(วันที่4 ตุลาคม)พอดีผมลืมถุงสินค้าดีแทคที่มีกล่องซัมซุงnote10อยู่ข้างใน(แต่ไม่มีโทรศัพท์ มีแต่สายชาร์จ หูฟัง ใบเสร็จ)ซึ่งพึ่งซื้อมาจากdtac hallที่เซนลาดมาหมาดๆเลย ไว้บนรถเมล์ 510 สาเหตุที่ผมลืมก็มาจากความเลิ่กลักของผมนะแหละเพราะไม่ได้นั่งรถเมล์ลงดอนเมืองนานทำให้ไม่มั่นใจว่าต้องลงจุดไหนประกอบกับพกของพะรุงพะรังเยอะแยะไปหมด ทำให้ผมลืมถุงสินค้าdtac ไว้บนรถเมล์ ซึ่งกว่าผมจะไปรู้ตัวก็ตอนเข้าเกทในดอนเมืองเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นผมกระวนกระวายมากๆผมก็เลยพยายามติดต่อรถเมล์ศูนย์รถเมล์ต่างๆเท่าที่จะทำได้โดยหลังจากนี้ผมจะเรียงเนื้อเรื่องเป็นฉากๆละกันครับ
1.ผมโทรไปที่ 1348 ปรากฏว่าต้องรอสายนานมากผมก็เลยกดวางไป
2.ผมลองตั้งกระทู้ในเวป bmta เผื่อเขาอ่านแล้วตอบคำถามผมได้(ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่ตอบ)
3.ผมได้ตั้งกระทู้พันทิปเพื่อขอคำปรึกษา
4.ผมได้โทรไปที่เขตการเดินรถที่หนึ่งซึ่งเขาก็รับเรื่องไปแต่ก็ไม่ได้รับข่าวสารใดๆเพิ่มเติม
5.ผมได้ขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน
6.เมื่อผมได้กลับบ้านแล้วผมได้โทรไปที่ 1348 อีกครั้งซึ่งปรากฏว่าโทรติดแล้วเขาก็ได้รับเรื่องไป
7.หลังจากนั้นมีเบอร์จากศูนย์วิทยุรถเมล์อะไรสักอย่างโทรมาเพื่อขอรายละเอียด แล้วเขาก็วางไป
8.หลังจากนั้นก็มีเบอร์จากนายท่า 510 โทรมาถามรายละเอียดอีกที(ตอนนี้เริ่มมีความหวังละ)
9.หลังจากนั้นผ่านไปสองสามวันไม่มีใครติดต่อมาผมก็เริ่มโทรไปเชคตามเบอร์ที่เคยโทรมาปรากฏว่ายังไม่มีใครเจอ
10.ผมลองอ่านในพันทิปที่ผมโพสดู เขาก็แนะนำให้โทรไปที่อู่รังสิต หรือไม่ก็ไปที่อู่เลย(ผมไปไม่ได้เพราะอยู่ตรัง)
11.โทรไปที่อู่รังสิตก็เริ่มมึความหวังอีกครั้งแต่ไม่มีใครเจอแล้วเขาก็บอกว่าอาจจะมีผู้โดยสารคนอื่นเอาไป
12.หลังจากนั้นผมก็ไม่มั่นใจเลยลองโทรไปเชคตามสถานที่ต่างๆหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์เผื่อว่าผมอาจจะลืมไว้ที่อื่นทั้งๆที่มันไม่มีวันเป็นไปได้ ก็ปรากฏ ว่าไม่มีของที่ผมทำหาย
ซึ่ง ณ ตอนนี้ผมก็เลยพอรู้สถานะในตอนนี้แล้วว่าของสิ่งนี้คงหายไปจากชีวิตเราจริงๆแล้ว แต่ผมรู้สึกนอยด์-มากๆเลยผมคิดว่าการที่ผมจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้เนี่ยเป็นเรื่องที่รู้สึกทำใจลำบากทั้งจากความสะเพร่าของตัวเองที่โตเป็นควายแล้วแต่ก็ยังลืมของไว้บนรถเมล์ ไหนจะเรื่องที่ต้องไปซื้อสายชาร์จกับหูฟังใหม่อีก ผมมีความรู้สึกผิดมากๆเลย แต่ผมก็อดน้อยใจไม่ได้ที่คนที่เจอของๆผมทำไมไม่มีความรู้สึกที่จะหาเจ้าของให้เจอของหน่อยเพราะในใบเสร็จสินค้าก็มีชื่อและเบอร์ผมอยู่ ซึ่งผมก็รู้สึกนอยด์ๆทุกครั้งเวลาที่มีคนขอดูโทรศัพท์เพราะมันก็เป็นรุ่นที่ใหม่ เวลาเห็นโทรศัพท์ทีไรก็รู้สึกเรื่องราวมันย้อนกลับเข้ามา ผมอยากให้ใจของผมสงบสักที เลยลองมาตั้งกระทู้พันทิปดูเพื่อจะได้หายนอยด์ได้บ้าง
