Boeing CST-100 Starliner
ยานอวกาศ Boeing CST-100 Starliner พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Boeing ถือเป็นหนึ่งในยานอวกาศที่นาซ่าร่วมมือกับบริษัทเอกชนพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้งานในภารกิจขนส่งมนุษย์อวกาศขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติ ISS หรือสถานีอวกาศของบริษัทเอกชนในอนาคต โดยยาน CST-100 Starliner สามารถเดินทางขึ้นสู่อวกาศได้เฉพาะในวงโคจรต่ำไม่สามารถเดินทางไปสำรวจอวกาศห้วงลึก เช่น การเดินทางไปดวงจันทร์หรือดาวอังคารได้
ยานอวกาศถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับยาน Apollo แต่มีขนาดที่เล็กกว่าตัวยานขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.56 เมตร ความสูง 5.03 เมตร รองรับนักบินอวกาศได้สูงสุด 7 คน ยาน CST-100 Starliner มีกำหนดการทดสอบปล่อยขึ้นสู่อวกาศแบบไร้นักบินอวกาศโดยใช้จรวด Atlas V ในเดือนเมษายน 2019 และมีกำหนดการทดสอบส่งขึ้นสู่อวกาศแบบมีนักบินอวกาศในเดือนสิงหาคม 2019 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่บริษัท SpaceX มีกำหนดการส่งนักบินอวกาศขึ้นสู่สถานีอวกาศโดยยาน Crew Dragon ในเดือนกรกฏาคม 2019
Cr.nextwider.com/
ยานอวกาศพลังงานคลื่นไมโครเวฟ
บริษัทเทคโนโลยีด้านอวกาศชื่อ Escape Dynamics ตั้งอยู่ที่เมิองเดนเวอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กำลังพัฒนาวิธีการส่งยานอวกาศโดยใช้พลังงานคลื่นไมโครเวฟร่วมกับไฮโดรเจน ซึ่งทำให้ต้นทุนการขนส่งยานอวกาศมีราคาถูกลง ถือเป็นการปฏิวัติแนวคิดเดิม ๆ ในการส่งยานอวกาศ
ตัวยานจะมีลักษณะคล้ายกระสวยอวกาศของนาซ่า บริเวณผิวส่วนท้องของยานจะมีวัสดุชนิดพิเศษสามารถสะท้อนคลื่นไมโครเวฟที่ถูกปล่อยมาจากแท่นยิงคลื่นไมโครเวฟหลาย ๆ ตัวรวมกัน ด้วยวิธีการนี้ทำให้ตัวยานลอยขึ้นไปบนอวกาศ สามารถบรรทุกดาวเทียม นักบินอวกาศในอนาคต ตลอดจนภาระกิจอื่น ๆ ส่วนขั้นตอนการกลับสู่พื้นโลกนั้น มีลักษะคล้ายกับยานกระสวยอวกาศของนาซ่า
การพัฒนาเทคโนโลยีส่งยานอวกาศของบริษัท Escape Dynamics ถือเป็นการปฏิวัติการส่งยานแบบจรวดเดิม ๆ ที่หลายบริษัทำอยู่ เทคโนโลยีของบริษัท Escape Dynamics น่าสนใจเพราะใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าในการส่งยาน เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้การเดินทางไปอวกาศจะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายขึ้น
Cr.nextwider.com
ยานอวกาศนิวเคลียร์
นาซากำลังดำเนินโครงการนำเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กติดไปบนยานอวกาศ ยานที่จะติดเตานี้เป็นลำแรกคือยานจีโม (JIMO- Jupiter Icy Moons Orbiter) เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์สำหรับยานจีโมจะให้พลังงานนับพันวัตต์เลยทีเดียว
ยานจีโมเป็นยานอวกาศสำรวจดวงจันทร์ใหญ่ของดาวพฤหัสบดีสามดวง ได้แก่ คัลลีสโต แกนีมีด และยูโรปา มีเป้าหมายสำคัญคือสำรวจมหาสมุทรใต้พิภพของดวงจันทร์เหล่านี้ ตามที่ได้ข้อมูลเบื้องต้นมาจากยานกาลิเลโอ มีกำหนดขึ้นสู่อวกาศหลังปี 2554
