ผลไม้ในตำนาน

มะขามป้อม ผลไม้ในตำนานอินเดีย



หากเอ่ยถึงผลไม้ในตำนาน โดยเฉพาะตำนานผลไม้โบราณของประเทศอินเดีย ซึ่งนอกเหนือจากมะเดื่อ มัคคะลีผล หรือ นารีผล และอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่า มะขามป้อม ก็เป็นหนึ่งในผลไม้โบราณเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
     
มะขามป้อม คือ ผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานโบราณของประเทศอินเดีย โดยมะขามป้อมถูกเรียกในภาษาบาลีว่า ต้นอามัณฑะ หรือ ต้นอามลกะ เป็นหนึ่งในต้นไม้ในพุทธประวัติที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ซึ่งถูกกล่าถึงในพระไตรปิฎกเล่มที่ 33 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 25 ขุททกนิกาย
     
มะขามป้อม เป็นผลไม้อายุรเวทของอินเดีย หรือที่เราเรียกกันว่า ทิพยโอสถ โดยเฉพาะความเชื่อในศาสนาฮินดูมีความเชื่อว่า มะขามป้อม เป็นต้นไม้ต้นแรกของโลก เป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และควรค่ากว่าการเคารพเป็นอย่างมาก
     
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อกันว่า มะขามป้อมเป็นแม่พระธรณีผู้หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ด้วยผลอัมลาอันทรงคุณค่าทางโภชนาการ เชื่อกันว่ากินอาหารใต้ต้นอัมลาแล้วจะอายุยืน ผลอัมลาที่มีสรรพคุณอายุวัฒนะควรได้มาจากการปีนเก็บด้วยมือเท่านั้น 
Cr.horoscope.thaiza.com

ตำนานรักผลลิ้นจี่ 


ลิ้นจี่ ผลไม้เปลือกสีแดงผิวขรุขระ แต่เนื้อในหวานฉ่ำ เป็นผลไม้ที่ได้รับความชื่นชอบจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศจีน
เป็นผลไม้ที่มีรสชาติอร่อย แต่น่าเสียดายที่เน่าเร็ว ปัจจุบันต้องขอบคุณการคมนาคมขนส่งที่รวดเร็วทันสมัย จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลยที่ชาวปักกิ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ จะได้ลิ้มชิมรสลิ้นจี่ราคาถูกและสุกงอม ซึ่งปลูกเจริญงอกงามดีทางแดนใต้ของจีน
 
ย้อนไปเมื่อพันกว่าปีก่อน ในเมืองฉางอัน (ซีอัน เมืองเอกของมณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีนในปัจจุบัน) มีสาวงามนางหนึ่งโปรดปรานลิ้นจี่เป็นที่สุด นางก็คือ “หยาง อี้ว์หวน” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “หยางกุ้ยเฟย”  ซึ่งเป็นสนมเอกของฮ่องเต้ถังเสวียนจง (ค.ศ.685-762) และเป็น 1 ใน 4 ยอดหญิงงามในประวัติศาสตร์จีนด้วย
 
ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่ปลูกมากทางตอนใต้ของจีน โดยเฉพาะที่หลิ่งหนัน ในเมืองกว่างโจว มณฑลกว่างตง เนื่องจากระยะทางห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันลี้ อีกทั้งการคมนาคมขนส่งสมัยนั้นก็อืดอาดเหลือเกิน แต่เพื่อสนมเอกที่ทรงรักแล้วฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชาให้ม้าเร็วเร่งขนส่งลิ้นจี่สดๆ มายังเมืองหลวงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในบันทึกประจำวันของลิ้นจี่ 《荔枝日序》 ของไป๋จวีอี้ระบุไว้ว่า ลิ้นจี่นั้นผ่านไป 1 วันสีจะเปลี่ยน ผ่านไป 2 วันกลิ่นเปลี่ยน ผ่านไป 3 วันรสชาติเปลี่ยน หลังจากวันที่ 4-5 ไปก็จะไม่อร่อยและไม่หอมหวานอีกแล้ว

นับตั้งแต่นั้นมาลิ้นจี่ก็ยกให้เป็นผลไม้ล้ำเลิศของจีน นอกจากนี้ลิ้นจี่ยังมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “สนมยิ้ม” (妃子笑) และด้วยความรักระหว่างถังเสวียนจงและหยางกุ้ยเฟย จึงทำให้ลิ้นจี่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักโรแมนติกด้วย
Cr.mgronline.com

"ลูกลาน" ตำนานลูกฆ่าแม่


 คนเหนือ มีสำนวนสำหรับ ติอาหารที่มีรสจืด ไม่เป็นสับปะรด ว่า “จ๋างเหมือนมะลานต้ม” มะลานที่ว่าเป็นลูกของต้นลาน ที่ท่านเคยคุ้นหูว่าคัมภีร์โบราณทำจากใบลาน หรือ หนังสือใบลานนั้นเอง 

