ให้ธรรมชาติบำบัดยามเหนื่อยล้า ชาร์จพลังเต็มพิกัด ที่ "เฮือนแม่ธัญญา" ณ เชียงใหม่

หลงติดการท่องเที่ยวไปเรียบร้อย กับการเที่ยวเชียงใหม่ในหน้าฝน ที่อะไรๆ ก็เขียวไปหมด ผิดกับต้นปีที่ PM 2.5 เต็มเมือง

ก่อนกลับเชียงใหม่ จากเชียงราย ลองค้นหา โฮมสเตย์ระหว่างทาง ก็ได้ โฮมสเตย์แห่งหนึ่งชื่อว่า "เฮือนแม่ธัญญา" และข้อมูลเพิ่มเติม จนรู้สึกว่าที่นี่แหล่ะจะเป็นที่พักในคืนนี้ จึงกดโทร. ตามหน้าเพจไป

คำเอื้อนเอ่ยของเจ้าของโฮมสเตย์ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ...สวัสดีเจ้า บทสนทนาจึงเริ่มต่อมาและตกลงเข้าพักครับ

ขับจากเชียงรายมาไม่ไกลระยะทาง 160 กิโลเมตร ในเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง บนเส้นทางที่คดโค้ง และมีทำทางบางช่วง ก็ถึงที่พักของเราครับ

ไปชมภาพเส้นทางกันครับ
















เลี้ยวเข้ามาจอดไม่นาน "แม่" ซึ่งเป็น แม่ธัญญา ใช้เรียกแทนตัวเอง เดินออกจากหลังพุ่มไม้ (ซึ่งมาทราบภายหลังกำลังเพาะกะหล่ำปลีอยู่ครับ) และทักทาย "สวัสดีเจ้า" พร้อมแจ้งว่า "ลูก" เดินไปดูห้องก่อนเลยนะ ว่าจะเลือกห้องไหน ทรายคำ1 หรือ ทรายคำ2 เลือกตามใจชอบเลยนะ เดี๋ยวแม่เอาน้ำเปล่าตามไปให้นะ

บรรยากาศเริ่มต้นครับ ให้ภาพเล่าความสดชื่นไปครับ


















ไปชมห้องพักกันครับ ว่าเป็นอย่างไร น่านอนแค่ไหน ไปชมกันครับ


















บรรยากาศคือดีครับ เปิดหน้าต่างมาเจอวิวทุ่งนาเลย ช่างฟินจริงๆ ครับ สุดท้ายก็เลือก ทรายคำ 1 ครับ พร้อมเข้าไปดูห้องน้ำ โอ้โห คืนนี้สบายหล่ะ มีน้ำอุ่นให้ด้วย แต่โอเพ่นแอร์แบบนี้หนาวแน่ๆ











ยืนหน้าห้องไม่นาน แม่ก็เดินตามมาครับ ถือน้ำมาให้ และแนะนำครับ ว่าใกล้กันมีน้ำพุร้อนดอยสะเก็ดอยู่ ลองไปเที่ยวดูได้นะ หรือจะทานข้าวเย็นเข้ามาได้เลยนะ

แม่บอกว่า ลูกของกระทันหันมาก ทำอาหารเย็นให้ไม่ทัน ขอเป็นพรุ่งนี้เช้าแทนนะ ผมสายชิลล์ครับ เพราะกระทันหันจริงๆ ครับ จองปุ๊บ 3 ชั่วโมงถึงที่พักเลยครับ ก่อนจะไปน้ำพุ เลยขอเก็บเกี่ยวความสุขรอบตัวก่อนครับ
















บรรยากาศดีมากครับ ลมเย็นเอื่อยๆ แถมได้เจอชาวนาตัวจริงครับ ผมไม่เคยเห็นการทำนาแบบใกล้ชิดมาก่อนครับ เลยยืนดูเป็นเวลานานเลยครับ เข้าใจเลยว่า การเป็นชาวนา ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เลยครับ ยิ้ม


