บ้านไม้สักเดิมของขุนชวงเลียงฤาเกียรติ
..........อยู่ในชุมชน "บ้านฮ่อ" เริ่มต้นสร้างชุมชนโดยนายเจิ้งชงหลิ่ง
หรือขุนชวงเลียงฤาเกียรติ ผู้นี้เป็นผู้ร่วมบริจาคที่ดินเพื่อสร้างสนามบินให้ทางราชการสมัยรัชกาลที่ 6 จำนวนถึง 225 ไร่ 2 งาน เมื่อปี พ.ศ.2467
..........จากการศึกษาและรวบรวมของอาจารย์จีริจันทร์ วงศ์ลือเกียรติ ประทีปะเสน
ได้ข้อมูลว่า การอพยพย้ายถิ่นฐานของชาวจีนยูนนานเข้าสู่เชียงใหม่มีขึ้นระหว่างปี พ.ศ.2433-2492
แยกเป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มพ่อค้าชาวยูนนานมุสลิมที่เดินทางมาค้าขายโดยใช้ม้าต่างเป็นพาหนะ,
กลุ่มชาวยูนนานมุสลิมอพยพที่หลบหนีจากประเทศจีนอันเนื่องมาจากแรงกดดันทางการเมือง
และกลุ่มทหารกู้ชาติจีน พรรคก๊กมินตั๋งที่ไม่ใช่มุสลิม
..........ขุนชวงเลียงฤาเกียรติ..........ผู้นำชุมชนย่านนี้มีนามเดิมว่าเจิ้งชงหลิ่ง และชื่อในศาสนาอิสลามคือ อิบรอฮีม
เกิดเมื่อปี พ.ศ.2416 ณ ตำบลหยีซี เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน
เป็นบุตรชายคนเดียวของคหบดีเมืองหยีซี ต่อมาได้สมรสกับหญิงสาวชาวจีนไม่ทราบนามและมีบุตรสาว 2 คน
..........ในปี พ.ศ.2448 เมื่ออายุได้ 32 ปี
ได้เดินทางบุกป่าฝ่าดงนำพลพรรคประมาณ 10 คน คุมกองคาราวานม้าต่างจำนวน 100 ตัว
เข้ามาค้าขายยังเมืองเชียงใหม่ผ่านทางสิบสองปันนา เชียงตุง เข้าสู่ประเทศไทยทางอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ลงมาลำปาง ขึ้นไปลำพูน เข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
และเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 8 ของเชียงใหม่
ระยะแรกที่อยู่เมืองเชียงใหม่ได้พักอยู่กับญาติที่สนิทสนมคุ้นเคยกับเจ้าหลวงเชียงใหม่
เมื่อเดินทางไปค้าขายที่เมืองระแหงหรือตาก ได้แต่งงานกับนางนพ หลังจากนั้นปี พ.ศ.2452
ได้สร้างบ้านอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ บริเวณถนนเจริญประเทศแห่งนี้
ที่ดินเนื้อที่ 5 ไร่ได้รับประทานจากเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 9
ขุนชวงเลียงฤาเกียรติและนางนพ มีบุตรธิดารวม 10 คน คือ
1. นายเจอ วงศ์ลือเกียรติ
2. นายสุขุม วงศ์ลือเกียรติ
3. นางเต็มดวง วงศ์ลือเกียรติ
4. นายชาญ วงศ์ลือเกียรติ
5. นางวีรัจฉรี จันทน์ยิ่งยง
6. นายสุรินทร์ วงศ์ลือเกียรติ
7. คุณหญิงจันทร์เพ็ญ นาวีเสถียร
8. นายอโณทัย วงศ์ลือเกียรติ
9. นางสมบูรณ์ วงศ์ลือเกียรติ
10. นางพวงเพ็ชร วงศ์ลือเกียรติ
..........ขุนชวงเลียงฤาเกียรติมีความสามารถทางด้านการค้าขายระหว่างชุมชนต่างๆ
โดยนำสินค้าต่างๆ รวมทั้งวัสดุก่อสร้างบรรทุกม้าต่างวัวต่างเดินทางไปค้าขาย
ในปี พ.ศ.2459 ทางราชการได้ก่อสร้างทางรถไฟสายเหนือถึงลำปาง