ต้นลาน จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีลำต้นตรงและแข็ง เป็นไม้ต้นเดี่ยวไม่แตกหน่อหรือกอ เมื่อตันลานเจิญเติบโตเต็ม จะออกช่อดอกและออกผล และตายไป จึงเป็นตำนานของลูกฆ่าแม่   

ความแปลกของลูกลานคือ ตลอดชีวิตต้นลานออกดอกและติดลูกเพียงครั้งเดียวจากนั้นจะยืนต้นตาย ซึ่งเป็นลักษณะของพืชหลายชนิดในตระกูลมะพร้าวนี้ และการออกดอกมักจะออกดอกเมื่อต้นลานมีอายุมากๆ คือ 50-60 ปี จึงมีคำพูดว่า ลูกลานนาน 60 ปี ได้กินหนึ่งครั้ง สรรพคุณของลูกลาน ใช้เป็นยารักษาโรคกระเพาะ ช่วยฆ่าเชื้อในลำไส้ และเป็นยาระบาย
Cr.gotoknow.org

 ' มะนาวไม่รู้โห่' ผลไม้ในตำนาน ยารักษาโรคชั้นเยี่ยม


ผลไม้นี้ ปรากฏอยู่ในวรรณคดี เรื่อง พระรถ-เมรี(นางสิบสอง) ตอนที่นางยักษ์ออกอุบายหวังฆ่าพระรถ โดยให้ไปเอาผลไม้ชนิดหนึ่งนั่นก็คือ มะม่วงไม่รู้หาวมะนาวไม่รู้โห่ ซึ่งออกผลปีละครั้ง (ชื่อตามที่เขียนในนิยาย) มาจากเมืองทานตะวัน โดยให้ไปพร้อมจดหมายเพื่อหวังว่าเมื่อไปถึงเมืองจะได้ถูกยักษ์จับกิน

ซึ่งจากตำนานนี้เอง อาจทำให้ คนทั่วไปมักจะเข้าใจผิดว่าชื่อเต็มๆ คือ มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่ ที่มักเรียกกันติดปากตามๆ กันมา แต่แท้จริงแล้ว มะม่วงไม่รู้หาว หรือมะม่วงรู้หาว คือชื่อหนึ่งของมะม่วงหิมพานต์ แต่มะนาวไม่รู้โห่ คือ ชื่อที่ใช้เรียกไม้ 2 ชนิด ได้แก่ หนามแดง และ มะนาวเทศ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักใช้เรียกหนามแดงมากกว่า

ผลไม้นี้ที่รับประทานผลสุก มีรสชาติเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์ ผลสุก มีสีแดงขนาดเล็ก คล้ายกับมะเขือเทศ เป็นพืชสมุนไพรไทย ลักษณะไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงไม่เกินสิบเมตร ปลูกได้ในสวน
 
 ผลวิจัยพบว่าภายในผลมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคหัวใจ บำรุงเลือด ขยายหลอดเลือด รักษาปอด อาการถุงลมโป่งพอง มะม่วงหาวมะนาวโห่ ยังมีประโยชน์คือช่วยให้ร่างกายสดชื่นและกระชุ่มกระชวย มีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือด ช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์และไทรอยด์ ลดอาการภูมิแพ้ ผลสุกมีวิตามินซีสูง ช่วยลดอาการเลือดออกตามไรฟัน ช่วยขับปัสสาวะ บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายและข้อ
Cr.thaichef.in.th

แอปเปิ้ล มหัศจรรย์ผลไม้ในตำนาน


ตำนานของแอปเปิ้ล ผลไม้ยอดนิยมที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติ คุณค่าโภชนาการ อีกทั้งยังเป็นผลไม้ในดวงใจของสาวๆอีกหลายคน ที่นิยมใช้แอ๊ปเปิ้ลในการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย แอปเปิ้ลถือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอมตะ ความเป็นนิรันดร์ และความสุขหลังความตาย
       
แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่ได้รับการกล่าวถึงในตำนานของชาวคริสต์ โดยเฉพาะการกล่าวถึงแอปเปิ้ลในคัมภีร์ไบเบิลว่าผลไม้ต้องห้ามที่พระเจ้าห้ามไม่ไห้อดัมส์กับอีวากิน แต่ทั้งคู่หลงในกิเลสทำให้ถูกซาตานหลอกให้กินแอปเปิ้ล จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้มนุษย์ทำบาป ทำให้แอปเปิ้ลในภาษาละตินตรงกับคำว่า malus ซึ่งแปลว่า ชั่วร้าย นั่นเอง
       
