35 วัน บ้าน(มือ2)ของฉัน แชร์ประสบการณ์กู้บ้านมือสองด้วยตัวเอง Update ตุลาคม 2562

 
                     กระทู้นี้ จขกท. ตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อเป็นแนวทาง สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อบ้านมือสองแบบกู้ธนาคารด้วยตัวเอง เพื่อเป็นความรู้ ไม่มากก็น้อย ไม่ได้มีเจตนาจะสนับสนุนสถาบันการเงินใดเป็นพิเศษ ไม่ได้จะอวดดี อวดร่ำอวดรวย หรือตั้งแง่ต่อผู้ใด โปรดใช้สติในการอ่าน 
                    เริ่มต้นจาก จขกท. ทำงานประจำ เงินเดือน สองหมื่นนิดๆ อายุงานกับที่ทำงานปัจจุบัน 3 ปีครึ่ง และมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง (แพลนเก็บมาได้ประมาณ 3 ปี) ตั้งใจอยากจะมีสมบัติเป็นของตัวเองสักชิ้น จึงเริ่มมองหาระหว่างรถยนต์กับคอนโดมือสองที่ราคาเอื้อมถึง เริ่มมองหาตั้งแต่ปลายปี 2561 เรื่อยๆมาจนถึงต้นปี 2562 ได้เริ่มค้นหาอย่างจริงๆจังๆ และในที่สุดก็ได้ตัดสินใจละว่า รถยนต์คงไม่เหมาะกับเรา เลยเบนหางเสือเต็มกำลังไปที่คอนโดมือสองเล็กๆสักแห่ง ในราคาที่เราสามารถเอื้อมถึงได้ เลยทำการ
                   
                    จนถึงเดือน พ.ค. - มิ.ย. 62 จึงได้คอนโดที่เข้ารอบมา 2 ทำเล ย่าน BTS แบริ่ง สนนราคา 1.1 – 1.5 ล้านบาท ขนาด 34 ตร.ม. และสี่แยกบางนา BTS บางนา ราคา 1 – 1.3 ล้านบาท ขนาด 30 ตร.ม. จึงเริ่มทำการเข้าไปดูคอนโดอย่างจริงจัง โดยการนำพาของเซลล์ที่ประกาศขายคอนโดนั้นๆ นี่ถือเป็นการดูคอนโดเพื่อที่จะซื้อครั้งแรกในชีวิต ผลปรากฎว่า ค่อนข้างถูกใจทำเลละ 1 แห่ง ถูกใจมากๆ ขนาดว่าถ้ามีเงินสดตอนนั้น ก็จะควักให้เลย แต่เราไม่ควรตัดสินใจอะไรด่วนขนาดนั้น บ้านหลังละล้านเลยนะ ไม่ใช่ขนมจาก ที่ถูกใจจะซื้อเลย อิอิ 
                    จากนั้นก็กลับไปคิดคำนวณ ข้อดี ข้อเสียของแต่ละที่ คำนวณรายได้ ยอดเงินที่คาดว่ากู้ได้ ปิดบัตรที่ไม่จำเป็น ให้เหลือหนี้บัตรน้อยใบที่สุด ถ้าไม่สามารถปิดหมดได้ คิดหนักมาก จนถอดใจไปยกนึง เพราะสิ้นปี มีเรื่องต้องใช้เงินด้วย เลยดรอปเรื่องนี้ไป จนกระทั่ง 
ก.ย. 62 ได้ฮึกเหิมขึ้นอีกครั้ง กลับไปดูห้องอื่นแต่ทำเลเดิม เพื่อจะได้มีตัวเลือกมากขึ้น และได้มาย้ายเข้ามาดูที่สุขุมวิท 85 อีก 1 ที่ อย่างน้อยก็ไม่ไกลจาก บีทีเอสอ่อนนุชมากและค่าบีทีเอสก็ไม่ได้มีบวกเพิ่ม 15 บาทด้วย สามารถเดินได้ด้วย ถ้ารีบก็มีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และที่นี่เอง ที่จขกท. ได้พบว่า ที่นี่แหละเหมาะสุด ราคาที่นี่ขายกันอยู่ที่ 1.1 – 1.4 ล้านบาท ห้องสตูดิโอขนาด 32 ตร.ม.