ยานจีโมต้องใช้พลังงานมาก เฉพาะเครื่องมือต่าง ๆ ต้องใช้พลังงานหลายพันวัตต์ ส่วนเครื่องยนต์ขับดันซึ่งเป็นเครื่องยนต์พลังไอออนต้องใช้พลังงานนับแสนวัตต์ เครื่องยนต์พลังไอออนก็เป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งในการบินอวกาศ เครื่องยนต์นี้ได้รับการทดสอบเป็นครั้งแรกโดยยานดีปสเปซ 1 ของนาซา และนำไปใช้งานจริงแล้วกับยานสมาร์ต-1 ขององค์การอวกาศยุโรป ยานทั้งสองลำนี้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการสร้างกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องยนต์ แต่จีโมจะใช้พลังงานนิวเคลียร์แทน
Cr.mgronline.com/
‘Bloostar’ ยานลูกผสมระหว่าง “บอลลูนกับจรวด”
บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในสเปน มีไอเดียที่ดีกว่านั้นโดยใช้ต้นแบบของ “Rockoon” จรวดผสมบอลลูนที่ถูกคิดค้นครั้งแรกเมื่อปี 1955 มาพัฒนาต่อจนกลายเป็นยานที่ใช้งานได้จริง
Zero2Infinity ผู้ผลิตยานอวกาศจากเมืองบาร์เซโลนาได้พัฒนาจรวดแบบใหม่โดยใช้ชื่อว่า “Bloostar” ยานที่ประกอบด้วย “บอลลูนและจรวด” เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่พยายามลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปอวกาศ
Bloostar ใช้รูปแบบการทำงานของบอลลูนให้ลอยขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศในระดับความสูง 40 กิโลเมตร จากนั้นเครื่องยนต์จึงเริ่มทำงานต่อด้วยการจุดระเบิดเชื้อเพลิงเพื่อนำยานเข้าสู่วงโคจรของโลกต่อไปนั่นเอง
นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการส่งดาวเทียมขนาดเล็กเพราะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและสร้างมลพิษน้อยกว่ายานอวกาศรูปแบบเดิม ไม่เพียงเท่านั้นทางผู้ผลิตได้วางแผนเปิดโครงการท่องอวกาศที่ชื่อ “Bloon” เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจขึ้นบอลลูนลอยขึ้นไปยังชั้นบรรยากาศในระดับความสูงจากพื้นดิน 40 กิโลเมตร เพื่อชมความสวยงามบนท้องฟ้า ภายในห้องควบคุมแรงดันที่ผู้ผลิตยืนยันว่าปลอดภัยเหมือนกับการนั่งเครื่องบินทั่วไป โดยจะใช้เวลาท่องเที่ยวรอบละประมาณ 5 ชั่วโมง
Cr. SpokeDark.TV
“สเปซไลน์” Spaceline ลิฟต์อวกาศ
ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติเสนอแผนการสร้าง “สเปซไลน์” (Spaceline) ลิฟต์อวกาศแบบใหม่ที่มีความเป็นไปได้ในการก่อสร้างสูงยิ่งกว่าเดิม โดยใช้สายเคเบิลที่ผลิตจากวัสดุล้ำยุคเชื่อมต่อระหว่างพื้นผิวดวงจันทร์กับสถานีอวกาศนอกโลก แนวความคิดใหม่นี้เป็นของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐฯ และมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในสหราชอาณาจักร โดยมีการเผยแพร่ในเว็บไซต์คลังเอกสารวิชาการออนไลน์ arXiv.org
วิธีดังกล่าวจะช่วยตัดลดค่าใช้จ่ายในการยิงจรวดส่งยานอวกาศออกนอกวงโคจรของโลกไปได้อย่างมาก โดยในอนาคตผู้เดินทางท่องอวกาศเพียงโดยสารมากับจรวดให้ถึงระดับวงโคจรค้างฟ้า (geostationary orbit) ของดาวเทียมทั่วไปเท่านั้น แล้วจะสามารถขึ้นลิฟต์อวกาศที่สถานีเชื่อมต่อนอกโลกตรงไปยังดวงจันทร์ได้ทันที
ลิฟต์อวกาศแบบใหม่จะใช้สายเคเบิลยึดพื้นผิวดวงจันทร์และโยงมายังสถานีอวกาศนอกโลก ซึ่งจะสร้างขึ้นในลักษณะคล้ายกับลูกดิ่งที่ถูกผูกห้อยไว้ที่ปลายเชือก และจะมีกระสวยอวกาศแบบใช้พลังงานแสงอาทิตย์วิ่งรับส่งผู้โดยสารไปตามเส้นทางนี้
