ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนนะครับ ว่าตัวผมเองก็ไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จหรือมีความก้าวหน้าแบบสุดๆ
แต่ก็ถืว่ามีควาเจริญก้าวหน้าตามโอกาสครับ ดังนั้นในวันนี้ผมจะขอแชร์วิธีการในการทำงานของผม
รวมถึงเชิญท่านทั้งหลายใมาร่วมกันแสดงความคิดเห็นด้วยครับ
ตัวผมเองอายุ 30 ต้นๆ ทำงานมาเกือบ 10 ปี เรียนจบชั้นปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง (ไม่ดัง)
ทำงานในบริษัทเอกชน (งานโรงงาน) แห่งหนึ่ง โดยคำว่ามีความก้าวหน้าของผม อธิบายได้ดังนี้
1.ผมได้ Promote เป็นระดับหัวหน้างานคนแรก ในกลุ่มพนักงานที่มีประสบการณ์และอายุเท่าๆกัน
(ภาษาบ้านๆ คือ โตเร็วกว่าคนอื่น)
2.การประเมินผลงานประจำปี โดยเฉลี่ยแล้ว ผมจะได้การประเมิน S, A ทุกปี (มีเกรด S,A,B,C,D)
ซึ่งมีผลต่อการขึ้นเงินเดือนครับ เช่น แต่ละปีเฉลี่ยนขึ้นเงินเดือนสำหรับเกรด B ที่ 10% คนที่ได้ S, A
จะได้ 12% และ 11% ตามลำดับ และคนที่ได้ C,D จะได้ 9% และ 8% ตามลำดับ
ดังนั้นมายความว่า เงินเดือนผมจะทิ้งห่างเพื่อนร่วมงานคนอื่นทุกปี ปีละ 1-2% (ปีละประมาณ 1,000)
3.โบนัสประจำปี ก็จะสอดคล้องกับผลการประเมินการทำงานเช่นกัน ซึ่งจะจ่ายปีละ 1 ครั้งในเดือนธันวาคม
เฉลี่ยปีละ 5 เดือน (คนที่ได้ B,C,D ได้เท่ากันที่ 5 เดือน ส่วนคนที่ได้ S,A ได้ 7 และ 6 เดือน ตามลำดับ)
ดังนั้นความสำเร็จของผมในจุดนี้คือด้านตำแหน่งหน้าที่ และรายได้
ส่วนวิธีการทำงานของผมมีดังนี้ครับ
1.Mr.Yes Man
ในที่นี้คือ ไม่เกี่ยงงานครับ เจ้านายมอบหมายอะไร ไม่เคยเกี่ยง ไม่เคยโยนให้คนอื่น ถ้าทำได้ เราก็ได้ผลงาน
ถ้าทำไม่ได้ เราก็เอาปัญหามาปรึกษาเจ้านายเพื่อหาวิธีการที่จะทำให้ได้ เป็นต้นครับ
2.Mr.Volunteer
มีงานอะไรในแผนก ที่เป็นงานเทาๆ งานกลางๆ ไม่มีผู้รับผิดชอบโดยตรง ผมมักจะเข้าไปอาสาทำ
บางคนอาจจะมองว่า เอาหน้า บางคนอาจจะมองว่าไม่ฉลาดนัก หางานใส่ตัวทำไม ไม่มีใครอยากเหนื่อย
แต่รู้ไหมครับ สิ่งที่ผมได้คือ ผมเก่งขึ้น และเป็นคนที่รู้เรื่องเยอะที่สุดในแผนก หัวหน้าก็ไว้วางใจ เชื่อใจ
และให้ความสำคัญกับเราครับ
3.Mr.Presentation
เราทำอะไร เรามีผลงานอะไร มีไอเดียอะไร ก็นำเสนอครับ ไม่ใช่ในห้องประชุมนั่งนิ่ง แต่ออกมาเก่งข้างนอก
แบบนี้ไม่มีประโยชน์ การหัดคิดและทำให้เป็นระบบ มีขั้นตอน มีการนำเสนอที่ชัดเจน ตรงประเด็น ไม่น้ำลาย
จะทำให้เราและทีมงานทำงานได้ง่ายขึ้น
4.Mr.Polite
คนทำงานที่น่ารัก และได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน มักจะเป็นคนสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน และให้
เกียรติผู้ที่อาวุโสกว่า ไม่ว่าจะเป็นคนที่ตำแหน่งสูงกว่า เท่ากัน หรือต่ำกว่าเรา แต่การทำสิ่งเหล่านี้ต้องออกมา
จากใจ คนแสแสร้งแกล้งทำดี หลายคนเขาดูออก และรู้ทัน
5.Mr.Trainer
ผมมีความรู้อะไร ผมไม่เคยกั๊ก ไม่เคยกลัวว่าตัวเองจะหมดความสำคัญ มีอะไรผมถ่ายทอดให้น้องๆ หมด
เมื่อน้องๆ เก่งแล้ว ทีมเราแข็งแกร่ง ผลที่ตามมาคือ น้องๆ จะช่วยดันเราอีกทาง เราเหนื่อยน้อยลง
และได้เอาเวลาไปทำอะไรที่ยากขึ้น
เอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ขอไปเข้ายิมก่อน (รออ่านความคิดเห็นของทุกท่าน อยู่นะครับ)
