เจอดีที่เกาะ....

ก่อนอื่นขอกล่าวสวัสดีทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผมนะครับ
เนื่องจากเป็นช่วงวันฮาโลวีน ผมเลยอยากจะแชร์ประสบการณ์สยองขวัญเกี่ยวกับตัวผมให้ฟังบ้างครับ

          ปล.เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงของผมที่ไม่อาจลืมได้จริง ๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่เจอเรื่องราวชวนขนลุก
และคิดว่าเป็นต้นเหตุให้ผมเห็นอะไรวับ ๆ แว็บ ๆ หลังจากนั้นมาเรื่อย ๆ

ตอนนี้ผมอายุย่างเลข 3 แล้ว แล้วเรื่องนี้ก็ย้อนกลับไปตอนผมอยู่ ม.ปลาย แล้วต้องขออภัยที่อาจจะจำไม่ได้จริง ๆ ว่าเพื่อนไปกันกี่คน เพราะผมจำได้แม่น ๆ เฉพาะเพื่อนที่เจอเหมือนกันแล้วกลับมาคุยกัน

ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมครับ พวกผมกับเพื่อน ๆ ประมาณสิบคน พวกผมก็วางแผนกันไว้ว่า จะไปกางเต้นท์นอนริมทะเลกันที่ไหนที่นึง ซึ่งจริง ๆ มันทำไม่ได้หรอกครับ แต่ด้วยความที่เป็นวัยรุ่น ยังไม่รู้เรื่องราวอะไรเยอะ ก็นัดกันไปที่ ๆ หนึ่ง ซึ่งอยู่บนเกาะ  โดยมีแผนการเดินทางคือค้าง 1 คืนครับ แล้วเราก็กลับกัน เพราะตอนนั้น ยังหาเงินกันไม่ได้ มีเงินกันไม่มากเท่าไหร่ เป็นแบบ แพคกระเป๋าไปกัน

               หลังจากนัดวันเวลากันเรียบร้อย ก็ออกเดินทางครับ โดยการเดินทางต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเพื่อข้ามไปยังเกาะที่พวกผมได้ตั้งเป้ากันไว้      การเดินทางก็ราบรื่นไปด้วยดีครับผมและเพื่อน ๆ มาซื้อตั๋วทันขึ้นเรือข้ามเกาะเที่ยวสุดท้ายของวันพอดีครับ ซึ่งเป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ เราก็ถ่ายรูปกันเรื่อยเปื่อยจนเรือมาครับ หลังจากเราขึ้นเรือข้ามฟาก ก็ใช้เวลานานพอสมควร จนถึงเกาะเป็นเวลาเย็น ๆ ครับซึ่งฟ้ายังสว่างอยู่ หลังจากเราลงเรือไปได้ก็ยังอยู่ที่ท่า เพราะเราเพิ่งมาครั้งแรก ยังไม่รู้จะไปกางเต้นท์ที่ไหนกันดี ก็เลยเดินเล่นแถวท่า

