สิ่งที่อยากบอกตัวเองตอนอายุน้อยกว่านี้

        ปีนี้ดิฉัน 45 แล้วค่ะ  จะนับให้เป๊ะกว่านี้คือ 45 ปี 2 เดือน 22 วัน ก็ต้องนับว่าเลยวัยกลางคนไปพอสมควรแล้ว
เพี้ยนหืม
        มานึกกับตัวเองเล่น ๆ ว่า จากวัยค่อนชีวิตขณะนี้ มองย้อนกลับลงไป มีอะไรที่อยากจะบอกตัวเองตอนอายุน้อยกว่านี้บ้าง ก็นั่งคิด ๆ ออกมา และคิดว่าเขียนเป็นกระทู้ดีกว่า เผื่อคนอื่นจะได้มาแชร์ประสบการณ์กันด้วย

       สมมติว่า ตอนนี้ดิฉันสามารถจะให้คำแนะนำอะไรกับตัวเองในวัย 15-30 ซึ่งดิฉันถือว่าเป็นรอยต่อที่สำคัญที่สุดของชีวิต คือ เป็นต้นไม้ที่เริ่มโตแล้วแต่ยังอ่อนพอที่จะดัดและบ่มเพาะได้ และยังเหลือเวลาสำหรับการเรียนรู้และลองผิดลองถูก

สิ่งที่ดิฉันอยากจะบอกกับตัวเองในวัย 15-30 จะแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อ

1. เรื่องเรียน

 - อย่าติดกับกับคำพูดที่มักจะได้ยินบ่อย ๆ ว่า “เรียนเก่งไป ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จ” คนที่พูดแบบนี้ ครึ่งหนึ่งเป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิตที่เกรดในโรงเรียนไม่ดี แต่ไม่ได้แปลว่า เขาไม่ได้เรียนรู้อะไรอย่างอื่นนอกห้องเรียน ส่วนอีกครึ่งที่พูดแบบนี้เป็น “ขี้แพ้ชวนตี” 
พาพันขยัน

 - คำโบราณที่ว่า “เมื่อเล็กให้เรียนวิชา ให้หาสินเมื่อใหญ่” นั้นใช้ได้เสมอ เพราะเวลาคุณโตขึ้น การเรียนรู้ซึมซับอะไรต่าง ๆ จะทำได้ไม่ไวเหมือนตอนเด็ก ๆ และคุณจะมีภาระงานต่าง ๆ มาดึงเวลาและความสนใจคุณอยู่จนคุณอาจเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าที่จะเรียนให้ได้ดี

 - อย่าผูกติดคำว่า “เรียน” เฉพาะกับสิ่งที่อยู่ในตำราหรือระบบการศึกษาเท่านั้น การเรียนมีความหมายรวมถึง การรู้ การเข้าใจ การทำอะไร ๆ ได้มากขึ้นกว่าที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ 

 - อย่ารีบไปด่วนตัดสินว่า สิ่งที่คุณเรียนนั้นใช้ประโยชน์อะไรได้ สรรพวิชาต่าง ๆ ในโลกนี้ เหมือนจุดไข่ปลาที่คุณสามารถต่อจุดเข้าประกอบเป็นภาพใหญ่ที่มีคุณค่าได้เสมอ Steve Jobs มักพูดว่า Connect the dots.

- เรื่องการเรียนเป็นสิ่งที่ต้องทำไปตลอดชีวิต ไม่มีคนโง่ตลอดกาลหรือฉลาดตลอดไป ตราบเท่าที่คุณยังหายใจอยู่ยังเรียนอะไรใหม่ ๆ ได้เสมอ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร หรือเรียนได้ช้าแค่ไหน 

- คนฉลาดสามารถเรียนอะไร ๆ ได้จากทุกอย่าง ทุกคน ทุกประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตเสมอ ความฉลาดมีหลายอย่าง หลายทาง หลายวิถี กระทั่งคนที่คลุกคลีกับสภาพสังคมแย่ ๆ หรือโตในบ่อน หลาย ๆ ครั้งก็ตัดสินใจอะไรได้อย่างถูกต้องและเฉียบแหลม เพราะเรียนรู้วิธีอ่านสีหน้าคน เห็นการตัดสินใจยามหน้าสิ่วหน้าขวาน หรือยามความโลภเข้าครอบงำ จนสามารถตกผลึกประสบการณ์พวกนี้มาเป็น “ปัญญาญาณ” เฉพาะตน

