เท้าความก่อนว่าไป Work & Travel มานะครับ เผื่อบางคนสงสัย (จากกระทู้ที่แล้ว :
https://pantip.com/topic/39343044) รอบนี้ก็มาต่อกับการใช้ชีวิตในนั้นกันครับ ขอเรียกขำๆว่า Disney bubble เนื่องจากเป็นเหมือนอาณาเขตของดิสนีย์เวิร์ลเลย ด้วยพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 76,000 ไร่ ในนั้นคือใหญ่มากจริงๆ ครอบคลุมสวนสนุกทั้ง 4 สวนน้ำ 2 รีสอร์ทอีกกว่า 20 รวมไปถึงโซนกีฬา ESPN รวมถึง Shopping complex และอื่นๆอีกมาก
รวมแล้วเป็นเวลาประมาณ 10 สัปดาห์ที่ได้ไปใช้ชีวิตในนั้น และแน่นอนว่ามันก็ผ่านไปเร็วๆมาก เพราะในแต่ละวันก็มีทั้งทำงาน (5-6 วันต่อสัปดาห์) วันละประมาณ 8 ชั่วโมง หรือถ้าว่างหน่อยก็ไปเที่ยวพาร์คกันได้แบบเต็มที่เลยจริงๆ เข้าได้ทุกสวนสนุกเลย (แต่จะมีวัน block out อยู่บ้าง) มันเลยทำให้ชีวิตในวันนึงหลักๆเลยคือตื่นไปทำงาน กลับมาทำกับข้าวกิน ซักผ้า ช็อปปิ้ง ฯลฯ
หมู่บ้าน
ในที่นี้ สำหรับเด็กเวิร์คทั้งในอเมริกาและจากทั่วโลก จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 หมู่บ้าน (ในอีก 1-2 ปีเค้าว่าจะมาเพิ่มอีก 1) ซึ่งก็จะมีความแตกต่างกันไป
1.
Vista Way (อันนี้จะละเอียดหน่อย เพราะอยู่เอง)
เป็นหมู่บ้านแรกเริ่มเลย เอาง่ายๆคือเก่าสุด แต่เดี๋ยวนี้เค้าก็มี renovate ไปแล้วบางหลัง แต่หมู่บ้านนี้จะอยู่คนละกับ 3 หมู่บ้านที่เหลือ ไม่ถึงกับเดินไปหากันได้ง่ายๆ ส่วนบ้านแบบ typical เลยคือจะมีสามชั้น ชั้นละ 4 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องก็จะมี 2 ห้องนอนที่แชร์ 1 ห้องน้ำกัน กับอีก 1 ห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว ส่วนพื้นที่ส่วนกลางก็จะมี sofa กับครัวมาให้ มีอุปกรณ์ครบหมดเลย ทั้งตู้เย็น เตาอบ เตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ
Service center ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์กลางของหมู่บ้าน (มีทุกหมู่บ้าน) ใครมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับโปรแกรมก็เข้าไปคุยได้ ใครส่งของมาที่บ้าน ส่วนใหญ่ก็จะมาลงที่นี่ เค้าก็จะส่งเมลมาให้เราไปรับ มีอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านให้ยืมด้วย แต่ที่ไม่เหมือนหมู่บ้านอื่นคือจะมี Learning center เพิ่มมา คือจะมีแผ่น DVD หนังเก่าๆของดิสนีย์อยู่เพียบ ยืมมาดูได้ (แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีเวลาดูขนาดนั้นหรอก) รวมทั้งมีศูนย์คอมไว้ปริ้นเอกสารต่างๆได้ แต่ที่นี่จะมีข้อจำกัดหน่อยคือมีเวลาเปิด-ปิด ในขณะที่หมู่บ้านอื่นๆจะเข้าไปใช้คอมได้ตลอดเวลา
สำหรับเรื่องการซักผ้า ก็จะมีเครื่องซักผ้า/เครื่องอบ ไว้ให้บริการที่บ้านแต่ละหลังเลย อย่างละ 3 เครื่อง ซึ่งถือว่าโอเคมาก ซักหรืออบ ครั้งละ $1.25 แถมจ่ายด้วยบัตรได้ด้วย แล้วก็ที่ดีเลยคือมีเวปเช็คว่าเครื่องมีคนใช้มั้ย / ส่งข้อความเตือนตอนซักเสร็จแล้วได้ด้วย
ข้อดีอีกอย่างนึงของที่นี่คือเป็น Bus hub ซึ่งหมายความว่ารถรับส่งในทุกๆสายจะจอดรออยู่ที่นี่ เพราะมีพื้นที่รองรับรถค่อนข้างมาก ทำให้มีโอกาสขึ้นรถได้ง่ายกว่าหมู่บ้านอื่น รวมทั้งยังอยู่ในหมู่บ้านด้วย ไม่ต้องถึงขั้นเดินออกมาหน้าหมู่บ้าน
เรื่องร้านอาหารแถวหมูบ้านก็โอเคอยู่ เพราะถ้าเดินออกมาหน้าหมู่บ้าน จะมี Wendy’s กับ Chick-fil-A รวมทั้ง Walgreen อยู่ใกล้ๆเลย ไม่อดตายแน่นอน
2.
