[CR] ทริปทรหด 7 วัน โตเกียว เกียวโตและโอซาก้าพร้อมตามล่าอาหารฮาลาล 27 ตุลา - 2 พฤศจิ 2018 Part3

2 เดือนต่อมา...มาช้าแต่ก็มานะคะ แฮร่

อ่าน Part1 รายละเอียดโดยรวมและเที่ยวโตเกียว https://pantip.com/topic/39001427
Part2 เที่ยวทรหด one day trip ที่ Nikko ค่ะ https://pantip.com/topic/39080349
Part4 หมดแรงไม่พอยังต้องหมดตังค์อีก จัดไปยาวๆสามวันที่เกียวโตและโอซาก้า https://pantip.com/topic/39426751

Day4 Kawaguchiko

เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเพราะหาชานชาลาชินคันเซ็นไม่เจอแบบเมื่อวาน เราก็เลยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีสี่เราต้องตื่นมาและออกไปให้เร็วกว่าเมื่อวาน แต่ แต่ แต่!!! เนื่องจากเมื่อคืนพวกเรานั่งเก็บกระเป๋าเพราะพรุ่งนี้เชคเอาท์แล้ว กว่าจะได้นอนก็ปาไปตีสองบวกกับความเหนื่อยล้าของเมื่อวานคงอยากให้พวกเราได้พักผ่อนให้เต็มที่ เราลืมตามาตอนเช้า แปลกใจนิดหน่อยว่าทำไมมันสว่างแล้ว หยิบโทรศัพท์มาดูเวลา Ohhh my god นี่มัน 6.24 น. แล้ววว เราจำตัวเลขนี้ได้ดีเลย สักพักเพื่อนอีกห้องก็มาเคาะประตูเพื่อบอกให้รู้ว่าเพิ่งตื่นมาเหมือนกัน 55555 ความหวังที่จะได้นั่ง Shinkansen แบบ reserve seat ก็มลายหายไปเรียบร้อย 

ไหนๆก็ตื่นสายแล้ว วันนี้พวกเราได้ทำแซนด์วิชไว้กินเป็นอาหารเช้า จากนั้นเราก็ขนทุกอย่างลงมาที่ล็อบบี้เพื่อเชคเอาท์และฝากกระเป๋าไว้ที่นี่ เราประทับใจพนักงานที่นี่มาก ระหว่างรอเชคเอาท์ เราขอน้ำร้อนแต่เค้าบอกให้รอสักครู่ ซึ่งเราไม่รีบมากก็เลยรอได้ ปรากฎว่าเค้าไปต้มน้ำมาให้เราด้วยค่า โดยไม่คิดค่าบริการใดๆ ที่นี้ก็ได้น้ำร้อนเดือดปุดๆไว้ต้มมาม่าล่ะ อิอิ

หลังจากที่ได้กินรองท้องเพิ่งพลังเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปที่สถานี JR เพื่อมุ่งหน้าไป JR Shinjuku เพื่อนั่งชินคันเซ็น ด้วยความที่เราออกมาประมาณ 7 โมงเช้า ทุกสถานีก็จะวุ่นวายมากหน่อยเพราะเป็นเวลาที่เค้าไปทำงานกัน สิ่งที่เห็นก็คือคนใส่ชุดดำเต็มไปหมด ทุกคนเดินกันเร็วมาก พวกเราพยามจะเลียนแบบแล้วนะแต่ก็ยังเดินช้ากว่าเค้าอยู่ดี จึงเกิดเป็นวลีสำหรับพวกเราจนถึงวันนี้คือ “เดินแบบคนโตเกียวสิเธอ” เมื่อเห็นเพื่อนเดินช้า : D  
 