                    แต่จขกท. ได้เจอห้องนึง ซึ่งประกาศขายเพียง 999,000 บาท (จขกท.ให้เพื่อนไปดูห้องจริงมา)  เป็นห้องมุมสุด ชั้น 3 มีหน้าต่างเพิ่มด้วย เจ้าของเป็นชาวต่างชาติ เหตุที่ขายเพราะย้ายไปอยู่ฟิลิปินส์ จขกท.จึงได้ทำการติดต่อไปคนแรก และด้วยความที่โชคเข้าข้างหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ เจ้าของห้อง ยินยอมให้เราวางเงินมัดจำก่อนคนอื่น ถ้าหากเราตั้งใจจะซื้อจริงๆ โดยก่อนหน้านี้มีคนไปดูแล้ว และสนใจจะซื้อเงินสดด้วยซ้ำ ตอนแรก จขกท. เกือบจะถอดใจไปแล้วอีกครั้ง เพราะคิดว่าเจ้าของเดิมต้องรับข้อเสนอเงินสดแน่นอน เพราะเขาค่อนข้างรีบขายแต่ จขกท.ก็พูดกับเพื่อนว่า “ถ้าห้องนี้มันจะเป็นของเรา ยังไงมันก็ต้องเป็นของเรา”

                  ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
                    25 ก.ย. 62 นัดวางเงินมัดจำ 20,000 บาท และเซ็นสัญญาจะซื้อจะขายกัน ตัดหน้าพวกจะซื้อเงินสดด้วยซ้ำ (ศึกษามาเยอะพอสมควรก่อนเซ็นสัญญา) โดยทนายฝั่งเจ้าของเดิม ร่างสัญญาขึ้นมาให้เซ็น ทำขึ้นมา 2 ฉบับ ฉบับจริง และอีกฉบับทำมาในราคาขาย 1.1 ล้านบาท โดยคำนวณแล้วว่าหากกู้ได้ 90 % ก็ยังครอบคลุมราคาขายจริง โดยในสัญญาระบุว่าต้องทำการโอนภายใน 1 เดือน (มารู้ทีหลังว่า 1 เดือนนี้ถือว่าน้อยมากนะ อย่างน้อยๆต้อง 2 เดือน กันเหนียวนะ แต่ด้วยความที่เจ้าของรีบขายเลยให้เวลาแค่ 1 เดือน)
ก่อนหน้าที่ จขกท.จะยื่นเรื่องกู้นั้น จขกท.มีบัตรเครดิตทั้งหมด 4 ใบ(วงเงินไม่สูง) แต่ทำการจ่ายเต็มไป 3 ใบ เหลือ 1 ใบที่มียอดใช้จ่ายประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท ทำการยื่นเช็คเครดิตบูโรไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีประวัติเสียหายอะไร ไม่มีผ่อนอะไร
                  27 ก.ย. 62 เตรียมเอกสารต่างๆ (เท่าที่จำได้) ของผู้กู้  - สำเนาบัตร ปชช.จขกท.
-          สำเนาทะเบียนบ้าน จขกท.