ไปต่อกันครับ ขับรถมาไม่ไกล ประมาณ 2 นาทีก็ถึงครับ "น้ำพุร้อนดอยสะเก็ด" ครับ มาเที่ยวหน้าฝน ก็ต้องทำใจครับ เรื่องฝนตก นั่งในรถเกือบ 15 นาที รอฝนหยุด แต่ก็มองควันจากน้ำพุร้อนแบบฟินๆ ในรถไปครับ

พอฝนหยุด ก็ไปเก็บภาพกันครับ


















อ่านรายละเอียดจากออนไลน์ พบว่า ใช้งบว่า 18 ล้าน สร้างสถานที่ท่องเที่ยวนี้ขึ้นและให้ทางชาวบ้านเข้ามาร่วมกันบริหารครับ บรรยากาศจึงเป็นแนวบ้านๆ เป็นกันเองดีครับ

เดินชมรางน้ำ ที่ให้แช่เท้าไล่ระดับจาก ร้อน ร้อนปานกลาง มาจวบจนบ่อต้มไข่ ก็เจออาคารหลังนึง มองด้านในมีคนนอนให้นวดอยู่ครับ มองไปทางซ้ายมีอีกอาคารครับ เดินไปดูกันครับ





เป็นประชาสัมพันธ์และเก็บค่าบริการครับ ในส่วนของการนวดแผนไทย และการแช่น้ำแร่ครับ ซึ่งจะมีแบบแช่เดี่ยว แช่วีไอพี แช่รวม และโอเพ่นแอร์ แช่ฟรีครับ เลือกตามที่เราชอบได้เลยครับ


ผมจึงเลือกแบบแช่เดี่ยวครับ 70 บาท พร้อมยืมผ้าขนหนูอีก 10 บาท เผื่อใครไม่ได้เตรียมมา เค้าก็มีบริการให้ครับ คือดีจังครับ และได้ชี้จุดครับ ว่าห้องแช่อยู่ทางไหน ส่วนด้านข้าง ก็มีคำอธิบายถึงประโยชน์การแช่น้ำแร่ด้วยนะครับ ระหว่างทางเดินก่อกำลังก่อสร้างรอต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาวครับ ใกล้กันมีบ่อแช่แบบโอเพ่นแอร์ สร้างได้สวยงามมากครับ

















เจ้าหน้าที่นำผ้าขนหนูมาให้ ลุยเลยครับ ปิดห้อง ถอดชุด พร้อมนำปรอทมาเตรียมวัดกันครับ ในห้องบริเวณบ่อแช่จะมีทั้งน้ำร้อนและเย็นเพื่อปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม จะได้สบายตัวกับตัวเรา และวิวด้านหลังห้อง บอกเลยว่าฟินมาก ฟินแค่ไกน ไปชมกันครับ














เค้าให้เวลาถึง 30 นาทีครับ ตอนเข้ามาก็ลืมดูเวลา แต่ก็ใช้เวลาพอสมควร เอาแบบที่เราทนได้ครับ เพราะน้ำแร่จะมีก๊าซซัลเฟอร์ เป็นส่วนผสมครับ แม้ว่า หลังห้องจะสามารถระบายอากาศได้ แต่ความหนาแน่นของก๊าซ ก็อาจจะทำให้เราหายใจได้ยากครับ เลยขึ้นจากบ่อแล้วล้างตัวครับ เรียบร้อยครับ สบายตัวและเหงื่อยังไหลต่อเนื่อง คงเพราะร่างกายสะสมความร้อนเข้าไป

จ๊อก จ๊อก เสียงปริศนาครับ หิวแล้วครับ ไปเก็บของที่รถแปปครับ ระหว่างนั้น มีรถโฟร์วีลของบริษัททัวร์แห่งหนึ่งเข้ามา ถึง 4 คัน เสียงเครื่องยนต์ดังมาก และมาด้วยความเร็วครับ สักพักก็จอดครับ แต่ไม่ดับเครื่องในทันที นักท่องเที่ยวต่างชาติก็แห่ลงมาด้วยเสียงดังอื้ออึงครับ