มนุษย์เงินเดือน ใครอยากก้าวหน้าในการทำงาน เชิญทางนี้ (มาช่วยกันแชร์)
แต่ก็ถืว่ามีควาเจริญก้าวหน้าตามโอกาสครับ ดังนั้นในวันนี้ผมจะขอแชร์วิธีการในการทำงานของผม
รวมถึงเชิญท่านทั้งหลายใมาร่วมกันแสดงความคิดเห็นด้วยครับ
ตัวผมเองอายุ 30 ต้นๆ ทำงานมาเกือบ 10 ปี เรียนจบชั้นปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง (ไม่ดัง)
ทำงานในบริษัทเอกชน (งานโรงงาน) แห่งหนึ่ง โดยคำว่ามีความก้าวหน้าของผม อธิบายได้ดังนี้
1.ผมได้ Promote เป็นระดับหัวหน้างานคนแรก ในกลุ่มพนักงานที่มีประสบการณ์และอายุเท่าๆกัน
(ภาษาบ้านๆ คือ โตเร็วกว่าคนอื่น)
2.การประเมินผลงานประจำปี โดยเฉลี่ยแล้ว ผมจะได้การประเมิน S, A ทุกปี (มีเกรด S,A,B,C,D)
ซึ่งมีผลต่อการขึ้นเงินเดือนครับ เช่น แต่ละปีเฉลี่ยนขึ้นเงินเดือนสำหรับเกรด B ที่ 10% คนที่ได้ S, A
จะได้ 12% และ 11% ตามลำดับ และคนที่ได้ C,D จะได้ 9% และ 8% ตามลำดับ
ดังนั้นมายความว่า เงินเดือนผมจะทิ้งห่างเพื่อนร่วมงานคนอื่นทุกปี ปีละ 1-2% (ปีละประมาณ 1,000)
3.โบนัสประจำปี ก็จะสอดคล้องกับผลการประเมินการทำงานเช่นกัน ซึ่งจะจ่ายปีละ 1 ครั้งในเดือนธันวาคม
เฉลี่ยปีละ 5 เดือน (คนที่ได้ B,C,D ได้เท่ากันที่ 5 เดือน ส่วนคนที่ได้ S,A ได้ 7 และ 6 เดือน ตามลำดับ)
ดังนั้นความสำเร็จของผมในจุดนี้คือด้านตำแหน่งหน้าที่ และรายได้
ส่วนวิธีการทำงานของผมมีดังนี้ครับ
1.Mr.Yes Man
ในที่นี้คือ ไม่เกี่ยงงานครับ เจ้านายมอบหมายอะไร ไม่เคยเกี่ยง ไม่เคยโยนให้คนอื่น ถ้าทำได้ เราก็ได้ผลงาน
ถ้าทำไม่ได้ เราก็เอาปัญหามาปรึกษาเจ้านายเพื่อหาวิธีการที่จะทำให้ได้ เป็นต้นครับ
2.Mr.Volunteer
มีงานอะไรในแผนก ที่เป็นงานเทาๆ งานกลางๆ ไม่มีผู้รับผิดชอบโดยตรง ผมมักจะเข้าไปอาสาทำ
บางคนอาจจะมองว่า เอาหน้า บางคนอาจจะมองว่าไม่ฉลาดนัก หางานใส่ตัวทำไม ไม่มีใครอยากเหนื่อย
แต่รู้ไหมครับ สิ่งที่ผมได้คือ ผมเก่งขึ้น และเป็นคนที่รู้เรื่องเยอะที่สุดในแผนก หัวหน้าก็ไว้วางใจ เชื่อใจ
และให้ความสำคัญกับเราครับ
3.Mr.Presentation
เราทำอะไร เรามีผลงานอะไร มีไอเดียอะไร ก็นำเสนอครับ ไม่ใช่ในห้องประชุมนั่งนิ่ง แต่ออกมาเก่งข้างนอก
แบบนี้ไม่มีประโยชน์ การหัดคิดและทำให้เป็นระบบ มีขั้นตอน มีการนำเสนอที่ชัดเจน ตรงประเด็น ไม่น้ำลาย
จะทำให้เราและทีมงานทำงานได้ง่ายขึ้น
4.Mr.Polite
คนทำงานที่น่ารัก และได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน มักจะเป็นคนสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน และให้
เกียรติผู้ที่อาวุโสกว่า ไม่ว่าจะเป็นคนที่ตำแหน่งสูงกว่า เท่ากัน หรือต่ำกว่าเรา แต่การทำสิ่งเหล่านี้ต้องออกมา
จากใจ คนแสแสร้งแกล้งทำดี หลายคนเขาดูออก และรู้ทัน
5.Mr.Trainer
ผมมีความรู้อะไร ผมไม่เคยกั๊ก ไม่เคยกลัวว่าตัวเองจะหมดความสำคัญ มีอะไรผมถ่ายทอดให้น้องๆ หมด
เมื่อน้องๆ เก่งแล้ว ทีมเราแข็งแกร่ง ผลที่ตามมาคือ น้องๆ จะช่วยดันเราอีกทาง เราเหนื่อยน้อยลง
และได้เอาเวลาไปทำอะไรที่ยากขึ้น
เอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ขอไปเข้ายิมก่อน (รออ่านความคิดเห็นของทุกท่าน อยู่นะครับ)