Chatham Square
หมู่บ้านนี้ก็เป็นอีก 1 choice ฮิต พอๆกับ Vista เลย เพราะราคาก็พอๆกัน ส่วนที่ต่างกันเลยคือที่นี่จะมีห้องแบบเตียงสองชั้นเพิ่มมา (3 คนใน 1 ห้อง) แล้วก็ไม่ได้มีเครื่องซักผ้าในบ้านแต่ละหลังด้วย ต้องเดินออกมาหน่อย รวมถึงเวลาขึ้นบัสต้องเดินออกมาหน้าหมู่บ้านเลย ทำให้อาจจะไกลขึ้นนิดนึง แต่เวลาจัดกิจกรรมทั้งต้อนรับ เลี้ยงส่ง ก็จะจัดขึ้นในลานกิจกรรมที่นี่ ไม่ต้องไปไหนไกลเลย
3.
The Commons
เดิมที่เป็นหมู่บ้านสำหรับชาว International Program เลย แต่ภายหลังเค้าก็ให้อยู่ปนกันได้แล้ว ที่นี่จะมีราคาค่าที่พักแพงสุดเลย อาจจะเพราะบ้านมีความใหม่ รวมถึงใช้เครื่องซักพัก / เครื่องอบได้ไม่อั้น ไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย เป็นข้อดีอีกอย่างนึง แถมมีร้านค้าภายในหมู่บ้านด้วย ชื่อ The Grid ขายของใช้รวมถึงอาหารอีกด้วย
อีกอย่างนึงเลยคือตรงข้ามหมู่บ้าน (เดินประมาณ 10 นาที) จะเป็น Orlando International Premium Outlets มีช็อปใหญ่ๆมากมาย รวมถึง food court ที่ไม่แพงมากด้วย แถมพนักงานดิสนีย์จะได้รับส่วนลด on top ไปอีกแทบทุกร้าน ใครมาที่นี่คือได้ของกลับบ้านไปแน่ๆ ละลายทรัพย์ได้ดีพอๆกับในพาร์คเลย
4.
