั้งใจพัฒนาบุคคลิกภาพในทุกๆด้าน
เราพยายามสร้างคุณภาพชีวิต สร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงมาโดยตลอด แต่แฟนเราเค้าดันไปมีคนอื่น เป็นผู้หญิงคนนึงที่รู้อยู่แล้วว่าผู้ชายคนนี้เค้ามีเราอยู่ทั้งคน คอนโดที่เราผ่อน รถที่เราส่ง เค้าใช้สิ่งพวกนั้นของเราร่วมกัน ในขณะที่เราทำงานอย่างหนัก เราได้แต่ตั้งคำถามว่าเราผิดอะไร เราปล่อยตัวเองจมอยู่กับการหาเหตุผลที่ไม่มีเหตุผล เล่าให้ใครฟังก็มีแต่คนโทษแฟนเรา โทษผู้หญิงคนนั้น บอกผู้หญิงคนนั้นธรรมดามาก ไม่มีอะไรสู้เราได้ เราเป็นถึงแอร์ เราฟังจนเรารู้สึกพอแล้วค่ะ การจมอยู่กับปัญหาไม่ช่วยอะไรเลย เราจะไม่โทษคนอื่น เพราะการโทษคนอื่นไม่ทำให้เราได้อะไรขึ้นมา แต่เราจะเอาปัญหาครั้งนั้นมาพัฒนาตัวเองแทนค่ะ หากเค้าไปจากเราเพราะเราสวยไม่พอ เราก็จะต้องสวยขึ้น หากเค้าไปจากเราเพราะเราเก่งไม่พอเราก็จะพัฒนาตัวเองขึ้นอีก เราจะไม่โทษคนอื่นอีกต่อไป แต่เราจะนำสิ่งนั้นมาทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้นให้ได้ค่ะ
ฟ้าหลังฝนย่อมดีกว่าเสมอ เราเก็บเอาความล้มเหลวนั้นมาพัฒนาตัวเองต่อ จากที่เราเคยมองว่าเป็นเพราะอาชีพที่เรารัก ที่เป็นตัวทำลายความสัมพันธ์ของเรามาตลอด วันนี้เรารู้แล้วค่ะว่าไม่ใช่เพราะอาชีพ ไม่ใช่เพราะเวลา ไม่ใช่เพราะอะไรที่เราเคยเข้าใจ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแฟนกัน แล้วอยู่ไกลกันจะต้องลงเอยด้วยการนอกใจเสมอ อย่างแรกคุณต้องมีความซื่อสัตย์และความเชื่อใจ เชื่อเถอะค่ะ มีอีกตั้งหลายอาชีพที่ไม่มีเวลาให้กัน เราไม่ได้โดนนอกใจเพียงเพราะเราเป็นแอร์หรอก
เรื่องร้ายๆของเราผ่านไปนานแล้วค่ะ วันนี้แฮปปี้ขึ้นแล้ว เราใช้เวลาฟื้นฟูตัวเอง แล้วกลับมาเป็นคนใหม่ ผ่านเรื่องเศร้าๆมาได้แล้ว เราเลยอยากเอาประสบการณ์การพัฒนาตัวเอง การดูแลตัวเองให้ดีขึ้นมาแชร์กันค่ะ เผื่อจะเป็นทริคดีๆให้แก่ท่านอื่นได้บ้างนะคะ อาชีพไหนก็นำไปปรับใช้ได้ค่ะ
อย่างแรกเลยอย่าปล่อยให้งานเป็นทั้งชีวิตของคุณ ทำงานหนัก ก็ต้องเที่ยวให้หนักค่ะ อย่าปล่อยให้ตัวเองดาวน์ เราเองก็นั่นแหละค่ะ ตอนนั้นก็ดาวน์มากๆ เวลาว่างจากงานก็เป็นการนอนจม ไม่อยากทำสิ่งอื่น ไม่ขยับตัวทำอะไร อันนี้อาจจะเป็นอาการเหนื่อยสะสม และภาวะเครียดจากการโดนแฟนทิ้งของเราก็ได้ เพราะแรกๆที่เราบิน เราไม่เป็นแบบนี้นะ ทำไฟลท์เสร็จ เที่ยวต่อเลยก็มี แต่พักหลังๆก็ไม่ไหว ยอมรับว่าเหนื่อย แล้วพอเหนื่อยก็ทำให้เราห่อเหี่ยว ไร้พลัง แต่ลองคิดดูดีๆค่ะ เวลาว่างเราไม่ต้องเก็บเอางานมาคิด เราจงใช้ชีวิตค่ะ ลงจากเครื่องก็ไปเที่ยวต่อ ช้อปปิ้ง พักผ่อน ไปร้านนวด เข้าสปาขัดผิวฟินๆ เป็นการผ่อนคลาย



อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงมากๆก็คือเรื่องของสุขภาพ ไม่ว่าจะสุขภาพกาย สุขภาพจิต ผิวพรรณ หน้าตา เป็นเรื่องที่ผู้หญิงอย่างเราห้ามหลงลืมเป็นขาด ตอนนี้กลับมาคิดทบทวนแฟนนอกใจก็ไม่แปลกนะตอนนั้นหลายคนที่ชมว่าสวย ว่าผิวดีต่างๆ เครื่องสำอางฉาบไว้ล้วนๆ เพราะบินแต่ละทีก็ต้องฉาบหน้า แต่งหน้าทำผมจัดเต็ม แล้วจะไม่สวยได้ยังไง แต่พออยู่กับแฟนก็คือหน้าสด โทรมมาก บอกเลยว่าล้างเครื่องสำอางออกมานี่เห็นได้ชัดมากกว่าสิวบาน ผิวพัง ใต้ตามาเต็ม หน้าก็เหี่ยวๆด้วย(ไม่น่าหล่ะโดนเท55) อย่างว่าแหละเนอะทำงานแบบเราอากาศมันแห้งมากๆ หน้าจะไม่พังก็คงจะสตรองเกินไป แถมแต่งหน้าจัดอีก หน้าต้องพังแน่นอน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าไม่สวยแล้วแฟนจะทิ้งนะคะ มันก็เป็นเฉพาะบางคนนั่นแหละค่ะ อย่างเราเองตอนนี้ที่เราอยากดูแลตัวเองให้สวย เพราะจากตอนนั้นก็ปล่อยตัวเองโทรมยิ่งกว่าเดิมมาระยะนึงเลย ผิวหน้าพังมากๆ สุขภาพจิตก็เสียด้วย ตอนนี้เราลุกขึ้นมาสู้แล้วค่ะ ทั้งหมดก็เพื่อตัวเราเองทั้งนั้น มองรูปตัวเองสมัยก่อนแล้วเอาผู้หญิงสดใสคนเดิมคืนมากันเถอะ
พัฒนาเรื่องผิวพรรณหน้าตา
เรื่องทำสวยบอกก่อนว่าด้วยความที่อาชีพเรามันต้องใช้หน้าตา แถมทำงานในที่ที่ออกซิเจนน้อย ผิวพรรณพังร่างกายพังหมดค่ะ ถึงแม้ว่าอาชีพจะทำลายสุขภาพ ทำลายผิว แต่รายได้ ค่าตอบแทนในวันนี้เป็นเรื่องที่คุ้มสำหรับเรา เอาเป็นว่าถ้าหมั่นดูแลใส่ใจตัวเอง ก็สามารถทำอาชีพนี้ได้อย่างมีความสุขค่ะ เรื่องการดูแลตัวเองเราจะเล่าวิธีของเรา และจากที่เราดูจากเพื่อนร่วมงานนะคะ เอาใกล้ตัวที่สุดก่อนก็น่าจะเป็นเรื่องสกินแคร์ เราเองได้ไปหลายๆที่ สามารถที่จะสรรหาของดีมาใช้ได้ แต่เอาจริงๆ สกินแคร์ตัวใดในโลกนี้ก็ตาม ยังไงก็ต้องพึ่งความสม่ำเสมอ เราเองทาอยู่ไม่กี่ตัว แต่เราทาตลอดไม่เคยขาด จะมี
- ลงก่อนลงสกินแคร์ตัวอื่นจะเป็นของ Lancome ใช้ติดต่อกันมาไม่รู้กี่ขวดต่อกี่ขวดแล้ว ช่วยเตรียมผิวก่อนลงตัวถัดไปได้ดีมากๆ
