ยิ่งเราแก่ตัวลง เรายิ่งคร่ำครึ ยึดถือเอาอายุ ปสก. ความรู้ที่สั่งสมมา แบกไว้มากหรือเปล่าครับ

อย่างถ้าเราเป็นเด็ก ชุดข้อมูลยังน้อย โลกคือแหล่งค้น ศึกษา กรอบที่เอามาครอบเรายังไม่เยอะ เราพร้อมเปิดรับสิ่งต่างๆ ทุกอย่างที่เข้ามาแลดูแปลกใหม่ตื่นตาตื่นใจไปหมด

แต่พออายุมากขึ้น ผมเริ่มมาสำเหนียกตัวเอง ว่าถือเอาตัวตนของตัวเองเป็นตัวมอง ตัวตัดสิน ตัวกำหนดว่าสรรพสิ่งที่เข้ามา ว่าเป็น ว่ามี ว่าดี ว่าชั่ว จากทรรศนะของตนเอง

ส่วนตัวชี้วัด ก็คือประสบการณ์ พื้นความรู้ของเราที่สั่งสมมา บางเรื่องเปลี่ยนได้ แต่บางเรื่องไม่เปลี่ยน เพราะอาจเป็นไปได้ว่า เชื่อว่าเป็นอย่างนั้นสุดหัวจิตหัวใจ หรือรู้แล้วว่าที่ตัวเองรู้นั้นถูกต้องเที่ยงแท้ จนไม่เปลี่ยน เพราะไม่มีเหตุผลจะไปเปลี่ยนในสิ่งที่ตนรู้แจ้งแล้ว

หนำซ้ำเวลาเจอคนที่อ่อนวัยกว่า มักติดนิสัยชอบตัดสิน เพ่งโทษ ว่าคุณเป็นแบบนั้น แบบนี้ บางทีหลงคิดไปว่าตัวเองมีคุณวุฒิกว่า ด้วยวัย ด้วยการศึกษา เอาอัตตาของตนเป็นที่ตั้ง เพราะรู้ว่า คุณนั้นไม่รู้เท่าผม คุณนั้นรู้แบบผิดๆ ผมสิถูก คุณจะรู้ดีกว่าที่ผมรู้ได้ยังไง

ส่วนหนึ่งมันเป็นพิษต่อตัวเอง แต่อีกส่วนผมก็กลัวด้วยครับ กลัวเป็นคนคร่ำครึที่โดดเดี่ยว จำกัดตัวเองอยู่แค่ในโลกทัศน์ที่ตนเชื่อ ตนชอบ แย่หน่อยคือเป็นตัวตลกให้คนรุ่นใหม่เขาหัวเราะเยาะเอา แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันห้ามคนอื่นไม่ได้ อย่างดีเราก็ไม่ต้องแคร์คนอื่น

แต่ผมกลับมองกลับกัน ผมกลับอยากย้อนกลับไปแบบตอนเป็นเด็กอีก เพื่อที่จะซึมซับเอาทุกอย่าง ไม่พิพากษา ไม่ตัดสินอะไรเลย ยิ่งโดยเฉพาะคนต่างวัย คนรุ่นใหม่ เราควรยิ่งต้องเปิด เพื่ออย่างน้อยเราจะได้มองให้ได้แบบเขา อาจจะไม่สามารถเข้าใจเขาได้ 100 % แต่ก็ถือเป็นการเปิดรับแล้ว

เพราะผมเริ่มรู้สึกตัว เวลาที่พบปะผู้คน ตัวเรามีแต่จะคับแคบลง ยึดเอาชุดความคิดเก่า และปรับตัวตามคนใหม่ๆ ไม่ทัน ส่วนนึงเพราะความแก่ แต่อีกส่วนคืออัตตาที่พอกพูนในตัวเราเอง ทิฐิที่เราครอบตัวเราเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่