#ลิขิตแห่งจันทร์ ดียังไงถามใจคนดู (เราดูแล้ว คุณล่ะ ดูยัง???)

      ขอเกรินก่อนเลยนะคะว่านี่เป็นกระทู้แรก หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

      ก่อนอื่นเลยคือไม่อยากใช้คำว่า "จริงๆก็ไม่ได้อยากอวยหรอกนะ" หรือไม่ก็ "ละครเรื่องนี้มันดีอย่างนั้นดีอย่างนี้" ให้เหมือนตัวเองออกตัวแรงประดุจเป็นแฟนตัวยงของละคร ถ้าจะอิงตามความเป็นจริงของเจ้าของกระทู้แล้วล่ะก็ เป็นคนที่ไม่ค่อยได้ดูละครเท่าไหร่เลยไม่ว่าจะไทยหรือเทศ อาจมีแวบๆฉวัดเฉวียนเนียนๆไปดูบ้างเล็กๆน้อยๆแต่ก็ไม่ได้จะติดอะไรมากมาย จนได้มีโอกาสมาดูเรื่อง "บุพเพสันนิวาส" อารมณ์ตอนนั้นมันก็แบบ เออมันก็สนุกดีเว้ย ได้ภาพสวยๆดูชุดไทยสวยๆ แถมได้รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์สอดแทรกในละครพอกลมกล่มให้น่าติดตาม หลังจากละครจบก็แทบไม่ได้ดูอีกเลย จนมาเจอ "ลิขิตแห่งจันทร์" ตอนแรกแค่กะเปิดมาดูผ่านๆเพราะเห็นตัวอย่างแล้วมันดึงดูดตาแปลกๆ อะไรคือมีอดีตย้อนกลับไปสมัยก่อนก็จริงแต่ดันมีระเบิดสาดกระสุน คิวบู๊ก็ลดแลกแจกแถมสนั่นหวั่นไหวไม่เกรงใจสตั้น ส่วนเพลงนี่ยกให้พี่เก่งแกจริงๆ ร้องซะจนต้องเอ๊ะว่าเสียงใครวะ? ตอนแรกก็เปิดทิ้งๆขว้างๆ (ในYoutube)
      แต่ด้วยคาแรกเตอร์ตัวละครที่น้ำตาลเล่นมันแบบ ฉีกออกจากกันจริงๆ ตอนแรกก็คิดง่ายๆตามประสาชาวบ้านคนธรรมดาอ่ะนะว่า ก็คาแรกเตอร์มันง่ายอยู่แล้วป่ะแก แม่หญิงเรียบร้อย กับสาวสก๊อย เอ๊ย!ไม่ใช่ๆ ตำรวจสาวห้าวเท่ไม่กลัวใคร แต่พอดูไปดูมา....อ้าวเฮ้ย ไม่ใช่ว่ะ นางสื่อสารผ่านทางสายตาได้ดีเลยเชียวแหละ บทห้าวๆลุยๆหรือตอนจะแอ๊วหนุ่มอย่างพี่หมอเวชแห่งอโยธยา ก็ส่งออกมาได้เต็มที่หาได้กระดากอายไม่ เรียกว่าแอ๊วหนุ่มแบบไม่อายฟ้าดินกันไปเลยทีเดียว แต่พอมาเป็นแม่ดวงแก้วเท่านั้นแหละ เออว่ะ นางทำได้ ทั้งเรียบร้อย ขี้กลัว บางฉากก็มีนัยน์ตาตื่นตระหนกกับทุกสิ่งที่เจอ(ลูกปืนอ่ะค่ะ) ยอมใจน้ำตาลกับบทโอปอล/แม่ดวงแก้ว เล่นทีความสวยโยนมันทิ้งไป อารมณ์แบบ "ช่างแม่ม ไม่สวยไม่ว่า เน้นฮาไปก่อน" ดีนะแม่ดวงแก้วไม่เล่นห่มสไบไปไล่ยิงผู้ร้ายทั้งเรื่อง (กลัวใจเรื่องนี้จริงๆ กล้าใส่อะไรแปลกๆเข้าไปทั้งที่ยังไม่เห็นเรื่องไหนทำกัน) เรียกว่าเตรียมฮาขี้แตกขี้แตนกันไปอ่ะค่ะคุณๆทั้งหลาย อยากดูอะไรที่พักสมองไม่ต้องคิดมากก็ลองเอาเรื่องนี้ไปลองดูเด้อ
 