- Serum คุณหมอจากเกาหลีของ WISH By Dr. JSK อันนี้ขาดไม่ได้ เน้นเรื่องต้านริ้วรอย เรื่องเติมน้ำให้ผิว ทำให้หน้าไม่โทรม ราคากลางๆ แต่คุณภาพดีค่ะ ซื้อซ้ำตลอดเป็นเซรั่มตัวเดียวที่ใช้แล้วเห็นผลจริงตามคำเคลม ผิวมันจะยืดหยุ่นขึ้น ดูหน้าเด้ง หน้าใส คนผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้
- กันแดดของ KIEHLS อันนี้บางเบาดี ค่ากันแดดสูง ไม่เหนียว ไม่เยิ้มค่ะ บำรุงไปเยอะอย่าลืมกันแดดนะคะ เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นกัน SPF สูงด้วยตัวนี้
- ลิปมาส์กปากของลาเนจ ต้องขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะตัวกระปุกสีชมพูค่ะ ทาหนาๆก่อนเข้านอน และทาแบบบางมากๆก่อนลงลิปสติกค่ะ
- มาส์กหน้าอันนี้ใช้คละๆกันไป จะเป็นของพวก Origins , SKII, Sulwhasoo หรืออะไรก็ได้ค่ะเน้นพวก Anti-Oxidants และเติมน้ำให้ผิว
หลักๆที่ใช้ตอนกู้หน้าพังๆของเราเป็นตามด้านบนเลยค่ะ ใช้ทาประจำวนไป ผิวหน้าเปลี่ยนจริงๆ จากที่เครียดๆนอนน้อย สิวบาน แล้วรูขุมขนกว้าง หน้าโทรมชนิดที่ว่าเพื่อนร่วมงานทักแทบทุกคนว่าโทรมมาก พอทาประจำผิวดีขึ้นมากๆ ตอนนี้กลับมาผิวดีกว่าสมัยก่อนมาทำงานแอร์อีกค่ะ ทั้งหมดมาจากความสม่ำเสมอในการทา แล้วก็สงสัยคงเครียดน้อยลงด้วย เคล็ดลับเรื่องผิวดีนอกเหนือจากสกินแคร์ก็คือการปล่อยวาง ดึงสติตัวเองกลับมาให้ได้ค่ะ อย่าเอาใจไปผูกกับคนอื่นมากจนเกินไป
อาหารเสริมต้องมีคนถามแน่นอน เราเองมีกินอาหารเสริมพวกวิตซี1000มิลลิกรัม แล้วก็ grape seed ค่ะ ของยี่ห้ออะไรก็ได้ ไปที่ไหนยี่ห้อไหนราคาโอเคสมเหตุสมผลเราก็ซื้อยี่ห้อนั้นทานค่ะ
พัฒนาองค์ความรู้
มีผิวพรรณหน้าตาสวยกันแล้ว ก็ต้องมาพัฒนาด้านอื่นๆกันด้วยนะคะ ตอนนี้เราสนใจอ่านหนังสือเกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศต่างๆอยู่ค่ะ ตอนแรกหาจุดตัวเองไม่เจอเลยว่าจะอ่านหนังสือประเภทไหนดี เราเองแก้ปัญหาด้วยการลองอ่านค่ะ อ่านไปอ่านมาก็เพลินดีนะคะ เรื่องเทสในการเลือกหนังสืออ่านอาจจะเลือกจากความสนใจส่วนตัว หรือไปลองเลือกอ่านดูได้เลยค่ะ ถูกใจเล่มไหนก็จัดเล่มนั้นมาเลย มีติดกระเป๋าไว้สักเล่มสร้างนิสัยรักการอ่านให้ตัวเองกันนะคะ
ฝึกด้านภาษาอยู่สม่ำเสมอ ตอนนี้เราไม่ได้เคร่งฝึกเท่าตอนก่อนมาเป็นแอร์แล้ว แต่ก็พยายามที่จะฝึก ทบทวนให้ได้มากที่สุด ผ่านทางการดูหนังฟังเพลง โหลด Netflix มาเลยค่ะ แล้วอย่าลืมปิด Sub นะคะ ฝึกฟังหลายๆสำเนียง ดูแบบนี้ตลอดช่วยฝึกภาษาในชีวิตประจำวันได้มากจริงๆค่ะ