-          สลิปเงินเดือนล่าสุด
-          หนังสือรับรองการทำงาน ไม่เกิน 3 เดือน
-          สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน/ สเตทเม้น 6 เดือน, สลิปโบนัส อื่นๆ
-          อื่นๆแล้วแต่แบงค์เช่น เอกสารการยื่นภาษี ภงด.91/ ทวิ 50
-          สำเนาพาสปอร์ตผู้ขาย
-          ทะเบียนบ้าน(เล่มเหลือง)ผู้ขาย  ถ้าคนไทยจะเป็นสีน้ำเงิน (มีผลต่อภาษีธุรกิจเฉพาะ)
-          สำเนาสัญญาซื้อขายเดิม อช.16
-          สำเนาโฉนดห้องชุด อช.2
-          สัญญาจะซื้อจะขาย
                   ตอนแรกไปยื่นกู้แบงค์แรกสีเหลือง (ติดต่อกันมาก่อนที่จะเซ็นสัญญาจะซื้อจะขาย ว่ากันว่าประเมิณเร็วและได้สูงถึง 95%) แบงค์นี้ ประเมิณฟรี พร้อมโปรโมชั่น ดอกเบี้ย 3.95 % ตลอด 3 ปีแรก น่าสนใจมาก เพราะเท่าที่รู้มา ดอกเบี้ยของบ้านมือสองค่อนข้างสูง 4-7 % เลยทีเดียว 
                  2 ต.ค. 62  หลังจากที่ผ่าน pre-approve และไปประเมิณมาเรียบร้อยแล้ว ค่อนข้างเร็วสมชื่อ แต่โชคร้ายคือ เรามาทราบทีหลังว่า บริษัทที่เขาไปประเมิณ ประเมิณออกมาได้แค่ 940,000 บาท ซึ่งไม่ถึงล้าน กู้ไม่ได้ เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์ ง่อลลลลลลลลล ใจเสียนิดนึง ทำไมประเมิณออกมาต่ำจัง แอบเสียดายดอกเบี้ย 3.95% น้องพนักงานก็ใจดี แนะนำว่า ยื่นกู้สีน้ำเงินการออกรบมั้ยคะ มีเพื่อนพอดีและแบงค์นี้รับให้กู้คอนโดราคาไม่ถึงล้านด้วย 
                 4 ต.ค. 62 หลังจากที่อกหักจากแบงค์สีเหลือง เลยค้นหาแบงค์อื่นๆที่รับคอนโดราคาไม่ถึงล้านเพิ่มเติม ได้ข้อมูลคร่าวๆดังนี้ แบงค์สีชมพูซึ่งได้ยินมาว่าใช้ระยะเวลานานมากในการพิจารณา 1 เดือนคงไม่ทันกิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 4.75 % เท่ากับแบงคืสีส้ม แต่แบงค์สีส้มต้องใช้รูปถ่ายหน้าประตู ซึ่ง จขกท.ไม่มี ส่วนสีม่วงดอกเบี้ยเฉลี่ย 6.27% นับว่าสูง และสีเขียว 5.87% ก็ไม่เบานะ ส่วนสีส้มอ่อนของรัด ดอกถูกจริง 2.66% แต่เห็นว่าเยอะและนานเลยตัดไปด้วยความที่ จขกท. ทำสำเนาของเอกสารไว้เยอะ เลยยื่นกู้ไปอีก 2 แบงค์ สีน้ำเงินการออกรบ ดอกเบี้ย 6.25% และสีน้ำเงินเข้ากว่าอยู่อุบล ดอกเบี้ย 3.87% โดยยื่นกู้ไปแบบรีบๆ
                7 ต.ค. 62 แบงค์สีน้ำเงินเข้มอยู่อุบล โทรมาว่าผ่าน Pre-Approve แล้ว จะนัดประเมิณ แต่แบงค์นี้มีค่าประเมิณ 3,200 บาทแน่ะ ซึ่งถ้าประเมิณออกมาไม่ถึง 1 ล้าน จะไม่เข้าเกณฑ์แบบเดียวกับแบงค์สีเหลือง จขกท.ก็เลยลังเลใจอยู่ เพราะ 3,200 บาท ก็เยอะอยู่นะกับการเสี่ยงดวงครั้งนี้ จึงยังไม่ยืนยันการประเมิณ และได้เสาะแสวงหาแบงค์ใหม่
               