สำหรับวัสดุที่จะใช้ในการผลิตสายเคเบิลนั้น ทีมผู้วิจัยเสนอว่าแม้ตัวเลือกที่ดีที่สุดจะเป็นวัสดุแห่งอนาคตอย่างคาร์บอนนาโนทิวบ์ แต่วัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเช่นพอลิเอทิลีนน้ำหนักโมเลกุลสูงพิเศษ (UHMWPE) ซึ่งเป็นเส้นใยที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ก็มีความเหมาะสมสำหรับโครงการลิฟต์อวกาศเช่นกัน โดยอาจออกแบบให้สายเคเบิลมีรูปทรงตีบแคบที่ส่วนปลายทั้งสองข้าง แต่มีความหนามากเป็นพิเศษตรงส่วนกลาง เพื่อป้องกันการฉีกขาด
ทีมผู้วิจัยยังหวังว่า การสร้างลิฟต์อวกาศแบบยึดติดกับพื้นดวงจันทร์นี้ จะช่วยให้เกิดการพัฒนาสถานีทดลองในอวกาศหรือแม้แต่การสร้างอาณานิคมอวกาศแห่งใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างสถานีต่าง ๆ ในจุดสมดุลแรงโน้มถ่วงระหว่างโลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ หรือจุดลากรานเจียน (Lagrangian Point) ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มาก
Cr.khaosod.co.th
"Aurora Station" โรงแรมหรูในยานอวกาศ
Orion Span ซึ่งตั้งอยู่ที่ฮิวสตัน เมืองในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ วางแผนที่จะเปิดตัวโรงแรมหรูในวงโคจร 200 ไมล์เหนือโลก โดยสถานีอวกาศเชิงพาณิชย์แบบโมเดลเดียวแห่งนี้จะเปิดให้บริการด้วยห้องสวีทส่วนตัวสำหรับสองห้อง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดเท่าที่เคยสร้างไว้สำหรับ spaceflight แห่งเดียวในโลกเท่านั้น
ผู้โดยสารจะได้โบยบินไปในอวกาศกับ "Aurora Station" ด้วยระยะเวลา 12 วัน ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 9.5 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทย 297,000,000 ล้านบาท ทั้งนี้ผู้เข้าใช้บริการจะต้องผ่านการฝึกอบรมก่อนขึ้นเที่ยวบิน 3 เดือน เพื่อร่วมผจญภัย 12 วันที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ สัมผัสกับความตื่นเต้นของศูนย์แรงโน้มถ่วง, ดูแสงเหนือได้เทียบเท่ากับผู้ที่เป็นนักบินอวกาศที่แท้จริง ส่วนใครที่กังวลกับการต้องใช้สเปซวอล์กนั้นทีมงานบอกว่าไม่จำเป็น ทีมงานของ ISS ผู้สร้างกล่าว
สถานีออโรร่าแห่งนี้จะมีขนาดประมาณห้องโดยสารของเจ็ตส่วนตัวขนาดใหญ่ จะมีความกว้าง 43.5 ฟุต ยาว 14.1 ฟุต สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 4 คน และลูกเรือ 2 คน ซึ่งเป็นนักบินอวกาศในอดีต นอกจากนี้ทางทีมงานยังได้เปิดเผยว่าในอนาคตอาจสร้างที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในระยะยาวและยั่งยืนในวงโคจรของโลกต่ำต่อไป
Cr.newtv.co.th
Skylon 'เครื่องบินอวกาศ' ความเร็วเหนือเสียง 5 เท่า
เครื่องบินที่จะพาผู้โดยสารจากยุโรปไปยังประเทศออสเตรเลียในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
Skylon เป็นอากาศยานที่ถูกออกแบบมาเพื่อทดแทนจรวด ซึ่งมันสามารถเดินทางไปยังอวกาศได้โดยไม้ต้องพึ่งจรวดพาไป ลาสุดหลักการทำงานของมันนั้นถูกนำมาปรับใช้ในเครื่องบินโดยสารที่มีชื่อว่า Lapcat A2 ภายในสามารถบรรจุผู้โดยสารได้ 300 คน ความเร็วของมันจะทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางจากยุโรปไปยังประเทศออสเตรเลียใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ทางองค์การอวกาศยุโรปมีแผนจะบินทดสอบในปี 2020
