คำว่า เกิด ในที่นี้ หมายถึงรถ EV ไฟฟ้า 100% จะมีแพร่หลายมากขึ้นไม่ต่ำกว่า 5%
คือมองไปบนถนน ในรถ 100 คัน น่าจะเห็นรถ EV ไม่ต่ำกว่า 5 คัน (ซึ่งถือว่าเยอะแล้วนะครับ)
ปีนี้ ราคารถ EV ที่เป็นรถที่ใช้ได้จริง ก็ประมาณ 1.19 ล้านบาท (MG ZS EV)
ในอีก 3 ปีข้างหน้า เชื่อว่าน่าจะได้เห็นรถ EV ลงมาเล่นราคาในระดับต่ำกว่า 7 แสนบาทแน่นอน (เอาเฉพาะรถที่ใช้งานได้จริง ไม่ใช่แบบรถคันกระจิ๋วริ๋ว)
ส่วนสถานีชาร์ตแบบ Quick Charge น่าจะผุดขึ้นตามรายทางมากขึ้น เพราะน่าจะสร้างได้รวดเร็วกว่าสร้างปั๊มน้ำมัน ลงทุนน่าจะน้อยกว่าปั๊มน้ำมัน
ดูจากในคลิปนี้ เจ้าของรถ EV ขับไปเที่ยวพัทยา พอถึงพัทยา ก็แวะพักจอดทานกาแฟ แล้วเอารถเข้าช่องชาร์ตแบบ Quick Charge ที่ตู้ชาร์ต EA หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น (ตอนนี้เกือบทุกที่ยังชาร์ตฟรีอยู่)
ใช้เวลาชาร์ตแค่ 40 นาที ก็ชาร์ตได้เต็ม 100% รถสามารถวิ่งต่อได้อีก 337 กม.
หลายคนกังวลว่า แล้วเวลารถติดหนักๆ แบบในกรุงเทพฯ รถ EV จะเอาอยู่หรือไม่
แต่จากข้อมูลของผู้ใช้งานจริง บอกว่า ไม่มีปัญหาเลย ต่อให้รถติดนานเป็น 10 ชั่วโมง เปิดแอร์รถเต็มที่ แบตก็ลดลงมาเพียงแค่ขีดเดียว เพราะใช้ไฟน้อยมาก
ต่อไปแบตจะยิ่งพัฒนาอย่างรวดเร็ว จุไฟฟ้าได้มากขึ้น วิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น ราคาถูกลงๆ ตอนนี้มีหลายศูนย์วิจัย แม้กระทั่งสถาบัน Vistec ก็วิจัยได้ผลเป็นแบตเตอรี่ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 700 กม. สำหรับการชาร์จเพียงครั้งเดียว
ลองนึกสภาพว่า รถ EV พวกนี้ ไม่มีเกียร์ ไม่มีเครื่องยนต์ ไม่ต้องใช้อะไหล่หลายๆ อย่างเหมือนอย่างในรถยนต์เครื่องสันดาป จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาไปได้มหาศาล ไม่มีต้องมีค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ไม่ต้องโอเวอร์ฮอลเกียร์ ไม่ต้องซ่อมเครื่อง แล้วต่อไปเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแบตซึ่งก็อีก 8-10 ปี (นับจากอีก 3 ปี) ถึงเวลานั้น แบตเตอรี่รถยนต์จะมีราคาลดลงมาเหลือเพียงไม่กี่หมื่นบาทเท่านั้น บางทีเมื่อถึงเวลานั้น แบตอาจจะไม่ต้องเปลี่ยนทั้งลูก แต่เปลี่ยนเฉพาะแค่โมดูลที่เสื่อมเท่านั้น ราคาก็จะยิ่งถูกลงไปอีก
รถ EV ต่อไปในอีก 3 ปี น่าจะตอบโจทก์คนหลายๆ คนที่ต้องการรถใช้งานในเมือง ราคาลงมาในระดับจับต้องได้ไม่เกิน 6 - 7 แสน ไม่ต้องการเสียค่าน้ำมันทุกวัน ไม่ต้องการเสียค่าบำรุงรักษามากมาย ไม่ต้องการปวดหัวกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมเครื่อง ซ่อมเกียร์ เปลี่ยนของเหลวต่างๆ และมั่นใจว่าเวลาเดินทางไปต่างจังหวัดไกลๆ จะมีสถานีชาร์จตามรายทางให้แวะจอดชาร์จ แล้วก็พักทานกาแฟสักครึ่งชั่วโมง แล้วก็ไปต่อได้