งานหนัก รักพัง แฟนนอกใจ + How to พัฒนาตัวเอง ฉบับแอร์โฮสเตส
เกริ่นก่อนเลยนะคะ เรื่องราวของเรา อาจจะเหมือน หรือไม่เหมือนกับประสบการณ์ของท่านอื่นๆที่เข้ามาอ่าน แต่เราก็คาดหวังว่าเรื่องราวนี้ จะช่วยท่านอื่นๆในการดึงตัวเองออกจากปัญหา และหันกลับมาพัฒนาตัวเองได้นะคะ เพราะหลังเรื่องราวร้ายๆ เราจะเจอสิ่งดีๆเข้าซักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เราเชื่ออย่างนั้นนะคะ แม้จะเคยไม่เชื่อมาก่อน
เราเองเคยจมอยู่กับปัญหาค่ะ ไม่รู้ว่าท่านไหนเคยรู้สึกกดดันเหมือนกับเราไหม ที่มีคนอื่นมาชื่นชมเรา แต่เรากลับไม่เคยชื่นชมในตัวเองเลยแม้แต่น้อย เรื่องของเรื่องมันเกิดจากเราเองได้เริ่มเข้าสู่อาชีพแอร์ โดยที่คนรอบตัวก็ต่างบอกว่าเป็นอาชีพที่สวยหรู โรยด้วยกลีบกุหลาบ ชื่นชมในบุคลิกภาพของเรา ตอนนั้นเรามีแฟน แล้วเราก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ก็ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ทุกอย่างไปได้สวย ใครก็บอกว่าหน้าที่การงานดี มีครอบครัวที่ดี มีคนรักที่ดี เป็นอะไรที่น่าอิจฉา
แอร์หลายๆท่าน หรือคนที่สังเกตอาชีพแอร์ดีๆ จะต้องรู้แน่นอนว่าเรื่องของเวลา ไม่เข้าใครออกใคร อยู่คนละไทม์โซนกับครอบครัวและคนรักตลอด แล้วเวลาเนี่ยแหละค่ะเป็นจุดสำคัญของอาชีพนี้ ความสาวความสวย ไม่ได้เป็นองค์ประกอบของความรักที่แท้จริง “สวยขนาดนี้แฟนไม่ทิ้งหรอก” “ชีวิตดีอ่ะมีงานทำดีๆมีแฟนดีๆ” “แต่งได้แล้วรอเป็นเพื่อนเจ้าสาวอยู่” หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เราไม่เคยคิดว่าความรักของเราจะพัง แต่มันก็พังลง ใครก็บอกว่าเค้าไม่มีทางนอกใจเราหรอก เราดีขนาดนี้ พร้อมขนาดนี้ แต่ใครจะรู้บ้างคะบนความสมบูรณ์แบบ เราไม่ได้ได้มันมาง่ายๆ เราตั้งใจเรียน ตั้งใจสอบเข้าทำงาน ตั้งใจพัฒนาบุคคลิกภาพในทุกๆด้าน
เราพยายามสร้างคุณภาพชีวิต สร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงมาโดยตลอด แต่แฟนเราเค้าดันไปมีคนอื่น เป็นผู้หญิงคนนึงที่รู้อยู่แล้วว่าผู้ชายคนนี้เค้ามีเราอยู่ทั้งคน คอนโดที่เราผ่อน รถที่เราส่ง เค้าใช้สิ่งพวกนั้นของเราร่วมกัน ในขณะที่เราทำงานอย่างหนัก เราได้แต่ตั้งคำถามว่าเราผิดอะไร เราปล่อยตัวเองจมอยู่กับการหาเหตุผลที่ไม่มีเหตุผล