หากพูดถึงสังขละบุรีแล้ว คิดว่าหลายคนคงรู้จักหรือคงอ่านรีวิวกันมาบ้าง เราเองก้อมีความคิดที่อยากไปสังขละบุรีเหมือนกัน เพราะได้ยินมาว่าเป็นที่ที่เป็นชุมชนมอญอาศัยอยู่ แต่หากดูจากแผนที่จากกรุงเทพคงยากที่จะไปกลับในวันเดียว เพื่อเป็นการที่จะไม่เหนื่อยจนเกินไป เราว่าค้างสักคืนเพื่อสัมผัสเมืองเล็กๆแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สมบูรณ์
Review By
การเดินทางมาสังขละบุรีครั้งนี้ เราเลือกที่จะขับรถมาเอง ไปตามทางหลวงหมายเลข 323 ถึงทางแยกก่อนเข้าตัว อ.ทองผาภูมิให้เลี้ยวขวา ซึ่งก่อนจะเลี้ยวไปจะมีปั๊ม ปตท อยู่ ควรเต็มน้ำมันให้เต็ม แล้วขับรถต่อไปอีก 74 ก.ม.ถึงอ.สังขละบุรี ในช่วงอ.ทองผาภูมิ มุ่งหน้า อ.สังขละบุรีจะเป็นเส้นทางเขาและคดเคี้ยว ดังนั้นควรเชคสภาพรถและใช้ความระมัดระวังพอสมควร
เราถึงสังขละบุรีก้อเกือบเย็นแล้วละ เพราะระหว่างทางเราแวะน้ำตกไทรโยคใหญ่และแวะข้างทางไปเรื่อยๆ คืนนี้เราจองที่พักที่ชื่อว่า วังกะรีสอร์ท เป็นที่พักใหม่ที่เปิดได้ไม่นาน ราคาคืนละ 1200 บาท ห้องสะอาด ใหม่ ดูดี เจ้าของน่ารัก ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แถมอาหารเช้าให้ด้วย ความจริงแล้ว ที่สังขละบุรีจะมีที่พักแบบโฮมสเตย์เยอะมาก ตามชุมชนมอญมีเยอะเลย ลองเดินหาถามราคาดูก้อได้
เวลายามเย็น อากาศกำลังดี ดวงอาทิตย์กำลังลับฟ้า สะพานมอญยามเย็นรอเราอยู่ แน่นอนว่าเวลานี้ทุกคนมุ่งหน้าที่จุดที่เป็นแลนมาร์คของสังขละบุรี เพื่อถ่ายภาพที่เป็นระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยมาเหยียบสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย นี่คือภาพบรรยากาศยามเย็นที่สะพานมอญ เรียกได้ว่าไม่มาเหมือนมาไม่ถึงสังขละบุรีกันเลยทีเดียว
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือการได้เดินตลาดมอญยามค่ำคืน ซึ่งมีสินค้าทั้งไทยและพม่ามาวางขาย นอกจากนี้ยังมีถนนคนเดินสังขละ แหล่งรวมร้านทั้งช็อป กิน เดินเที่ยว ของขายที่นี่ก็มีทั้งของกิน ทานเล่น สินค้าโอท็อป โปสการ์ดสำหรับเขียนใครสักคน ^^
หมดไปแล้ว 1 วันสำหรับสังขละบุรี เหลือเวลาอีก 1 วันสำหรับเมืองเล็กๆเมืองนี้ เป็นอย่างไร ติดตามต่อเลย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยากาศยามเช้าที่นี่ช่างสดชื่นยิ่งนัก อากาศที่บริสุทธิ์แบบนี้ต้องสูดหายใจให้เต็มปอด ในทุกๆเช้าชาวบ้านสังขละบุรีจะออกมาทำบุญใส่บาตร ชาวมอญจะนุ่งผ้าถุง ห่มผ้าแบบมอญ ถือภาชนะใส่ข้าว อาหาร ปัจจัยและดอกไม้ เราสามารถใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลได้ หากไม่ได้เตรียมของใส่บาตร สามารถหาซื้อได้จากพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดมอญได้เลย ในราคาชุดละ 99 บาท ทุกเจ้าขายราคาเท่ากันเหมือน เราว่าดีนะ ไม่เอารัดเอาเปรียบกันดี
หลังจากตักบาตรเพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิตเรียบร้อยแล้ว ไฮไลด์อีกอย่างนึงที่พลาดไม่ได้สำหรับสังขละบุรี คือ การนั่งเรือไหว้พระ โดยมีราคาที่แตกต่างกันออกไป
1. ราคา 300 บาท ไปหนึ่งจุด คือ วัดจมน้ำ
2. ราคา 500 บาท ไปสามจุด ได้แก่ วัดศรีสุวรรณ วัดสมเด็จ วัดจมน้ำ
3. ราคา 1600 บาท ไปห้าจุด ได้แก่ วัดศรีสุวรรณ วัดสมเด็จ วัดจมน้ำ หน้าผาญี่ปุ่น ประตูเมือง
เรือนั่งได้ไม่เกิน 6 คน ไปกันเยอะหารน้อยหน่อย เพราะฉะนั้นพยายามหาเพื่อนหรือแชร์กับคนอื่น จะจ่ายถูกลง เราเลือกแบบ 500 บาท
วัดแรก: วัดศรีสุวรรณ เป็นวัดของชาวกระเหรี่ยง คนขับเรือได้เล่าประวัติ แต่เราจำไม่ได้แล้วละ ใครอยากรู้ก้อ google กันเอานะ ^^ เนื่องจากช่วงนี้เราไปน้ำเยอะ จึงเห็นแค่นี้
วัดที่สอง: วัดสมเด็จ ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ สร้างโดยพระครูวิมลกาญจนคุณเจ้าคณะตำบลหนองลู เป็นวัดที่ไม่ได้จมน้ำ แต่ถูกทิ้งร้างเมื่อครั้งย้ายอำเภอสังขละบุรี ตอนสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ (เขื่อนเขาแหลม) อุโบสถของวัดสมเด็จมีพระประธานสภาพค่อนข้างสมบูรณ์
วัดที่สาม: วัดจมน้ำ วังก์วิเวการาม (เดิม) อดีตเป็นชุมชนชาวมอญ ตั้งอยู่บริเวณจุดที่เรียกว่า "สามประสบ" คือเป็นที่บรรจบของแม่นํ้าคือเป็นที่บรรจบของแม่นํ้า 3 สาย แม่นํ้าซองกาเลีย, แม่นํ้าบีคลี่และแม่นํ้ารันตี
นอกจากการนั่งเรือไหว้พระแล้ว สังขละบุรียังมีศาสนสถานที่สำคัญอีกสองแห่งที่อยู่ไม่ห่างจากสะพานมอญ ขับรถแปปเดียวก้อถึงแล้ว คือ เจดีย์พุทธคยาและวัดวังก์วิเวการาม (ใหม่)
เจดีย์พุทธคยา: เจดีย์ที่มีความสวยสดงดงามส่องแสงทองเด่นอร่ามทั่วทุกสารทิศ ด่านหน้าเจดีย์มีสิงห์แบบมอญ 2 ตัว ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีเจดีย์เล็กทรงกลมแบบมอญสร้างอยู่บนยอดบนสุด
วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่): ภายในงดงามไปด้วยพุทธศิลปแบบมอญอันวิจิตรตระการตาและรูปหุ่นขึ้ผึ้งขนาดเท่าคนจริงของหลวงพ่ออุตตมะ นั่งอยู่บนบังลังก์หน้าประสาทหลังใหญ่ 9 ยอดที่ใช้เก็บสังขารของท่าน
และก่อนที่จะลาสังขละบุรีไป มีสถานที่นึงซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอสังขละบุรีไปประมาณ 20 กว่ากิโล นั่นคือ ด่านพระเจดีย์สามองค์ เป็นเขตสิ้นสุดชายแดนไทยฝั่งทิศตะวันตก ภายในบริเวณมีเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์และมีสินค้าจากประเทศพม่าขาย ปิดทริป สังขละบุรี 2 วัน 1 คืน อย่างสมบูรณ์
