ผมและภรรยาเราเลิกกันเพราะเธออยากมีลูก

         ผมอยากแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นและอยากทราบความเห็นของทุกท่านในเรื่องนี้ เพราะผมคิดว่าไม่น่าใช่แค่ครอบครัวเราที่เคยเผชิญกับปัญหานี้ จึงอยากให้ประสบการณ์นี้เป็นประโยชน์ต่อทุกท่าน ขอความกรุณาแสดงความคิดเห็นโดยใช้ถ้อยคำคำที่สุภาพ และ ไม่พาดพิงบุคคลอื่นด้วยถ้อยคำรุนแรงนะครับ 

         เรื่องทั้งหมดได้เกิดขึ้นเมือปี 2561 มันจบไปสักระยะแล้ว เราต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตตามที่เราต้องการ ไม่มีการติดต่อกัน เราตัดขาดกันทั้งตัวเราเองรวมไปถึงญาติที่น้องของเราทั้งคู่ด้วย
         ผมและภรรยาเราคบกัน แต่งงาน จนเราแยกทางกัน รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 8 ปี ไม่ใช่เวลาที่นานสำหรับใครบางคน แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่น้อยเช่นกัน เราคบกันมาด้วยดีตลอดตั้งแต่ช่วงที่เราเป็นแฟนกัน เราคุยกันเสมอว่า ถ้าเราแต่งงานกัน เราไม่มีลูกนะ เราจะดูและกันไปแบบนี้จนแก่ ซึ่งแฟนผมเป็นคนเสนอความคิดนี้และพูดกับผมแบบนี้เสมอมา ซึ่งแน่นอนผมเห็นด้วย เพราะผมก็ไม่ได้ต้องการจะมีลูกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องด้วย
         ครอบครั้วเราทั้งคู่เป็นครอบครัวใหญ่ เรามีหลาน ลูกของพี่ชาย น้องสาว มากมาย ซึ่งผมจะสื่อให้เห็นว่า เรามาจากพื้นฐานครอบครัวที่ใกล้เคียงกัน ที่บ้านเราทำธุรกิจ เป็นธุรกิจขนาดกลางทั้งคู่ พวกเราไม่ได้มีปัญหาด้านการเงิน เราคือชนชั้นกลางที่ชีวิตปกติ เรามีบ้าน มีรถ อยากไปไหนเราได้ไป อยากทานอะไรเราได้ทาน อยากไปทำบุญเราก็ไป รวมไปถึงครอบครัวเราทั้งสองก็ด้วย ทุกอย่างไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเราแต่งงาน
        เราแต่งงานมาได้ 2 ปี แฟนผมบอกว่าขอไปฝังยาคุมนะ เพราะว่ากินยาคุมมากๆ มันอันตราย ผมก็พาเธอไป จนผมคุยกับเธอว่าจะให้ผมทำหมันมั้ย ผมทำได้นะ เธอบอกว่า รอฝังยารอบนี้เสร็จ 5 ปี แล้วถ้าผมยืนยันจะทำเค้าก็ตามใจ เพราะผมเองไม่อยากให้เค้าเจ็บและผมก็ไม่ได้อยากมีลูกแม้แต่น้อยอยู่แล้ว
        เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะ เพื่อนสนิทของภรรยาผมตั้งท้อง และคลอดลูก ออกมา น่ารักน่าชังมาก แฟนผมไปเยี่ยม และ ไปคลุคลีช่วยเพื่อนเค้าเลี้ยงแทบจะทุกวัน เพราะแฟนผมบอกว่ากลัวเพื่อนเค้าจะเป็นซึมเศร้าหลังคลอด เพื่อนเค้าจะได้มีคนคุยด้วย ภรรยาผมไปมาหาสู่เพื่อนเค้าแบบนี้จนเพื่อนเค้าตั้งท้องลูกคนที่ 2 ผมไม่ทราบว่าเค้าคุยอะไรกันทุกวัน 
       ภรรยาผมเริ่มแปลกไป เค้าจะคอยพูดตลอด เวลาเจอเด็กที่ไหนก็ตาม เด็กน่ารักเนอะ? ถ้ามีลูก ลูกเราหน้าจะเป็นยังไงนะ? 
       ผมก็บอกไปว่า "ไม่อยากมีลูกไม่ใช่เหรอ เราก็ไม่อยาก ทำไมอยู่ดีๆ พูดเรื่องลูกบ่อยจังหลังๆ"
      แฟนผมบอกว่า "ไม่มีอะไรพูดเฉยๆ"
      เป็นแบบนี้หลายเดือน จนหลังจากพูดเล่น เริ่มเสียงแข็ง ผมก็ทนไม่ไหวกับการพูดลอยๆแบบนี้แทบจะวันเว้นวัน
      ผมเลยบอกไปว่า "เห็นเพื่อนมีแล้วอยากมีลูกตามเพื่อนเหรอ? เพื่อนชวนมีลูกใช่มั้ย?"
      แฟนผมก็ระเบิดคำพูดใส่ผมว่า "คิดว่าเค้าเป็นควาย ใครจูงจมูกก็ได้เหรอ?"
      ผมก็ขอโทษเค้าไปที่พูดจาไม่คิด เพราะปกติแฟนผมไม่ค่อยตะคอก หรือตะโกนใส่ผมแบบนี้