ตำนานที่โด่งดังมากที่สุดของแอปเปิ้ลคือ เรื่องที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่าแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ต้องห้ามที่พระเจ้าห้ามไม่ให้ ‘อาดัมส์' กับ ‘อีวา' กิน แต่ทั้งคู่หลงในกิเลสทำให้ ถูกซาตานหลอกให้กินแอปเปิ้ล จึงต้องตกสวรรค์มาอยู่ในโลกมนุษย์ การที่แอปเปิ้ลเป็นชนวนให้มนุษย์คู่แรกของโลกรู้จักทำบาป ทำให้แอปเปิ้ลในภาษาละตินตรงกับคำ ว่า "malus" ซึ่งแปลว่าชั่วร้าย
     
ในตะวันตกสาวโสดจะมีเกมชนิดหนึ่งเรียกว่า Hallowtide โดยหญิงสาวจะนั่งล้อมวงกัน แต่ละคนจะผูกแอปเปิ้ล 1 ชิ้นไว้กับเชือกแล้วหมุนหน้ากองไฟ ชิ้นไหนตกลงมา ก่อน คนนั้นจะได้แต่งงานเป็นคนแรก

อีกพิธีกรรมหนึ่ง เพื่อหาคู่ของสาวตะวันตก สาวๆ จะปอกเปลือกแอปเปิ้ลจนหมดผลโดยไม่ให้ขาดเลย(ถ้าขาดจะเป็นลางร้าย) แล้วโยนข้ามไหล่ซ้ายไปข้างหลัง เปลือก แอปเปิ้ลที่ตกพื้นจะเป็นรูปร่างอักษรย่อ หรืออักษรตัวแรกของสามีในอนาคต
                  
ว่ากันว่าเทพเจ้าของชาวสแกนดิเนเวีย คงความเป็นหนุ่มสาวได้ตลอดกาลโดยการกินแอปเปิ้ลทองคำของ ‘ไอดัน' ซึ่งเป็นเทพีแห่งความหนุ่มสาวและฤดูใบไม้ผลิ
       
คนอังกฤษถือว่า วันที่ 21 ต.ค. ของทุกปีเป็นวันแอปเปิ้ล เพราะในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ครูอังกฤษส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำ พ่อแม่ของนักเรียนจึงชอบจัดแอปเปิ้ลใส่ตะกร้าไป เป็นของขวัญให้ครู แต่ต่อมาเมื่อเงินเดือนครูสูงขึ้นก็กลายเป็นประเพณีว่าพอถึงวันครุ นักเรียนจะนำแอปเปิ้ลผลเดียวไปให้ครูเพื่อแสดงความขอบคุณ

 ชาวเดวอนไชร์ของอังกฤษ ใช้แอปเปิ้ลรักษาไฝหรือหูด โดยผ่าเป็นซีกแล้วนำไปถูบนไฝหรือหูด แปะเอาไว้ จะทำให้ไฝหรือหูดนั้นหายไปได้ ซึ่งวิธีการนี้ยังคงปฏิบัติกัน อยู่ในปัจจุบัน
            
ในตำนานกรีก ‘เอริส' เทพธิดาแห่งความขัดแย้งได้รับเชิญไปงานแต่งงาน นางอยากจะป่วนงานก็เลยเอาแอปเปิ้ลทองคำที่มีคำจารึกว่า "สำหรับคนที่สวยที่สุด" โยนขึ้น ไปบนโต๊ะทำให้เทพธิดาที่สวยเท่ากันสามองค์คือ ‘เฮร่า' ‘อะเทน่า' และ ‘อะโพรไดท์' แย่งแอปเปิ้ลกันจนทำให้เกิดสงครามถล่มกรรุงทรอยต์ตามมา     
นอกจากนี้แล้ว แอปเปิ้ลยังมีบทบาททางวิทยาศาสตร์ด้วย เพราะเมื่อ ‘ไอแซค นิวตัน' เห็นแอปเปิ้ลตกจากต้น เขาจึงค้นพบกฎเรื่องแรงโน้มถ่วง
Cr.horoscope.thaiza.com

พระเจ้าห้าพระองค์ ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน 


พบได้ในป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเวียงลออำเภอจุน จังหวัดพะเยา หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นว่าน  จริง ๆ แล้วเป็นผลของไม้ชนิดหนึ่ง มีลำต้นขนาดใหญ่ เรียกว่าต้นพระเจ้า 5 พระองค์ เป็นต้นไม้ใหญ่ขนาด 5-10 คนโอบ จะมีลูกลักษณะเป็นทรงกลม เมื่อผลแก่จัดจะร่วงลงมา ภายนอกมองคล้าย พระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่นับโดยรอบได้ 5 พระองค์ 
  
