คุณคิดว่าการจราจรใน กทม บอกอะไรคุณ ?

[เกริ่นนำ]
 
      ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ปัจจุบันผมงานเป็นพนักงานออฟฟิตทำงานเกี่ยวกับ IT อยู่ในย่านเศรฐกิจตรงถนนเพชรบุรีติดกับอโศกแค่พูดก็ ฮุ้วว แล้วแหละครับ การจราจรตอนเช้าไม่ต้องพูดถึง ช่วง 7.00 - 8.30 นี่หนักมาก และอีกช่วงคือหลังเลิกงาน 16.30 - 20.00 อ่วมไม่แพ้กัน ถ้าฝนตกไม่ต้องพูดถึง ทั้งแฉะทั้งเปียก เพราะปัจจุบันผมใช้รถจักรยานยนต์ในการเดินทางเป็นส่วนใหญ่ครับ รถยนต์ก็มีแต่เอาไว้ขับต่างจังหวัดหรือกลับบ้านเท่านั้น ด้วยตัวตำแหน่งงานที่ผมทำมีความจำเป็นต้องวิ่งหาลูกค้า อาทิตย์นึงก็ หนึ่งครั้ง หรือ สองครั้งโดยประมาณ ซึ่งต้องบอกว่าผมวิ่งหาลูกค้าทั่ว กทม เลย เพราะฉะนั้นรถจักรยานยนต์คือตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผม ถึงจะร้อนหน่อย โดยคติผมคือ """ชอบสะดวกมากกว่าสบาย""" 

[เข้าเรื่อง] 

      เข้าเรื่องเลยเลยกัน ผมอยู่ใน กรุงเทพ """ชีวิตดีดีที่ลงตัว""" ประโยคนี้ทุกท่านอาจเคยเห็นตามสะพานลอยตามแยกไฟแดง เคยมีเอามาล้อเลียนกันมากมาย 555 ผมเองคือหนึ่งในนั้น บางครั้งก็สงสัยนะว่าทำไมทุกคนต้องเข้ามาทำงานใน กทม แต่พอเปิดเว็ปสมัครงาน แล้วลองเลือกตำแหน่ง และภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านเราก็แสดงให้เห็นว่า """ คุณไม่ได้ไปต่อถ้าคิดจะหางานทำในสายที่ตนเองเรียนมา """ ชัดเลยว่า คุณถูกบีบให้เข้ามาหางาน มาตั้งถิ่นฐาน ใน กทม ประเด็นที่ผมจะพูดก็คือปัจจุบัน ถนนของ กทม ในเขตตัวเมืองย่านเศรฐกิจต่างๆ มันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้รองรับปริมาณประชากรมากมายขนาดนี้ เลยเป็นที่มาของปัญหา หลายๆอย่าง เช่น รถติด,น้ำท่วม (รอระบาย) ปัญหาฝุ่นควัน และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ระบบขนส่งมวลชน รถสาธาณะ พวกสายตัวเลขทั้งหลายอายุขั้นต่ำก็ 10 ปี ระบบ รถไฟฟ้า ทั้งบนดิน ใต้ดิน มันไม่เพียงพอต่อการใช้งานในช่วงเวลาเร่งด่วนเลย ในปีแรกที่เข้ามาทำงานผมพักอยู่แถวๆย่านสุวรรณภูมิ ก็นั่งรถไฟฟ้ามาลงเพชรบุรีทุกวัน 1 ปี เจอปัญหารถไม่เพียงพอต่อการใช้งาน  ดับกลางทาง แอร์ไม่เย็น เสียแทบรายวัน จนต้องตัดสินใจซื้อรถจักรยานยนต์และขี่มาทำงานเพื่อหนีระบบขนสาธารณะ คำนวณรวมๆแล้วค่าเดินทาง ค่าพี่วิน ในแต่ละวัน มันสามารถผ่อนรถจักรยานยนต์ได้คันนึงเลย เดือนๆนึง 3000 นิดๆ เลยไม่ต้องลังเลเลยในการซื้อ 