ทั้งนี้ Skylon ยานแห่งอนาคตลำนี้มีความยาว 83.3 ม. ความยาวปีก 25.4 ม. น้ำหนัก 5.3 หมื่น กก. รองรับน้ำหนักได้ 3.45 แสน กก. ซึ่งมีความยาวถึง 83.3 ม. และสามารถบินเหนือพื้นโลกได้สูงถึง 18 ไมล์ ด้วยความเร็วเหนือเสียงถึง 5 เท่า ระหว่างการเดินทางในวงโคจรโลก
ในชั้นต้นยานลำนี้จะไม่มีลูกเรือเดินทางไปยังอวกาศด้วย แต่ในกรณีที่พัฒนาศักยภาพจนรองรับได้จะสามารถขนผู้โดยสารและลูกเรือคราวละ 24 คน
Cr.posttoday.com
Avalon ยานขนส่งข้ามอวกาศในภาพยนตร์ Passengers
Passengers ภาพยนตร์ไซไฟที่ฉายในช่วงปลายปี 2016 กล่าวถึงการเดินทางข้ามอวกาศของมนุษยชาติไปยังดาวอาณานิคมดวงใหม่ชื่อ Homestead 2 ยานอวกาศที่ถูกใช้ขนส่งมนุษย์ชาติในครั้งนี้ชื่อว่า Avalon สามารถบรรทุกผู้โดยสารไปได้ครั้งล่ะ 5,000 คนพร้อมเจ้าหน้าที่นักบินประมาณ 250 คน ยาน Avalon
ถูกออกแบบโดย Guy Hendrix Dyas เคยมีผลงานการออกแบบให้กับภาพยนตร์เรื่อง Inception , Superman Returns , X2: X-Men United แนวคิดในการออกแบบยานคล้ายกับในภาพยนตร์เรื่อง 2001 : A Space Odyssey และ Interstellar คือ ใช้การหมุนของยานเพื่อสร้างแรงโน้มถ่วงทำให้นักบินอวกาศสามารถอยู่อาศัยบนยานเสมือนมีแรงโน้มถ่วงเหมือนโลกมนุษย์
ในภาพยนตร์ยาน Avalon มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตรตัวยานออกแบบคล้ายเมล็ดของต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นใบพัด ( Helicopters seeds ) ใช้เกราะป้องกันแรงกระแทกด้านหน้าของยานสามารถเดินทางด้วยความเร็วครึ่งหนึ่งของความเร็วแสง 539,626,424.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้เวลาเดินทางจากโลกประมาณ 120 ปี เนื่องจากใช้เวลาในการเดินทางที่ยาวนานทำให้ผู้โดยสารทุกคนจะถูกทำให้นอนหลับในสภาพจำศีลและรอการปลุกให้ตื่นขึ้นมาก่อนเดินทางถึงดาว Homestead 2 ประมาณ 4 เดือนเพื่อเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ เพื่อลงจอดบนดาวอาณานิคมดวงใหม่
โดยใช้ระบบช่วยชีวิตให้สารอาหารและยังชีพในช่วงระยะสั้นๆ วิธีการนี้นาซ่ากำลังศึกษาวิจัยอยู่ คำถามคือ มนุษย์นอนหลับต่อครั้งได้นานแค่ไหนถึงจะไม่กระทบต่อสุขภาพการวิจัยพัฒนาในเรื่องนี้มีความสำคัญเพราะมันสามารถช่วยลดต้นทุนการเดินทางข้ามอวกาศหรือไปดาวอังคารที่มีมูลค่าสูงและช่วยลดทรัพยากรอาหารและอากาศที่ต้องใช้ระหว่างเดินทางได้ เช่น จากเดิมที่ต้องเตรียมอาหาร น้ำและอากาศสำหรับเดินทาง 8 เดือน อาจเหลือแค่ 4-6 เดือนเท่านั้น
ยานอวกาศมักมีบทบาทสำคัญในหนังไซไฟอวกาศแนวคิดทางด้านวิทยาศาสตร์ถุกนำมาใช้ให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างในภายนตร์ดูภาพยนตร์ให้สนุกเก็บประเด็นมาจินตนาการเพิ่มเติมให้มีความรู้ แนะนำผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ไซไฟให้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เชื่อว่ากระตุ้นความชื่นชอบหนังไซไฟได้เป็นอย่างดี
Cr.nextwider.com
