





ความจริงเก็บภาพข้างล่างมาสองอาทิตย์แล้ว พอดีมีหลายเหตุการณ์มาให้ครุ่นคิด
เป็นบทสนทนาของสามีภรรยา ในละครฮิตวันเสาร์อาทิตย์ หลังรายการทุบโต๊ะข่าวของช่อง 34
คนอื่นอาจจะสนใจประเด็นอื่นๆในละคร ส่วนผมกลับสะดุดใจกับที่ตัวละครโต้ตอบกันในภาพประกอบ
จนต้องดูซ้ำหลายๆรอบ
https://www.youtube.com/watch?v=ZSqhe7rT40I

ตามเนื้อเรื่อง ภรรยาลาออกจากงานเลขานุการบริษัทชั้นนำ มาเป็นแม่บ้าน ดูแลลูกและสามีมา 14 ปี
พอถึงคราวจะกลับไปทำงานอีกครั้ง ก็เป็นเรื่องยากแล้ว ไปบริษัทแรกเขาก็นินทาลับหลังว่า
ออกจากงานไปตั้งนาน จะกลับมาทำงานได้หรือ เด็กใหม่ๆไฟแรงมีให้เลือกเยอะแยะ
ไหนจะเจอแรงกดดันจากสามีที่ไม่เห็นด้วย อีกทั้งภรรยาไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูงที่เก่งมากๆ ใครๆก็ต้องการตัวโดยไม่มีวัยเกษียณ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พอกลับมาถามตัวเองว่า จริงๆแล้ว ที่มาลงทุนหุ้น เพื่อสร้างรายได้เพียงอย่างเดียวจนถึงตอนนี้
มันเป็นชีวิตที่มีทางเลือกหรือไม่
ตอบตัวเองตามตรงก็คือ
"มันไม่มีทางเลือกแล้ว" เพราะเราเลือกเป็นแบบทุกวันนี้มาเกือบสามสิบปี
ตั้งแต่วัยทำงาน จนถึงวัยที่คนต้องลุกให้นั่งตรงเก้าอี้เฉพาะบุคคล บนรถไฟฟ้า
ทำเป็นจริงๆ แค่ค้าขายอยู่กับพ่อเท่านั้น
ไม่เคยเป็นลูกจ้างใคร และก็ไม่เคยเป็นเจ้านายใครเช่นกัน
แล้วมีงานอะไรที่เราจะทำหาเลี้ยงชีพได้นอกจากตลาดหุ้น ถ้ายังใช้จ่ายเงินเท่าปัจจุบันนี้ ?
คำตอบตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของตัวเองในตอนนี้ก็คือ "ไม่มีเลย"
ดังนั้น เมื่อชีวิตไม่มีทางเลือก เราก็ต้องบริหารจัดการกับชีวิตที่ไม่มีทางเลือกให้ดีที่สุดทำที่เราจะทำได้
นั้นเป็นเหตุผลที่ทำไม ผมจึงต้องเลือกถือหุ้น และขายหุ้นตามความคิดเห็นนี้
ความคิดเห็นที่ 53
https://pantip.com/topic/39213771/comment53
คิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมต้องบริหารจัดการให้ได้ในตอนนี้คือ
1 เงินจริงที่ ชักออกจากตลาดหุ้นไปแล้ว
ก. จะไม่สร้างหนี้เพื่อการบริโภค บัตรเครดิตที่มีอยู่ใบเดียว มีบางเดือนจึงมียอดค่าใช้จ่ายเป็น 0
*ข้อมูลการใชับัตร ปี 2018

ข. ถ้ารายได้เริ่มทำท่าจะน้อยกว่ารายจ่าย และยังหาทางเพิ่มไม่ได้ ต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงมาให้ได้
อย่างเช่น เคยซื้อกินทุกมื้อ ก็ต้องซื้อของถูกๆ แต่มีคุณค่าทางโภชนาการมากินแทนของแพงๆ เป็นต้น
ค. เรื่องสุขภาพร่างกายสำคัญมากๆ ต้องระวังอาหารการกิน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
อย่าให้มีเรื่องเครียดจากแหล่งรายได้หลักของเรา
มันจะส่งผลต่อสุขภาพกายในที่สุด จนป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ที่จะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาเรื้อรังตามไปด้วย
ง. กระจายความเสี่ยงถือหลากหลายแหล่งรายได้
อะไรที่คิดว่าเสี่ยงน้อยที่สุด มันก็ยังเสี่ยง จากกฏเกณฑ์ที่เปลี่ยนไป
ปีหน้า สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ค้ำประกันเงินฝากแค่หนึ่งล้านต่อหนึ่งสถาบันการเงินที่คุ้มครอง
2 เงินมายาในพอร์ตหุ้น สามารถสร้างเงินจริงจากเงินปันผลได้เท่าไร
ปีนี้ถือว่าเริ่มปริ่มๆน้ำแล้ว จากการที่ชักเงินจริงบางส่วนออกจากหุ้น และหุ้นที่ถือจ่ายเงินปันผลน้อยลง
แถมบางตัว อาจจะมีโอกาสไม่จ่ายเงินปันผลในปีหน้า จึงต้องหาทางเปลี่ยนหุ้นแบบเทียบ พีอี พีบีวีและยีลด์ปันผล
.

