เรื่องเล่าไปเที่ยวกาญจนบุรี 2 วัน1 คืน กลางเมืองยาวยันสังขละบุรี ขับรถไปเองก็ไม่ได้ยากเท่าไร

ทริป กาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน ในวันธรรมดา

ทริปนี้ไปเที่ยวกาญจนบุรีเพราะว่าอยากไปเห็นบรรยากาศสังขละมานานแล้ว พอดีมันติดวันหยุดยาว
ผมเลยได้ออกไปเที่ยวพักผ่อนโดยการขับรถไปเอง โดยคิดว่าจะแวะไปเรื่อยๆ จะได้ไม่เสียเวลา 
ทริปนี้ทำให้ผมรู้ว่าเที่ยววันธรรมดาเนี่ยก็สบายดีนะคนไม่ค่อยวุ่นวายมากนัก

เริ่มแรกผมแวะที่วัดถ้ำเสือเอาจริงๆไม่รู้จักมาก่อนแต่ได้ดูรายการที่ช่องทรูที่นักร้องเกาหลีมาออกเลยทำให้อยากตามรอยไป
พอถึงที่จอดรถก็ประทับใจละวิวสวยมากแต่อากาศร้อนมากนะครับ 34องศากันเลยทีเดียว วิวแรกที่เห็นก็คือร้านกาแฟรอบๆที่มีให้เลือกหลายร้าน
แต่ผมไม่ได้แวะร้านกาแฟหรอกเพราะว่าไม่มีเวลามากมาย



วัดถ้ำเสือเป็นวัดที่เก่าแก่และดังประจำจังหวัดเลยมั้งเห็นคนมาเยอะมาก โซนหลักๆคือเจดีย์ที่บรรจุสารีริกธาตุกับพระปางประทานพร
ผมเดินขึ้นไปสุดไม่ไหวเพราะรู้สึกเจ็บๆหลังเลยหยุดแค่ชั้น 3 ช่วงนี้สุขภาพหลังไม่ค่อยดีจากอุบัติเหตุจากงานนิดหน่อยเลยแค่นี้พอ


เป็นธรรมเนียมของผมที่จะแวะวัดก่อนเวลาไปใหน พอแวะเสร็จแล้วผมก็ไปสะพานแม่น้ำแควเพราะทางผู้ร่วมทางต้องการจะซื้อนิล แถวๆสะพานแม่น้ำแควมีแหล่งค้าพลอยอยู่ ที่นี่ไม่รู้ไปจอดรถที่ใหนเลยเข้าไปจอดในที่ๆของเอกชนเสีย 30 บาทต่อคัน



อากาศก็ไม่ธรรมดาทีเดียวร้อนตับแล๊บเช่นเคยผมก็เลยเดินมาหลบล่มปล่อยให้ผู้ร่วมทางไปเดินซื้อพลอยก่อน 
แล้วก็มาเจอป้ายนี้ก็สมกับเป็นที่ประวัติศาตร์จริงๆ


จากนั้นผมก็เลยออกไปที่ใกล้ๆเพราะมันเป็นทางผ่านพอดีคือ ต้นจามจุรียักษ์ 100 ปี( เขาว่างั้นนะ )
ต้นไม้ก็เป็นต้นไม้อะครับแต่ทรงมันสวยๆโค้งๆดี ข้างหน้าก็จะมีของขายเหมือนสวนชาวบ้านใกล้ๆมาขาย 
ที่มันแปลกๆดีคืออากาศร้อนมากแต่พอเข้าไปใต้ต้นไม้กลับไม่ร้อนเลยนี่ก็แปลกๆดี ที่นี่ก็มีประมาณนี้ละไม่ได้มีอะไรมากมาย



หลังจากนั้นผมก็เลยแวะไปกินข้าวนิดหน่อยพอกินข้าวเสร็จ
ผมเลยขับรถต่อไปที่ เขื่อนศรีนครินทร์ ด้วยความอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง  ที่นี่ผมแนะนำให้แวะมากๆเพราะว่าวิวสวยดีถึงว่า
แพที่เขื่อนนี้ถึงดังมากเลย บนตัวเขื่อนเนี่ยมีวิวให้ดูแล้วก็ตรงข้างในก็จะมีร้านค้าห้องน้ำอะไรด้วยแต่วันที่ผมไปวันพฤหัส
แทบไม่มีอะไรขายเลยมีแต่ร้านของที่ระลึกเปิดแต่จริงๆคนก็ไม่มีด้วยเหมือนกันแหละ