เมล็ดของต้น “พระเจ้าห้าพระองค์” มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรและนิยมใช้กันมาช้านานแล้ว โดย ในยุคสมัยก่อนคนไทยเป็นโรค “หิด” กันมาก เมื่อเป็นแล้วจะทรมานมาก ในการรักษา มีวิธีแบบง่ายๆ คือ เอาผลแห้ง ของ “พระเจ้าห้าพระองค์” ฝนกับหินลับมีด ผสมกับน้ำให้ข้นแล้วเอาน้ำที่ฝนได้ทาบริเวณที่เป็น “หิด” หรือบริเวณที่เป็นเม็ดผื่นคันชนิดเรื้อรัง โดยทาบ่อยๆ จะทำให้อาการที่เป็นอยู่ค่อยๆทุเลาลงและแห้งหายได้ในที่สุด
 
ปัจจุบันต้นพระเจ้าห้าพระองค์กำลังใกล้สูญพันธุ์หาไม่ได้ในป่าโดยทั่วไป ในป่าบางแห่งมีต้นพระเจ้าห้าพระองค์อยู่ไม่กี่ต้น ต้นพระเจ้าห้าพระองค์ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด แต่ขยายพันธุ์ไม่ค่อยได้ เพราะเมื่อเมล็ดร่วงลงมาถึงพื้นดิน กระรอกหรือกระแตจะไปเจาะเพื่อกินเนื้อในเป็นอาหาร ทำให้ไม่สามารถงอกเป็นต้นใหม่ได้

ผลพระเจ้าห้าพระองค์ ถือเป็นของขลังที่มีพุทธคุณโดดเด่นทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน มีโชคลาภและโภคทรัพย์อุดมสมบูรณ์ เสริมสิริมงคล และขจัดความชั่วร้ายต่าง ๆ ทำให้แคล้วคลาดจากอันตราย บางคนก็นำเมล็ด “พระเจ้าห้าพระองค์”ไปเข้าพิธีปลุกเสกเพิ่มอิทธิฤทธิ์ในทางอยู่ยงคงกระพัน คนโบราณทั้งไทย ลาว พม่า เขมร และจีน ซึ่งมีความเชื่อตรงกันว่า มีเทพต่างๆสิงสถิตคอยปกปักรักษาให้คนหรือสัตว์ไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน มีความเมตตาช่วยเหลือกัน ให้รู้จักรักษาความรักความดีต่อกัน รู้จักรักพวกพ้อง และถิ่นกำเนิด หากเดินทางไกลก็แคล้วคลาดปลอดภัย
Cr.tsood.com

“โยนีปีศาจ” ตำนานต้นไม้แห่งรัก 


ต้น “โยนีปีศาจ” หรือภาษาพื้นถิ่นชาวเขมรเรียกว่าต้น “กะ-นุย-ขะ-มอย” ตามตำนานเรื่องเล่า เป็นต้นไม้ตำนานรักระหว่าง “ท้าวปาจิต โอรสแห่งนครธม กับ นางอรพิม หญิงสาวสามัญชน ที่ทั้งสองมีความรักต่อกัน แต่กลับมีเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกัน ทั้งต้องผจญภัยฟันฝ่าอุปสรรค ซึ่งเป็นเรื่องราวปาฏิหาริย์เป็นเวลากว่า 7 ปี  
แต่ระหว่างที่ต้องผจญภัยในป่า นางอรพิม เกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงอธิษฐานจิตขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แปลงร่างให้เธอเป็นชาย โดยขอให้บางส่วนที่เป็นหญิงหลุดหายไปจากร่าง จากนั้นอรพิม ก็ได้นำโยนีหรืออวัยวะเพศหญิง ไปฝากไว้ที่ต้นมะกอกโคก หรือต้นโยนีปีศาจดังกล่าว  เมื่อรอดชีวิตออกจากป่าได้  ในที่สุดอรพิม ก็ได้กลับมาเป็นหญิง และครองรักกับท้าวปาจิตเหมือนเดิม

ต้นโยนีปีศาจ   เป็นไม้ประเภทยืนต้น ลักษณะไม้เปลือกแข็ง ลำต้นสูงใหญ่  จะเริ่มออกดอกในระยะต้นของเดือนพฤษภาคม ลักษณะของผลคล้ายๆ  ลูกมะกอก ขนาดประมาณ 3-5 เซนติเมตร เมื่อลูกสุกประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม  จะหล่นลงมาและแตกออกเป็นสองซีก เมื่อนำไปกดกับดินทรายดูจะปรากฏรอยคล้ายอวัยวะเพศหญิง  มีเฉพาะในประเทศไทย พบตามซากภูเขาไฟเก่าเท่านั้น
Cr.springnews.co.th
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่