Patterson Court
หมู่บ้านนี้จะมีข้อเสียหน่อยตรงที่บัสบางสายจะไม่ผ่าน ทำให้ต้องเดินออกมาขึ้นที่ Chatham เลยลดความสะดวกไปมาก ส่วนใหญ่คนที่พักที่นี่จะมีรถกัน ในส่วนอื่นๆก็ค่อนข้างเหมือนกันหมู่บ้านอื่นๆ
Costuming
ชุดทำงาน เป็นเรื่องสำคัญมากในการทำงานที่นี่ เพราะทุก role ล้วนแล้วแต่มีความเป็นเอกลักษณ์มากๆ ในด้านของเสื้อผ้า สำหรับใครที่ทำงานในแต่ละที่ ก็จะต้องไปรับชุดมาไว้ได้สูงสุด 5 ชุด เช่นถ้าทำที่ Hollywood Studios ก็จะมี Costuming หน้าพาร์คเลย สะดวกมากๆ อาจจะค่อยเปลี่ยนชุดก่อนทำงาน แล้วทำงานเสร็จก็คืนชุดได้ทันที ไม่ต้องพกมาสำรองไว้ที่บ้าน
ส่วนถ้าใครไปเทค shift เพิ่มแล้วทำงานที่อื่น ต้องหาชุดเพิ่มเติม ดิสนีย์ก็จะยอมให้ไปเบิกชุดเพิ่มมาได้นอกเหนือ 5 ชุดของที่ทำงานหนัก ใช้เสร็จแล้วก็คืนได้เลย ยกเว้นใครหาไซส์ยากก็อาจจะเอากลับมาซักเองที่บ้าน
การเดินทาง
สำหรับสี่หมู่บ้านนี้ ดิสนีย์จะมีรถ shuttle bus ทั้งหมด 11 สายด้วยกัน ซึ่งเค้าก็จะจัด destination กลุ่มเดียวไว้สายเดียวกัน ต้นทางก็จะเป็นหมู่บ้านทั้งสี่ (หรืออาจจะสาม แล้วแต่สาย) วนกันไปเป็นลูปๆ มีทั้งตารางเวลากับแอพไว้เช็คว่าตอนนี้รถอยู่ที่ไหนแล้ว รวมทั้งยังมีบางสายไป Walmart / Publix ได้ด้วย มีไว้อำนวยความสะดวกให้ครบเลย
พอรถมาถึงก็จะมีเวลาอยู่แปบนึงในการขึ้นรถ ตามตารางเวลา
ทำงาน
สำหรับงานที่ทำ ที่ได้พูดถึงเมื่อตอนก่อนก็คือตำแหน่ง Quick Service Food & Beverage นั่นเอง ลักษณะงานก็คือทำแทบทุกอย่างในร้าน The Mara นี้เลย โดยร้านนี้จะอยู่ในรีสอร์ท Animal Kingdom Lodge (ชื่อคล้ายๆกับสวนสนุกเพราะอยู่ใกล้ๆกันเลย แต่ไม่เชื่อมกันนะ) เป็นหนึ่งในรีสอร์ทระดับ Deluxe ใน WDW เลย ต้องบอกก่อนว่าร้านนี้ขายอาหารแนว African / American ก็จะได้ฟีลแปลกๆไปหน่อยดี
ส่วนหน้าที่หลักๆก็จะมี
- Waffle ก็คือทำวาฟเฟิลเลยนี่แหละ เป็นอาหารที่ขายในช่วงเช้า มีหน้าที่ไปเอาแป้งที่เค้าผสมไว้แล้วมาเตรียมเทใส่เครื่องทำ ซึ่งจะมีทั้งหมด 6 แท่น เปิด-หยอด-ปิด-หมุน วนกันไป แต่จะเป็นวาฟเฟิลธรรมดาก็ไม่ได้ ที่นี่ซะอย่าง แน่นอนว่าต้องเป็นรูปร่าง Mickey Mouse!
- Pizza ในร้านนี้ขายอาหารประเภท Flatbread ซึ่งหน้าที่ของเราคือทำทุกอย่างเลยจริงๆ เพื่อประกอบกันออกมาเป็น Flatbread ที่ว่านี้ ตั้งแต่ไปเตรียมแป้ง ทาน้ำมัน โรย salt&pepper ทาซอส ใส่ชีส แล้วก็ตามด้วยหน้าต่างๆแต่ guest สั่ง หลังจากนั้นก็เอาไปใส่เตาอบ slice โรยหน้า ไปจนวางลงกล่องพร้อมเสิร์ฟ
- Stocker/Flyer ซึ่งประกอบไปด้วยสองส่วนคือคุมของทอด คอยดรอป fries/nuggets/fillets แล้วก็รอเอาไปไว้ให้ Expo รวมทั้งคอยเติม stock อาหารต่างๆในร้านจากครัว เช่น ข้าว ซุป แกง กับข้าวต่างๆ