   ปัญหานี้ยังคงคาใจเรามาตลอด จนวันนึงแฟนผมบอกว่า เค้าจะไปเอายาคุมที่ฝังออก และเค้าจะมีลูก ผมบอกว่า จะมีลูกต้องเป็นความเต็มใจของพ่อและแม่ ไม่ใช่แฟนผมอยากมี แต่ผมไม่อยากมี เค้าบอกว่า 'หรือจะให้เค้าไปมีกับคนอื่น ก็ได้นะ?'
    ผมพลั้งมือไปตบหน้าแฟน เราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน และเป็นครั้งแรกที่ผมใช้ความรุนแรงกับเค้า ผมทำผิดมากที่ใช้กำลังกับเค้า ทุกวันนี้ผมก็ยังมีความรู้สึกผิดติดอยู่ในใจผมอยู่ตลอด แฟนผมขับรถออกจากบ้านผมทันทีเพื่อไปบ้านแม่เค้า

    ผมทราบดีว่านี่มันคือความผิดของผม และผมก็รู้นิสัยเค้าดีพอ ผมขับรถไปบ้านแม่เค้า แม่ก็ออกมาหาผม ผมขอโทษแม่ไป ว่าผมรุนแรงกับลูกแม่ แม่บอกค่อยๆคุยกัน แต่อย่าใช้กำลังอีก เรื่องก็จบลงเพราะแฟนผมยอมกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่มันเหมือนมีแผลเปิดอยู่ในใจตลอด มันไม่สนิทใจแบบที่เคยเป็นมา

   แฟนผมจะพยายามพูด ทุกครั้งเวลาเห็นเด็ก เอาภาพลูกเพื่อนเค้ามาให้ดู ไปต่างประเทศก็จะบอกว่า ดูสิฝรั่งยังเอาลูกทารกขึ้นเครื่องไปด้วยเลย ไม่เห็นเค้าลำบากอะไรมากเนอะ แก่ไปถ้าไมมีลูกใครจะเลี้ยง คำถามแบบนี้วนมาบ่อยและถี่กว่าเดิมมาก ผมอดทนได้อีกประมาณ 3-4 เดือน ผมเริ่มไม่ไหว

  ผมเลยบอกไปว่า 'ผมจะไปทำหมันแล้วนะ' 
  แฟนผมโกรธมาก และบอกว่า ถ้าทำเราก็เลิกกันดีมั้ย แล้วเค้าจะบอกทุกคนว่าที่ผมไม่สามารถมีลูกได้ เพราะผมไม่ชอบผู้หญิง 
  