    ส่วนบทหมอเวชของเพื่อน คณิน เรามองอย่างเป็นกลางนะ เพราะรู้จักเขาครั้งแรกจากเรื่อง "ริมฝั่งน้ำ" ตอนนั้นกลับบ้านไปหาแม่ แล้วแม่ท่านเปิดดูเรื่องนี้อยู่ เลยได้มีโอกาสนั่งดูเป็นเพื่อนแก ถึงรู้ว่า อ้อ!เดี๋ยวนี้ช่อง3มีพระเอกหน้าใหม่ๆแล้วเหรอ (แม่เป็นแฟนคลับของละครทุกช่องเด้อจ้า บางวันกลับไปก็มีช่องอื่นบ้างคละเคล้ากันไปพอหอมปากหอมคอ) กลับมาๆเดี๋ยวเลยไปยาว พอได้เจอหน้าเพื่อนอีกครั้งในเรื่องนี้ก็แบบ จะไหวมั้ยวะ(หน้าซีดๆพร้อมถามตัวเองในใจ) เขาเป็นคนยิ้มมีเสน่ห์ก็จริงแต่ด้วยความที่แทบไม่ได้ดูละครมากเท่าไหร่เลยไม่ค่อยมั่นใจ กลัวเหลือเกินว่านางเอกรอดแต่จะมาตายที่พระเอก แต่เพื่อนกลับทำให้เราแปลกใจ ที่ว่าแปลกใจก็เพราะว่าตอนแรกๆด้วยบทของหมอหลวงคาแรกเตอร์ก็จะออกแนวพูดเนิบๆช้าๆ ลักษณะดูเป็นคนที่สุขุม รอบคอบ และก็ใจเย็น เลยอาจทำให้คนดูอย่างเราๆ ไม่ชินกับการพูดคล้ายๆท่องบทเสียเท่าไหร่ แต่ถ้ามองตามโจทย์ที่ผู้กำกับต้องการจะสื่อแล้วมันก็ต้องเป็นในระดับนี้หรือเปล่า(วะ?)ถ้าถามตัวเราก็คือให้ผ่านนะ (จะคิดอะไรมากมาย) อีกอย่างเพื่อนมีนัยน์ตาที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีทีเดียวจนน่าตกใจ แม้บทพูดจะมีน้อยในบางฉาก แต่ซีนสายตาพี่แกกินขาดเด้อ และจุดพีคที่ทำให้เรารู้สึกว่าละครเรื่องนี้รอดตายแน่ๆก็คือ ฉากบู๊!!! ป๊าดดดดดดดดดดดเบิ๊ดคำสิเว้าอีหลี ผู้ชายอะไรฉากบู๊นี้สวยๆเน้นๆหนักๆทั้งนั้น พอดูถึง EP9 คำตอบที่อยู่ในหัวก็คือ "หากกรุงศรีจักต้องสู้รบกับข้าศึก มิต้องมองหาผู้ใดดอกหนา มีเพียงพี่หมอเวชผู้เดียวคงจักเพียงพอ บุ๋นก็เก่งบู๊ก็ได้ ไหนจักตำหรับตำรายาก็เชียวชาญมือ ออกศึกก็จงเรียกพ่อท่านเถิด หากจะครบเครื่องถึงเพียงนี้"
     ต่อมาเป็นบทพิภพของกระทิง นี่ก็เรียนตามตรงเลยว่าไม่เคยดูผู้ชายคนนี้มาก่อน ไม่รู้ด้วยว่าเป็นใคร แต่ถ้าถามความคิดเห็นจากตัวละครตัวนี้ เราว่ากระทิงทำได้ดีเลยทีเดียว บทบู๊สวย ฉากที่ต้องปะทะกับผู้ร้ายแต่ละครั้งถือว่าทำออกมาได้ดีน่าดูเลยทีเดียว แม้แต่ฉากฮาๆโก๊ะๆเขาก็ทำออกมาได้แบบ ช่างกล้าทำเนอะ ดูแล้วอายแทน5555(ชอบตอนสอนนางเอกโพสท่าถ่ายแบบ) บางฉากอาจยังดูลอยๆอยู่บ้างเป็นบางอารมณ์ แต่โดยร่วมแล้วให้ผ่านเหมือนกัน เป็นตัวละครที่คอยซับพ็อทดวงแก้วได้เท่สุดๆ บางซีนหยอดหวานจนแทบอยากคว้ำจานข้าวทิ้ง (อารมณ์อิจฉาตาร้อน) มีบ้างที่ดูแล้วบางตอนไม่น่าโง่เลยจริงๆ แต่ก็เข้าใจอ่ะนะว่าเป็นเพราะบท เขาเขียนมาให้เป็นไปตามสถานการณ์ (เข้าใจๆ)
      ทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ ส่วนตัวคิดอยู่ตลอดว่าเรื่อง "ลิขิตแห่งจันทร์" จะผ่านไปด้วยอารมณ์หลากหลายแบบนี้ไม่ได้เลยถ้าขาดองค์ประกอบเหล่านี้ นักแสดงของเรื่องตั้งแต่ทีมพ่อและแม่ ทั้งในพาร์ทอดีตและปัจจุบัน นักแสดงในยุคอยุธยาทุกคน เสื้อผ้าหน้าผมล้วนสวยงามน่าดู ยิ่งทีมแม่ๆนี่ยิ่งสนุก เอาใจไปเลยจ้าาาาา ส่วนที่เราเห็นว่าเป็นสีสันของเรื่องอีกก็คือ เด็กชายแก่น เด็กอะไรน่ารักน่าเอ็นดู เล่นใหญ่รัชดาลัยเสียเหลือเกินพ่อหนุ่ม  CG เรื่องนี้ยอมรับเลยว่าแม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100% แต่ถ้าในฐานะคนดูแล้วล่ะก็ไหลรื่นไม่ติดขัดอะไรนะ อาจสวยงามกว่าของบุพเพอยู่บ้างเล็กน้อย (ส่วนตัวเน้อ) ในยุคปัจจุบันก็อุปกรณ์อาวุธครบครันชมชื่อค่ายนี้จริงๆ ชอบฉากบู๊ของทั้งสองสมัยมากกกกกก
        มาจนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้อยากจะสาธยายอะไรมากหรอกหนา แค่อยากจะขอเป็นอีกหนึ่งเสียงเล็กๆ (หากมีใครผ่านมาได้อ่าน) ให้กำลังใจแก่ทีมงานและนักแสดงทุกคนที่สร้างผลงานดีๆน่าติดตามแบบนี้ออกมา มีสอดแทรกเนื้อหาเกร็ดความรู้เข้ามาพร้อมกับความสนุกได้อย่างน่าชื่นชมจริงๆ 