- เวลาคุณบอกว่าคุณชอบ “วิชา” อะไร มักมีที่มา 2 ทางเสมอ คือ เพราะคุณชอบมันคุณถึงทำได้ดี  หรือ เพราะคุณทำได้ดีคุณถึงชอบมัน

- วิธีเรียนที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือ การตั้งเป้าหมายว่า ถ้าคุณต้องสอนสิ่งนั้น ๆ คุณจะสอนว่าอย่างไร คนอื่นถึงจะรู้เรื่อง
   ท่านโยคีภชัน Yogi Bhajan กล่าวว่า
“If you want to learn something, read about it. If you want to understand something, write about it. If you want to master something, teach it.”
 ถ้าคุณอยากเรียนเรื่องอะไร  ก็ให้อ่านเรื่องนั้น
 ถ้าอยากเข้าใจ ก็ให้เขียนถึงเรื่องนั้น 
 ถ้าอยากเก่งเรื่องอะไร ก็ให้สอนเรื่องนั้น
 แปลว่า การเขียนถึงเรื่องนั้น ๆ ได้ คุณต้องเข้าใจเรื่องนั้นอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าอยากเก่งแปลว่า ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ทุกแง่มุม และสามารถพูดสอนในภาษาของคุณได้
เม่าอ่าน 

2. เรื่องงาน

 - คนที่เรียนจบมาน้อยกว่าคุณ เริ่มต้นได้แย่กว่า ไม่ได้แปลว่า ในบั้นปลาย เขาจะก้าวหน้าน้อยกว่าคุณ เรื่องชีวิตการทำงาน สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร 
 ประสบการณ์ส่วนตัว ดิฉันเคยเห็นคนจบปวส. ก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่ง VP ในบริษัทที่มีคนงานนับหมื่น มียอดขายเป็นแสนล้าน และบั้นปลายมีเงินสำรองเลี้ยงชีพไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน ในขณะเดียวกัน ก็เคยเห็นคนจบวิศวะจากมหาวิทยาลัยรัฐชั้นนำได้เกียรตินิยม แต่กลับมีชีวิตขึ้น ๆ ลง ๆ ในอาชีพการงานและตอนนี้ในวัยใกล้เกษียณรับเงินเดือนห้าหลักต้น ๆ 

 - การทำงานให้เจริญก้าวหน้า ไม่ได้อาศัยแค่ความสามารถแต่ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกคือ
            - ทัศนคติของคุณ
            - ทักษะในการสื่อสาร และปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
             - ดวง

              อันนี้ ขยายความได้ว่า วิธีที่คุณมององค์กรหรือสิ่งที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อความสุขทุกข์ และความอยากหรือไม่อยากมาทำงานของคุณ
              ถ้าองค์กรนี้ ขั้นตอนเยอะ คุณจะมองว่า มันคือความรัดกุม ป้องกันข้อผิดพลาด หรือ ความยืดเยื้อซ้ำซ้อน
              ถ้าคน ๆ นี้เข้ากับคนอื่นได้ดี สื่อสารได้นุ่มนวล คุณจะมองว่า เขาขี้ประจบ หรือ เขามีมนุษยสัมพันธ์ดี
              มองอย่างไรเป็นสิทธิของคุณ แต่มองแล้ว คุณจะสุขหรือทุกข์ หรือจะปรับตัวให้เข้ากับสิ่งนั้น ๆ หรือไม่เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตการทำงาน

 - สิ่งสำคัญในการทำงานที่สำคัญมากที่สุด คือ การเป็นคนมีความรับผิดชอบ สุจริตและรักษาคำพูด ต่อให้คุณแย่ในเรื่องอื่น ๆ แค่ไหน ถ้าคุณมีความรับผิดชอบอย่างดีเยี่ยม ถึงคุณจะไม่รุ่งแต่คุณก็จะไม่มีวันร่วง