- Grab n’ Go จะรับผิดชอบในส่วนของหลังตู้เย็นทั้งหมด คอยเติม stock ทั้งเครื่องดื่ม แล้วก็พวกอาหารที่แช่ไว้ พร้อมรับประทาน
- Greeter ในร้านนี้จะใช้ระบบสั่งอาหารก่อน แล้วค่อยเดินออกไปจ่ายเงินที่ Cashier เลยทำให้หน้าที่นี้มีไว้เพื่อรับ order จาก guest แล้วกดสั่งในจอ ส่งใบเสร็จไปหลังร้านเพื่อทำอาหาร คนที่ทำหน้าที่นี้จะได้คุยกับกับ guest ตลอดเวลาเลย เปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบนึง
- Expo หน้าที่นี่จะว่าซับซ้อนที่สุดก็ใช่ เพราะดูใบเสร็จแล้วพูดให้หลังร้านทำ หลังจากนั้นก็นำอาหารมาประกอบกันเป็นเมนูๆนึงก่อนจะเสิร์ฟให้ guest เพราะมีหลายๆอย่างมาก ต้องใช้สมาธิสูง 5555
- Mobile Order ตอนนั้นที่เข้ามาทำงาน ร้านนี้ก็เพิ่งจะใช้ระบบนี้พอดี ทำให้ได้เรียนรู้ของใหม่ไปพร้อมๆกับ cast members เลย โดยหน้าที่นี้จะดูแลออเดอร์ทางโทรศัพท์ แล้วเสิร์ฟแยกต่างหาก ถ้าช่วงไหนว่างก็จะได้ช่วยๆกับคนอื่นๆที่ออเดอร์ปกติ
- Bakery คอยดูตรง counter ขนมหวาน รวมทั้งกาแฟ น้ำปั่นด้วย อันนี้จะค่อนข้างสบายหน่อย เพราะเป็นงานสบายๆ ไม่วุ่นวายมาก
- Dining room จะคอยดูแลในบริเวณโต๊ะกินข้าว คอยทำความสะอาด รวมทั้งเติมของใน condiment bars ด้วย สนุกไปอีกแบบนึงแต่เป็น least favorite ของจขกท.เลย
คร่าวๆก็จะประมาณนี้ โดยก่อนจะเริ่มทำงานจริงๆ จะมีเทรนในแต่ละตำแหน่งก่อน ช่วงนั้นก็จะมีติดแท็ก Earning my ears ไว้ที่ชุดทำงาน เป็นเหมือนเรากำลังฝึกอยู่นะ เพื่อไว้เวลาเกิดข้อผิดพลาด guest ก็จะไม่ถึงกับบ่นหนัก เพราะรู้ว่าเพิ่งเริ่มทำงาน
ส่วนช่วงเวลาทำงาน หลักๆแล้วก็คือได้ shift ปิดร้าน จะทำช่วงเย็นๆไปจนถึงเที่ยงคืนได้ ทำให้ต้อง closing ในแต่ละวันตามหน้าที่ด้วย เช่นทำความสะอาดบริเวณที่เรารับผิดชอบ
[CR] ไปอยู่ เที่ยว กิน (+ทำงาน) ณ Walt Disney World 2019 ตอนที่ 2 ใช้ชีวิตอยู่ยังไง?
หมู่บ้าน
ในที่นี้ สำหรับเด็กเวิร์คทั้งในอเมริกาและจากทั่วโลก จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 หมู่บ้าน (ในอีก 1-2 ปีเค้าว่าจะมาเพิ่มอีก 1) ซึ่งก็จะมีความแตกต่างกันไป
1. Vista Way (อันนี้จะละเอียดหน่อย เพราะอยู่เอง)
ข้อดีอีกอย่างนึงของที่นี่คือเป็น Bus hub ซึ่งหมายความว่ารถรับส่งในทุกๆสายจะจอดรออยู่ที่นี่ เพราะมีพื้นที่รองรับรถค่อนข้างมาก ทำให้มีโอกาสขึ้นรถได้ง่ายกว่าหมู่บ้านอื่น รวมทั้งยังอยู่ในหมู่บ้านด้วย ไม่ต้องถึงขั้นเดินออกมาหน้าหมู่บ้าน
2. Chatham Square