เล่าให้ใครฟังก็มีแต่คนโทษแฟนเรา โทษผู้หญิงคนนั้น บอกผู้หญิงคนนั้นธรรมดามาก ไม่มีอะไรสู้เราได้ เราเป็นถึงแอร์ เราฟังจนเรารู้สึกพอแล้วค่ะ การจมอยู่กับปัญหาไม่ช่วยอะไรเลย เราจะไม่โทษคนอื่น เพราะการโทษคนอื่นไม่ทำให้เราได้อะไรขึ้นมา แต่เราจะเอาปัญหาครั้งนั้นมาพัฒนาตัวเองแทนค่ะ หากเค้าไปจากเราเพราะเราสวยไม่พอ เราก็จะต้องสวยขึ้น หากเค้าไปจากเราเพราะเราเก่งไม่พอเราก็จะพัฒนาตัวเองขึ้นอีก เราจะไม่โทษคนอื่นอีกต่อไป แต่เราจะนำสิ่งนั้นมาทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้นให้ได้ค่ะ
ฟ้าหลังฝนย่อมดีกว่าเสมอ เราเก็บเอาความล้มเหลวนั้นมาพัฒนาตัวเองต่อ จากที่เราเคยมองว่าเป็นเพราะอาชีพที่เรารัก ที่เป็นตัวทำลายความสัมพันธ์ของเรามาตลอด วันนี้เรารู้แล้วค่ะว่าไม่ใช่เพราะอาชีพ ไม่ใช่เพราะเวลา ไม่ใช่เพราะอะไรที่เราเคยเข้าใจ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแฟนกัน แล้วอยู่ไกลกันจะต้องลงเอยด้วยการนอกใจเสมอ อย่างแรกคุณต้องมีความซื่อสัตย์และความเชื่อใจ เชื่อเถอะค่ะ มีอีกตั้งหลายอาชีพที่ไม่มีเวลาให้กัน เราไม่ได้โดนนอกใจเพียงเพราะเราเป็นแอร์หรอก
เรื่องร้ายๆของเราผ่านไปนานแล้วค่ะ วันนี้แฮปปี้ขึ้นแล้ว เราใช้เวลาฟื้นฟูตัวเอง แล้วกลับมาเป็นคนใหม่ ผ่านเรื่องเศร้าๆมาได้แล้ว เราเลยอยากเอาประสบการณ์การพัฒนาตัวเอง การดูแลตัวเองให้ดีขึ้นมาแชร์กันค่ะ เผื่อจะเป็นทริคดีๆให้แก่ท่านอื่นได้บ้างนะคะ อาชีพไหนก็นำไปปรับใช้ได้ค่ะ
พัฒนาเรื่องผิวพรรณหน้าตา
เรื่องทำสวยบอกก่อนว่าด้วยความที่อาชีพเรามันต้องใช้หน้าตา แถมทำงานในที่ที่ออกซิเจนน้อย ผิวพรรณพังร่างกายพังหมดค่ะ ถึงแม้ว่าอาชีพจะทำลายสุขภาพ ทำลายผิว แต่รายได้ ค่าตอบแทนในวันนี้เป็นเรื่องที่คุ้มสำหรับเรา เอาเป็นว่าถ้าหมั่นดูแลใส่ใจตัวเอง ก็สามารถทำอาชีพนี้ได้อย่างมีความสุขค่ะ เรื่องการดูแลตัวเองเราจะเล่าวิธีของเรา และจากที่เราดูจากเพื่อนร่วมงานนะคะ เอาใกล้ตัวที่สุดก่อนก็น่าจะเป็นเรื่องสกินแคร์ เราเองได้ไปหลายๆที่ สามารถที่จะสรรหาของดีมาใช้ได้ แต่เอาจริงๆ สกินแคร์ตัวใดในโลกนี้ก็ตาม ยังไงก็ต้องพึ่งความสม่ำเสมอ เราเองทาอยู่ไม่กี่ตัว แต่เราทาตลอดไม่เคยขาด จะมี
