แชร์ประสบการณ์ทำธุรกิจขายตรง จนเป็นหนี้บัตรเครดิตสามแสน!!

สวัสดีค่ะ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์การทำงานขายตรงประเภทหนึ่ง เรื่องเริ่มต้นมาจากการที่เราได้ไปเจองานนี้จากการที่เพื่อนแนะนำวิธีลดน้ำหนักให้ค่ะ พอดีเห็นเพื่อนคนหนึ่งลดน้ำหนักลงได้ ผอม สวย หุ่นดีเลยค่ะ เราก็เลยสนใจอยากลดน้ำหนักบ้างค่ะ เพื่อนเล่าให้ฟังว่าเข้าคอสลดน้ำหนัก โดยมีเทรนเนอร์หรือนักโภชนาการที่จะมาช่วยดูแล แนะนำวิธีการทานอาหารแบบถูกต้องค่ะ เราก็สนใจให้เพื่อนตามเทรนเนอร์มาแนะนำคอสให้ฟัง (ส่วนตัวเคยเสียเงินเกือบแสน เข้าคอสลดน้ำหนักกับสถาบันเสริมความงามมาแล้วค่ะ แต่สุดท้ายไม่ผอม😂) สรุปพอเทรนเนอร์มาแนะนำคอสก็คือจะให้ทานอาหารเสริมค่ะ โดยบอกว่าสูตรการทานเป็นสูตรที่มีคุณหมอออกแบบมาให้ควบคู่กับการทานอาหารตามหลักโภชนาการ ราคาอาหารเสริมก็แรงอยู่ค่ะ แต่ตอนนั้นตัดสินใจซื้อแล้วผ่อนกับบัตรเครดิตเอาเพราะอ้วนไม่ไหมแหละ สุขภาพก็ไม่ค่อยดี สรุปเราก็ซื้อคอสกับเค้าค่ะ เค้าก็จะมีตารางสูตรการทานให้ค่ะ แล้วก็จะมีเทรนเนอร์มาติดตามเชคผล วัดสัดส่วนทุกอาทิตย์ น้ำหนักกับสัดส่วนเราก็ลดลงเรื่อยๆ จนจบคอสค่ะ สรุปใช้เวลา 3 เดือน น้ำหนักหายไป 10 kg ค่ะ คือประทับใจผลลัพธ์มากนะค่ะ (ปล. ก็ขึ้นอยู่กับการมีวินัยของแต่ละคนด้วยนะค่ะ)

มาถึงจุดนี้แหละค่ะ พอคุณผอมก็มีคนทักเยอะใช่ไหมค่ะ เพื่อนกับเทรนเนอร์ที่ดูแลเราก็แนะนำว่ามาทำเป็นอาชีพเสริมได้นะ ลองมาเรียนรู้การเป็นเทรนเนอร์กับคุณหมอดูค่ะ ด้วยความที่ประทับใจผลลัพธ์ในคอส เลยลองเข้าสัมนางาน event ที่ทางทีมเทรนเนอร์จัดให้ค่ะ พอเข้าไปฟังก็ทำให้ได้ความรู้มากขึ้นค่ะเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก แต่ตอนท้ายเข้าก็จะแทรกว่ามาทำงานเป็นเทรนเนอร์ลดน้ำหนักดีนะ มีรายได้หลักแสนต่อเดือน แถมไปเที่ยว ตปท. ฟรีอีก เท่านั้นแหละค่ะเราตาลุกวาวเลย ก็เลยสนใจลองทำงานนี้ดูค่ะ