หมู่บ้านนี้ก็เป็นอีก 1 choice ฮิต พอๆกับ Vista เลย เพราะราคาก็พอๆกัน ส่วนที่ต่างกันเลยคือที่นี่จะมีห้องแบบเตียงสองชั้นเพิ่มมา (3 คนใน 1 ห้อง) แล้วก็ไม่ได้มีเครื่องซักผ้าในบ้านแต่ละหลังด้วย ต้องเดินออกมาหน่อย รวมถึงเวลาขึ้นบัสต้องเดินออกมาหน้าหมู่บ้านเลย ทำให้อาจจะไกลขึ้นนิดนึง แต่เวลาจัดกิจกรรมทั้งต้อนรับ เลี้ยงส่ง ก็จะจัดขึ้นในลานกิจกรรมที่นี่ ไม่ต้องไปไหนไกลเลย
เดิมที่เป็นหมู่บ้านสำหรับชาว International Program เลย แต่ภายหลังเค้าก็ให้อยู่ปนกันได้แล้ว ที่นี่จะมีราคาค่าที่พักแพงสุดเลย อาจจะเพราะบ้านมีความใหม่ รวมถึงใช้เครื่องซักพัก / เครื่องอบได้ไม่อั้น ไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย เป็นข้อดีอีกอย่างนึง แถมมีร้านค้าภายในหมู่บ้านด้วย ชื่อ The Grid ขายของใช้รวมถึงอาหารอีกด้วย
หมู่บ้านนี้จะมีข้อเสียหน่อยตรงที่บัสบางสายจะไม่ผ่าน ทำให้ต้องเดินออกมาขึ้นที่ Chatham เลยลดความสะดวกไปมาก ส่วนใหญ่คนที่พักที่นี่จะมีรถกัน ในส่วนอื่นๆก็ค่อนข้างเหมือนกันหมู่บ้านอื่นๆ
Costuming
ชุดทำงาน เป็นเรื่องสำคัญมากในการทำงานที่นี่ เพราะทุก role ล้วนแล้วแต่มีความเป็นเอกลักษณ์มากๆ ในด้านของเสื้อผ้า สำหรับใครที่ทำงานในแต่ละที่ ก็จะต้องไปรับชุดมาไว้ได้สูงสุด 5 ชุด เช่นถ้าทำที่ Hollywood Studios ก็จะมี Costuming หน้าพาร์คเลย สะดวกมากๆ อาจจะค่อยเปลี่ยนชุดก่อนทำงาน แล้วทำงานเสร็จก็คืนชุดได้ทันที ไม่ต้องพกมาสำรองไว้ที่บ้าน
ส่วนถ้าใครไปเทค shift เพิ่มแล้วทำงานที่อื่น ต้องหาชุดเพิ่มเติม ดิสนีย์ก็จะยอมให้ไปเบิกชุดเพิ่มมาได้นอกเหนือ 5 ชุดของที่ทำงานหนัก ใช้เสร็จแล้วก็คืนได้เลย ยกเว้นใครหาไซส์ยากก็อาจจะเอากลับมาซักเองที่บ้าน
สำหรับสี่หมู่บ้านนี้ ดิสนีย์จะมีรถ shuttle bus ทั้งหมด 11 สายด้วยกัน ซึ่งเค้าก็จะจัด destination กลุ่มเดียวไว้สายเดียวกัน ต้นทางก็จะเป็นหมู่บ้านทั้งสี่ (หรืออาจจะสาม แล้วแต่สาย) วนกันไปเป็นลูปๆ มีทั้งตารางเวลากับแอพไว้เช็คว่าตอนนี้รถอยู่ที่ไหนแล้ว รวมทั้งยังมีบางสายไป Walmart / Publix ได้ด้วย มีไว้อำนวยความสะดวกให้ครบเลย
สำหรับงานที่ทำ ที่ได้พูดถึงเมื่อตอนก่อนก็คือตำแหน่ง Quick Service Food & Beverage นั่นเอง ลักษณะงานก็คือทำแทบทุกอย่างในร้าน The Mara นี้เลย โดยร้านนี้จะอยู่ในรีสอร์ท Animal Kingdom Lodge (ชื่อคล้ายๆกับสวนสนุกเพราะอยู่ใกล้ๆกันเลย แต่ไม่เชื่อมกันนะ) เป็นหนึ่งในรีสอร์ทระดับ Deluxe ใน WDW เลย ต้องบอกก่อนว่าร้านนี้ขายอาหารแนว African / American ก็จะได้ฟีลแปลกๆไปหน่อยดี
- Waffle ก็คือทำวาฟเฟิลเลยนี่แหละ เป็นอาหารที่ขายในช่วงเช้า มีหน้าที่ไปเอาแป้งที่เค้าผสมไว้แล้วมาเตรียมเทใส่เครื่องทำ ซึ่งจะมีทั้งหมด 6 แท่น เปิด-หยอด-ปิด-หมุน วนกันไป แต่จะเป็นวาฟเฟิลธรรมดาก็ไม่ได้ ที่นี่ซะอย่าง แน่นอนว่าต้องเป็นรูปร่าง Mickey Mouse!