ขุนชวงเลียงฤาเกียรติได้ช่วยเหลือทางราชการโดยใช้ม้าต่างรับบรรทุกวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ เหล็ก ฯลฯ
ไปยังบริเวณขุนตานที่มีการขุดเจาะอุโมงค์ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นถิ่นทุรกันดารและภูเขาสูงชัน
..........นอกจากนี้ยังช่วยเหลือทางราชการในการรับเหมาขนส่งพัสดุไปรษณีย์และจดหมายของทางราชการและการไปรษณีย์ของมณฑลพายัพ
ต่อมาได้เปลี่ยนไปประกอบกิจการป่าไม้ที่บ้านสะเกิบ อำเภอแม่สะเรียง จนเลิกกิจการไปเมื่อมีการยกเลิกสัมปทานป่าไม้
ความสามารถและความมุ่งมั่นนี้ส่งผลให้ขุนชวงเลียงฤาเกียรติและครอบครัวมีฐานะร่ำรวยระดับคหบดีคนหนึ่งของเมืองเชียงใหม่
..........นอกจากนี้ในช่วงที่ทางราชการได้เริ่มก่อสร้างสนามบินเชียงใหม่เมื่อปี พ.ศ.2467 ตรงกับสมัยของรัชกาลที่ 6
ทางราชการได้ขอรับบริจาคที่ดินเพื่อพัฒนาสนามบิน
ครั้งนั้นขุนชวงเลียงฤาเกียรติได้ร่วมบริจาคที่ดินจำนวนถึง 225 ไร่ 2 งาน ให้ทางราชการ
ด้วยเหตุนี้ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ "ขุนชวงเลียงฤาเกียรติ"
เพื่อเป็นบำเหน็จแห่งความดีเพื่อเป็นเกียรติแก่ตัวท่านและวงศ์ตระกูล
นอกจากนี้ได้รับประทานนามสกุล "วงศ์ลือเกียรติ" จากเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 9 อีกส่วนหนึ่งด้วย
เชียงใหม่ - นำชมบ้านไม้สักเดิมของขุนชวงเลียงฤาเกียรติ (บ้านโบราณย่านถนนเจริญประเทศ)
..........อยู่ในชุมชน "บ้านฮ่อ" เริ่มต้นสร้างชุมชนโดยนายเจิ้งชงหลิ่ง
หรือขุนชวงเลียงฤาเกียรติ ผู้นี้เป็นผู้ร่วมบริจาคที่ดินเพื่อสร้างสนามบินให้ทางราชการสมัยรัชกาลที่ 6 จำนวนถึง 225 ไร่ 2 งาน เมื่อปี พ.ศ.2467
..........จากการศึกษาและรวบรวมของอาจารย์จีริจันทร์ วงศ์ลือเกียรติ ประทีปะเสน
ได้ข้อมูลว่า การอพยพย้ายถิ่นฐานของชาวจีนยูนนานเข้าสู่เชียงใหม่มีขึ้นระหว่างปี พ.ศ.2433-2492
แยกเป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มพ่อค้าชาวยูนนานมุสลิมที่เดินทางมาค้าขายโดยใช้ม้าต่างเป็นพาหนะ,
กลุ่มชาวยูนนานมุสลิมอพยพที่หลบหนีจากประเทศจีนอันเนื่องมาจากแรงกดดันทางการเมือง
และกลุ่มทหารกู้ชาติจีน พรรคก๊กมินตั๋งที่ไม่ใช่มุสลิม
..........ขุนชวงเลียงฤาเกียรติ..........ผู้นำชุมชนย่านนี้มีนามเดิมว่าเจิ้งชงหลิ่ง และชื่อในศาสนาอิสลามคือ อิบรอฮีม
เกิดเมื่อปี พ.ศ.2416 ณ ตำบลหยีซี เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน
เป็นบุตรชายคนเดียวของคหบดีเมืองหยีซี ต่อมาได้สมรสกับหญิงสาวชาวจีนไม่ทราบนามและมีบุตรสาว 2 คน
..........ในปี พ.ศ.2448 เมื่ออายุได้ 32 ปี
ได้เดินทางบุกป่าฝ่าดงนำพลพรรคประมาณ 10 คน คุมกองคาราวานม้าต่างจำนวน 100 ตัว