 - ทุกองค์กรมีโอกาสและปัญหาเสมอ อยู่บริษัทเล็ก คุณก็อาจบ่นเบื่อระบบครอบครัวที่บริหารโดยอาเฮีย อาเจ๊ อาซ้อ แต่คุณต้องไม่ลืมว่า องค์กรเล็ก ขับเคลื่อนเร็ว มีโอกาสเรียนรู้งานได้ทุกด้าน  ถ้าคุณเข้าถูกจุด ทำงานถูกใจ คุณอาจได้รางวัลทันทีไม่ต้องรอระบบประเมินเหมือนตอนสิ้นปี อยู่องค์กรใหญ่ ก็มีเรื่องขั้นตอนและความเป็นคนของใครเข้ามาบั่นทอน  ไม่มีอะไรดีหมด เสียหมด วิเคราะห์ให้ดีแล้วเลือกที่ชอบ 

- ตอนอายุน้อย ๆ การได้เรียนรู้งานสำคัญกว่าเงินเดือนมาก  เพราะจะเป็นรากฐานที่ดีในการเติบโต  

- คนเราสามารถตั้งเป้าหมายในการเติบโตได้ไม่เหมือนกัน  เคยมีผู้บริหารท่านหนึ่งเล่าให้ดิฉันฟังว่า ลูกน้องคนหนึ่งไม่ต้องการเติบโตในสายงาน พอใจกับตำแหน่งเลขาฯที่เป็นเหมือนตั่วเจ้ของบริษัท เพราะเธอบอก “ไม่อยากอยู่ดึก หรือออกต่างจังหวัด อยากรีบกลับบ้านไปเลี้ยงลูก”

- อย่าดูถูกคนในระดับปฏิบัติการ  ปฏิบัติต่อพวกเขาดี ๆ แล้วคุณจะพบว่า ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน คนเล็กคนน้อยที่ปกตินายมองไม่ค่อยเห็นหัวนี่แหละ เป็น “มือที่มองไม่เห็น” ในการช่วยขับเคลื่อนระบบใหญ่ได้ดีมากหรือบอกข้อมูลบางอย่างที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนได้อย่างน่าตกใจ

- เวลาตัดสินใจเลือกงานดูช่วงอายุและปัจจัยส่วนตัวของคุณด้วย  ถ้าคุณมีครอบครัว คุณอาจจะเลือกงานบางงานด้วยเหตุผลอย่างหนึ่ง ถ้าคุณอายุยังน้อย คุณอาจจะเลือกงานด้วยเหตุผลอีกแบบ  หาเหตุผลของคุณให้เจอ แล้วคุณจะไม่มาบ่นเบื่อทีหลัง

- เวลาเลือกงานให้ดู package deal ทั้งหมด อย่าจ้องแต่เฉพาะเงินเดือนเริ่มต้น หรือความโก้หรู ให้ดูหลาย ๆ อย่างประกอบกัน เช่น บริษัทมีทางก้าวหน้าไหม ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไหม  สถานที่ตั้งอยู่ห่างจากบ้านคุณพอที่คุณจะมาทำงานตรงเวลาได้ไหม

อมยิ้ม38เพี้ยนหลงรัก 
3. เรื่องความสัมพันธ์และความรัก

 - ถ้าคุณคิดอยากมีแฟน อยากมีชีวิตคู่ อยากแต่งงาน หัดเรียนรู้ผูกสัมพันธ์หรือพูดง่าย ๆ ก็ต้องเรียกว่า “อ่อย” เสียตั้งแต่อายุยังน้อย คุณจะมีโอกาสมากกว่า แถมได้ฝึกจิตใจให้คุ้นชินกับความเศร้าจากการผิดหวัง ความซู่ซ่าจากการสมหวัง หรือ รู้ทักษะในการรับมือกับแฟนได้มากขึ้นด้วย 

 - เรียนหนังสืออยู่ก็มีแฟนได้ การมีแฟนไม่ได้ทำให้การเรียนแย่ลง การหมกมุ่นจนลืมหน้าที่ต่างหากที่เป็นปัญหา

 -  คุณไม่สามารถบังคับให้ใครชอบหรือรักคุณได้ สิ่งที่คุณทำได้คือ เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด ที่เหลือขึ้นอยู่กับเขาหรือเธอคนนั้นแล้ว ว่าจะรักหรือไม่รักคุณ

 - การที่คุณถูกปฏิเสธหรือคุณปฏิเสธใคร ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น ต้องหัดยอมรับคำว่า “เคมีไม่เข้ากัน” หรือ “ชะตาไม่สมพงศ์” กันให้ได้

 - อย่าเอาคุณค่าหรือความสุขคุณไปผูกกับใครให้มากจนเกินไปนัก การถูกปฏิเสธ หรือการต้องเลิกกัน คุณค่าคุณไม่เคยลดจากเดิม ที่เพิ่มเติมคือ คุณฉลาดขึ้น เลิกยึดติด และปล่อยวางได้มากขึ้น