               หลังจากถามนู้นนี่นั่นพวกป้า ๆ ก็ทราบว่าหาดพวกนี้เป็นหาดส่วนตัวทั้งหมด กางเต้นท์กันไม่ได้ พวกเราจึงต้องหาที่พักกันครับ ตอนนั้น ตะวันเริ่มลับขอบฟ้าแล้วกว่าจะตกลงได้ ก็ได้ที่พักที่นึง ซึ่งอยู่หาดด้านหลัง ต้องข้ามเขาในเกาะไปลูกนึง ราคาตอนนั้นถูกที่สุดแล้วครับ เท่าที่จะหาได้ พวกเราก็ตกลงกัน ทางไปที่พักจะขับเลาะหาดซึ่งมีผู้คนสัญจรพอสมควรแล้วก็ไปแยกขึ้นเข้าเพื่อข้ามไปยังที่พักซึ่งตั้งอยู่ที่หาดด้านหลัง ตอนนั้นแค่หัวค่ำครับ เวลาประมาณทุ่มเศษ ๆ เพราะฟ้าเพิ่งเริ่มค่ำ แต่เส้นทางนั้นจะไม่มีรถวิ่งแล้วครับ ทางเป็นอิฐตัวหนอนกว้างประมาณรถ 2 คันสวนกันได้ ข้างซ้ายเป็นป่าเห็นชายหาดอยู่ลาง ๆ ด้านขวาเป็นป่ามองไปเห็นตีนเขาครับ ตอนนั้นยังเห็นรำไร ๆ อยู่ โดยมีแสงไฟจากมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาครับ ระยะทางจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่ไกลพอประมาณ 2-3 กิโลได้   พอถึงที่พักก็มีลุงกับป้าที่เฝ้าอยู่พามาดูห้องครับ ลักษณะห้องก็เป็นห้องทั่ว ๆ ไปมีเฟอร์นิเจอร์ครบ ห้องน้ำอยู่ด้านใน แต่สิ่งที่แปลกคือ เท่าที่จำได้ ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม ใกล้ ๆ สงกรานต์ เป็นช่วงไฮซีซัน แต่รีสอร์ทนี้เงียบมากครับ ไม่มีรถแม้แต่คันเดียวทั้ง ๆ วันที่ผมมาเที่ยวก็เป็นวันหยุด ลักษณะที่พักเป็นคล้าย ๆ บังกาโลแฝด มีสองหลังติดกัน มีระยะห่างระหว่างบังกาโลประมาณรถ 1 คันจอดได้พอดี แต่ละหลังจะหันหน้าหาทะเล ประมาณว่า เปิดประตูมา ก็เห็นหาดเลยครับ ไม่มีถนนมากั้น  สรุปเราเช่ากัน 3 ห้อง พวกผมแบ่งกันออกเป็นสองห้องครับ เพื่อนกับแฟนที่มาคู่นึงแยกไปนอนบังกาโลข้าง ๆ ที่เป็นห้องแฝดเหมือนกัน พวกเราก็จัดแจงเก็บของกันไป ตอนนั้นเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าเห็นจะได้ครับ

               หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว ผมกับเพื่อนอีกสองคนก็มาเตรียมอุปกรณ์ทำกินกัน มีเตาแก๊สปิ๊กนิก มีหม้อ มีดเขียง จานชามครบ  ก็สังสรรค์กันไปเรื่อย ๆ ครับ หลังจากกินกันจนอิ่มแล้ว เพื่อน ๆ ก็ตั้งวงนับเลขกันครับ ผมเองไม่ถูกกับแอลกอฮอล์ เลยปลีกตัวออกมานั่งเล่นครับ ตอนนั้นผมจำไม่ได้แล้วว่ากี่โมงแต่ก็ดึกแล้ว พอดีกับแฟนผมที่โทรมาพอดี  ก็เลยเดินแยกออกไปนั่งเล่นคนเดียวครับ เพื่อนคนนึงที่มันไม่กลัวผี ก็พูดโพล่ง ๆ ขึ้นมาว่า อย่าไปไกลนะงึงเดี๋ยวโดนผีหลอก หลังจากมันพูดจบเพื่อน ๆ ก็ขำไปด่ามันไปประมาณว่าดึกแล้วพูดอะไรแบบนี้ ผมก็เออออไม่ได้สนใจ เดินห่างจากบังกาโลมาไม่เกิน 20 ก้าว ก็เป็นเหมือนสวนเล็ก ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นต้นปาล์มหรือต้นมะพร้าวต้นเล็ก ๆ ปลูกห่างกันเว้นกันเป็นระยะ แล้วก็มีเก้าอี้ตั้งอยู่ตัวนึง  ผมก็เลยไปนั่งเล่นครับ เสียงเพื่อนผมที่ยังเจี้ยวจ๊าวอยู่ข้างหลังก็ได้ยินแผ่ว ๆ ผมก็คุยไปเรื่อย ๆ นานเท่าไหร่จำไม่ได้ แต่นานพอสมควร หลังจากนั้น เรื่องแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นครับ ผมคิดว่า ตอนนั้นน่าจะ 4 ทุ่มกว่า ผมคุยโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ หางตาผมก็ไปเห็นครับ หน้าลุงคนนึง ค่อย ๆ โผล่หัวมาจากต้นไม้ ท่าทางเหมือนโผล่มาแอบดูจากขอบกำแพงครับ ผมก็ไม่ได้สนใจ หลังจากเสี้ยววินาทีที่ผมคิดขึ้นได้ ผมก็หันไปที่ต้นไม้ครับ ลุงแกไม่อยู่แล้ว แล้วต้นไม้ก็เล็กมากด้วยครับ ขนาดประมาณต้นขาคนเราทั่ว ๆ ไป(ไม่นับคนอ้วนนะ)ซึ่งถ้ายืนอยู่หลังต้นไม้ ยังไงก็บังไม่มิดครับ ผมด้วยความที่ตกใจ ปน งง เลยเดินไปที่ต้นไม้ แต่เป็นต้นอื่นครับซึ่งเป็นต้นที่อยู่ตรงกันข้าม ลองไปยืนเอาตัวเทียบดู มันไม่มิดนะ จังหวะที่ผมสงสัย แล้วมองกลับไปยังต้นไม้ต้นเดิม ใบหน้าของลุงคนนั้นก็โผล่มาอีกครับ แต่หลังจากที่ลุงแกโผล่ออกมา ทำให้เราได้จ้องกัน เหมือนลุงแกตกใจ ผลุบกลับเข้าต้นไม้ไปครับ เท่านั้นแหละ ผมจ้ำอ้าวไปหาเพื่อน ๆ ที่นับเลขกันอยู่ จนพวกมันตกใจกันหมด ผมไม่ได้เล่าอะไรให้เพื่อน ๆ ฟังแต่เพื่อน ๆ ก็พอจะรู้ในถึงสิ่งที่ผมกลัว เพื่อนคนนึงก็อาสาไปซื้อน้ำแข็งครับ เพราะหน้าหาดมีเซเว่น มันจะได้พาผมไปโกรกลมเย็น ๆ จะได้หายฟุ้งซ่าน คนขับผมให้นามสมมุติว่าชื่อ C ละกัน เราไปกัน 2 คันคับ อีกคันนึงเป็น A เพื่อนผม กับ B ที่เป็นแฟนมันมาด้วย ผมกับ C ก็ขึ้นคร่อมรถรอแล้วครับ ส่วน A ก็รอแฟนอยู่ไปหยิบกระเป๋าสตางค์ครับ พอ B มา  A เพื่อนผมก็ออกรถครับ B เลยเรียก เห้ย งึง จะชนลุงเค้าแล้วไอ้ * * * ขับดี ๆ A เพื่อนผมก็หันมาถามว่า ลุงไหน เห็นมีแต่หมานอนอยู่ เท่านั้นแหละ B เลยบอกให้ A รีบ ๆ ออกรถ แล้วหันหลังมาหลับตาปี๋ A เหมือนจะรู้ว่ามีอะไรไม่ดี เลยรีบออกรถครับ พอเราไปถึงเซเว่น ผมกับ B ก็คุยกัน สิ่งที่ B เห็น เป็นลุง ยืนอยู่ข้าง ๆ หมาที่นอนหน้ารถนั่นแหละครับ ใบหน้าเหี่ยว ๆ ย่น ๆ เหมือนคนมีอายุมากแล้ว แต่เพื่อนผมเห็นเป็นคนสภาพดีเต็มตัว เลยไม่ได้คิดว่าเป็นอย่างอื่น ผมเลยคุยกันว่าจะไม่บอกเพื่อน ๆ รอให้กลับกรุงเทพกันก่อนค่อยเล่า หลังจากเรากลับที่พัก เพื่อน ๆ บางคนก็เข้าไปอาบน้ำแล้ว A กับ B ก็แยกไปห้องตัวเอง หลายคนก็ยังนับเลขอยู่ ตอนนั้นผมสติแตกแล้ว ไม่กล้าอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรให้เพื่อน ๆ กลัว สักพัก A ก็เดินออกมาจากห้อง มานั่งเล่นกับเพื่อนปรกติ ไม่นานนัก B ก็เปิดประตูออกมาจากห้อง ชะโงกมา พวกเราก็เห็น B นุ่งผ้าผนหนูอยู่เหมือนเตรียมตัวอาบน้ำ แล้ว เธอก็ปิดประตูกลับเข้าไปในห้อง ผ่านไปไม่นาน ราว ๆ 20 นาทีได้ B ก็เปิดประตูออกมาอีก พร้อมผมเปียกและกำลังเช็ดหัว ทำหน้างง ๆ แล้วก็ตะโกนเรียก A ที่อยู่กับเพื่อน ๆ หลังจาก A เข้าไปในห้องราว ๆ ครึ่งชม. ผมก็สังเกตุเห็นสิ่งผิดปรกติอีกรอบ คือ A เปิดประตูมางง ๆ มองซ้ายมองขวาสักแปบ แล้วก็ปิดประตู อีกไม่ถึง 10 นาที A เปิดประตูออกมาแล้วตะโกนเรียกผมเสียงดังมาก จนคนอื่น ๆ หันไปมองกันหมด ผมเองคิดว่ามีอะไรแน่ ๆ จึงรีบไปหามันที่หน้าห้อง แล้วมันก็บอกว่า หลังจากนี้ ไม่ต้องมาเคาะห้องตูแล้วนะ เคาะให้ตายตูก็ไม่เปิดแล้ว ค่อยคุยกันตอนถึงกรุงเทพ ผมก็รับปาก เด๋วบอกเพื่อนให้ เพราะมันก็คงรู้ว่าผมเจออะไรมา ถึงฝากผมไปบอกเพื่อน ๆ 