ทำอย่างไรกับความรู้สึกนอยด์-ดีครับ
1.ผมโทรไปที่ 1348 ปรากฏว่าต้องรอสายนานมากผมก็เลยกดวางไป
2.ผมลองตั้งกระทู้ในเวป bmta เผื่อเขาอ่านแล้วตอบคำถามผมได้(ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่ตอบ)
3.ผมได้ตั้งกระทู้พันทิปเพื่อขอคำปรึกษา
4.ผมได้โทรไปที่เขตการเดินรถที่หนึ่งซึ่งเขาก็รับเรื่องไปแต่ก็ไม่ได้รับข่าวสารใดๆเพิ่มเติม
5.ผมได้ขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน
6.เมื่อผมได้กลับบ้านแล้วผมได้โทรไปที่ 1348 อีกครั้งซึ่งปรากฏว่าโทรติดแล้วเขาก็ได้รับเรื่องไป
7.หลังจากนั้นมีเบอร์จากศูนย์วิทยุรถเมล์อะไรสักอย่างโทรมาเพื่อขอรายละเอียด แล้วเขาก็วางไป
8.หลังจากนั้นก็มีเบอร์จากนายท่า 510 โทรมาถามรายละเอียดอีกที(ตอนนี้เริ่มมีความหวังละ)
9.หลังจากนั้นผ่านไปสองสามวันไม่มีใครติดต่อมาผมก็เริ่มโทรไปเชคตามเบอร์ที่เคยโทรมาปรากฏว่ายังไม่มีใครเจอ
10.ผมลองอ่านในพันทิปที่ผมโพสดู เขาก็แนะนำให้โทรไปที่อู่รังสิต หรือไม่ก็ไปที่อู่เลย(ผมไปไม่ได้เพราะอยู่ตรัง)
11.โทรไปที่อู่รังสิตก็เริ่มมึความหวังอีกครั้งแต่ไม่มีใครเจอแล้วเขาก็บอกว่าอาจจะมีผู้โดยสารคนอื่นเอาไป
12.หลังจากนั้นผมก็ไม่มั่นใจเลยลองโทรไปเชคตามสถานที่ต่างๆหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์เผื่อว่าผมอาจจะลืมไว้ที่อื่นทั้งๆที่มันไม่มีวันเป็นไปได้ ก็ปรากฏ ว่าไม่มีของที่ผมทำหาย
ซึ่ง ณ ตอนนี้ผมก็เลยพอรู้สถานะในตอนนี้แล้วว่าของสิ่งนี้คงหายไปจากชีวิตเราจริงๆแล้ว แต่ผมรู้สึกนอยด์-มากๆเลยผมคิดว่าการที่ผมจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้เนี่ยเป็นเรื่องที่รู้สึกทำใจลำบากทั้งจากความสะเพร่าของตัวเองที่โตเป็นควายแล้วแต่ก็ยังลืมของไว้บนรถเมล์ ไหนจะเรื่องที่ต้องไปซื้อสายชาร์จกับหูฟังใหม่อีก ผมมีความรู้สึกผิดมากๆเลย แต่ผมก็อดน้อยใจไม่ได้ที่คนที่เจอของๆผมทำไมไม่มีความรู้สึกที่จะหาเจ้าของให้เจอของหน่อยเพราะในใบเสร็จสินค้าก็มีชื่อและเบอร์ผมอยู่ ซึ่งผมก็รู้สึกนอยด์ๆทุกครั้งเวลาที่มีคนขอดูโทรศัพท์เพราะมันก็เป็นรุ่นที่ใหม่ เวลาเห็นโทรศัพท์ทีไรก็รู้สึกเรื่องราวมันย้อนกลับเข้ามา ผมอยากให้ใจของผมสงบสักที เลยลองมาตั้งกระทู้พันทิปดูเพื่อจะได้หายนอยด์ได้บ้าง