ชอบทำงานคนเดียวมีใครเป็นบ้าง (มันมีที่มา)

อาจจะยาวหน่อยนะคะ ตั้งใจมาเล่าโดยเฉพาะค่ะ
-อ่านยากหรือพิมพ์ผิด ขาดตกบกพร่องประการใด ต้องขออภัยด้วยค่ะ-

คือจะเรียกว่าชอบทำงานคนเดียวเท่านั้นก็ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ
จะขอเล่าที่มาของการที่อยากทำงานคนเดียวก่อนนะคะ
เมื่อสมัยเรียนเราทำงานพาร์ทไทม์ค่ะ สามารถทำงานเข้าทุกคนได้ค่ะ ไม่มีอะไรผิดปกติ
และมีทำงานพาร์ทไทม์อีกหลายๆทีต่อมา ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ
ทำประมาณ 8-9 บริษัทในช่วงที่เรียนปี 4 รับจ๊อบไปเรื่อยๆค่ะ ถ้าว่างไม่มีเรียนก็จะลงงานไว้

ต่อมาพอเรียนจบ เราเข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเค้าจะส่งคนเข้าไปทำงานกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
เราทำได้แค่ 3 เดือน แค่ลองดูก่อนว่าเราชอบงานประเภทนี้มั้ย
หรือเราชอบพบปะผู้คนอย่างที่เคยทำเป็นพาร์ทไทม์มาก่อนหน้านี้
สรุปคือเราไม่ชอบค่ะ มันน่าเบื่อ มันเป็นงานวนๆซ้ำๆ คนเดิมๆแบบเดิมๆ
แต่ทุกคนเป็นคนที่น่ารัก คิดหนักที่จะจากมาอยู่เหมือนกันค่ะ

พอหลัง 3 เดือน เราก็ไม่ได้ทำงานบริษัทเลย
เราไปช่วยแม่ขายของได้ประมาณ 2ปี ก็อยากไปทำงานเพราะว่า
อยากได้statement เผื่อจะกู้แบงค์ซื้อบ้านซื้อรถ ก็เลยลองมาสมัครทำงานออฟฟิตอีก

ก็ได้ทำงานที่แผนกที่มีเพื่อนร่วมงานเยอะ ประมาณ 10คน(ผู้หญิงล้วน)
ที่นี้ทำให้เรารู้เลยว่า บรรยากาศในการทำงานและเพื่อนร่วมงาน 
มีผลต่อการตัดสินใจลาออกได้จริงๆ

เราไม่เคยมีความสุขเต็มร้อยเลยสักที เราต้องอึดอัดตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ไปทำงาน
แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวว่าที่แผนกมีคนไม่ชอบเรา แต่แค่รู้สึกแปลกๆ

แต่ตอนที่เรารู้ตัวว่าถูกนินทา ถูกวิจารณ์รูปร่าง หน้าตา การแต่งกาย การแต่งหน้า
เพราะพี่ที่สนิทกับเรา เค้าอยู่มานาน เขาเตือนให้เราฟังให้ระวังต้ว 
เราถึงเริ่มสังเกตุพฤติกรรมเพื่อร่วมงานหลายๆคน จนเราพบว่า
ครึ่งนึงของแผนกอคติกับเรา และตั้งแง่กับเราตั้งแต่ต้น ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน แค่ไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรก
ตอนนั้นเราก็เลยเริ่มปฏิบัติตัวกับเขาใหม่พยายามที่จะให้เขายอมรับเราให้ได้ 
เรียกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองเลยก็ได้ อึดอัดไปหมด ต้องรับทำงานที่คนอื่นไม่ทำ
ทำในสิ่งที่ไม่มีใครอยากทำ  แต่ก็คิดว่าช่างมัน ดีกว่าว่างแล้วฟุ้งซ่าน

สำหรับการทำงานนั้น เราไม่มีปัญหาเลย เราทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี
จนเวลาผ่านไปได้ 2 ปี เราได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าและพี่บัดดี้
การประเมินผลงานเราค่อนข้างดี เรียกว่าไม่เสียแรงที่ตั้งใจทำงาน จนผู้ประเมินมองเห็น

พอทำงานเข้าปีที่ 3 เราได้รับมอบหมายให้ได้ทำงานสำคัญของแผนกงานหนึ่ง
ซึ่งเป็นงานที่เชิดหน้าชูตาของพี่เจ้าถิ่นคนหนึ่ง ตอนนั้นเขาเคืองเรามาก 
เขาคิดว่าเราจะเอาผลงานไปหมด เขาขัดขาเราทุกเรื่อง ทำงานติดขัด ต้องช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น
เพราะคนที่เกี่ยวข้องกับจ๊อบเราที่เคยเป็นมิตรกับเรา ก็เลือกที่จะทำตามเขาบอก คือไม่ให้ความช่วยเหลือเรา

