เป็นเรื่องที่เกิดกับตัวผมเอง
เรื่องแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว เมื่อกิเลสทางเมถุนธรรมผมน้อยลงแล้ว และด้วยเหตุที่ภรรยามีปัญหาสุขภาพมีปัญหาในการมีเพศสัมพันธ์ มาเป็นเวลา 14 ปี ในระยะแรกผมต้องทุกข์ ฟุ้งซ่าน บ่นเพ้อ กับกำลังของกิเลสเมถุนธรรมมาก แต่ยังประกองครอบครัวอยู่ได้ด้วยเหตุของศีล และการปฏิบัติธรรมอยู่เนืองๆ จนสามารถทำให้มันเบาบางลงเมื่อปี พ.ศ 2554 แต่ยังหาได้สนใจที่จะไประงับมันอย่างเด็ดขาด เพราะความทุกข์ การฟุ้งซ่าน การบ่นเพ้อ น้อยลงมากแล้วนั้นเอง
เมื่อปี 2560 ก็เริ่มมีความคิดว่าเราคารระงับกามเมถุนได้บ้างแล้ว ปลายปี 2561 จึงบอกกับภรรยาว่า จะไม่มีเพศสัมพันธ์ และจะไม่บำบัดความใคร่ด้วยตนเองอีกแล้ว ภรรยาก็วิตกกับตัวเองเล็กน้อยในระยะแรก แต่ด้วยมีปัญหาเรื่องสุขภาพของตนเองอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่มีปัญหาอะไร. (นี้คือมีเหตุปัจจัยพร้อมระดับหนึ่ง)
ผมจึงไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์หรือช่วยตัวเอง คือไม่เสพเมถุน ด้วยมีกำลังสมาธิระงับได้อยู่แล้ว แบบสบายๆ ทุกข์น้อยลงเยอะ แต่ผ่านล่วงเลยมาเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ผมเริ่มมีปัญหาสุขภาพคือ ฉี่เป็นเลือด และติตตามด้วยถ่ายท้องออกมาเป็นเลือด ก็เริ่มมีความหวั่นไหวกลัวกลายเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก จนคิดว่าต้องระบายมีเพศสัมพันธ์บ้างเผื่อบรรเทาโรคได้บ้าง แต่เมื่อภรรยาพูดว่า
"เมื่อข้ามพ้นแล้ว ไม่ลงต่ำแล้วจะลงต่ำไปเกลือกครั้วอีกหรือ?"
ด้วยคำพูดนั้น โอ. ผมเกิดสลดและระอายตัวเองอย่างมาก ก็เกิดกำลังขึ้นมาว่า ถ้ามันเกิดเป็นมะเร็งจริงๆ ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปเถอะ
หลังจากนั้นเมื่อรักษาทางการแพทย์ ที่ผมฉี่ปนเลือดเนื่องจากเป็นนิ้ว นี้ก็ทำให้ทราบสาเหตุ(เหตุปัจจัยหนึ่ง) แต่ผมถ่ายเป็นเลือด 2 อาทิตย์แล้วก็ไม่หาย ทั้งกินยาและยาเหน็บก็ไม่หาย ถ่ายเป็นเลือดทุกวัน เป็นเดือนแล้วก็ไม่หาย ด้วยเหตุนี้ ทำให้ผมวิตกว่า ถ้าผมเกิดโรคร้าย แต่แม่ผมที่นอนติดเตียงมาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว ที่ผมต้องจ่ายเงินให้แม่เป็นหลัก แล้วแม่ผมจะอยู่อย่างไร ใครจะดูแลเพราะพี่ๆ ไม่มีใครมีทีท่าว่าจะรับ และไม่มีกำลัง(คือรวมทั้งใจที่จะสละได้)