              หลังจากกลับไปที่วง  เพื่อน ๆ ก็ถามว่า A เป็นอะไรป่าวดูแปลก ๆ ผมเลยบอกเพื่อน ๆ ไปว่า มันจะนอนกับแฟนมัน ไม่ต้องไปเคาะห้องไปกวนมันแล้วนะ มันจะไม่เปิด... คงทำไรกันมั้ง อย่าไปกวนมันเลย ผมก็พูดทีเล่นทีจริงแอบแซวเพื่อน ให้ในวงนั้นไม่คิดอะไรกันไปไกล หลังจากนั้น ก็เป็นปรกติครับ แยกย้าย อาบน้ำนอน บางคนก็ยังไม่นอน บางคนก็คุยกับแฟน ตอนนั้นน่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ห้องผมปิดไฟนอนแล้วและผมก็หลับไปแล้ว แล้วก็คาดว่าอีกห้องก็เช่นกัน ผมหลับไปได้พักใหญ่ ๆ ก็ต้องตกใจตื่น ด้วยเสียงหมาหอนครับ ถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะตี 2 เพราะเพื่อนข้าง ๆ ผม ก็ตื่นเหมือนกันเพราะเสียงเดียวกัน ตอนนั้นทุกคนได้ยินเสียงหมาหอนเหมือนกันหมด แล้วเพื่อนคนนึงก็พูดขึ้นมาว่า ตอนเรามาจอดรถ เห็นหมาแค่ 2 ตัวเองนะ ที่นอนอยู่ตรงทางเข้า ตอนนี้มันมาหอนจากไหนเยอะแยะวะ ตอนนั้นผมก็คิดเหมือนเพื่อนครับ แต่มองในแง่ดี มันอาจจะแอบนอนอยู่ตรงไหนก็ได้ครับ ตอนนั้นเสียงหมาหอนระงมไม่หยุดครับ เกินสองตัวแน่นอน  แล้วพวกผมในห้องก็ต้องตกใจกันอีกรอบจนกระโดดมากองรวมกันครับ ด้วยเสียงเคาะประตู ก๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงมารัวมากครับ แล้วก็มีเสียงตะโกนมาว่า เห้ย ๆ เปิดประตูให้ตูหน่อย ตูจะนอนด้วย ผมเองที่เชื่อเรื่องนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เลยสั่งให้เพื่อนเงียบ ห้ามขานรับ แล้วก็ไปแอบดูตรงหน้าต่าง เลยเห็นเพื่อนอีกประมาณ 3 คน หิ้วหมอนหิ้วผ้าห่มมาขอนอนด้วย ถึงเปิดให้เข้าครับ พวกเราก็มานอนรวมกันหมด ผมเลยถามหาเพื่อนอีกคน เพราะยังมีอีก 1 คนที่ยังอยู่อีกห้องคนเดียว หลังจากที่เราเหนื่อยมาทั้งวัน พวกเราที่นอนรวมกันก็หลับไปอย่างง่ายดาย พร้อมกับเสียงหมาหอนที่เงียบลงไปตอนไหนก็ไม่ทราบ แต่สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือ เสียงทุบประตู ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ เห้ย ๆ ใครก็ได้เปิดประตูให้ตูเร็ว ๆ ทุกคนพร้อมใจกันตื่นเหมือนเดิม แต่มั่นใจได้ว่า เสียงนอกห้องเป็นเสียงของเพื่อนเราอีกคนที่อยู่อีกห้องแน่นอน ทุกคนเงียบ ไม่มีใครตอบรับ เพราะผมสั่งห้ามไว้ ผมแอบไปมองที่เดิมก็เห็นเพื่อนผมจริง ๆ ผมเลยรีบเปิดประตูให้มันเข้ามา แต่สิ่งที่ผมเห็นหางตา ไม่ใช่ลุงคนนั้น แต่เป็นผู้หญิงผมยาวลักษณเหมือนมองมาทางผม อยู่หน้าประตูห้องข้าง ๆ แค่เห็นหางตา ผมรีบปิดประตูทันทีล็อคกลอนที่ลูกบิดแล้วก็ประตู  ยังไม่ทันถาม ผมก็พูดขึ้นว่าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น กลับกรุงเทพค่อยคุย หลังนั้นผมก็มานอนรวมกับเพื่อน ๆ หลับไปจนถึงเช้า