.
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้ไปเดินดูงานตามภาพประกอบ ที่ชั้น 4 มาบุญครอง
เป็นงานที่มาจากผลพวงของ digital disruption

ของรับแจกจากการทำตามเงื่อนไขการแจก

ของซื้อ น้ำหอมระเหยวางตามที่ต่างๆ ขวดละ 250 บาท เอามาใช้แล้ว หอมดี

กลับมาบ้าน มาหาข้อมูลเกี่ยวกับงานคนข่าวมาขายของต่อ
ไปเจอบทความนี้เข้า
https://tonkit360.com/54039/
ผมชอบความคิดเห็นของคุณอนุสรา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอปิดท้ายกระทู้ด้วยคำถามว่า
การเดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นของเรา มันป็นชีวิตทีมีทางเลือกหรือไม่ เช่น
1. มีเงินสด มีสินทรัพย์สุทธิ สำหรับหนุนหลัง ชีวิตที่ไม่มีทางเลือกอยู่เท่าไร ?
2 อายุ
ถ้าพลาด จะเหลือเวลาให้แก้ไข แก้ตัวอีกกี่ปี ถ้าร่ำรวยจากตลาดหุ้น จะได้ใช้เงินไปอีกกี่ปี
3.ความรู้ความสามารถที่มีอยู่
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็ยังเป็นที่ต้องการ โดยไม่จำกัดวัยในการทำงาน ใช่หรือไม่
ผมทำห้า ส. ที่บ้าน ไปเจอแผ่นนี้มา เลยลองเอามาเปรียบเทียบดูว่า ความสามารถของเราคืออันไหน
ไอ้ที่เห็นเป็นแผ่นใหญ่ๆ ที่แท้มันมีความสามารถน้อยกว่าไอ้แผ่นจิ๋วกี่หมื่นเท่า ?
4. ต้นทุนทางสังคม
สามี ภรรยา ลูก พ่อแม่พี่น้อง หรือแม้แต่สภาพร่างกายของตัวเอง มันเป็นภาระ หรือ เป็นตัวช่วย เป็นหลักให้พึ่งพาได้ ?