 - ใช้สมองและเหตุผลในการ “เลือก” ความรัก และเมื่อเลือกไปแล้ว ใช้หัวใจคุณให้เต็มที่ ขอให้ดอกไม้แห่งความเมตตา กรุณา ต่อกันบานในหัวใจคุณ

 - วิธีหลีกเลี่ยงความผิดหวังเจ็บปวดจากความรัก คือ ให้คิดไว้ก่อนเลยว่า สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือ คุณอาจไม่สมหวังได้เป็นแฟนหรือใช้ชีวิตกับคนที่คุณรัก แต่สิ่งที่จะมาปลอบใจคุณได้คือ ความปรารถนาที่จะเห็นคนที่คุณรักมีความสุข แม้ว่าความสุขของเขาหรือเธอ จะไม่มีคุณอยู่ในนั้นก็ตาม

 - การเลือกความรักที่ดี ไม่ใช่เพียงมองเห็นข้อดีของกันและกัน เพราะถ้าคุณเห็นข้อดีในตัวของคน ๆ นั้น คนอื่นก็เห็นได้เหมือนกัน  แต่มันคือ การเห็นข้อเสียของกันและกัน และมีเมตตา ทำใจยอมรับข้อเสียได้ต่างหาก

 - คนที่คุณเคยรักจะเป็นจะตายและคิดว่าชีวิตคุณจะดับลงหากไม่สมหวังนั้น   เมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจจะนึกหัวเราะตัวเองว่า “โอ๊ย... นี่ชั้นชอบเค้าไปได้ยังไง (วะ) 555 “ คนที่บอกว่าเวลาไม่ช่วยอะไรนั้น เป็นเพราะคนคนนั้นไม่ได้ให้เวลา “มากพอ” ในการเยียวยา

 - ความรักเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงของชีวิต แต่ “ช่วงชีวิต” ที่คุณกำลังอยู่ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณเลือกใช้ชีวิตกับใคร 
 ตอนอายุน้อยเป็นวัยรุ่น อาจต้องเน้นที่หน้าตาดี เข้าวัยกลางคน เน้นที่ความรับผิดชอบ ในบั้นปลาย ตอนที่คุณมีทุกอย่างในชีวิตแล้ว อาจต้องการแค่คนที่เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่คุณเป็น 

 - ถ้ามีคำแนะนำสั้น ๆ ว่า ให้เลือกได้แค่ “คุณสมบัติเดียว” ในการสร้างครอบครัว ควรเลือกคุณสมบัติใด ดิฉันตอบได้ว่า “ความรับผิดชอบ” 
 

 
4. เรื่องจิตใจ การพัฒนาตัวเองและวัตถุประสงค์ในการใช้ชีวิต

- คำสอนง่าย ๆ ซื่อ ๆ ที่เราได้รับการกรอกหูมาตั้งแต่อยู่อนุบาลว่า “ให้เป็นคนดี” ยังคงใช้ได้อยู่เสมอ ในยามที่เราเหนื่อย ท้อ รู้สึกหมดคุณค่า ไม่อยากอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่ยังคงประคองให้เรายืนหยัดอยู่ได้คือ การนึกถึงความดีที่เคยทำ และภูมิใจกับมัน

- คนเรามีวัตถุประสงค์ในชีวิตต่างกัน เงิน ชื่อเสียง อำนาจ อาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของชีวิต

- ทุกคนมีเหตุผลและเรื่องราวต่าง ๆ ผลักดันให้เขาหรือเธอดีและเลวในจุดที่เป็นอยู่เสมอ อย่ารีบด่วนตัดสินใคร เพราะเรื่องบางเรื่อง คนบางคน เมื่อคุณรู้ข้อมูลพื้นฐานแล้วคุณอาจจะนึกสงสารหรือเห็นใจมากกว่านึกโกรธ

- พอถึงอายุหนึ่งแล้ว คุณจะพบว่า การฝึกสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นการหัดทำความสงบใจกับตัวเอง การอยู่กับธรรมชาติเงียบ ๆ การนับลมหายใจ การจดจ่อกับกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งที่เป็นประโยชน์ ให้ความสุข สงบ และเพิ่มพละกำลังทางใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่