               10 ต.ค. 62 ทำการยื่นกู้แบงค์สีเขียว เพราะใช้มานานและหนี้บัตรเครดิตใบเดียวที่มีอยู่ก็ของแบงค์สีเขียวนี่เอง หวังว่าคงจะเห็นใจเพราะเป็นลูกค้าเก่าแก่ บังเอิญโชคดีหรืออะไรอีกก็ไม่ทราบ พอดีมีโปรบ้านมือสอง ดอกเบี้ยเหลือ 3.68% ตลอด 3 ปีแรก เฮ้ยยยย มันดีมาก มันถูกกว่าทุกๆแบงค์ที่เคยสอบถามมา แต่เงื่อนไขคือ ต้องโอนภายใน 31 ต.ค. นี้ เท่านั้น และยอดกู้ให้เพียง 80% เป็นไงเป็นกัน  และจนป่านนี้ แบงค์สีน้ำเงินการออกรบ ก็ยังไม่ติดต่อมา โทรกลับไปถามก็ว่า อยู่ในขั้นตอน 
               11 ต.ค. 62 การยื่นขอกู้บ้านเนี่ยนะ คนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ แต่ของ จขกท. ยอมรับว่าเครียดมากนะ ถึงแม้ว่าราคาบ้านมันจะไม่เท่าไหร่ แต่มันก็เครียด ชนิดที่ว่านอนไม่ค่อยหลับ ผลสุดท้าย จขกท.ป่วยเป็นงูสวัดซะงั้น เป็นตรงต้นขาขวา ผลเนื่องมาจากพักผ่อนน้อยบวกกับความเครียด ซึ่งก่อนหน้านี้ จขกท.ไปทริปเดินป่าที่กาญจนบุรีมาด้วยการพักผ่อนเลยไม่เพียงพอไปด้วย 
               17 ต.ค. 62 แบงค์สีเขียว โทรมายืนยัน ผ่าน Pre-Approve แล้ว นัดประเมิณได้เลย แต่มีค่าใช้จ่าย 3,000 บาท ซึ่ง จขกท.ไม่กังวลเรื่องว่าจะผ่านมั้ย แต่กังวลเรื่องตัวเลข กลัวว่าประเมิณต่ำมาแล้วยอดกู้จะต่างกับยอดซื้อมาก ทำให้ต้องใช้เงินเก็บจนหมดหรือไม่พอได้ จึงได้ทำการประเมิณในวันที่ 19 ต.ค. 62 เรียบร้อย
               24 ต.ค. 62 แบงค์เขียวโทรมาบอกผลการประเมิณ ปรากฎว่า ประเมิณได้ถึง 1.35 ล้าน ซึ่งค่อนข้างต่างกับแบงคืสีเหลืองเยอะมาก แอบงงนิดหน่อย แต่ถึงประเมิณได้ 1.35 ล้าน แต่ธนาคารจะยึดยอดเงินกู้ตามเอกสารที่ จขกท.ยื่นกู้ไปเท่านั้นที่ 1.1 ล้าน และได้มา 80% ยอด 880,000 บาท แบงค์จึงทำเรื่องกู้ตกแต่งเพิ่มให้ ซึ่งแน่นอน ดอกเบี้ยจะแพงกว่า แต่ด้วยความที่ยอดไม่สูงมาก และ จขกท.ต้องการมีเงินเก็บเหลือไว้ทำอย่างอื่นบ้าง จึงตกลงไป ยอดรวมที่ได้ 990,000 บาทถ้วน และให้เจ้าของเดิม ทำการขอใบปลอดหนี้จากนิติฯไว้รอด้วย โดยระบุว่าจะโอนกันวันที่ 30 ต.ค. 62
หากดูจากวันที่แล้ว จขกท. ต้องทำการโอนภายใน 25 ต.ค.นี้ ตามที่ระบุในสัญญา แต่เจ้าของเดิมก็ใจดีมาก คุยง่าย จขกท.ก็อธิบายว่าขอทำเรื่องโอนภายในสิ้นเดือนนี้ เพราะธนาคารกำลังเร่งทำเรื่องให้อยู่ ส่วนข่าวดีอีกอันนึงคือ จขกท.หายป่วยจากการเป็นงูสวัดแล้วด้วย 555555 หลังจากต้องทานยาติดต่อกันมาเป็นเวลา 13 วันเต็ม
              29 ต.ค. 62 วันเซ็นสัญญาก็มาถึง หลังจากรอธนาคารทำสัญญาขึ้นมาและทำการเซ็นสัญญากันที่ธนาคาร รู้สึกตื่นเต้นอยู่พอสมควร กับความรู้สึกที่จะเป็นหนี้พร้อมกับมีบ้านเป็นของตัวเอง ส่วนวันโอนก็นัดกันนวันรุ่งขึ้นคือ 30 ต.ค. 62 
            เดี๋ยวมาต่อ .................................

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่