ชีวิตจริงคนเรา หวังได้แต่เวลาผิดหวัง อย่าให้มีอาการจนถึงขั้นซึมเศร้า
มันไม่ได้เป็นแบบของที่ธนชาตแจกให้หรอก ทำตัวทำใจถอยหลังบ้าง จะเป็นไรไป
.
ให้ชีวิตรู้จักถอยหลังบ้าง ในบางวัน
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ lifelong investor มันเป็นชีวิตที่ไม่มีทางเลือก ใช่หรือไม่ ?
ความจริงเก็บภาพข้างล่างมาสองอาทิตย์แล้ว พอดีมีหลายเหตุการณ์มาให้ครุ่นคิด
เป็นบทสนทนาของสามีภรรยา ในละครฮิตวันเสาร์อาทิตย์ หลังรายการทุบโต๊ะข่าวของช่อง 34
คนอื่นอาจจะสนใจประเด็นอื่นๆในละคร ส่วนผมกลับสะดุดใจกับที่ตัวละครโต้ตอบกันในภาพประกอบ
จนต้องดูซ้ำหลายๆรอบ
https://www.youtube.com/watch?v=ZSqhe7rT40I
ตามเนื้อเรื่อง ภรรยาลาออกจากงานเลขานุการบริษัทชั้นนำ มาเป็นแม่บ้าน ดูแลลูกและสามีมา 14 ปี
พอถึงคราวจะกลับไปทำงานอีกครั้ง ก็เป็นเรื่องยากแล้ว ไปบริษัทแรกเขาก็นินทาลับหลังว่า
ออกจากงานไปตั้งนาน จะกลับมาทำงานได้หรือ เด็กใหม่ๆไฟแรงมีให้เลือกเยอะแยะ
ไหนจะเจอแรงกดดันจากสามีที่ไม่เห็นด้วย อีกทั้งภรรยาไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูงที่เก่งมากๆ ใครๆก็ต้องการตัวโดยไม่มีวัยเกษียณ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พอกลับมาถามตัวเองว่า จริงๆแล้ว ที่มาลงทุนหุ้น เพื่อสร้างรายได้เพียงอย่างเดียวจนถึงตอนนี้
มันเป็นชีวิตที่มีทางเลือกหรือไม่
ตอบตัวเองตามตรงก็คือ
"มันไม่มีทางเลือกแล้ว" เพราะเราเลือกเป็นแบบทุกวันนี้มาเกือบสามสิบปี
ตั้งแต่วัยทำงาน จนถึงวัยที่คนต้องลุกให้นั่งตรงเก้าอี้เฉพาะบุคคล บนรถไฟฟ้า
ทำเป็นจริงๆ แค่ค้าขายอยู่กับพ่อเท่านั้น
ไม่เคยเป็นลูกจ้างใคร และก็ไม่เคยเป็นเจ้านายใครเช่นกัน
แล้วมีงานอะไรที่เราจะทำหาเลี้ยงชีพได้นอกจากตลาดหุ้น ถ้ายังใช้จ่ายเงินเท่าปัจจุบันนี้ ?
คำตอบตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของตัวเองในตอนนี้ก็คือ "ไม่มีเลย"
ดังนั้น เมื่อชีวิตไม่มีทางเลือก เราก็ต้องบริหารจัดการกับชีวิตที่ไม่มีทางเลือกให้ดีที่สุดทำที่เราจะทำได้
นั้นเป็นเหตุผลที่ทำไม ผมจึงต้องเลือกถือหุ้น และขายหุ้นตามความคิดเห็นนี้
ความคิดเห็นที่ 53
https://pantip.com/topic/39213771/comment53
คิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมต้องบริหารจัดการให้ได้ในตอนนี้คือ
*ข้อมูลการใชับัตร ปี 2018
ข. ถ้ารายได้เริ่มทำท่าจะน้อยกว่ารายจ่าย และยังหาทางเพิ่มไม่ได้ ต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงมาให้ได้
อย่างเช่น เคยซื้อกินทุกมื้อ ก็ต้องซื้อของถูกๆ แต่มีคุณค่าทางโภชนาการมากินแทนของแพงๆ เป็นต้น
ค. เรื่องสุขภาพร่างกายสำคัญมากๆ ต้องระวังอาหารการกิน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
อย่าให้มีเรื่องเครียดจากแหล่งรายได้หลักของเรา
มันจะส่งผลต่อสุขภาพกายในที่สุด จนป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ที่จะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาเรื้อรังตามไปด้วย
ง. กระจายความเสี่ยงถือหลากหลายแหล่งรายได้
อะไรที่คิดว่าเสี่ยงน้อยที่สุด มันก็ยังเสี่ยง จากกฏเกณฑ์ที่เปลี่ยนไป
ปีหน้า สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ค้ำประกันเงินฝากแค่หนึ่งล้านต่อหนึ่งสถาบันการเงินที่คุ้มครอง
แถมบางตัว อาจจะมีโอกาสไม่จ่ายเงินปันผลในปีหน้า จึงต้องหาทางเปลี่ยนหุ้นแบบเทียบ พีอี พีบีวีและยีลด์ปันผล
.
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้ไปเดินดูงานตามภาพประกอบ ที่ชั้น 4 มาบุญครอง
เป็นงานที่มาจากผลพวงของ digital disruption
ของรับแจกจากการทำตามเงื่อนไขการแจก
ของซื้อ น้ำหอมระเหยวางตามที่ต่างๆ ขวดละ 250 บาท เอามาใช้แล้ว หอมดี
กลับมาบ้าน มาหาข้อมูลเกี่ยวกับงานคนข่าวมาขายของต่อ
ไปเจอบทความนี้เข้า
https://tonkit360.com/54039/
ผมชอบความคิดเห็นของคุณอนุสรา
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอปิดท้ายกระทู้ด้วยคำถามว่า
การเดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นของเรา มันป็นชีวิตทีมีทางเลือกหรือไม่ เช่น
ผมทำห้า ส. ที่บ้าน ไปเจอแผ่นนี้มา เลยลองเอามาเปรียบเทียบดูว่า ความสามารถของเราคืออันไหน
ไอ้ที่เห็นเป็นแผ่นใหญ่ๆ ที่แท้มันมีความสามารถน้อยกว่าไอ้แผ่นจิ๋วกี่หมื่นเท่า ?
ชีวิตจริงคนเรา หวังได้แต่เวลาผิดหวัง อย่าให้มีอาการจนถึงขั้นซึมเศร้า
มันไม่ได้เป็นแบบของที่ธนชาตแจกให้หรอก ทำตัวทำใจถอยหลังบ้าง จะเป็นไรไป
.
ให้ชีวิตรู้จักถอยหลังบ้าง ในบางวัน