จนผมคิดปล่อยใจ ปล่อยวางได้ว่า คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามเหตุปัจจัย ถ้าแม่จะเสียก็ต้องปล่อยไปตามกรรม ก็เป็นการดีเสียกว่าทีท่านต้องลำบากทางกายอย่างนี้
เรื่องที่ 2 แม่ผมที่นอนติตเตียง มานานถึง 7 ปี แต่โชคดีที่ 4 ปี หลังจากที่ท่านเกือบจากไปด้วยโรคติดเชื่อในปอดอายุประมาณ 90 ปี ที่คนดูแลต่างเห็นว่าท่านต้องเสียในเวลาไม่กี่วันข้างหน้า เพราะเพ้อติดต่อกันหลายวัน ออ็กชิเจนในเลือดต่ำ ด้วยการรักษาท่านกลับฟื้นขึ้นมาได้ ผมก็ไม่ได้วิตกใดๆ เพราะผมให้ธรรมโอสถกับแม่มาตลาดที่ไปเยี่ยมท่าน และท่านก็มีผมเป็นที่พึ่งลูกคนอื่นๆ ทำไม่ได้ หลังจากนั้นแม่ไม่ต้องไปหาหมอหรือโรงพยาบาลอีกเลยเป็นเวลา 4 ปี
แต่เมื่อ 4-5 เดือนที่ผ่านมา ท่านก็เกือบจากไปอีกครั้งด้วยความดันต่ำลง ๆ มือเริ่มเย็น หายใจเบาลง เพราะผมกำลังจับมือแม่อยู่ และพูดให้แม่ภาวนา มีเครื่องวัดติดอยู่ แม่ไม่รับรู้อะไรแล้ว พี่และหลานพึ่งมาถึง คนดูแลคิดว่าเสียวันนี้แน่แล้วมาแตะๆ หน้าแม่ จับลูบแขน ยกแขนแล้วปล่อยลงไม่แรงต้านใดๆ แล้ว ผมจับมือแม่อีกข้างอยู่และคิดว่าถ้าแม่มาเห็นหน้าลูกหลานมาพร้อมกันก็จะดี แล้วแม่ก็หายใจแรงขึ้นตามที่ผมให้ภาวนา พุทธ-โธ ความดันดีขึ้นตามลำดับ จากที่คิดว่าท่านต้องไปวันนี้ ท่านค่อยตื่นขึ้นมา หลังจากนั้น ท่านก็เริ่มเข้าโรงพยาบาลด้วยปวดฉี่แต่ฉี่ไม่ออก เป็นอันว่าติดเชื้อไม่ดื่อยาและให้เลือด 2 ถุง นอนโรงพยาบาล 3 วัน
ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ต้องมีค่ารถพยาบาลไป-กลับ เดือนละประมาณ 2 ครั้งเพราะผู้ดูแลไม่สามารถเปลี่ยนท่อสายฉี่ได้ ต้องไปโรงพยาบาลทุกครั้ง และคนดูแลขอเพิ่มเงินเดือนขึ้นอีก 1000 บาท รวมแล้วต้องจ่ายเพิ่มเดือนหนึ่งมากกว่า 3 พัน ยังไม่รวมค่าหมอค่ายาโรงพยาบาล ผมก็พอรู้ว่าถ้าแม่เปลี่ยนสถานที่ดูแลแม่อาจเสียโดยรวดเร็ว เพราะการดูแลที่ต่างออกไป ที่ท่านเคยชินมาเป็นเวลา 4-5 ปี
แล้วเหตุปัจจัยก็ดำเนินพลักดันให้เป็นไปอย่างนั้น เพราะผมเกษียณแล้วแต่บริษัทยังจ้างเต็มเวลาเงินเดือนเท่าเดิม โดยทำสัญญาทุก 4 เดือน แล้วทำการปรับสัญญาใหม่ ทำงาน 3 วันต่ออาทิตย์เงินเดือนก็ลดลงตามอัตตราส่วน เป็นเหตุให้พี่ๆ ช่วยหาศูนย์ดูแลที่ใหม่ ที่ราคาต่อเดือนเท่าเดิม แต่มีพยาบาลเปลี่ยนสายท่อฉี่ได้ในสถานที่ดูแล และมีรถพยาบาลรับส่งไป-กลับโรงพยาบาลฟรีเดือนละครั้ง คือผมลดค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ 4 พันบาท
เมื่อแม่ย้ายมาอยู่ศูนย์ดูแลใหม่เพียง 7 วันแม่ก็เสีย ด้วยอายุ 94 ปี ขาดอีกไม่กี่วัน..