เทคโนโลยียานท่องอวกาศ
ยานอวกาศ Boeing CST-100 Starliner พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Boeing ถือเป็นหนึ่งในยานอวกาศที่นาซ่าร่วมมือกับบริษัทเอกชนพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้งานในภารกิจขนส่งมนุษย์อวกาศขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติ ISS หรือสถานีอวกาศของบริษัทเอกชนในอนาคต โดยยาน CST-100 Starliner สามารถเดินทางขึ้นสู่อวกาศได้เฉพาะในวงโคจรต่ำไม่สามารถเดินทางไปสำรวจอวกาศห้วงลึก เช่น การเดินทางไปดวงจันทร์หรือดาวอังคารได้
ยานอวกาศถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับยาน Apollo แต่มีขนาดที่เล็กกว่าตัวยานขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.56 เมตร ความสูง 5.03 เมตร รองรับนักบินอวกาศได้สูงสุด 7 คน ยาน CST-100 Starliner มีกำหนดการทดสอบปล่อยขึ้นสู่อวกาศแบบไร้นักบินอวกาศโดยใช้จรวด Atlas V ในเดือนเมษายน 2019 และมีกำหนดการทดสอบส่งขึ้นสู่อวกาศแบบมีนักบินอวกาศในเดือนสิงหาคม 2019 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่บริษัท SpaceX มีกำหนดการส่งนักบินอวกาศขึ้นสู่สถานีอวกาศโดยยาน Crew Dragon ในเดือนกรกฏาคม 2019
Cr.nextwider.com/
ยานอวกาศพลังงานคลื่นไมโครเวฟ
บริษัทเทคโนโลยีด้านอวกาศชื่อ Escape Dynamics ตั้งอยู่ที่เมิองเดนเวอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กำลังพัฒนาวิธีการส่งยานอวกาศโดยใช้พลังงานคลื่นไมโครเวฟร่วมกับไฮโดรเจน ซึ่งทำให้ต้นทุนการขนส่งยานอวกาศมีราคาถูกลง ถือเป็นการปฏิวัติแนวคิดเดิม ๆ ในการส่งยานอวกาศ
ตัวยานจะมีลักษณะคล้ายกระสวยอวกาศของนาซ่า บริเวณผิวส่วนท้องของยานจะมีวัสดุชนิดพิเศษสามารถสะท้อนคลื่นไมโครเวฟที่ถูกปล่อยมาจากแท่นยิงคลื่นไมโครเวฟหลาย ๆ ตัวรวมกัน ด้วยวิธีการนี้ทำให้ตัวยานลอยขึ้นไปบนอวกาศ สามารถบรรทุกดาวเทียม นักบินอวกาศในอนาคต ตลอดจนภาระกิจอื่น ๆ ส่วนขั้นตอนการกลับสู่พื้นโลกนั้น มีลักษะคล้ายกับยานกระสวยอวกาศของนาซ่า
การพัฒนาเทคโนโลยีส่งยานอวกาศของบริษัท Escape Dynamics ถือเป็นการปฏิวัติการส่งยานแบบจรวดเดิม ๆ ที่หลายบริษัทำอยู่ เทคโนโลยีของบริษัท Escape Dynamics น่าสนใจเพราะใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าในการส่งยาน เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้การเดินทางไปอวกาศจะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายขึ้น
Cr.nextwider.com
ยานอวกาศนิวเคลียร์
นาซากำลังดำเนินโครงการนำเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กติดไปบนยานอวกาศ ยานที่จะติดเตานี้เป็นลำแรกคือยานจีโม (JIMO- Jupiter Icy Moons Orbiter) เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์สำหรับยานจีโมจะให้พลังงานนับพันวัตต์เลยทีเดียว
ยานจีโมเป็นยานอวกาศสำรวจดวงจันทร์ใหญ่ของดาวพฤหัสบดีสามดวง ได้แก่ คัลลีสโต แกนีมีด และยูโรปา มีเป้าหมายสำคัญคือสำรวจมหาสมุทรใต้พิภพของดวงจันทร์เหล่านี้ ตามที่ได้ข้อมูลเบื้องต้นมาจากยานกาลิเลโอ มีกำหนดขึ้นสู่อวกาศหลังปี 2554
