พูดถึงแช่น้ำร้อนออนเซ็น ใครว่าต้องไปที่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ประเทศไทยของเราก็มีไม่น้อยเลยค่ะ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ วันนี้ Travel Truelife จึงจัดอันดับ 10 น้ำพุร้อนธรรมชาติ บ่อน้ำแร่ แช่ออนเซ็นเมืองไทย ไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่น มาฝากกันค่ะ
1.น้ำพุร้อนสันกำแพง จ.เชียงใหม่
น้ำพุร้อนชื่อดังของเชียงใหม่ ที่ใครก็อยากจะแวะไปเที่ยว “น้ำพุร้อนสันกำแพง” ที่นี่มีน้ำพุร้อนที่พวยพุ่งสูงขึ้นเหนือพื้นดินหลายเมตร ดูสวยงาม มีบ่อสำหรับต้มไข่ รวมถึงธารน้ำแร้ร้อนให้นั่งแช่เท้า บ่อน้ำแร่สำหรับแช่ตัว รวมถึงบริการนวดแผนโบราณ นอกจากนี้สวนดอกไม้ที่มีต้นไม้ร่มรื่นและสนามหญ้าสีเขียว ให้นักท่องเที่ยวได้ผ่อนคลายอย่างแท้จริง
2.น้ำพุร้อนไทรงาม จ.แม่ฮ่องสอน
“น้ำพุร้อนไทรงาม” ตั้งอยู่ใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เรียกได้ว่าเป็น Unseen Thailand เลยก็ว่าได้ เพราะนักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จัก น้ำพุร้อนแห่งนี้เป็นบ่อที่ผุดขึ้นมาตามธรรมชาติ และมีน้ำใสสีเขียวมรกต รวมถึงอุณหภูมิของน้ำจะอุ่นๆ ไม่ร้อนจนเกินไป เหมาะสำหรับการลงไปแช่ผ่อนคลาย (คลิกอ่าน-รีแลกซ์เบาๆ แช่น้ำร้อนที่ปาย น้ำพุร้อนไทรงาม น้ำใสสีเขียวมรกต)
3.น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน จ.ลำปาง
“น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน” ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ในผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีความสวยงามแปลกตา บ่อน้ำร้อนจำนวน 9 บ่อ ตั้งอยู่กระจายในบรอเวณพื้นที่ 3 ไร่ มีโขกหินน้อยใหญ่ประจัดกระจาย และมีไอน้ำลอยขึ้นจากบ่อลักษณะเหมือนเป็นหมอกปกคลุมไปทั่ว กิจกรรมที่ห้ามพลาดเมื่อไปที่นี่ก็คือการต้มไข่ไก่และไข่นกกระทาในน้ำพุร้อน และการลงไปแช่และอาบน้ำแร่ให้สบายตัว
4.น้ำพุร้อนแม่กาษา จ.ตาก
“น้ำพุร้อนแม่กาษา” อยู่ในหมู่บ้านแม่กาษา อ.แม่สอด มีอยู่จำนวน 2 บ่อ ลักษณะเป็นน้ำพุขนาดเล็กๆ ที่ผุดขึ้นมาจากดิน อุณหภูมิประมาณ 70 องศาเซลเซียส นอกจากการต้มไข่รับประทานแล้ว ยังมีบ่อน้ำร้อนบริการให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปแช่ รวมถึงห้องอาบน้ำร้อน และบริการนวดแผนไทย
5.น้ำพุร้อนพระร่วง จ.กำแพงเพชร
“น้ำพุร้อนพระร่วง” อยู่ห่างจากตัวเมืองกำแพงเพชรไปประมาณ 22 กม. เป็นน้ำพุร้อนที่ไม่มีสารปนเปื้อนและไม่มีเชื้อโรคที่เป็นอันตราย ไม่มีกลิ่นกำมะถัน และมีแร่ธาตุมากมาย อุณหภูมิประมาณ 45-60 องศาเซลเซียส สามารถใช้อาบ แช่ตัว หรือดื่มได้อย่างปลอดภัย ฉะนั้นจึงไม่ควรพลาดการอาบน้ำแร่ ซึ่งจะช่วยลดอาการเมื่อยล้า และความตึงเครียดได้ดีมากๆ
6.น้ำพุร้อนบ้านสมอทอง จ.อุทัยธานี
“น้ำพุร้อนบ้านสมอทอง” ตั้งอยู่ในโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาจากผิวดิน ไหลผ่านช่องเขาสองลูกและไหลไปตามโขดหินลงสู่ลำห้วยคอกควาย ที่นี่มีอ่างแช่เท้า สระแช่น้ำแร่ซึ่งอยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว บรรยากาศดีชวนผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังมีบริการนวดเพื่อสุขภาพอีกด้วย
7.ธารน้ำร้อนบ่อคลึง จ.ราชบุรี