วันนี้เราไม่พลาดแล้ว นอกจากพวกเราได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่แล้วก็ยังถามคนที่อยู่บนขบวนด้วยเพื่อความแน่ใจ ฮ่าๆ ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องนั่งโบกี้แบบไม่จองที่นั่ง เพราะเราพลาดขบวนที่จองไว้แล้ว แต่ความเด๋อก็ยังไม่จบเมื่อเราหาโบกี้แบบไม่จองที่ไม่เจอ ยังคงคอนเซปต์ความงงไม่เลิก ฮ่าๆ จนสุดท้ายมีกลุ่มป้าๆสี่คน ในนั้นมีทั้งฝรั่งและคนญี่ปุ่นรวมกันเค้าเอ็นดูและทักถาม แล้วหนึ่งในนั้นถึงกับลุกขึ้นไปหาที่นั่งที่ว่างให้พวกเราโดยแกเดินจนสุดขบวนเลยล่ะ ทั้งๆที่พวกเราก็เดินไปเองก็ได้ เรานั่งรถไฟประมาณชั่วโมงก็ไปถึง Otsuki หลังจากนั้นเราต้องเปลี่ยนไปนั่งรถไฟท้องถิ่น Fujikyu Railway เพื่อไปลงที่ Kawaguchiko รถไฟขบวนนี้เรายังสามารถใช้ JR Wide Pass อยู่นะคะ แต่เนื่องจากเราอยากเห็นฟูจิแบบชัดก็เลยซื้อ special seat ราคาคนละ 200เยน ได้นั่งข้างหน้าหลังคนขับรถไฟเลยจ้า การซื้อตั๋วไม่ยากเลย ตอนแรกเราก็ไปถามเจ้าหน้าที่ที่ทางเข้า เค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราก็พยามอธิบายเต็มที่ สักพัก มีเจ้าหน้าผู้หญิงคนสวยเดินมา สงสัยเค้าคงเห็นเราเถียงกันนานมั้ง 555 เค้าก็เลยบอกให้ขึ้นไปรอบนรถไฟโบกี้แรกได้เลย เดี๋ยวเค้าจะไปเก็บเงิน ความพิเศษของโบกี้นี้ก็คือ จะมีโซฟาแบบเปิดกระจกบานใหญ่ให้เราได้เห็นฟูจิแบบเต็มตาเลย ซึ่งโซฟานี้ทุกคนในโบกี้นี้สามารถมานั่งได้เลยค่ะ เจ้าหน้าที่เค้าก็บอกว่าพวกยูสามารถนั่งได้แต่ก็อย่าอยู่นาน แบ่งๆให้คนอื่นเค้าได้นั่งด้วย  

อันนี้ตั๋ว special seat ค่ะ


ขบวนรถไฟของ Fujikyu Railway ก็จะน่ารักประมาณนี้
 
เก้าอี้ในโบกี้1


ความพิเศษของโบกี้แรกจะอยู่ตรงนี้แหละค่ะ เราสามารถมองเห็นวิวได้กว้างขึ้น รูปนี้เราเอาจากอินเตอร์เน็ตค่ะ เครดิตตามรูปนะคะ (ขอบคุณเจ้าของรูปด้วยค่ะ)


ได้เห็นคนขับรถไฟด้วยน้า
 

ก่อนที่ขบวน Fujikyu Railway จะออกเดินทางเราขอเล่านิดนึงนะคะ 
 
จากที่ได้อ่านรีวิวมา การได้เห็นยอดเขาฟูจิเป็นโชคและบุญวาสนาของเราจริงๆเพราะบางคนไปตั้งหลายรอบก็ยังไม่ได้ดูสักที แล้วเพื่อนที่เพิ่งกลับมาเค้าก็เล่าให้ฟังด้วยนะ เค้าไปนอนถึงที่ Kawaguchiko ตอนเช้าเมฆเปิดได้เห็นยอด เค้าก็รีบวิดีโอคอลกับที่บ้านประมาณสิบนาที คุยสายเสร็จ วางสาย ปรากฎว่ายอดมันอายได้หลบไปแล้วจ้า เราก็เลยยิ่งกังวลว่าจะได้เห็นไหมเนี่ยย ก่อนมาเราได้เช็คพยากรณ์ทุกวัน ย้ำทุกวันจริงๆ เอาจริงๆก็คือเฝ้าตั้งแต่มันยังไม่ใส่หมวกด้วยซ้ำ จริงจังมาก คิดดู ฮ่าๆๆ จนแม้กระทั่งเมื่อมาถึงโตเกียว เราก็ยังต้องเช็คพยากรณ์เพื่อจะตัดสินใจว่าควรมาที่นี่หรือไป Nikko ก่อนดี ซึ่งวันที่ดูวันนึงเค้าเขียนว่า Sunny และอีกวันเขียนว่า Mostly clear sky จากที่อ่านมา เค้าว่าถึงแม้ว่าจะแดดออกก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเมฆ เราก็เลือกมาวันนี้ซึ่งก็คือ mostly clear sky นั่นเอง 