ยานจีโมต้องใช้พลังงานมาก เฉพาะเครื่องมือต่าง ๆ ต้องใช้พลังงานหลายพันวัตต์ ส่วนเครื่องยนต์ขับดันซึ่งเป็นเครื่องยนต์พลังไอออนต้องใช้พลังงานนับแสนวัตต์ เครื่องยนต์พลังไอออนก็เป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งในการบินอวกาศ เครื่องยนต์นี้ได้รับการทดสอบเป็นครั้งแรกโดยยานดีปสเปซ 1 ของนาซา และนำไปใช้งานจริงแล้วกับยานสมาร์ต-1 ขององค์การอวกาศยุโรป ยานทั้งสองลำนี้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการสร้างกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องยนต์ แต่จีโมจะใช้พลังงานนิวเคลียร์แทน
Cr.mgronline.com/
‘Bloostar’ ยานลูกผสมระหว่าง “บอลลูนกับจรวด”
บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในสเปน มีไอเดียที่ดีกว่านั้นโดยใช้ต้นแบบของ “Rockoon” จรวดผสมบอลลูนที่ถูกคิดค้นครั้งแรกเมื่อปี 1955 มาพัฒนาต่อจนกลายเป็นยานที่ใช้งานได้จริง
Zero2Infinity ผู้ผลิตยานอวกาศจากเมืองบาร์เซโลนาได้พัฒนาจรวดแบบใหม่โดยใช้ชื่อว่า “Bloostar” ยานที่ประกอบด้วย “บอลลูนและจรวด” เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่พยายามลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปอวกาศ
Bloostar ใช้รูปแบบการทำงานของบอลลูนให้ลอยขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศในระดับความสูง 40 กิโลเมตร จากนั้นเครื่องยนต์จึงเริ่มทำงานต่อด้วยการจุดระเบิดเชื้อเพลิงเพื่อนำยานเข้าสู่วงโคจรของโลกต่อไปนั่นเอง
นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการส่งดาวเทียมขนาดเล็กเพราะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและสร้างมลพิษน้อยกว่ายานอวกาศรูปแบบเดิม ไม่เพียงเท่านั้นทางผู้ผลิตได้วางแผนเปิดโครงการท่องอวกาศที่ชื่อ “Bloon” เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจขึ้นบอลลูนลอยขึ้นไปยังชั้นบรรยากาศในระดับความสูงจากพื้นดิน 40 กิโลเมตร เพื่อชมความสวยงามบนท้องฟ้า ภายในห้องควบคุมแรงดันที่ผู้ผลิตยืนยันว่าปลอดภัยเหมือนกับการนั่งเครื่องบินทั่วไป โดยจะใช้เวลาท่องเที่ยวรอบละประมาณ 5 ชั่วโมง
Cr. SpokeDark.TV
“สเปซไลน์” Spaceline ลิฟต์อวกาศ
ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติเสนอแผนการสร้าง “สเปซไลน์” (Spaceline) ลิฟต์อวกาศแบบใหม่ที่มีความเป็นไปได้ในการก่อสร้างสูงยิ่งกว่าเดิม โดยใช้สายเคเบิลที่ผลิตจากวัสดุล้ำยุคเชื่อมต่อระหว่างพื้นผิวดวงจันทร์กับสถานีอวกาศนอกโลก แนวความคิดใหม่นี้เป็นของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐฯ และมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในสหราชอาณาจักร โดยมีการเผยแพร่ในเว็บไซต์คลังเอกสารวิชาการออนไลน์ arXiv.org
วิธีดังกล่าวจะช่วยตัดลดค่าใช้จ่ายในการยิงจรวดส่งยานอวกาศออกนอกวงโคจรของโลกไปได้อย่างมาก โดยในอนาคตผู้เดินทางท่องอวกาศเพียงโดยสารมากับจรวดให้ถึงระดับวงโคจรค้างฟ้า (geostationary orbit) ของดาวเทียมทั่วไปเท่านั้น แล้วจะสามารถขึ้นลิฟต์อวกาศที่สถานีเชื่อมต่อนอกโลกตรงไปยังดวงจันทร์ได้ทันที
ลิฟต์อวกาศแบบใหม่จะใช้สายเคเบิลยึดพื้นผิวดวงจันทร์และโยงมายังสถานีอวกาศนอกโลก ซึ่งจะสร้างขึ้นในลักษณะคล้ายกับลูกดิ่งที่ถูกผูกห้อยไว้ที่ปลายเชือก และจะมีกระสวยอวกาศแบบใช้พลังงานแสงอาทิตย์วิ่งรับส่งผู้โดยสารไปตามเส้นทางนี้
