ผมเคยฆ่าตัวตายครับ แต่มีคนช่วยไว้ ผมจึงรอด รอดมามีโอกาสหาจิตแพทย์ ได้ทำความเข้าใจ ได้ยา ได้รักษา ได้ปรับมุมมอง จูนความคิด จนวันนี้ผมใกล้จบคอร์สจิตบำบัด และทั้งหมดนี้คือเรื่องที่ผมอยากเล่าใน "ซึม(ซับความ)เศร้า" ผมหวังเล็กๆว่า ประสบการณ์และบทเรียนที่ผมเกือบแลกด้วยชีวิต จะมีประโยชน์ทำให้คนอ่านเข้าใจผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้า หรือแม้แต่เพื่อนๆที่กำลังป่วย ผมอยากให้รู้ว่า ยังมีผมคนนึงที่อยากเป็นเพื่อน อยากเล่าให้ฟัง ว่าผมผ่านอะไรมาบ้าง และอยากเป็นกำลังใจ ให้เราผ่านมันไปด้วยกันนะครับ
ตอนที่ 1: คิดสั้น
แปลกเหมือนกันนะครับที่ช่วงนี้มีข่าวคนฆ่าตัวตาย ปัญหาจากภาวะซึมเศร้า และเมื่อมาลองคิดดูดีๆ เรื่องความซึมเศร้าจนฆ่าตัวตายนี่ก็แปลก คนตายไม่ได้เล่า คนเล่าไม่ได้ตาย
ย้อนกลับไปเมื่อ 6 เดือนก่อน ผมตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย ผมกินยานอนหลับ และตั้งใจจะรมแก๊สตัวเอง ผมหมดสติ ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอะไร ผมรู้สึกตัวอีกที ตอนคนเรียก ผมรู้สึกเหมือนถูกดึงจากความว่างเปล่า ผมสะดุ้งลืมตาขึ้น เจอรุ่นน้องคนนึง เค้ากำลังร้องไห้ ปากก็เรียกชื่อผม แล้วเธอก็พาผมส่งโรงพยาบาลด้วยความทุลักทุเล
ผมมารู้ตัวอีกทีก็อยู่ในห้องฉุกเฉิน หมอผลัดกันมาตรวจ ผมถูกติดเครื่องวัดการเต้นของหัวใจ วัดชีพจร ปริมาณออกซิเจน ผมถูกเข็นไปเอ็กซเรย์ และหมอมาอธิบายสรุปในตอนเช้าอีกวัน ว่าผมหมดสติไปเกือบ 1 วัน ในปอดเต็มไปด้วยน้ำลายและเชื้อแบคทีเรีย ผลเอ็กซเรย์เป็นฝ้าขาวทั่วปอดทั้งสองข้าง ผมถ่ายเป็นเลือด หายใจหอบเหนื่อย ปวดตามร่างกาย หายใจหรือกลืนน้ำลายลำบาก แต่สิ่งหนึ่งที่หมอไม่ได้บอก คือ ความทุกข์ของผมไม่ได้หายไป และคนรอบข้างผมพูดแต่ว่า อย่าคิดสั้น
มาถึงตรงนี้ ผมแค่อยากจะบอกว่า คนที่ฆ่าตัวตาย ไม่มีใครคิดสั้นหรอกครับ ทุกคนผ่านการคิดมาเยอะ ทั้งวิธีการ รูปแบบ ผลของการกระทำ บาปบุญคุณโทษ ตามธรรมชาติคนเรามีวิวัฒนาการทางร่างกายให้มีกลไกเพื่อความอยู่รอด เราหายใจผ่านได้ทั้งจมูกและปาก เรามีการสำลักเพื่อป้องกันอาหารปิดหลอดลม เรามีการอาเจียนหากร่างกายได้รับสารพิษทางปาก แต่เมื่อมาคิดว่าทำยังไงเราถึงจะตาย เอาจริงๆ มันไม่ได้ง่ายเลยนะครับ ที่ใครต่อใครเรียกว่า คิดสั้น ผมเลยไม่ค่อยจะเห็นด้วย ความเป็นจริงมันคือการคิดมาก คิดซ้ำ และคิดวนไปวนมา จนการตัดสินใจแน่วแน่ และใช้เวลาของความแน่วแน่นั้น จบชีวิตตัวเอง
การสังเกตคนที่เป็นซึมเศร้าจึงมีประโยชน์มากครับ เพราะถ้าเค้าได้รับความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายความเศร้า การสร้างความเข้าใจ การถ่ายทอดผ่อนปรนความกังวล ความเครียด หรือความทุกข์ รวมถึงการได้พบจิตแพทย์ ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทันเวลา โอกาสที่การฆ่าตัวตายจะเกิดขึ้น จะลดลงไปมากเลยครับ
ผมเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังต่อสู้กับความทุกข์ หรือกำลังเผชิญกับภาวะซึมเศร้านะครับ ใครมีอะไรอยากเล่า หรือแลกเปลี่ยน ผมยินดีนะครับ แล้วจะรีบมาเขียนเล่าตอนต่อไปต่อ ไว้คุยกันนะครับ
ซึม(ซับความ)เศร้า: บันทึกจากวันที่ผมลาโลก จนวันที่ผมลาโรค
ตอนที่ 1: คิดสั้น
แปลกเหมือนกันนะครับที่ช่วงนี้มีข่าวคนฆ่าตัวตาย ปัญหาจากภาวะซึมเศร้า และเมื่อมาลองคิดดูดีๆ เรื่องความซึมเศร้าจนฆ่าตัวตายนี่ก็แปลก คนตายไม่ได้เล่า คนเล่าไม่ได้ตาย
ย้อนกลับไปเมื่อ 6 เดือนก่อน ผมตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย ผมกินยานอนหลับ และตั้งใจจะรมแก๊สตัวเอง ผมหมดสติ ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอะไร ผมรู้สึกตัวอีกที ตอนคนเรียก ผมรู้สึกเหมือนถูกดึงจากความว่างเปล่า ผมสะดุ้งลืมตาขึ้น เจอรุ่นน้องคนนึง เค้ากำลังร้องไห้ ปากก็เรียกชื่อผม แล้วเธอก็พาผมส่งโรงพยาบาลด้วยความทุลักทุเล
ผมมารู้ตัวอีกทีก็อยู่ในห้องฉุกเฉิน หมอผลัดกันมาตรวจ ผมถูกติดเครื่องวัดการเต้นของหัวใจ วัดชีพจร ปริมาณออกซิเจน ผมถูกเข็นไปเอ็กซเรย์ และหมอมาอธิบายสรุปในตอนเช้าอีกวัน ว่าผมหมดสติไปเกือบ 1 วัน ในปอดเต็มไปด้วยน้ำลายและเชื้อแบคทีเรีย ผลเอ็กซเรย์เป็นฝ้าขาวทั่วปอดทั้งสองข้าง ผมถ่ายเป็นเลือด หายใจหอบเหนื่อย ปวดตามร่างกาย หายใจหรือกลืนน้ำลายลำบาก แต่สิ่งหนึ่งที่หมอไม่ได้บอก คือ ความทุกข์ของผมไม่ได้หายไป และคนรอบข้างผมพูดแต่ว่า อย่าคิดสั้น
มาถึงตรงนี้ ผมแค่อยากจะบอกว่า คนที่ฆ่าตัวตาย ไม่มีใครคิดสั้นหรอกครับ ทุกคนผ่านการคิดมาเยอะ ทั้งวิธีการ รูปแบบ ผลของการกระทำ บาปบุญคุณโทษ ตามธรรมชาติคนเรามีวิวัฒนาการทางร่างกายให้มีกลไกเพื่อความอยู่รอด เราหายใจผ่านได้ทั้งจมูกและปาก เรามีการสำลักเพื่อป้องกันอาหารปิดหลอดลม เรามีการอาเจียนหากร่างกายได้รับสารพิษทางปาก แต่เมื่อมาคิดว่าทำยังไงเราถึงจะตาย เอาจริงๆ มันไม่ได้ง่ายเลยนะครับ ที่ใครต่อใครเรียกว่า คิดสั้น ผมเลยไม่ค่อยจะเห็นด้วย ความเป็นจริงมันคือการคิดมาก คิดซ้ำ และคิดวนไปวนมา จนการตัดสินใจแน่วแน่ และใช้เวลาของความแน่วแน่นั้น จบชีวิตตัวเอง
การสังเกตคนที่เป็นซึมเศร้าจึงมีประโยชน์มากครับ เพราะถ้าเค้าได้รับความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายความเศร้า การสร้างความเข้าใจ การถ่ายทอดผ่อนปรนความกังวล ความเครียด หรือความทุกข์ รวมถึงการได้พบจิตแพทย์ ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทันเวลา โอกาสที่การฆ่าตัวตายจะเกิดขึ้น จะลดลงไปมากเลยครับ
ผมเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังต่อสู้กับความทุกข์ หรือกำลังเผชิญกับภาวะซึมเศร้านะครับ ใครมีอะไรอยากเล่า หรือแลกเปลี่ยน ผมยินดีนะครับ แล้วจะรีบมาเขียนเล่าตอนต่อไปต่อ ไว้คุยกันนะครับ