อ่ะ กลับมาที่ขบวนรถไฟอีกครั้งค่ะ อิอิ 
ก่อนที่รถไฟจะออก ความน่ารักของป้าๆที่เราเจอบน shinkansen ยังไม่จบ พวกเค้าแวะมาเคาะกระจกบ๊ายบายพวกเราด้วย โอ้ย ใจดีแล้วยังน่ารักอีกด้วย  
รถไฟได้เคลื่อนตัวออกช้าๆไม่เร็วมาก บนรถไฟจะมีคนขับรถไฟและเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนสวยคนเดิมกับเมื่อครู่คอยดูแลความเรียบร้อยพร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายไปด้วย รถไฟออกได้ไม่นาน เค้าก็จะประกาศให้เรามองไปทางขวา เรากำลังจะได้ยลโฉมยอดฟูเขาไฟฟูจิแรกในชีวิต!!! มันก็จะมีความตื่นเต้น ถ่ายรูปกันจริงจังมากเดี๋ยวก็ฝั่งซ้ายเดี๋ยวก็ขวาจนไม่มีใครกล้ามานั่งโซฟาด้วย เนื่องด้วยกลัวว่าเราจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว เอาจริงๆแทบจะไม่ได้กลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเองเลยนะ แต่หลังจากนั้น เราก็ได้เห็นยอดฟูจิเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนถึง kawaguchiko เลยจ้า บางจังหวะพวกเราก็มีหลบกลับไปนั่งเก้าอี้นะ แต่ก็ไม่เห็นใครออกไปนั่งโซฟาเลย สงสัยเค้ากลัวพวกเราจะกลับไปอีกครั้งมั้ง ฮ่าๆๆ 

วิวระหว่างทางค่ะ เรียกได้ว่าได้เห็นตลอดทางจริงๆ เดี๋ยวโผล่ซ้าย เดี๋ยวขวา เดี๋ยวก็จะมาจ๊ะเอ๋ข้างหน้า

 
เมื่อไปถึง kawaguchiko เรายังไม่ออกจากชานชลานะ เราจะย้ายไปขึ้นอีกขบวนเพื่อไปดูยอดฟูจิที่ Chureito Pagoda โดยนั่งรถไฟ Fujikyu Railway Line 2 จะไปลงที่สถานี Shimo-Yoshida Station แล้วเดินต่ออีก 10 นาที เจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งต้องเดินขึ้นไปอีกประมาณ 5 นาที การเดินไปที่เจดีย์นะคะ คือออกจากสถานี เลี้ยวขวาเดินตรงไปตามทางเรื่อยๆจะเจอทางข้ามรถไฟ เดินไปเรื่อยๆ ผ่านทุ่งนาและบ้านเรือนจะเจอถนนไฮเวย์ใหญที่ตัดผ่านด้านบน ให้เลี้ยวซ้ายเดินตามถนนขึ้นเนินไปเรื่อยๆจนสุดทางแล้วจึงเลี้ยวขวา สรุปคือเมื่อเจอถนนใหญ่ให้ตามป้ายไปเรื่อยๆ เมื่อเดินพ้นบริเวณถนนไฮเวย์ใหญ่ก็เดินตรงมาเรื่อยๆ จะเจอแม่น้ำแล้วข้ามสะพานเล็กๆไป เดินอีกนิด ไม่กี่อึดใจเงยหน้าขึ้นก็จะพบกับทางขึ้นเจดีย์แล้วค่ะ (เครดิต กระทู้ท่านนึงในพันทิพแต่เราจำไม่ได้แล้ว)