        และขอย้ำอีกครั้งนะคะ ว่ากระทู้นี้ไม่ได้คิดจะอวยอะไรจริงๆ แค่อยากเล่าความคิดเห็นของตัวเองพร้อมกับเป็นกำลังใจให้กับละครเรื่องนี้ก็เท่านั้น 

  ใครอยากรู้ว่าเรื่องนี้เป็นไง แนะนำให้เปิดใจแล้วไปลองดูกันเด้อจ้า บุพเพสันนิวาส ไม่ใช่ละครเรื่องเดียวที่ย้อนไปอดีต เพราะงั้นจะมาเหมารวมว่าเรื่องสไตล์นี้อีกแล้วเหรอ หรือไม่ก็ เหมือนบุพเพเลย ฮัลโลว!!(ดีดนิ้วหนึ่งที)ตื่นจ๊ะ แน่ใจเหรอว่าเหมือน แต่ใจเหรอว่าแบบเดียวกัน ลองดูกันหรือยังจ๊ะ ป่ะ!ไปดูด้วยกัน แนะนำว่าถ้าอยากตามทันสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูให้ไปตามดูย้อนหลังกันเน้อ เพราะศุกร์นี้จะได้ตามทันว่าเขาไปกันถึงไหนแล้ว  ดูก่อนไม่ชอบไม่ว่ากัน แต่ถ้าไม่อยากดูเลย ก็แล้วแต่เด้อจ้าาาาาาา

  ขอบคุณสำหรับคนที่อ่านมาถึงสุดท้ายนี้ค่ะ
  ป.ล.พิมพ์ตกหล่นผิดพลาดตรงไหนไปต้องขอโทษอีกครั้งด้วยนะคะ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่