“ธารน้ำร้อนบ่อคลึง” เป็นบ่อน้ำธรรมชาติ เกิดจากลำธารน้ำร้อนเล็กๆ ที่ไหลจากเทือกเขาตะนาวศรี เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อนท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น โดยสารมารถแช่เท้าหรือแช่ทั้งตัวก็ได้ นอกจากจะดีต่อสุขภาพยังช่วยคลายความเมื่อยล้าอีกด้วย (คลิกอ่าน-ธารน้ำร้อนบ่อคลึง บ่อน้ำแร่ธรรมชาติจากเทือกเขาตะนาวศรี อาบก็ได้ ดื่มก็ดี ที่สวนผึ้ง)
8.สวนสาธารณะรักษะวาริน จ.ระนอง
ภายใน “สวนสาธารณะรักษะวาริน” มีบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติทั้งหมด 3 บ่อคือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก เป็นน้ำพุร้อนแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปน ประกอบไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ ที่นี่จึงมีบ่อน้ำแร่สำหรับอาบบำบัดรัษาสุขภาพ มีบริการอบหลังด้วยไอน้ำแร่ และบ่อสำหรับแช่เท้าผ่อนคลาย นอกจากนี้บริเวณสวนสาธารณะยังเป็นที่ออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจชั้นยอด
9.น้ำตกร้อนคลองท่อม จ.กระบี่
ที่เที่ยว Unseen ของกระบี่ที่ห้ามพลาด “น้ำตกร้อนคลองท่อม” เป็นน้ำตกที่เกิดจากธารน้ำพุร้อนผุดตามธรรมชาติ ไหลผ่านโขดหินที่ลดหลั่นเป็นชั้นๆ เกิดเป็นน้ำตกร้อน ที่นี่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อน เพราะน้ำตกร้อนนั้นมีแร่ธาตุต่างๆ ที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดความปวดเมื่อย เป็นสปาชั้นดีเลยทีเดียว
10.น้ำพุร้อนรัตนโกสัย (ท่าสะท้อน) จ.สุราษฎร์ธานี
“น้ำพุร้อนรัตนโกศัย” ใน อ.พุนพิน สถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยอดนิยม เพราะเป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในป่าพรุ บ่อน้ำพุร้อนมีขนาดใหญ่ อุณหภูมิประมาณ 70 องศาเซลเซียส เหมาะแก่การมาแช่เพื่อสุขภาพ มีบ่อสำหรับแช่ตัว แช่เท้า อีกทั้งบริเวณโดยรอบยังเป็นสวนสาธารณะเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ
บ่อน้ำพุร้อน ไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่นก็เที่ยวได้!!
1.น้ำพุร้อนสันกำแพง จ.เชียงใหม่
น้ำพุร้อนชื่อดังของเชียงใหม่ ที่ใครก็อยากจะแวะไปเที่ยว “น้ำพุร้อนสันกำแพง” ที่นี่มีน้ำพุร้อนที่พวยพุ่งสูงขึ้นเหนือพื้นดินหลายเมตร ดูสวยงาม มีบ่อสำหรับต้มไข่ รวมถึงธารน้ำแร้ร้อนให้นั่งแช่เท้า บ่อน้ำแร่สำหรับแช่ตัว รวมถึงบริการนวดแผนโบราณ นอกจากนี้สวนดอกไม้ที่มีต้นไม้ร่มรื่นและสนามหญ้าสีเขียว ให้นักท่องเที่ยวได้ผ่อนคลายอย่างแท้จริง
2.น้ำพุร้อนไทรงาม จ.แม่ฮ่องสอน
“น้ำพุร้อนไทรงาม” ตั้งอยู่ใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เรียกได้ว่าเป็น Unseen Thailand เลยก็ว่าได้ เพราะนักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จัก น้ำพุร้อนแห่งนี้เป็นบ่อที่ผุดขึ้นมาตามธรรมชาติ และมีน้ำใสสีเขียวมรกต รวมถึงอุณหภูมิของน้ำจะอุ่นๆ ไม่ร้อนจนเกินไป เหมาะสำหรับการลงไปแช่ผ่อนคลาย (คลิกอ่าน-รีแลกซ์เบาๆ แช่น้ำร้อนที่ปาย น้ำพุร้อนไทรงาม น้ำใสสีเขียวมรกต)
3.น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน จ.ลำปาง
“น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน” ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ในผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีความสวยงามแปลกตา บ่อน้ำร้อนจำนวน 9 บ่อ ตั้งอยู่กระจายในบรอเวณพื้นที่ 3 ไร่ มีโขกหินน้อยใหญ่ประจัดกระจาย และมีไอน้ำลอยขึ้นจากบ่อลักษณะเหมือนเป็นหมอกปกคลุมไปทั่ว กิจกรรมที่ห้ามพลาดเมื่อไปที่นี่ก็คือการต้มไข่ไก่และไข่นกกระทาในน้ำพุร้อน และการลงไปแช่และอาบน้ำแร่ให้สบายตัว