จริงๆ 2 ปีที่ผ่านมา มันเป็นเวลานานมากพอที่เราควรจะเป็นส่วนหนึ่ง เป็นที่ยอมรับได้แล้วใช่มั้ยคะ
แต่เปล่าเลย มันเฟคมากๆ เฟคมาโดยตลอดตั้งแต่แรก
มันเป็นการไปทำงานโดยใส่หน้ากากตลอด เขาเองก็เช่นกัน

ถามว่าปัญหานี้หัวหน้ารับรู้มั้ย รับรู้มาโดยตลอดแต่เขาไม่สามารถควบคุมได้
เพราะหัวหน้าอายุน้อยกว่าผู้อาวุโสในแผนก แต่ด้วยระดับการศึกษาทำให้เขาได้เป็นหัวหน้า

ครั้งนึงหัวหน้าแผนกเข้าร้องไห้ในห้องน้ำ เขาโดนลูกน้องเทงาน ไม่ทำงาน ไม่ให้ความร่วมมือ
แล้วเราบังเอิญเข้าไปตอนเห็นเข้าเราก็ไม่คิดว่าเขาจะพบเจอปัญหาเดียวกันเลยกับเรา

และหลังจากวันนั้นเราได้พบว่า ความรู้สึกอึดอัดนั้นไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่รู้สึก
ที่ผ่านมาเราต้องทนปั้นหน้ามีความสุขที่ได้มานั่งทำงานในที่แห่งนี้ 
เราต้องยิ้มให้กับคนที่แทงข้างหลังเรา เพียงเพราะเราไม่ต้องการมีปัญหากับผู้ที่อาวุโสกว่า
ลับหลังเรามีคนเอาเรามาฟ้องหัวหน้าในเรื่องที่ไม่จริงก็มีค่ะ
มันเป็นเหมือนสงครามเย็นที่แบบไม่มีใครกล้าออกมาถามว่า มีปัญหาอะไรกับกูนักวะ

ที่ผ่านมาเราแค่ปล่อยให้มันผ่านไป เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็คงจะดีเอง 
แต่เราพบแล้วว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนพวกเขาได้ พวกเขาเหมือนไม้แก่ดัดยาก 
เขามักมีอคติกับเด็กจบใหม่ที่เข้าทำงานทุกคน
(ลืมบอกว่าระหว่างที่เราทำงาน 2 ปี มีเด็กจบใหม่เข้ามาทำงานแล้วออกไป 5-6 คนเลยทีเดียว
ซึ่งออกแบบลาออกเอง ไม่ใช่ว่าไม่ผ่านการประเมินอะไรเลย) 

พออ่านถึงตรงนี้อาจจะงงว่าทำไมเราถึงทนทำอยู่ได้ ทำไมไม่ลากออก
เหตุผลก็คือเรื่องของสวัสดิการค่ะ สวัสดิการดีทีเดียว 
และเราก็พอใจกับระยะทางระหว่างบ้านและที่ทำงานค่ะ ใช้เวลานิดเดียว เดินออกบ้านมาก็ถึงเลย 
และอีกอย่างเราอยากลองเรียนรู้งานอีกสักนิดนึง เผื่อว่าจะเอา ปสก ไปใช้ได้ค่ะ

เราได้ปรึกษาและเล่าปัญหากับทางบ้าน ให้พ่อแม่ฟัง ตอนแรกพ่อแม่ให้ลาออกเลย มันเสียสุขภาพจิต
แต่เราค้านค่ะ เราคิดว่าเรายังไม่บรรลุเป้าหมายสูงสุดได้
นั่นคือโบนัสและขั้นเงินเดือนขั้นสุดยอดที่เราอยากจะทำมันให้สำเร็จ 
ซึ่งเราต้องการเอาชนะตัวเองค่ะ เราต้องการพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นค่ะว่า
ถึงจะเรียนได้เกรดไม่ดีแค่ 2.5 แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จ

ในตอนปลายปีที่ 3 ผลงานเราไม่ดีนักเพราะไม่ได้รับความร่วมมือนั่นแหล่ะค่ะ 
พอเข้าปีที่4 เราวางตัวใหม่ค่ะ ตัดสิ่งรบกวนทั้งหลาย เพื่อนร่วมงานที่ไม่ได้เห็นค่าของเรา ตัดทิ้งไปค่ะ
ใครไม่ทำงานร่วมกับเรา เราทำเองได้ค่ะ ทั้งบริษัทมีคนเป็นพันคน จะมาแคร์อะไรกับคนแค่ 5 คน
ปล่อยให้เขาอยู่ในถ้ำของเขาต่อไปถอะค่ะ คิดว่าทำเพื่อตัวเองดีกว่า

เราขยันทำงานมากขึ้นและได้พูดคุยกับเพื่อร่วมงานที่เป็นมิตร ที่เขามาเพื่อทำงานจริงๆ
เรามาให้ค่ากับคนที่เห็นค่าเราดีกว่าค่ะ  ปีนี้เราได้จ๊อบใหม่ของแผนกค่ะ เพิ่งเพิ่มเข้ามา
และสุดท้ายเราประสบผลสำเร็จในปีที่ 5 ค่ะ เราได้รับโบนัสและขั้นเงินเดือนสูงสุดตามที่ตั้งใจ