ผมจึงเดินไปทานข้าวครับ ระหว่างเดินไปก็เจอนักท่องเที่ยวกลุ่มเดิมครับ คนนึงถอดเสื้อกระโดดลงสระโอเพ่นแอร์ในทันที พร้อมยิ้มน้ำลายใส่สระ .... เอ่อ ผมหันไปหาผู้นำทัวร์ทันทีครับ ซึ่งผู้นำทัวร์ไม่ได้กล่าวอะไรกับนักท่องเที่ยว และทำหน้ายียวนกลับมา ผมคนต่างถิ่นคงต้องเจียมตัวหล่ะครับ ไปกินข้าวกันดีกว่าครับ








ร้านคุณป้าใกล้จะปิดแล้วครับ แต่ผมลองถามว่ายังสั่งได้ไหม คุณแ้าบอกได้เลย พร้อมเปิดพัดลมให้ทานอย่างสบายใจ ...อร่อยนะครับ

ออกจากร้านมา มองไปเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเดิมครับ ลงเล่นเต็มสระเลยครับ ประมาณ 7-8 คนครับ รอบนี้วางแก้วเบียร์บริเวณสระเลยครับ ในขณะที่ผู้นำทัวร์นั่งสูบบุหรี่ ในจุดห้ามสูบบุหรี่!!! เฮ้อ การท่องเที่ยวไทย พังเพราะฝีมือคนไทยนี่แหล่ะครับ ไม่ใช่นักท่องเที่ยวชาติอื่นหรอกครับ ถอนหายใจทิ้งแบบยาวๆ แล้วเดินมาเก็บภาพกันต่อครับ

บ่อต้นกำเนิดน้ำแร่ที่เราแช่กัน อุณหภูมิ 94° พร้อมคำอธิบายครับ ว่าแช่ไข่ต้ม ยางมะตูมกันใช้เวลากี่นาทีครับ




ก่อนกลับ ผมก็ลองมาแช่เท้าบริเวณที่เขียนป้านว่าร้อนดูครับ ว่าจะร้อนสักแค่ไหน ปรากฎว่า ไม่ร้อนเลยครับ ออกแนวอุ่นๆ มากกว่า และน้ำขุ่นด้วยครับ ซึ่งเกิดจาก น้ำฝนที่ตกลงมาช่วยให้เย็นลงและพัดตะกอนลอยขึ้นเกิดความขุ่นครับ แช่ไม่นานก็กลับเข้าที่พักครับ

มาเก็บความสุขกันต่อครับ ด้านหลังที่พักเป็นลำห้วยครับ คืนนี้สบายครับ ฟังเสียงน้ำไหลตลอดคืน ฟินอีกแล้ว ส่วนด้านหน้าก็ทุ่งนี้ ฟินดับเบิ้ลเลยครับ

ให้ภาพเล่าเรื่อง เล่าบรรยากาศกันไปครับ

















สักพัก แม่ก็เดินมาสอบถามครับ ถึงการไปแช่น้ำแร่เป็นอย่างไร และพูดคุยสารทุกข์สุกดิบกันครับ รับรู้ได้ แม่ ใจดี เป็นกันเองมากครับ (มาทราบภายหลัง อายุพอกับแม่ผมเลยครับ) คุยกันไม่นาน แม่ก็ขอตัว และบอกตามสบายนะลูก


ใช้เวลาในการหลับไม่นาน อากาศดีๆ แบบนี้ แถมไปแช่น้ำแร่มา สบายตัว คิดไว้ว่าเช้าจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น สุดท้ายพ่ายต่ออากาศครับ หลับยาวเลย 8 โมง นัดแม่ทานอาหารเข้าครับ เลยมาเก็บบรรยากาศก่อนครับ
































"ข้าวพร้อมแล้วนะลูก" เสียงแม่ตะโกนมา ลูกตอบ "คร้าบ" ไปทานข้าวกันครับ หน้าตาอาหารเป็นอย่างไรกันนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่