            หลังจากฟ้าสาง พวกเราทุกคนรีบเก็บของกลับกรุงเทพกันอย่างไว โดยไม่สนใจอะไรเลย แต่สิ่งที่ผมเห็นในตอนเช้า มันน่าตกใจจริง ๆ ครับ บังกาโลถ้าจำไม่ผิด มีเกือบ 20 ห้องได้ แต่มีแค่เราเท่านั้นที่มาพัก ห้องอื่น ๆ ถูกปิดสนิท ไม่มีรถจอด ผ้าม่านเปิดโล่งทุกหลัง แล้วเพื่อนผมคนนึงก็พูดขึ้นมาว่า เรามาพักรีสอร์ทร้างป่าววะเนี่ย ทำมัยมันเงียบจัง  ผมก็บอกเพื่อนว่า ช่างเหอะเราจะกลับกันแล้ว ในหัวก็ได้แต่คิดว่าเรื่องราวเมื่อคืนก็ผ่านไปแล้ว ถ้าเราทำอะไรไม่ดีเสียงดัง ก็ขอโทษเจ้าที่เจ้าทางด้วย หลังจากนั้น พวกผมก็เอารถไปคืนที่ร้านป้าที่แกแนะนำมารีสอร์ทนี้ สิ่งที่น่าแปลกใจคือ ป้าถามว่าหลับสบายดีมั้ย แต่มีคำถามต่อท้ายมาด้วยว่า เจออะไรหรือเปล่า ผมเลยออกล้อฟรีตอบแทนเพื่อนไปก่อนเลยว่า อ๋อ ไม่มีนะครับ หลับสบายดี ป้าแกก็ยิ้ม ๆ แล้วก็ทำหน้างง ๆ เหมือนไม่เชื่อ แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร จนกลับมากรุงเทพกัน

มีต่อนะครับ ตัวอักษรไม่พอ เด๋วพิมพ์ต่อ แปบนึงครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่