นี้และกรรมและผลแห่งกรรม(การกระทำ และผลแห่งการกระทำ) ย่อมมีเหตุปัจจัยที่ทั้งที่เป็นสืบเนื่องจากอดีต และในปัจจุบัน แต่ปัจจุบันธรรมย่อมเปลี่ยนแปลงเป็นดีหรือไม่ดีในอนาคตได้ ดังนั้นกรรมปัจจุบันย่อมสำคัญ เมื่อทำดีย่อมได้ดีไม่ช้าหรือเร็วในอนาคต
ทำดีอยู่เนืองๆ ในปัจจุบันเนืองๆ หรือปฏิบัติธรรมอยู่เนืองๆ ย่อมเกิดผลดีอย่างแน่แท้นั้นเอง
เป็นไปตามเหตุปัจจัย แม้แต่การสิ้นอายุ และแม้แต่ระงับไม่เสพเมถุนหรือมีเพศสัมพันธ์ใดๆ
เรื่องแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว เมื่อกิเลสทางเมถุนธรรมผมน้อยลงแล้ว และด้วยเหตุที่ภรรยามีปัญหาสุขภาพมีปัญหาในการมีเพศสัมพันธ์ มาเป็นเวลา 14 ปี ในระยะแรกผมต้องทุกข์ ฟุ้งซ่าน บ่นเพ้อ กับกำลังของกิเลสเมถุนธรรมมาก แต่ยังประกองครอบครัวอยู่ได้ด้วยเหตุของศีล และการปฏิบัติธรรมอยู่เนืองๆ จนสามารถทำให้มันเบาบางลงเมื่อปี พ.ศ 2554 แต่ยังหาได้สนใจที่จะไประงับมันอย่างเด็ดขาด เพราะความทุกข์ การฟุ้งซ่าน การบ่นเพ้อ น้อยลงมากแล้วนั้นเอง
เมื่อปี 2560 ก็เริ่มมีความคิดว่าเราคารระงับกามเมถุนได้บ้างแล้ว ปลายปี 2561 จึงบอกกับภรรยาว่า จะไม่มีเพศสัมพันธ์ และจะไม่บำบัดความใคร่ด้วยตนเองอีกแล้ว ภรรยาก็วิตกกับตัวเองเล็กน้อยในระยะแรก แต่ด้วยมีปัญหาเรื่องสุขภาพของตนเองอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่มีปัญหาอะไร. (นี้คือมีเหตุปัจจัยพร้อมระดับหนึ่ง)
ผมจึงไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์หรือช่วยตัวเอง คือไม่เสพเมถุน ด้วยมีกำลังสมาธิระงับได้อยู่แล้ว แบบสบายๆ ทุกข์น้อยลงเยอะ แต่ผ่านล่วงเลยมาเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ผมเริ่มมีปัญหาสุขภาพคือ ฉี่เป็นเลือด และติตตามด้วยถ่ายท้องออกมาเป็นเลือด ก็เริ่มมีความหวั่นไหวกลัวกลายเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก จนคิดว่าต้องระบายมีเพศสัมพันธ์บ้างเผื่อบรรเทาโรคได้บ้าง แต่เมื่อภรรยาพูดว่า
"เมื่อข้ามพ้นแล้ว ไม่ลงต่ำแล้วจะลงต่ำไปเกลือกครั้วอีกหรือ?"
ด้วยคำพูดนั้น โอ. ผมเกิดสลดและระอายตัวเองอย่างมาก ก็เกิดกำลังขึ้นมาว่า ถ้ามันเกิดเป็นมะเร็งจริงๆ ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปเถอะ
หลังจากนั้นเมื่อรักษาทางการแพทย์ ที่ผมฉี่ปนเลือดเนื่องจากเป็นนิ้ว นี้ก็ทำให้ทราบสาเหตุ(เหตุปัจจัยหนึ่ง) แต่ผมถ่ายเป็นเลือด 2 อาทิตย์แล้วก็ไม่หาย ทั้งกินยาและยาเหน็บก็ไม่หาย ถ่ายเป็นเลือดทุกวัน เป็นเดือนแล้วก็ไม่หาย ด้วยเหตุนี้ ทำให้ผมวิตกว่า ถ้าผมเกิดโรคร้าย แต่แม่ผมที่นอนติดเตียงมาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว ที่ผมต้องจ่ายเงินให้แม่เป็นหลัก แล้วแม่ผมจะอยู่อย่างไร ใครจะดูแลเพราะพี่ๆ ไม่มีใครมีทีท่าว่าจะรับ และไม่มีกำลัง(คือรวมทั้งใจที่จะสละได้)