หลังจากได้สิ่งตั้งใจไว้ เราได้แจ้งลาออกกับหัวหน้าค่ะ 
เวลา 5 ปี ที่เราอยู่ได้เพราะมีคนรักเราจริงๆ แต่ส่วนหนึ่งคือเรารู้สึกเหนื่อย
เราต้องเสียพลังงานในแต่ละวันกับการ เชิดใส่คนที่เค้าไม่ชอบเรา 555 
ต่อสู้กับคนอะไรก็ไม่รู้ คนที่เราไม่สามารถทำอะไรเขาได้
คนที่ไม่ชอบกันแต่ต้องมานั่งอยู่ในแผนกเดียวกัน อึดอัดมากจริงๆค่ะ

*เรารู้มาว่าหลังจากเราออก แผนกได้มีการปฏิวัติใหม่ค่ะ มีหัวหน้าคนใหม่ ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
ส่วนหัวหน้าคนเก่าลาออกหลังเราออกไม่นานค่ะ ไปทำในสิ่งที่ตัวเองรัก

หลังออกจากที่เก่า เราก็แต่งงานและมีลูก 1 คนค่ะ หยุดงานไปเกือบ 2 ปี

ปัจจุบันเราได้มาทำงานที่บริษัทเล็กๆแห่งนึงได้จะ 4 ปีแล้วค่ะ
มีเจ้านาย 3 คน นานๆเข้าออฟฟิตที สลับกันเข้า
เราทำงานกับพนักงานอีก 1 คน (เข้าๆออกๆ ทำไม่เกินปีสักคน)
พนักงานส่งเอกสาร 1 คน และ เราทำงานผ่านทางe-mail ค่ะ
ที่ผ่านมาเรารู้สึกดีมากมันกำลังอยู่ตัว คนไม่มาก
อยู่กันเหมือนครอบครัว เจ้านายใจดี โบนัสก็ดี เงินเดือนก็ดี ดีไปหมดทุกอย่างค่ะ
จนกระทั่งมาปีนี้ บริษัทจะขยายตัว เพิ่มงานส่งออก
จึงมีแผนจะรับบัญชีเพิ่ม 2 คน (ทำบัญชีในประเทศและต่างประเทศ)
เท่ากับว่าตอนนี้ตำแหน่งในบริษัท คือ 5 ตำแหน่ง

ปัญหาของเราคือ พนักงานที่เข้ามาทำได้แป๊ปเดียวก็ออก
เพราะเหมือนส่วนใหญ่เป็นเด็กจบใหม่ ทำได้ 3 เดือนก็ออก 
บางคนมาทำ 3-5 วัน ออกเลยก็มี มาคราวนี้ รับบัญชีอีก 2 ตำแหน่ง 
เจ้านายให้เราสอนงานด้วย สอนงานไม่เป็นปัญหาค่ะ แต่พอเป็นแล้วเค้าก็ออก
พอเค้าออกเราก็นั่งทำแทนให้หมดทุกครั้ง
บางครั้งต้องปวดหัวมาแก้งานที่คนเก่าทำไว้ไม่สมบูรณ์อีก

ปีนี้ยังไม่สิ้นปี เราเปลี่ยนเด็กไปแล้ว 4 คนค่ะ
บัญชีกำลังจะเปิดรับ คราวนี้จนปัญญาจริงๆ
ถ้าเค้าทำผิดพลาด เราคงแก้ไขได้ยาก
เพราะเราไม่ได้เรียนจบด้านบัญชีมา
(ปกติเราทำรายงานบัญชีด้วยค่ะ แค่บัญชีภายในทั่วไปแล้วส่งบัญชีนอกอีกที)

คือเราคิดว่าจะลาออกค่ะ ไม่อยากกลับไปปวดหัวกับคนเยอะๆอีก
กะว่าไปเปิดร้านขายของเองจะได้ดูแลลูกด้วย
จริงๆก็คืออยากทำงานคนเดียวอ่ะค่ะ
เพราะไม่อยากทำงานร่วมกับใครแล้วเหนื่อยสอนงานด้วย
แต่ก็คิดไม่ตกค่ะ ที่นี้เหมือนcomfort zone งานไม่เหนื่อยไม่หนัก
จริงๆตอนทำงานใหม่ๆมีแค่เรากับเจ้านายเอง ก็ทำงานได้ตั้ง 2 ปี
มาตอนนี้ก็จะมีคนมาเพิ่มอีก 
*เงินเดือนเราประมาณ 2 หมื่น โบนัส 2-3 เดือน เงินขึ้นทุกปี

ถ้าเป็นคุณจะลาออกกันมั้ยคะ หรือทำไปก่อนดี 

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่