4.น้ำพุร้อนแม่กาษา จ.ตาก
“น้ำพุร้อนแม่กาษา” อยู่ในหมู่บ้านแม่กาษา อ.แม่สอด มีอยู่จำนวน 2 บ่อ ลักษณะเป็นน้ำพุขนาดเล็กๆ ที่ผุดขึ้นมาจากดิน อุณหภูมิประมาณ 70 องศาเซลเซียส นอกจากการต้มไข่รับประทานแล้ว ยังมีบ่อน้ำร้อนบริการให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปแช่ รวมถึงห้องอาบน้ำร้อน และบริการนวดแผนไทย
5.น้ำพุร้อนพระร่วง จ.กำแพงเพชร
“น้ำพุร้อนพระร่วง” อยู่ห่างจากตัวเมืองกำแพงเพชรไปประมาณ 22 กม. เป็นน้ำพุร้อนที่ไม่มีสารปนเปื้อนและไม่มีเชื้อโรคที่เป็นอันตราย ไม่มีกลิ่นกำมะถัน และมีแร่ธาตุมากมาย อุณหภูมิประมาณ 45-60 องศาเซลเซียส สามารถใช้อาบ แช่ตัว หรือดื่มได้อย่างปลอดภัย ฉะนั้นจึงไม่ควรพลาดการอาบน้ำแร่ ซึ่งจะช่วยลดอาการเมื่อยล้า และความตึงเครียดได้ดีมากๆ
6.น้ำพุร้อนบ้านสมอทอง จ.อุทัยธานี
“น้ำพุร้อนบ้านสมอทอง” ตั้งอยู่ในโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาจากผิวดิน ไหลผ่านช่องเขาสองลูกและไหลไปตามโขดหินลงสู่ลำห้วยคอกควาย ที่นี่มีอ่างแช่เท้า สระแช่น้ำแร่ซึ่งอยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว บรรยากาศดีชวนผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังมีบริการนวดเพื่อสุขภาพอีกด้วย
7.ธารน้ำร้อนบ่อคลึง จ.ราชบุรี
“ธารน้ำร้อนบ่อคลึง” เป็นบ่อน้ำธรรมชาติ เกิดจากลำธารน้ำร้อนเล็กๆ ที่ไหลจากเทือกเขาตะนาวศรี เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อนท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น โดยสารมารถแช่เท้าหรือแช่ทั้งตัวก็ได้ นอกจากจะดีต่อสุขภาพยังช่วยคลายความเมื่อยล้าอีกด้วย (คลิกอ่าน-ธารน้ำร้อนบ่อคลึง บ่อน้ำแร่ธรรมชาติจากเทือกเขาตะนาวศรี อาบก็ได้ ดื่มก็ดี ที่สวนผึ้ง)
8.สวนสาธารณะรักษะวาริน จ.ระนอง
ภายใน “สวนสาธารณะรักษะวาริน” มีบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติทั้งหมด 3 บ่อคือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก เป็นน้ำพุร้อนแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปน ประกอบไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ ที่นี่จึงมีบ่อน้ำแร่สำหรับอาบบำบัดรัษาสุขภาพ มีบริการอบหลังด้วยไอน้ำแร่ และบ่อสำหรับแช่เท้าผ่อนคลาย นอกจากนี้บริเวณสวนสาธารณะยังเป็นที่ออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจชั้นยอด
9.น้ำตกร้อนคลองท่อม จ.กระบี่
ที่เที่ยว Unseen ของกระบี่ที่ห้ามพลาด “น้ำตกร้อนคลองท่อม” เป็นน้ำตกที่เกิดจากธารน้ำพุร้อนผุดตามธรรมชาติ ไหลผ่านโขดหินที่ลดหลั่นเป็นชั้นๆ เกิดเป็นน้ำตกร้อน ที่นี่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อน เพราะน้ำตกร้อนนั้นมีแร่ธาตุต่างๆ ที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดความปวดเมื่อย เป็นสปาชั้นดีเลยทีเดียว
10.น้ำพุร้อนรัตนโกสัย (ท่าสะท้อน) จ.สุราษฎร์ธานี
“น้ำพุร้อนรัตนโกศัย” ใน อ.พุนพิน สถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยอดนิยม เพราะเป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในป่าพรุ บ่อน้ำพุร้อนมีขนาดใหญ่ อุณหภูมิประมาณ 70 องศาเซลเซียส เหมาะแก่การมาแช่เพื่อสุขภาพ มีบ่อสำหรับแช่ตัว แช่เท้า อีกทั้งบริเวณโดยรอบยังเป็นสวนสาธารณะเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