เข้ามาค้าขายยังเมืองเชียงใหม่ผ่านทางสิบสองปันนา เชียงตุง เข้าสู่ประเทศไทยทางอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ลงมาลำปาง ขึ้นไปลำพูน เข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
และเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 8 ของเชียงใหม่
ระยะแรกที่อยู่เมืองเชียงใหม่ได้พักอยู่กับญาติที่สนิทสนมคุ้นเคยกับเจ้าหลวงเชียงใหม่
เมื่อเดินทางไปค้าขายที่เมืองระแหงหรือตาก ได้แต่งงานกับนางนพ หลังจากนั้นปี พ.ศ.2452
ได้สร้างบ้านอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ บริเวณถนนเจริญประเทศแห่งนี้
ที่ดินเนื้อที่ 5 ไร่ได้รับประทานจากเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 9
ขุนชวงเลียงฤาเกียรติและนางนพ มีบุตรธิดารวม 10 คน คือ
1. นายเจอ วงศ์ลือเกียรติ
2. นายสุขุม วงศ์ลือเกียรติ
3. นางเต็มดวง วงศ์ลือเกียรติ
4. นายชาญ วงศ์ลือเกียรติ
5. นางวีรัจฉรี จันทน์ยิ่งยง
6. นายสุรินทร์ วงศ์ลือเกียรติ
7. คุณหญิงจันทร์เพ็ญ นาวีเสถียร
8. นายอโณทัย วงศ์ลือเกียรติ
9. นางสมบูรณ์ วงศ์ลือเกียรติ
10. นางพวงเพ็ชร วงศ์ลือเกียรติ
..........ขุนชวงเลียงฤาเกียรติมีความสามารถทางด้านการค้าขายระหว่างชุมชนต่างๆ
โดยนำสินค้าต่างๆ รวมทั้งวัสดุก่อสร้างบรรทุกม้าต่างวัวต่างเดินทางไปค้าขาย
ในปี พ.ศ.2459 ทางราชการได้ก่อสร้างทางรถไฟสายเหนือถึงลำปาง
ขุนชวงเลียงฤาเกียรติได้ช่วยเหลือทางราชการโดยใช้ม้าต่างรับบรรทุกวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ เหล็ก ฯลฯ
ไปยังบริเวณขุนตานที่มีการขุดเจาะอุโมงค์ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นถิ่นทุรกันดารและภูเขาสูงชัน
..........นอกจากนี้ยังช่วยเหลือทางราชการในการรับเหมาขนส่งพัสดุไปรษณีย์และจดหมายของทางราชการและการไปรษณีย์ของมณฑลพายัพ
ต่อมาได้เปลี่ยนไปประกอบกิจการป่าไม้ที่บ้านสะเกิบ อำเภอแม่สะเรียง จนเลิกกิจการไปเมื่อมีการยกเลิกสัมปทานป่าไม้
ความสามารถและความมุ่งมั่นนี้ส่งผลให้ขุนชวงเลียงฤาเกียรติและครอบครัวมีฐานะร่ำรวยระดับคหบดีคนหนึ่งของเมืองเชียงใหม่
..........นอกจากนี้ในช่วงที่ทางราชการได้เริ่มก่อสร้างสนามบินเชียงใหม่เมื่อปี พ.ศ.2467 ตรงกับสมัยของรัชกาลที่ 6
ทางราชการได้ขอรับบริจาคที่ดินเพื่อพัฒนาสนามบิน
ครั้งนั้นขุนชวงเลียงฤาเกียรติได้ร่วมบริจาคที่ดินจำนวนถึง 225 ไร่ 2 งาน ให้ทางราชการ
ด้วยเหตุนี้ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ "ขุนชวงเลียงฤาเกียรติ"
เพื่อเป็นบำเหน็จแห่งความดีเพื่อเป็นเกียรติแก่ตัวท่านและวงศ์ตระกูล
นอกจากนี้ได้รับประทานนามสกุล "วงศ์ลือเกียรติ" จากเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 9 อีกส่วนหนึ่งด้วย