- Pizza ในร้านนี้ขายอาหารประเภท Flatbread ซึ่งหน้าที่ของเราคือทำทุกอย่างเลยจริงๆ เพื่อประกอบกันออกมาเป็น Flatbread ที่ว่านี้ ตั้งแต่ไปเตรียมแป้ง ทาน้ำมัน โรย salt&pepper ทาซอส ใส่ชีส แล้วก็ตามด้วยหน้าต่างๆแต่ guest สั่ง หลังจากนั้นก็เอาไปใส่เตาอบ slice โรยหน้า ไปจนวางลงกล่องพร้อมเสิร์ฟ
- Stocker/Flyer ซึ่งประกอบไปด้วยสองส่วนคือคุมของทอด คอยดรอป fries/nuggets/fillets แล้วก็รอเอาไปไว้ให้ Expo รวมทั้งคอยเติม stock อาหารต่างๆในร้านจากครัว เช่น ข้าว ซุป แกง กับข้าวต่างๆ
- Grab n’ Go จะรับผิดชอบในส่วนของหลังตู้เย็นทั้งหมด คอยเติม stock ทั้งเครื่องดื่ม แล้วก็พวกอาหารที่แช่ไว้ พร้อมรับประทาน
- Greeter ในร้านนี้จะใช้ระบบสั่งอาหารก่อน แล้วค่อยเดินออกไปจ่ายเงินที่ Cashier เลยทำให้หน้าที่นี้มีไว้เพื่อรับ order จาก guest แล้วกดสั่งในจอ ส่งใบเสร็จไปหลังร้านเพื่อทำอาหาร คนที่ทำหน้าที่นี้จะได้คุยกับกับ guest ตลอดเวลาเลย เปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบนึง
- Expo หน้าที่นี่จะว่าซับซ้อนที่สุดก็ใช่ เพราะดูใบเสร็จแล้วพูดให้หลังร้านทำ หลังจากนั้นก็นำอาหารมาประกอบกันเป็นเมนูๆนึงก่อนจะเสิร์ฟให้ guest เพราะมีหลายๆอย่างมาก ต้องใช้สมาธิสูง 5555
- Mobile Order ตอนนั้นที่เข้ามาทำงาน ร้านนี้ก็เพิ่งจะใช้ระบบนี้พอดี ทำให้ได้เรียนรู้ของใหม่ไปพร้อมๆกับ cast members เลย โดยหน้าที่นี้จะดูแลออเดอร์ทางโทรศัพท์ แล้วเสิร์ฟแยกต่างหาก ถ้าช่วงไหนว่างก็จะได้ช่วยๆกับคนอื่นๆที่ออเดอร์ปกติ
- Bakery คอยดูตรง counter ขนมหวาน รวมทั้งกาแฟ น้ำปั่นด้วย อันนี้จะค่อนข้างสบายหน่อย เพราะเป็นงานสบายๆ ไม่วุ่นวายมาก
- Dining room จะคอยดูแลในบริเวณโต๊ะกินข้าว คอยทำความสะอาด รวมทั้งเติมของใน condiment bars ด้วย สนุกไปอีกแบบนึงแต่เป็น least favorite ของจขกท.เลย
ส่วนช่วงเวลาทำงาน หลักๆแล้วก็คือได้ shift ปิดร้าน จะทำช่วงเย็นๆไปจนถึงเที่ยงคืนได้ ทำให้ต้อง closing ในแต่ละวันตามหน้าที่ด้วย เช่นทำความสะอาดบริเวณที่เรารับผิดชอบ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้