จากนั้นผมก็เลยแวะไปเล่นน้ำตกเอราวัณต่อตามแผนเพราะว่ามันใกล้ๆกับเขื่อน  
น้ำตกเอราวัณมีค่าเข้าคนละ100บาทแล้วก็ค่ารถอีก40 บาทแต่น้ำคือเย็นมาก
ห้องน้ำสะอาด ไม่แย่ ผมก็เดินเล่นแค่ถึงชั้น3แล้วก็มาลงเล่นน้ำที่ชั้น 2 นอนแช่สบายๆ 

**แนะนำว่าถ้ามีผู้สูงอายุ มันจะมีรถกอล์ฟให้บริการพาไปถึงใกล้ๆน้ำตกชั้นที่1คนละ30 บาท
ไม่งั้นเดินเป็นโลกันเลยทีเดียวอาจจะเหนื่อยก่อนก็ได้ 


คลิบสั้นๆน้ำตกชั้น 1-3 ครับ ชั้นอื่นครั้งนี้ไม่มีปัญญาไปครับ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

น้ำตกเย็นมากแต่ไม่ใสเท่าไรนะครับในช่วงที่ไปเพราะอาจว่าวันก่อนที่ไปฝนมันตกนั้นเองละพอถึงเวลาบ่าย3
ผมก็เลยออกจากน้ำตกแล้วมุ่งไปทางสังขละบุรี จากน้ำตกไปสังขละบุรีบอกก่อนว่าระยะทางค่อนข้างไกล ผมถึงสังขละก็ราวๆทุ่มนึง  
จริงๆแล้วผิดแผนไปหน่อยว่าจะมาไวกว่านี้เพื่อดูพระอาทิตย์ตกแต่สุดท้ายดูระยะกิโลผิดเลยไม่ทันดูมาถึงก็มืดแล้ว

**อันนี้เตือนคนที่เข้ามาอ่านจะบอกว่าการที่ขับรถจากกาญจนบุรีเข้าสังขละ หลักๆมันจะผ่านภูเขาครับ ขึ้นเนินลงเนินเป็นช่วงๆ 
ถ้าคนขับไม่แข็งจริงๆควรพยายามอย่าเข้าสังขละมืดนักเพราะไฟไม่ค่อยมีครับต้องขับรถวังๆอย่างมาก ถ้ายังไม่คล่องเข้าสังขละตั้งแต่ฟ้าไม่มืดดีที่สุดครับ
และก็ใช้ความระมัดระวังอย่างเยอะๆเลย จุดสำคัญที่สุดคือตรงใกล้ๆจะเข้าตัวสังขละมันจะมีจุดลงเนินที่ชันมากๆ เขาจะเขียนป้ายเตือนเกียรต่ำใหญ่มากๆสังเกตุดูก็ได้นะครับจุดอื่นไม่ต้องถึงกับลาดเกียรต่ำก็ยังพอไหว ผมใช้รถแค่ 1500 ขับไปสบายๆครับแต่จังหวะส่งบางครั้งไม่ชินทาง
ก็มาอืดๆกันบ้าง  

ผมถึงสังขละอย่างปลอดภัยและก็เข้าพักพอตอนเช้ามา ผมวางแผนว่าผมจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ผมก็เลยขับรถออกจากที่พักไปจุดชมวิวครับ 

เวลาประมาณตี5.50


เนื่องจากคืนก่อนหน้าฝนตกครับก็เลยมีเมฆหน่อยๆ สุดท้ายพระอาทิตย์ก็ขึ้นเวลาราวๆ 6 โมง 15 นาที ก็สมหวังแล้วครับกับทริปนี้

มึคลิบสั้นๆให้ชมกันครับ 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

พอดูเสร็จผมก็เลยเดินไปเล่นแถวสะพานมอญบ้างว่าตอนเช้าๆเขาจะมีอะไรขาย


ฝั่งมอญเนี่ยหลักๆก็มีของพื้นบ้านจากพม่า ร้านอาหาร ขนม วัสดุเสื้อผ้าต่างๆ ผมก็ไม่ได้ชิมอะไรหรอกครับ
ผมซื้อหมวกเป็นของที่ระลึกมาใบนึงเท่านั้นเอง คือใครไม่มีข้าวกินตอนเช้าๆก็แวะมากินที่นี่ได้ครับสบายๆ 
แล้วก็ที่นี่ยังมีสะพานแดงเห็นเขาว่ามันเดินข้ามฝั่งไปที่ฝั่งหมู่บ้านไทยแต่พอดีผมไม่ได้ไปนะครับ

ตอนเช้าๆก็มีเรือมาชวนนักท่องเที่ยวไปดูวัดที่จมน้ำไปตั้งแต่เช้าๆเลยครับใครสนใจก็แวะไปได้แต่พอดีผมไม่ได้ไปอะเพราะผมตั้งใจว่าจะเอา
เวลาไปเดินที่วัดใหม่มากกว่า

เดินกลับที่พักไปกินข้าวตอนเช้าดีกว่ากับหมวกใบละ100 บาท ( ภาพฟิล์มให้ผู้ร่วมทางช่วยถ่ายช่างแบบว่า..)


