สรุปประสบการณ์ “หูดหงอนไก่ ภายในทวาร” ของผม เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายคน
*** ไม่ขายของ
ผมมีเพศสัมพันธ์โดย สวมถุงยางอนามัย
แต่อีกฝ่าย ใช้ลิ้นบริเวณทวารหนัก ซึ่งตอนนั้นผมไม่ทันคิดอะไร
คาดว่าอีกฝ่ายน่าจะมี หูดที่ลิ้น อยู่ก่อนแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ผมเริ่มมีอาการ แสบ คัน บริเวณทวารหนัก
ผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ ก็มีตุ่มขึ้นด้านใน แต่ตอนนั้น “ไม่เชื่อว่าตัวเองจะเป็น”
เลย ปล่อยไว้ ไม่ไปหาหมอ
ผ่านไป 1 เดือน ตุ่มเริ่ม ใหญ่ขึ้นช้า ๆ
สุดท้ายทนไม่ไหว เลยไปตรวจที่คลินิก และถูกวินิจฉัยว่าเป็น หูดหงอนไก่ (HPV)
หมอแนะนำให้ไปโรงพยาบาล เพราะเป็น บริเวณภายใน ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ
แต่ผมดื้อ คิดว่า “อาจจะหายเอง”
เลยซื้อวิตามินเสริมภูมิ พยายามไม่เครียด ทำทุกอย่างยกเว้นไปโรงบาล (อาย,เขิน,ไม่กล้าไป) พยายามทุกอย่างยกเว้นไปโรงพยาบาล
จนตอนนี้ผ่านมา 5 เดือน มันไม่หาย แถมยังค่อย ๆ โตขึ้น
ล่าสุดเริ่ม ลามออกมาข้างนอกอีก 1 จุด แล้ว
บทเรียนของผม
อยากบอกทุกคนที่คิดเหมือนผมว่า
“เป็นภายใน เดี๋ยวหายเอง” “ไม่อยากไปโรงพยาบาล”
สุดท้ายมัน ยิ่งเสียเวลา และยิ่งรักษายากขึ้น
จากนี้ผมจะไปโรงพยาบาลตามที่หมอแนะนำ
และจะมาอัปเดตผลให้เรื่อย ๆ เผื่อเป็นข้อมูลให้คนอื่นครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังลังเลเหมือนผมในตอนแรกนะครับ
หรือพี่ ๆ ท่านใดที่เคยมีประสบการณ์ใกล้เคียงกัน
อยากมาแชร์หรือแนะนำเพิ่มเติม ผมยินดีน้อมรับทุกคำแนะนำครับ 🙏
เริ่มรักษาหูดหงอนไก่ ภายในทวารหนัก
*** ไม่ขายของ
ผมมีเพศสัมพันธ์โดย สวมถุงยางอนามัย
แต่อีกฝ่าย ใช้ลิ้นบริเวณทวารหนัก ซึ่งตอนนั้นผมไม่ทันคิดอะไร
คาดว่าอีกฝ่ายน่าจะมี หูดที่ลิ้น อยู่ก่อนแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ผมเริ่มมีอาการ แสบ คัน บริเวณทวารหนัก
ผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ ก็มีตุ่มขึ้นด้านใน แต่ตอนนั้น “ไม่เชื่อว่าตัวเองจะเป็น”
เลย ปล่อยไว้ ไม่ไปหาหมอ
ผ่านไป 1 เดือน ตุ่มเริ่ม ใหญ่ขึ้นช้า ๆ
สุดท้ายทนไม่ไหว เลยไปตรวจที่คลินิก และถูกวินิจฉัยว่าเป็น หูดหงอนไก่ (HPV)
หมอแนะนำให้ไปโรงพยาบาล เพราะเป็น บริเวณภายใน ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ
แต่ผมดื้อ คิดว่า “อาจจะหายเอง”
เลยซื้อวิตามินเสริมภูมิ พยายามไม่เครียด ทำทุกอย่างยกเว้นไปโรงบาล (อาย,เขิน,ไม่กล้าไป) พยายามทุกอย่างยกเว้นไปโรงพยาบาล
จนตอนนี้ผ่านมา 5 เดือน มันไม่หาย แถมยังค่อย ๆ โตขึ้น
ล่าสุดเริ่ม ลามออกมาข้างนอกอีก 1 จุด แล้ว
บทเรียนของผม
อยากบอกทุกคนที่คิดเหมือนผมว่า
“เป็นภายใน เดี๋ยวหายเอง” “ไม่อยากไปโรงพยาบาล”
สุดท้ายมัน ยิ่งเสียเวลา และยิ่งรักษายากขึ้น
จากนี้ผมจะไปโรงพยาบาลตามที่หมอแนะนำ
และจะมาอัปเดตผลให้เรื่อย ๆ เผื่อเป็นข้อมูลให้คนอื่นครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังลังเลเหมือนผมในตอนแรกนะครับ
หรือพี่ ๆ ท่านใดที่เคยมีประสบการณ์ใกล้เคียงกัน
อยากมาแชร์หรือแนะนำเพิ่มเติม ผมยินดีน้อมรับทุกคำแนะนำครับ 🙏