แหละแล้วเราก็เริ่มเข้าไปเรียนรู้วิธีการเป็นเทรนเนอร์ การแนะนำคอสกับลูกค้า แล้วก็เริ่มโพสเฟสบุ๊คค่ะว่าตอนนี้เราผอมแล้ว ทำให้เริ่มมีเพื่อนๆพี่ๆที่รู้จักสนใจกันมากขึ้นค่ะ ตอนแรกก็มีเพื่อนๆสนใจนะค่ะแต่ราคาแรง สุดท้ายเพื่อนๆก็ยังไม่เอาค่ะ ทีนี้เทรนเนอร์ที่เคยดูแลเราก็บอกว่าให้ลองแนะนำคนใกล้ตัวเข้าคอสก่อนค่ะ จะทำให้คนอื่นเชื่อมั่นในคอสเราเพิ่มขึ้น เราก็เลยซื้อคอสให้แม่เข้าค่ะ ลดน้ำหนักด้วย ซึ่งมันก็ดีนะค่ะ ดีต่อสุขภาพคุณแม่ หน้าตาสดใสขึ้นค่ะ หลังจากนี้ก็เริ่มมีลูกค้าที่เป็นเพื่อนเรา เพื่อนแม่ อาจารย์ที่มหาลัยเริ่มมาเข้าคอสกับเราค่ะ ช่วงแรกๆรายได้ก็ถือว่าโอเคเลยค่ะ มีเงินเข้ามาอีกกระเป๋า 12000 - 20,000 ซึ่งถ้าเราทำแค่นี้ได้รายได้เสริมอีกทางก็พอแล้วละค่ะ แต่เรื่องราวไม่จบแค่นั้นค่ะ เพราะเมื่อเราได้เข้าไปเรียนรู้ที่ศูนย์เทรนเนอร์ หัวหน้าทีมของเราก็จะให้เราตั้งเป้าหมายในแต่ละเดือนค่ะซึ่งเป้าหมายสูงสุดคือต้องขายคอสให้ได้ประมาณ 12-15 คนค่ะ ซึ่งดูเหมือนจะไม่เยอะนะค่ะ แต่คอสละสี่ห้าหมื่นนี่ก็ใช่ว่าจะขายได้ง่ายๆนะค่ะ เราก็พยายามทำตามเป้าหมายให้ได้ ซึ่งทำอยู่หลายเดือนไม่สำเร็จ บางเดือนก็ซื้อของใช้เองให้ได้ยอดเงินคืนเพิ่มขึ้น (แต่มาคิดดูแล้วไม่คุ้มค่าเลย)  จนมาเดือนที่เจ็ดขาดลูกค้าอีกคนเดียวก็จะถึงยอดค่ะ ทางทีมงานเราก็แนะนำให้ลองทักเพื่อนคนเก่าๆที่เคยแนะนำไปดูค่ะ สรุปด้วยความที่อยากจะทำให้ถึงยอดเราก็เลยได้ตัดสินใจรูดบัตรเครดิตซื้อคอสให้เพื่อนก่อนแล้วเพื่อนก็มาผ่อนกับเราค่ะ ทีนี้พอเริ่มมีลูกค้าเยอะขึ้น ทำให้เราเริ่มวิ่งดูแลลูกค้าเยอะขึ้น ค่าใช้จ่ายก็ตามมาเยอะเลยค่ะ และไม่ใช่แค่งานดูแลลูกค้านะค่ะ ยังต้องพยายามพาคนเข้าสัมนาสร้างสายงาน ซึ่งทุกครั้งเราก็ต้องซื้อบัตรเข้างานให้ลูกค้าหรือสายงานก่อน สุดท้ายบางครั้งเราก็จ่ายฟรี เสียตังฟรีค่ะเพราะไม่มีคนมาเข้างาน หลังๆค่าใช้จ่ายในการติดตามลูกค้าเพิ่มขึ้น เราเริ่มมีสายงานบ้างแล้ว แต่เค้าไม่ได้ทำจริงจัง สุดท้ายกลายเป็นว่าเราต้องไปดูแลลูกค้าให้เค้าเองค่ะ เราก็เริ่มมานั่งคิดว่าทำไมเราต้องไปทำงานให้คนอื่นด้วย เงินก็ได้ไม่เยอะเพราะพอมีสายงาน สายงานแนะนำคนเข้าคอสได้เยอะกว่าเราเค้าก็ได้เงินเยอะกว่าเรา แถมให้เราไปแนะนำติดตามลูกค้าแทนอีก แล้วงานนี้เริ่มส่งผลกระทบกับงานประจำเราค่ะ เพราะเราต้องลางานบ่อยมากไปพบลูกค้า จนวันลาหมด เราใช้วันลาเกิน โดนบริษัทเริ่มหักเงินเดือนค่ะ (โดนหักรวมแล้ว 8000 กว่าบาทได้)
หัวหน้าทีมเราก็จะบอกว่ามีอะไรช่วยได้ตลอด จะไปช่วยติดตามให้ จริงๆแล้วเค้าก็ช่วยไม่ได้ทุกอย่างหรอกค่ะ บางเดือนเราอยากได้ยอดเงินคืนเยอะก็รูดซื้อของใช้เองเพิ่ม ซึ่งมันไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มาเลย งานนี้คนที่รวยไม่ใช่เราค่ะ แต่เป็นหัวหน้าทีมของเราค่ะที่รวยขึ้น เค้าจะพยายามมาช่วยเราใกล้สิ้นเดือน ช่วยขายคอสจะได้ปิดยอด ถ้าเราทำถึงเป้าเค้าก็ได้ ยอดรวมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เค้าได้คะแนนเพิ่มขึ้นได้ไปท่องเที่ยว ตปท. งานที่ทำนี้เป็นงานขายฝันค่ะ เค้าจะพยายามถามหาความฝัน เป้าหมายในชีวิต ของเรา พยายามทำให้เราอยากได้ อยากมี อยากเป็นแบบเค้า พยายามมาโชว์ยอดเงินในบัญชีที่ได้ในแต่ละเดือน  บ้านหรู รถหรู ทริปเที่ยวเมืองนอก ทำให้เรามีความโลภมากขึ้นค่ะ เราเจอลูกค้าคืนสินค้า 3 ราย แล้วถ้าไม่อยากเสียยอดก็ต้องเอาสินค้าคืนมา จ่ายเงินสดคืนลูกค้าไป กลายเป็นว่ารายได้เสริมที่เพิ่มมาเป็นศูนย์เลยค่ะ ควักเงินสดตัวเองจ่ายคืนให้ลูกค้า แล้วเอาสินค้าที่ลูกค้าคืนมาขายต่อให้ญาติบ้าง เก็บไว้กินเองบ้าง หลังๆมาเริ่มติดลบเพราะยังต้องไปติดตามลูกค้าอยู่ จากเริ่มมีรายได้เพิ่มอีกกระเป๋ากลับกลายเป็นหนี้เพิ่มขึ้น สุดท้ายแล้วไม่ไหวเราเลยเลือกที่จะเลิกทำไม่เข้ากลุ่ม งานสัมนา event ต่างๆ แล้วก็พยายามดูแลลูกค้าที่เหลือจนจบคอส แล้วเลิกทำเลยค่ะ