 

ก็มีหลายบรรยากาศให้ได้เห็นกันครับ 

จากนั้นผมก็กลับไปทานเข้าเช้าแล้วพอเช็คอินออกผมก็ไปที่วัดวังวิเวการามใหม่เพื่อไปไหว้หลวงพ่ออุตตมะครับ



ที่ตัววัดก็มีอยู่ 2 จุดคือฝั่งอุโบสถและฝังศาลาที่จะมีหุ่นขี้ผึ้งกับสิ่งของต่างๆของหลวงพ่ออุตตมะอยู่ครับ มีเรื่องราว ประวัติต่างๆ รูปภาพให้ได้ดูกันครับ 
เสร็จแล้วผมก็ไปอีกฝั่งนึงคือเป็นจุดเจดีย์ที่หลวงพ่ออุตตมะให้สร้างขึ้นครับ



คือตรงเจดีย์นี้ก็ไม่ได้ห่างจากวัดเท่าไร เป็นทรงออกมอญๆหน่อยรอบๆข้างก็มีร้านค้าขายของคล้ายๆตลาดมอญที่ไปเมื่อเช้าจากนั้นก็มุ่งตรงเข้าสู่เมืองกาญจนบุรีครับ 

หลังจากเหนื่อยมาแล้วผมก็เลยเลือกบ่อน้ำร้อนหินดาล ค่าเข้า 20 บาท จริงๆคือเสียดายที่เสื้อผ้าหมดแล้วเลยมานั้งแช่ขาอย่างเดียว
 ถ้าเสื้อผ้าเหลือกะว่าจะลงแช่ทั้งตัวไปละ ที่นี่มีที่อาบน้ำครับสามารถลงแช่ทั้งตัวได้ บ่อน้ำร้อนจะอยู่ขวา ทางซ้ายนี่น้ำเย็นครับ
แล้วแต่ละบ่อร้อนไม่เท่ากันนะครับบอกไว้ก่อน




เนื่องจากเสื้อผ้าหมด ผมก็ผู้ร่วมทริปก็เลยได้แค่แช่เท้าในบ่อน้ำร้อน  

สุดท้ายเราก็มาแวะเดินเล่นแถวน้ำตกไทรโยกน้อยเพราะว่าอยากมีซื้อพวกของกรอบๆกินแถวนี้
จะมีพวกกล้วยฉาย มันฉาบอะไรแบบนี้ขายเยอะพอดีผมชอบกินเผือกเลยแวะมาก่อนกลับเข้ากรุงเทพครับ
และก็หาอะไรกินด้วย จริงๆเคยนั้งรถไฟท่องเที่ยวมาทีนึงแล้วตอนนั้นมาน้ำแห้งแต่พอมารอบนี้คือน้ำเยอะมากๆๆ


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

จริงๆแล้วทริปนี้สำคัญคือสังขละเป็นจุดที่ผมอยากไปมานานแล้วในที่สุดก็ได้ไปแล้ว 
ผมก็รู้สึกว่าเอกลักษณ์เขายังไม่ได้เสียหายมากมายทำให้ยังสามารถมาเที่ยวชมได้เรื่อยๆ 
ผมว่าถ้าใครมาเที่ยวเมืองกาญเนี่ยต้องเตรียมเสื้อผ้ามาเล่นน้ำเนี่ยน่าจะดีครับ ผมคิดว่าแบบนั้นนะ 
จริงๆแล้วผมว่ากาญจบุรีเป็นอีกจังหวัดที่น่าเที่ยวครับ ผมเที่ยวหลายจังหวัดในช่วงปีก่อน
ผิดหวังหลายจังหวัดครับบอกเลยแต่กาญจนบุรีเป็นจังหวัดนึงที่ผมคิดว่าถ้าว่างผมจะกลับมาอีกแน่นอน 
อยากลองไปนอนแพดูบ้างอะ 
เพี้ยนดีออก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่