สำหรับวัสดุที่จะใช้ในการผลิตสายเคเบิลนั้น ทีมผู้วิจัยเสนอว่าแม้ตัวเลือกที่ดีที่สุดจะเป็นวัสดุแห่งอนาคตอย่างคาร์บอนนาโนทิวบ์ แต่วัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเช่นพอลิเอทิลีนน้ำหนักโมเลกุลสูงพิเศษ (UHMWPE) ซึ่งเป็นเส้นใยที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ก็มีความเหมาะสมสำหรับโครงการลิฟต์อวกาศเช่นกัน โดยอาจออกแบบให้สายเคเบิลมีรูปทรงตีบแคบที่ส่วนปลายทั้งสองข้าง แต่มีความหนามากเป็นพิเศษตรงส่วนกลาง เพื่อป้องกันการฉีกขาด
ทีมผู้วิจัยยังหวังว่า การสร้างลิฟต์อวกาศแบบยึดติดกับพื้นดวงจันทร์นี้ จะช่วยให้เกิดการพัฒนาสถานีทดลองในอวกาศหรือแม้แต่การสร้างอาณานิคมอวกาศแห่งใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างสถานีต่าง ๆ ในจุดสมดุลแรงโน้มถ่วงระหว่างโลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ หรือจุดลากรานเจียน (Lagrangian Point) ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มาก
Cr.khaosod.co.th
"Aurora Station" โรงแรมหรูในยานอวกาศ
Orion Span ซึ่งตั้งอยู่ที่ฮิวสตัน เมืองในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ วางแผนที่จะเปิดตัวโรงแรมหรูในวงโคจร 200 ไมล์เหนือโลก โดยสถานีอวกาศเชิงพาณิชย์แบบโมเดลเดียวแห่งนี้จะเปิดให้บริการด้วยห้องสวีทส่วนตัวสำหรับสองห้อง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดเท่าที่เคยสร้างไว้สำหรับ spaceflight แห่งเดียวในโลกเท่านั้น
ผู้โดยสารจะได้โบยบินไปในอวกาศกับ "Aurora Station" ด้วยระยะเวลา 12 วัน ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 9.5 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทย 297,000,000 ล้านบาท ทั้งนี้ผู้เข้าใช้บริการจะต้องผ่านการฝึกอบรมก่อนขึ้นเที่ยวบิน 3 เดือน เพื่อร่วมผจญภัย 12 วันที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ สัมผัสกับความตื่นเต้นของศูนย์แรงโน้มถ่วง, ดูแสงเหนือได้เทียบเท่ากับผู้ที่เป็นนักบินอวกาศที่แท้จริง ส่วนใครที่กังวลกับการต้องใช้สเปซวอล์กนั้นทีมงานบอกว่าไม่จำเป็น ทีมงานของ ISS ผู้สร้างกล่าว
สถานีออโรร่าแห่งนี้จะมีขนาดประมาณห้องโดยสารของเจ็ตส่วนตัวขนาดใหญ่ จะมีความกว้าง 43.5 ฟุต ยาว 14.1 ฟุต สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 4 คน และลูกเรือ 2 คน ซึ่งเป็นนักบินอวกาศในอดีต นอกจากนี้ทางทีมงานยังได้เปิดเผยว่าในอนาคตอาจสร้างที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในระยะยาวและยั่งยืนในวงโคจรของโลกต่ำต่อไป
Cr.newtv.co.th
Skylon 'เครื่องบินอวกาศ' ความเร็วเหนือเสียง 5 เท่า
เครื่องบินที่จะพาผู้โดยสารจากยุโรปไปยังประเทศออสเตรเลียในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
Skylon เป็นอากาศยานที่ถูกออกแบบมาเพื่อทดแทนจรวด ซึ่งมันสามารถเดินทางไปยังอวกาศได้โดยไม้ต้องพึ่งจรวดพาไป ลาสุดหลักการทำงานของมันนั้นถูกนำมาปรับใช้ในเครื่องบินโดยสารที่มีชื่อว่า Lapcat A2 ภายในสามารถบรรจุผู้โดยสารได้ 300 คน ความเร็วของมันจะทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางจากยุโรปไปยังประเทศออสเตรเลียใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ทางองค์การอวกาศยุโรปมีแผนจะบินทดสอบในปี 2020