สุดท้ายนี้อยากจะบอกทุกคนว่าการมีอาชีพเสริมเป็นสิ่งที่ดีนะค่ะ แต่ต้องทำในความพอดีค่ะ อย่าโลภมากจนทำให้ตัวเองเดือนร้อน อย่างเช่าที่เรายอมออกค่าคอสให้เพื่อนไปก่อน สุดท้ายก็มีปัญหากัน เพื่อนกินไม่จบคอส คืนสินค้า เสียเพื่อนกันไปอีก ตอนนี้ก็พยายามเคลียร์หนี้สินที่เกิดจากการทำอาชีพเสริมนี้อยู่ค่ะ ยอมรับว่าเราโชคดีมากที่มีแม่ดีมากค่ะ ด้วยความที่แม่มีเพื่อนเยอะ รู้จักคนเยอะทำให้เราได้เงินก้อนมาปิดบัตรเครดิตค่ะ โดยที่เพื่อนแม่ไม่คิดดอกเบี้ยเลยค่ะ ตอนนี้เราก็ทยอยผ่อนชำระคืนเพื่อนๆแม่อยู่ค่ะ  รู้สึกละอายใจมากที่ทำให้แม่ผิดหวัง เพราะเริ่มแรกเราอยากทำงานนี้เพื่อให้ได้เงินเยอะๆ จะได้มีให้แม่มากขึ้น พาแม่ไปเที่ยว ตปท. บ้าง แต่กลายเป็นหนี้ก้อนโตแทน 

"โลภมาก มักลาภหาย" คำนี้เป็นจริงตลอดกาลค่ะ

ขอให้ทุกคนมีสติ รู้เท่าทัน ไม่หลงผิดเหมือนกับเรานะค่ะ 

ประสบการณ์นี้เราจะจำไปตลอดชีวิตเลยค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่