เที่ยวไปไกลบ้าน: สังขละบุรี 2 วัน 1 คืน
การเดินทางมาสังขละบุรีครั้งนี้ เราเลือกที่จะขับรถมาเอง ไปตามทางหลวงหมายเลข 323 ถึงทางแยกก่อนเข้าตัว อ.ทองผาภูมิให้เลี้ยวขวา ซึ่งก่อนจะเลี้ยวไปจะมีปั๊ม ปตท อยู่ ควรเต็มน้ำมันให้เต็ม แล้วขับรถต่อไปอีก 74 ก.ม.ถึงอ.สังขละบุรี ในช่วงอ.ทองผาภูมิ มุ่งหน้า อ.สังขละบุรีจะเป็นเส้นทางเขาและคดเคี้ยว ดังนั้นควรเชคสภาพรถและใช้ความระมัดระวังพอสมควร
เราถึงสังขละบุรีก้อเกือบเย็นแล้วละ เพราะระหว่างทางเราแวะน้ำตกไทรโยคใหญ่และแวะข้างทางไปเรื่อยๆ คืนนี้เราจองที่พักที่ชื่อว่า วังกะรีสอร์ท เป็นที่พักใหม่ที่เปิดได้ไม่นาน ราคาคืนละ 1200 บาท ห้องสะอาด ใหม่ ดูดี เจ้าของน่ารัก ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แถมอาหารเช้าให้ด้วย ความจริงแล้ว ที่สังขละบุรีจะมีที่พักแบบโฮมสเตย์เยอะมาก ตามชุมชนมอญมีเยอะเลย ลองเดินหาถามราคาดูก้อได้
เวลายามเย็น อากาศกำลังดี ดวงอาทิตย์กำลังลับฟ้า สะพานมอญยามเย็นรอเราอยู่ แน่นอนว่าเวลานี้ทุกคนมุ่งหน้าที่จุดที่เป็นแลนมาร์คของสังขละบุรี เพื่อถ่ายภาพที่เป็นระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยมาเหยียบสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย นี่คือภาพบรรยากาศยามเย็นที่สะพานมอญ เรียกได้ว่าไม่มาเหมือนมาไม่ถึงสังขละบุรีกันเลยทีเดียว
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือการได้เดินตลาดมอญยามค่ำคืน ซึ่งมีสินค้าทั้งไทยและพม่ามาวางขาย นอกจากนี้ยังมีถนนคนเดินสังขละ แหล่งรวมร้านทั้งช็อป กิน เดินเที่ยว ของขายที่นี่ก็มีทั้งของกิน ทานเล่น สินค้าโอท็อป โปสการ์ดสำหรับเขียนใครสักคน ^^
หมดไปแล้ว 1 วันสำหรับสังขละบุรี เหลือเวลาอีก 1 วันสำหรับเมืองเล็กๆเมืองนี้ เป็นอย่างไร ติดตามต่อเลย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยากาศยามเช้าที่นี่ช่างสดชื่นยิ่งนัก อากาศที่บริสุทธิ์แบบนี้ต้องสูดหายใจให้เต็มปอด ในทุกๆเช้าชาวบ้านสังขละบุรีจะออกมาทำบุญใส่บาตร ชาวมอญจะนุ่งผ้าถุง ห่มผ้าแบบมอญ ถือภาชนะใส่ข้าว อาหาร ปัจจัยและดอกไม้ เราสามารถใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลได้ หากไม่ได้เตรียมของใส่บาตร สามารถหาซื้อได้จากพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดมอญได้เลย ในราคาชุดละ 99 บาท ทุกเจ้าขายราคาเท่ากันเหมือน เราว่าดีนะ ไม่เอารัดเอาเปรียบกันดี
หลังจากตักบาตรเพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิตเรียบร้อยแล้ว ไฮไลด์อีกอย่างนึงที่พลาดไม่ได้สำหรับสังขละบุรี คือ การนั่งเรือไหว้พระ โดยมีราคาที่แตกต่างกันออกไป
1. ราคา 300 บาท ไปหนึ่งจุด คือ วัดจมน้ำ
2. ราคา 500 บาท ไปสามจุด ได้แก่ วัดศรีสุวรรณ วัดสมเด็จ วัดจมน้ำ
3. ราคา 1600 บาท ไปห้าจุด ได้แก่ วัดศรีสุวรรณ วัดสมเด็จ วัดจมน้ำ หน้าผาญี่ปุ่น ประตูเมือง
เรือนั่งได้ไม่เกิน 6 คน ไปกันเยอะหารน้อยหน่อย เพราะฉะนั้นพยายามหาเพื่อนหรือแชร์กับคนอื่น จะจ่ายถูกลง เราเลือกแบบ 500 บาท
วัดแรก: วัดศรีสุวรรณ เป็นวัดของชาวกระเหรี่ยง คนขับเรือได้เล่าประวัติ แต่เราจำไม่ได้แล้วละ ใครอยากรู้ก้อ google กันเอานะ ^^ เนื่องจากช่วงนี้เราไปน้ำเยอะ จึงเห็นแค่นี้
วัดที่สอง: วัดสมเด็จ ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ สร้างโดยพระครูวิมลกาญจนคุณเจ้าคณะตำบลหนองลู เป็นวัดที่ไม่ได้จมน้ำ แต่ถูกทิ้งร้างเมื่อครั้งย้ายอำเภอสังขละบุรี ตอนสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ (เขื่อนเขาแหลม) อุโบสถของวัดสมเด็จมีพระประธานสภาพค่อนข้างสมบูรณ์
วัดที่สาม: วัดจมน้ำ วังก์วิเวการาม (เดิม) อดีตเป็นชุมชนชาวมอญ ตั้งอยู่บริเวณจุดที่เรียกว่า "สามประสบ" คือเป็นที่บรรจบของแม่นํ้าคือเป็นที่บรรจบของแม่นํ้า 3 สาย แม่นํ้าซองกาเลีย, แม่นํ้าบีคลี่และแม่นํ้ารันตี
นอกจากการนั่งเรือไหว้พระแล้ว สังขละบุรียังมีศาสนสถานที่สำคัญอีกสองแห่งที่อยู่ไม่ห่างจากสะพานมอญ ขับรถแปปเดียวก้อถึงแล้ว คือ เจดีย์พุทธคยาและวัดวังก์วิเวการาม (ใหม่)
เจดีย์พุทธคยา: เจดีย์ที่มีความสวยสดงดงามส่องแสงทองเด่นอร่ามทั่วทุกสารทิศ ด่านหน้าเจดีย์มีสิงห์แบบมอญ 2 ตัว ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีเจดีย์เล็กทรงกลมแบบมอญสร้างอยู่บนยอดบนสุด
วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่): ภายในงดงามไปด้วยพุทธศิลปแบบมอญอันวิจิตรตระการตาและรูปหุ่นขึ้ผึ้งขนาดเท่าคนจริงของหลวงพ่ออุตตมะ นั่งอยู่บนบังลังก์หน้าประสาทหลังใหญ่ 9 ยอดที่ใช้เก็บสังขารของท่าน
และก่อนที่จะลาสังขละบุรีไป มีสถานที่นึงซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอสังขละบุรีไปประมาณ 20 กว่ากิโล นั่นคือ ด่านพระเจดีย์สามองค์ เป็นเขตสิ้นสุดชายแดนไทยฝั่งทิศตะวันตก ภายในบริเวณมีเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์และมีสินค้าจากประเทศพม่าขาย ปิดทริป สังขละบุรี 2 วัน 1 คืน อย่างสมบูรณ์