ทั้งนี้ Skylon ยานแห่งอนาคตลำนี้มีความยาว 83.3 ม. ความยาวปีก 25.4 ม. น้ำหนัก 5.3 หมื่น กก. รองรับน้ำหนักได้ 3.45 แสน กก. ซึ่งมีความยาวถึง 83.3 ม. และสามารถบินเหนือพื้นโลกได้สูงถึง 18 ไมล์ ด้วยความเร็วเหนือเสียงถึง 5 เท่า ระหว่างการเดินทางในวงโคจรโลก
ในชั้นต้นยานลำนี้จะไม่มีลูกเรือเดินทางไปยังอวกาศด้วย แต่ในกรณีที่พัฒนาศักยภาพจนรองรับได้จะสามารถขนผู้โดยสารและลูกเรือคราวละ 24 คน
Cr.posttoday.com
Avalon ยานขนส่งข้ามอวกาศในภาพยนตร์ Passengers
Passengers ภาพยนตร์ไซไฟที่ฉายในช่วงปลายปี 2016 กล่าวถึงการเดินทางข้ามอวกาศของมนุษยชาติไปยังดาวอาณานิคมดวงใหม่ชื่อ Homestead 2 ยานอวกาศที่ถูกใช้ขนส่งมนุษย์ชาติในครั้งนี้ชื่อว่า Avalon สามารถบรรทุกผู้โดยสารไปได้ครั้งล่ะ 5,000 คนพร้อมเจ้าหน้าที่นักบินประมาณ 250 คน ยาน Avalon
ถูกออกแบบโดย Guy Hendrix Dyas เคยมีผลงานการออกแบบให้กับภาพยนตร์เรื่อง Inception , Superman Returns , X2: X-Men United แนวคิดในการออกแบบยานคล้ายกับในภาพยนตร์เรื่อง 2001 : A Space Odyssey และ Interstellar คือ ใช้การหมุนของยานเพื่อสร้างแรงโน้มถ่วงทำให้นักบินอวกาศสามารถอยู่อาศัยบนยานเสมือนมีแรงโน้มถ่วงเหมือนโลกมนุษย์
ในภาพยนตร์ยาน Avalon มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตรตัวยานออกแบบคล้ายเมล็ดของต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นใบพัด ( Helicopters seeds ) ใช้เกราะป้องกันแรงกระแทกด้านหน้าของยานสามารถเดินทางด้วยความเร็วครึ่งหนึ่งของความเร็วแสง 539,626,424.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้เวลาเดินทางจากโลกประมาณ 120 ปี เนื่องจากใช้เวลาในการเดินทางที่ยาวนานทำให้ผู้โดยสารทุกคนจะถูกทำให้นอนหลับในสภาพจำศีลและรอการปลุกให้ตื่นขึ้นมาก่อนเดินทางถึงดาว Homestead 2 ประมาณ 4 เดือนเพื่อเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ เพื่อลงจอดบนดาวอาณานิคมดวงใหม่
โดยใช้ระบบช่วยชีวิตให้สารอาหารและยังชีพในช่วงระยะสั้นๆ วิธีการนี้นาซ่ากำลังศึกษาวิจัยอยู่ คำถามคือ มนุษย์นอนหลับต่อครั้งได้นานแค่ไหนถึงจะไม่กระทบต่อสุขภาพการวิจัยพัฒนาในเรื่องนี้มีความสำคัญเพราะมันสามารถช่วยลดต้นทุนการเดินทางข้ามอวกาศหรือไปดาวอังคารที่มีมูลค่าสูงและช่วยลดทรัพยากรอาหารและอากาศที่ต้องใช้ระหว่างเดินทางได้ เช่น จากเดิมที่ต้องเตรียมอาหาร น้ำและอากาศสำหรับเดินทาง 8 เดือน อาจเหลือแค่ 4-6 เดือนเท่านั้น
ยานอวกาศมักมีบทบาทสำคัญในหนังไซไฟอวกาศแนวคิดทางด้านวิทยาศาสตร์ถุกนำมาใช้ให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างในภายนตร์ดูภาพยนตร์ให้สนุกเก็บประเด็นมาจินตนาการเพิ่มเติมให้มีความรู้ แนะนำผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ไซไฟให้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เชื่อว่ากระตุ้นความชื่นชอบหนังไซไฟได้เป็นอย่างดี
Cr.nextwider.com