ดูคลิปนี้แล้ว ผมมั่นใจว่าอีก 3 ปี รถ EV ได้เกิดในไทยแน่นอน ไม่ต้องรอถึง 10 ปีอย่างที่หลายคนบอกไว้
คือมองไปบนถนน ในรถ 100 คัน น่าจะเห็นรถ EV ไม่ต่ำกว่า 5 คัน (ซึ่งถือว่าเยอะแล้วนะครับ)
ปีนี้ ราคารถ EV ที่เป็นรถที่ใช้ได้จริง ก็ประมาณ 1.19 ล้านบาท (MG ZS EV)
ในอีก 3 ปีข้างหน้า เชื่อว่าน่าจะได้เห็นรถ EV ลงมาเล่นราคาในระดับต่ำกว่า 7 แสนบาทแน่นอน (เอาเฉพาะรถที่ใช้งานได้จริง ไม่ใช่แบบรถคันกระจิ๋วริ๋ว)
ส่วนสถานีชาร์ตแบบ Quick Charge น่าจะผุดขึ้นตามรายทางมากขึ้น เพราะน่าจะสร้างได้รวดเร็วกว่าสร้างปั๊มน้ำมัน ลงทุนน่าจะน้อยกว่าปั๊มน้ำมัน
ดูจากในคลิปนี้ เจ้าของรถ EV ขับไปเที่ยวพัทยา พอถึงพัทยา ก็แวะพักจอดทานกาแฟ แล้วเอารถเข้าช่องชาร์ตแบบ Quick Charge ที่ตู้ชาร์ต EA หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น (ตอนนี้เกือบทุกที่ยังชาร์ตฟรีอยู่)
ใช้เวลาชาร์ตแค่ 40 นาที ก็ชาร์ตได้เต็ม 100% รถสามารถวิ่งต่อได้อีก 337 กม.
หลายคนกังวลว่า แล้วเวลารถติดหนักๆ แบบในกรุงเทพฯ รถ EV จะเอาอยู่หรือไม่
แต่จากข้อมูลของผู้ใช้งานจริง บอกว่า ไม่มีปัญหาเลย ต่อให้รถติดนานเป็น 10 ชั่วโมง เปิดแอร์รถเต็มที่ แบตก็ลดลงมาเพียงแค่ขีดเดียว เพราะใช้ไฟน้อยมาก
ต่อไปแบตจะยิ่งพัฒนาอย่างรวดเร็ว จุไฟฟ้าได้มากขึ้น วิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น ราคาถูกลงๆ ตอนนี้มีหลายศูนย์วิจัย แม้กระทั่งสถาบัน Vistec ก็วิจัยได้ผลเป็นแบตเตอรี่ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 700 กม. สำหรับการชาร์จเพียงครั้งเดียว
ลองนึกสภาพว่า รถ EV พวกนี้ ไม่มีเกียร์ ไม่มีเครื่องยนต์ ไม่ต้องใช้อะไหล่หลายๆ อย่างเหมือนอย่างในรถยนต์เครื่องสันดาป จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาไปได้มหาศาล ไม่มีต้องมีค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ไม่ต้องโอเวอร์ฮอลเกียร์ ไม่ต้องซ่อมเครื่อง แล้วต่อไปเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแบตซึ่งก็อีก 8-10 ปี (นับจากอีก 3 ปี) ถึงเวลานั้น แบตเตอรี่รถยนต์จะมีราคาลดลงมาเหลือเพียงไม่กี่หมื่นบาทเท่านั้น บางทีเมื่อถึงเวลานั้น แบตอาจจะไม่ต้องเปลี่ยนทั้งลูก แต่เปลี่ยนเฉพาะแค่โมดูลที่เสื่อมเท่านั้น ราคาก็จะยิ่งถูกลงไปอีก
รถ EV ต่อไปในอีก 3 ปี น่าจะตอบโจทก์คนหลายๆ คนที่ต้องการรถใช้งานในเมือง ราคาลงมาในระดับจับต้องได้ไม่เกิน 6 - 7 แสน ไม่ต้องการเสียค่าน้ำมันทุกวัน ไม่ต้องการเสียค่าบำรุงรักษามากมาย ไม่ต้องการปวดหัวกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมเครื่อง ซ่อมเกียร์ เปลี่ยนของเหลวต่างๆ และมั่นใจว่าเวลาเดินทางไปต่างจังหวัดไกลๆ จะมีสถานีชาร์จตามรายทางให้แวะจอดชาร์จ แล้วก็พักทานกาแฟสักครึ่งชั่วโมง แล้วก็ไปต่อได้