  ผมไม่รู้ว่า คำพูดคำนั้นมันหลุดมาจากภรรยาผมได้ยังไง อาจจะด้วยอารมณ์โมโห หรือ อะไรก็ตาม ผมเหมือนไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลยตลอดเวลา 8 ปีที่เราคบกัน ผมคิดว่า เค้าคงคิดว่าเอามาเป็นเงื่อนไขการต่อรองผม แต่นี่มันชีวิตคู่ ไม่ใช่การล๊อบบี้กัน ใครเจ๋งกว่าชนะ มันไม่ใช่ แต่ผมก็คิดย้อนกลับไปว่า ผมก็เคยทำรุนแรงกับเค้าไปครั้งนึง นี่ก็คงจะหายกันถ้าเค้าจะใช้คำพูดทำร้ายผม

 นับวันแก้วมันมีแต่จะร้าวหนักขึ้น เรื่อยๆ ไม่มีวี่แววจะประสานกัน เหมือนสงครามประสาท จนเค้าเดินมาบอกผมว่า ถ้าไม่ยอมมีลูกกับเค้าก็เลิกกัน เค้าอยู่ตัวคนเดียวได้ ถ้าจะอยู่กับคนเห็นแก่ตัวแบบผม กลับไปอยู่กับแม่เค้าดีกว่า ผมไม่ทราบว่าความคิดนี้มันเกิดขึ้นกับแฟนผมช่วงเวลาไหน อาจจะเป็นช่วงที่ผมใช้ความรุนแรงกับเค้าก็เป็นได้ 

เราอยู๋ในจุดที่บอกให้คู่ชีวิตคู่อื่นๆ คุยกันดีๆ ด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ แต่พอมาถึงกับตัวเอง มันไม่ง่ายเลย
เรื่องนี้มันจบแบบนี้ผมก็ไม่เคยโทษใคร เพราะเรายอมรับแล้วกับผลที่จะตามมา ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตกับพี่น้อง ครอบครัว เพื่อนฝูง และงานอดิเรก ชีวิตมีความสุขดีครับ เราเลือกที่จะไม่รับรู้ชีวิตของกันและกัน เพราะนั่นน่าจะดีกับทั้งคู่

ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านนะครับ หวังว่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆคู่ ที่กำลังเผชิญ ปัญหานี้ ขอให้หาทางออกร่วมกันให้ได้นะครับ ผมเป็นกำลังใจให้
            
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
ผมต้องขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ทุกความเห็นเป็นประโยชน์มากครับ
เรื่องมันผ่านมาซักระยะแล้ว ผมทำใจได้ระดับนึงแล้ว
ในอนาคตถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
เพราะมันไม่ได้มีผลกระทบแค่ตัวผมและภรรยา แต่รวมถึงครอบครัวทั้งสองฝ่ายด้วย

ผมก็คิดๆอยู่เหมือนกันว่าจะทำหมันเอาไว้เลย และถ้าจะมีแฟนในอนาคต ผมจะบอกฝ่ายหญิงตั้งแต่ช่วงคบกันเลยว่า ผมทำหมันแล้ว
มีลูกไม่ได้และถ้าเค้ารับได้ และพร้อมจะดูแลกันไป ปัญหาชีวิตแต่งงานน่าจะตัดเรื่องลูกออกไปได้
ไม่มีใครอยากล้มเหลวในชีวิตแต่งงานหรอกครับ ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง

ถ้ามีลูกผมมั่นใจว่าเราจะได้รับความสุข ที่ต่างออกไปจากที่เราเคยได้รับ แต่ชีวิตผมตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราไม่มีความสุข หรือขาดอะไรในชีวิตไป
ลูกไม่ได้เป็นเครื่องการันตีความสุขในชีวิต การมีลูกสำหรับผมคือการเพิ่มห่วงให้ชีวิต ความสุขจะถูกตั้งให้สูงกว่ามาตรฐานของคู่ชีวิตที่พึงมี
และกินเวลาแบบนั้นไปทั้งชีวิตเรา เพราะความสุขหรือทุกข์ในชีวิตเราอย่างน้อยครึ่งนึงหรือมากกว่า จะถูกผูกไว้กลับลูก
สำหรับผม ชีวิตคู่ที่ต้องการคือการอยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจ ดูแล ห่วงใย ซื่อสัตย์ เท่านั้นจริงๆ ลูกจึงไม่ได้มาตอบโจทย์ความต้องการในข้อนี้ครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
เราไม่เห็นว่าเจ้าของกระทู้จะผิดตรงไหน ก่อนแต่งงานก็คุยกันแล้วนี่ว่าจะไม่มีลูกเลยแต่งงานกัน เมื่ออยู่กันไปฝ่ายหญิงมีความคิดเปลี่ยนที่อยากมีลูก แต่ผู้ชายไม่อยากมีก็เลิกกันไปก็ถูกแล้วนี่ หรือจะให้ผู้ชายทำลูกให้แต่ไม่ช่วยเมียเลี้ยงลูก แบบนี้มันไม่แย่กว่ากันเหรอ
ความคิดเห็นที่ 23
งงใจกับความเห็นที่บอกรักภรรยาน้อยไป รักแต่ตัวเอง งั้นแบบนี้ภรรยาเองก็รักสามีน้อยไปเหมือนกันมั้ย เพราะเห็นความอยากมีลูกสำคัญกว่าความรู้สึกของสามี

จริงๆการเลิกกันเป็นทางที่ดีที่สุดแล้วล่ะ ในเมื่อเป้าหมายชีวิตไม่ตรงกันมันก็เดินร่วมทางกันไม่ได้แล้ว หรือจะให้สามีทำๆลูกไป เด็กเกิดมาแล้วจะรักไม่รักค่อยว่ากันอีกที

เรื่องบางเรื่องมันใหญ่เกินจะฝืนใจทำๆไปเพื่อให้อีกฝ่ายพอใจ โดนเฉพาะเรื่องลูกที่เป็นความรับผิดชอบและความผูกพันชั่วชีวิต
ความคิดเห็นที่ 12
ผมเลยบอกไปว่า "งั้นผมจะไปทำหมันแล้วนะ"

โค..ตะ..ระ..พีคเลยครับ คุณรักตัวเองได้มากพอ
แต่รักภรรยาได้น้อยกว่า เลิกกันไปก็ดีแล้วครับ
ผมอ่านกระทู้นี้จนจบก็ยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึง
ความรักความผูกพันที่คุณมีให้กับภรรยาเลย
เหมือนมาเขียนให้โลกรู้ว่า"เมียผมผิดสัญญานะ"
สัมผัสได้ถึงการเอาชนะคะคานและความถือดี

เลิกกันน่ะดีแล้วครับ นอกจากคุณไม่อยากเป็นพ่อคน
แล้วคุณก็ไม่ควรจะไปแต่งงานเป็นสามีให้ใครอีก
...อยู่คนเดียวดีกว่า สงสารคนที่คุณ"คิดว่ารัก"ครับ
ความคิดเห็นที่ 6
เข้าใจทั้งสองฝ่ายค่ะ. คนไม่อยากมีคือไม่อยากมีจริงๆ. ถ้าเป้าหมายในชีวิตไม่เหมือนกัน ก็คงต้องเลิก.  ไม่มีใครผิดหรือถูก. ก็คงต้องไปหาคนที่คิดแบบเดียวกับเรา
ความคิดเห็นที่ 15
ภรรยาคุณก็แปลกดีนะ ตรงเกินไป

แค่ไปเอายาคุมออก และก็มี พสม ปกติกับคุณ

ท้องขึ้นมาก็บอกว่า คุมกำเนิดไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์

แค่นี้ก็จบแล้ว คุณก็คงไม่ใจร้าย ไล่ไปทำแท้ง

หรอกมั้ง

เคสนี้ ขอสอนสาวๆ อย่าตรงขนาด เมีย จขกท.

ต้องใช้ปัญญา ไตร่ตรอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่