- Serum คุณหมอจากเกาหลีของ WISH By Dr. JSK อันนี้ขาดไม่ได้ เน้นเรื่องต้านริ้วรอย เรื่องเติมน้ำให้ผิว ทำให้หน้าไม่โทรม ราคากลางๆ แต่คุณภาพดีค่ะ ซื้อซ้ำตลอดเป็นเซรั่มตัวเดียวที่ใช้แล้วเห็นผลจริงตามคำเคลม ผิวมันจะยืดหยุ่นขึ้น ดูหน้าเด้ง หน้าใส คนผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้
- กันแดดของ KIEHLS อันนี้บางเบาดี ค่ากันแดดสูง ไม่เหนียว ไม่เยิ้มค่ะ บำรุงไปเยอะอย่าลืมกันแดดนะคะ เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นกัน SPF สูงด้วยตัวนี้
- ลิปมาส์กปากของลาเนจ ต้องขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะตัวกระปุกสีชมพูค่ะ ทาหนาๆก่อนเข้านอน และทาแบบบางมากๆก่อนลงลิปสติกค่ะ
- มาส์กหน้าอันนี้ใช้คละๆกันไป จะเป็นของพวก Origins , SKII, Sulwhasoo หรืออะไรก็ได้ค่ะเน้นพวก Anti-Oxidants และเติมน้ำให้ผิว
หลักๆที่ใช้ตอนกู้หน้าพังๆของเราเป็นตามด้านบนเลยค่ะ ใช้ทาประจำวนไป ผิวหน้าเปลี่ยนจริงๆ จากที่เครียดๆนอนน้อย สิวบาน แล้วรูขุมขนกว้าง หน้าโทรมชนิดที่ว่าเพื่อนร่วมงานทักแทบทุกคนว่าโทรมมาก พอทาประจำผิวดีขึ้นมากๆ ตอนนี้กลับมาผิวดีกว่าสมัยก่อนมาทำงานแอร์อีกค่ะ ทั้งหมดมาจากความสม่ำเสมอในการทา แล้วก็สงสัยคงเครียดน้อยลงด้วย เคล็ดลับเรื่องผิวดีนอกเหนือจากสกินแคร์ก็คือการปล่อยวาง ดึงสติตัวเองกลับมาให้ได้ค่ะ อย่าเอาใจไปผูกกับคนอื่นมากจนเกินไป
อาหารเสริมต้องมีคนถามแน่นอน เราเองมีกินอาหารเสริมพวกวิตซี1000มิลลิกรัม แล้วก็ grape seed ค่ะ ของยี่ห้ออะไรก็ได้ ไปที่ไหนยี่ห้อไหนราคาโอเคสมเหตุสมผลเราก็ซื้อยี่ห้อนั้นทานค่ะ
มีผิวพรรณหน้าตาสวยกันแล้ว ก็ต้องมาพัฒนาด้านอื่นๆกันด้วยนะคะ ตอนนี้เราสนใจอ่านหนังสือเกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศต่างๆอยู่ค่ะ ตอนแรกหาจุดตัวเองไม่เจอเลยว่าจะอ่านหนังสือประเภทไหนดี เราเองแก้ปัญหาด้วยการลองอ่านค่ะ อ่านไปอ่านมาก็เพลินดีนะคะ เรื่องเทสในการเลือกหนังสืออ่านอาจจะเลือกจากความสนใจส่วนตัว หรือไปลองเลือกอ่านดูได้เลยค่ะ ถูกใจเล่มไหนก็จัดเล่มนั้นมาเลย มีติดกระเป๋าไว้สักเล่มสร้างนิสัยรักการอ่านให้ตัวเองกันนะคะ
ฝึกด้านภาษาอยู่สม่ำเสมอ ตอนนี้เราไม่ได้เคร่งฝึกเท่าตอนก่อนมาเป็นแอร์แล้ว แต่ก็พยายามที่จะฝึก ทบทวนให้ได้มากที่สุด ผ่านทางการดูหนังฟังเพลง โหลด Netflix มาเลยค่ะ แล้วอย่าลืมปิด Sub นะคะ ฝึกฟังหลายๆสำเนียง ดูแบบนี้ตลอดช่วยฝึกภาษาในชีวิตประจำวันได้มากจริงๆค่ะ