จนผมคิดปล่อยใจ ปล่อยวางได้ว่า คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามเหตุปัจจัย ถ้าแม่จะเสียก็ต้องปล่อยไปตามกรรม ก็เป็นการดีเสียกว่าทีท่านต้องลำบากทางกายอย่างนี้
เรื่องที่ 2 แม่ผมที่นอนติตเตียง มานานถึง 7 ปี แต่โชคดีที่ 4 ปี หลังจากที่ท่านเกือบจากไปด้วยโรคติดเชื่อในปอดอายุประมาณ 90 ปี ที่คนดูแลต่างเห็นว่าท่านต้องเสียในเวลาไม่กี่วันข้างหน้า เพราะเพ้อติดต่อกันหลายวัน ออ็กชิเจนในเลือดต่ำ ด้วยการรักษาท่านกลับฟื้นขึ้นมาได้ ผมก็ไม่ได้วิตกใดๆ เพราะผมให้ธรรมโอสถกับแม่มาตลาดที่ไปเยี่ยมท่าน และท่านก็มีผมเป็นที่พึ่งลูกคนอื่นๆ ทำไม่ได้ หลังจากนั้นแม่ไม่ต้องไปหาหมอหรือโรงพยาบาลอีกเลยเป็นเวลา 4 ปี
แต่เมื่อ 4-5 เดือนที่ผ่านมา ท่านก็เกือบจากไปอีกครั้งด้วยความดันต่ำลง ๆ มือเริ่มเย็น หายใจเบาลง เพราะผมกำลังจับมือแม่อยู่ และพูดให้แม่ภาวนา มีเครื่องวัดติดอยู่ แม่ไม่รับรู้อะไรแล้ว พี่และหลานพึ่งมาถึง คนดูแลคิดว่าเสียวันนี้แน่แล้วมาแตะๆ หน้าแม่ จับลูบแขน ยกแขนแล้วปล่อยลงไม่แรงต้านใดๆ แล้ว ผมจับมือแม่อีกข้างอยู่และคิดว่าถ้าแม่มาเห็นหน้าลูกหลานมาพร้อมกันก็จะดี แล้วแม่ก็หายใจแรงขึ้นตามที่ผมให้ภาวนา พุทธ-โธ ความดันดีขึ้นตามลำดับ จากที่คิดว่าท่านต้องไปวันนี้ ท่านค่อยตื่นขึ้นมา หลังจากนั้น ท่านก็เริ่มเข้าโรงพยาบาลด้วยปวดฉี่แต่ฉี่ไม่ออก เป็นอันว่าติดเชื้อไม่ดื่อยาและให้เลือด 2 ถุง นอนโรงพยาบาล 3 วัน
ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ต้องมีค่ารถพยาบาลไป-กลับ เดือนละประมาณ 2 ครั้งเพราะผู้ดูแลไม่สามารถเปลี่ยนท่อสายฉี่ได้ ต้องไปโรงพยาบาลทุกครั้ง และคนดูแลขอเพิ่มเงินเดือนขึ้นอีก 1000 บาท รวมแล้วต้องจ่ายเพิ่มเดือนหนึ่งมากกว่า 3 พัน ยังไม่รวมค่าหมอค่ายาโรงพยาบาล ผมก็พอรู้ว่าถ้าแม่เปลี่ยนสถานที่ดูแลแม่อาจเสียโดยรวดเร็ว เพราะการดูแลที่ต่างออกไป ที่ท่านเคยชินมาเป็นเวลา 4-5 ปี
แล้วเหตุปัจจัยก็ดำเนินพลักดันให้เป็นไปอย่างนั้น เพราะผมเกษียณแล้วแต่บริษัทยังจ้างเต็มเวลาเงินเดือนเท่าเดิม โดยทำสัญญาทุก 4 เดือน แล้วทำการปรับสัญญาใหม่ ทำงาน 3 วันต่ออาทิตย์เงินเดือนก็ลดลงตามอัตตราส่วน เป็นเหตุให้พี่ๆ ช่วยหาศูนย์ดูแลที่ใหม่ ที่ราคาต่อเดือนเท่าเดิม แต่มีพยาบาลเปลี่ยนสายท่อฉี่ได้ในสถานที่ดูแล และมีรถพยาบาลรับส่งไป-กลับโรงพยาบาลฟรีเดือนละครั้ง คือผมลดค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ 4 พันบาท
เมื่อแม่ย้ายมาอยู่ศูนย์ดูแลใหม่เพียง 7 วันแม่ก็เสีย ด้วยอายุ 94 ปี ขาดอีกไม่กี่วัน..
นี้และกรรมและผลแห่งกรรม(การกระทำ และผลแห่งการกระทำ) ย่อมมีเหตุปัจจัยที่ทั้งที่เป็นสืบเนื่องจากอดีต และในปัจจุบัน แต่ปัจจุบันธรรมย่อมเปลี่ยนแปลงเป็นดีหรือไม่ดีในอนาคตได้ ดังนั้นกรรมปัจจุบันย่อมสำคัญ เมื่อทำดีย่อมได้ดีไม่ช้าหรือเร็วในอนาคต
ทำดีอยู่เนืองๆ ในปัจจุบันเนืองๆ หรือปฏิบัติธรรมอยู่เนืองๆ ย่อมเกิดผลดีอย่างแน่แท้นั้นเอง