ระหว่างทางจะเจอรูปนี้แปะทางเท้าไปเรื่อยๆนะคะ


ถนนข้ามรถไฟค่ะ


เมื่อไปถึงหน้าทางเข้าเจดีย์ จะเห็นป้ายนี้ค่ะ


เดินขึ้นบันไดเลยค่ะ


ทั้งๆที่เค้าบอกกันว่าที่นี่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนเดือนหน้า แต่เราก็ได้เห็นเมเปิ้ลสีแดงกันแล้วนะคะ ถึงแม้ฝืมือจะไม่ได้เรื่อง แต่ก็ยังจะถ่าย

ระหว่างที่ขึ้นบันไดมา หันหลังไปก็งามใช้ได้

นั่นไง เห็นยอดฟูจิอยู่นั่นไง

และคนบ้าแปะก๋วยอย่างอิชั้นก็ยังอินอยู่ ต้นนี้เปลี่ยนสีทั้งต้นแล้ว


ที่นี่จะเห็นยอดฟูจิสวยมาก เหมือนที่เราเห็นในรูปตอนเด็กๆเลยค่ะ โอ้ย ฟินเว่อร์ และเหมือนเดิมความที่เรากลัวจะไม่ได้เห็นยอดอีก กลัวแดดบังบ้าง กลัวเมฆบังบ้าง เราก็จะถ่ายรูปกันเต็มที่เหมือนเดิม อิอิ 

 



จังหวะที่กำลังจะลงจากเจดีย์เราก็เริ่มรู้ตัวบัตร JR Wide Pass ของเราหาย ก็รีบไปหาที่ห้องน้ำ ถามเจ้าหน้าที่ใกล้ๆก็ไม่เห็น มีความหวังเล็กๆว่าตัวเองคงทำตกที่สถานี แต่ตอนนั้นเริ่มทำใจล่ะว่าตัวเองคงต้องเสียเงินก้อนใหญ่จ่ายค่าชินคันเซ็นกลับโตเกียว เรารีบล่วงหน้าเพื่อนกลับไปที่สถานีก่อนเพื่อไปหาบัตร ซึ่งก็มีอยู่จริงๆด้วย เจ้าหน้าที่สถานีช่วยเก็บไว้ให้ โชคดีจัง ^^  

ซึ่งตอนที่เราไปถึงสถานี รถไฟกำลังจะออกพอดี แต่เพื่อนเราหลงทางอยู่หาทางกลับสถานีไม่เจอ ฮ่าๆ เราก็เลยต้องรอรอบต่อไป ซึ่งก็ต้องรอเป็นชั่วโมง พวกเราก็เลยหามุมใต้ต้นไม้หน้าสถานีจัดการเปิดร้าน restaurant เคลื่อนที่อีกครั้งกินกับข้าวหลักสิบกับวิวหลักล้านของเรา ฟินอีกแล้วจ้าาา  
กินข้าวเสร็จก็จัดการตัวเองเข้าห้องน้ำพร้อมอาบน้ำละหมาดเรียบร้อยแต่ละหมาดไม่ทันเพราะรถไฟมาพอดีและพวกเราก็เด๋อเหมือนเดิม ไม่ได้ไปรอที่ชานชลา เจ้าหน้าที่ที่สถานีเค้าต้องส่งสัญญาณให้คนขับรถไฟที่จอดไว้อีกฝั่งู้ว่ายังมีคนขึ้นไม่หมด นี่ก็รีบวิ่งไปขึ้นเลยจ้า 55+ 

ร้านของเราเอง ยอดฟูจิอยู่ในวงสีแดง แต่ฝีมือการถ่ายรูปของเราได้มาแค่นี้ >///<
ชื่อสินค้า:   เที่ยวญี่ปุนด้วยตัวเอง
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่