[รถจักรยานยนต์]


     ต้องบอกก่อนว่า ผมแว๊นมาตั้งแต่ตอน ม.ต้น ม.ปลาย มหาลัย ( ขับใน ม ย่านคลอง 6 ) จึงทำให้มีทักษะการขี่รถประเภทนี้ค่อนข้างสูง ซึ่งต้องบอกว่าทักษะการขับรถจักรยานยนต์นั้นยากกว่ารถยนต์มาก ต้องมีในเรื่องของการทรงตัว การเบรคไม่ให้ประชั้นชิด ( รถผมมี ABS ) และจังหวะการตัดสินใจ ซึ่งยากและอันตรายมากตัดสินใจผิดนิดเดียว อาจจะลงไปนอนกลิ้งบนถนนได้เลย  ในหัวเรื่องด้านบนผมได้บอกไว้ว่าผมหนีระบบขนส่งสาธารณะมาซื้อรถจักรยานยนต์ส่วนตัว นั่นแหละครับ ช่วงแรกๆ 1-2 ปีแรกก็ดีนะครับ รถยนต์ติดแต่เราไปได้ วิ่งเลนกลาง แต่จริงๆก็ไม่ดีเท่าไหร่ครับ ค่อนข้างอันตราย แต่ให้ทำยังไงได้เลนซ้ายมันกลายเป็นที่จอดรถยนต์ - - * แต่หลังที่เริ่มมีการปิดเส้นทางการจราจร เพื่อสร้างรถไฟฟ้านั่นแหละ ประเด็นคือ พี่ครับ!!!! พี่ปิดพร้อมกันทุกสายเลย เส้นลาดพร้าว เส้นบางกระปิ ศรีนครินทร์ เส้นเกษตร (ใกล้เสร็จและ ) มันเลยทำให้การจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วนนั้น ติดหนักมากๆ ทุกๆวันนี้ผมพักแถวลาดพร้าวครับ เวลาเลิกงานก็ 17.30 ถึงห้อง 18.30 ระยะทาง 10 โล - -* รถ"""จักรยานยนต์นะ""" บางวันติดตรงเส้นลาดพร้าวหากจากซอยที่จะเข้า 20 นาที วิ่งเลนกลางไม่ได้ (ไม่ดีๆ)  ลองหันกลับมามองระบบขนส่งสาธาณะดูอีกซักรอบ ก็หนักกว่าเดิม เพราะคนที่เคยเอารถมาใช้ทำงาน ก็หันมานั่งรถสาธาณะแทน """รถไฟฟ้าเป็นรถอะไรที่คนเหมือนยุง หรือรถตุ๊กๆของลุงที่ดูสวยดี รถที่นั่งกับวินรถที่ไม่สนห้วงชีวิตของเรา  """  (บางราย)  ก็จะเจอปัญหาเดิมๆ รถไฟฟ้าคนแน่น แอลิ้งกันคิว เลยต้องกลับมาใช้สองล้อคู่ใจเหมือนเดิม 

[ต่างคนต่างความคิด] 


      ด้วยตำแหน่งหน้าทื่การงานอย่างที่ผมได้แจ้งไว้ตรงบทเกริ่นนำ คือต้องมีออกไปหาลูกค้าตามตึกต่างๆทั่ว กทม ปัญหาที่เจอก็เป็นเรื่องของวินัยในการขับขี่รถจักรยานยนต์ และรถยนต์ของเพื่อนร่วมท้องถนนเนี่ยแหละ คุณพี่รถยนต์ (บางคัน) ชอบตัดหน้า เปิดไฟเลี้ยวพร้อมกับการเลี้ยว - -* แต่ก็ยังดี บางรายไม่เปิดเลย ก็เบรคหัวทิ่มกันไป แต่ที่ตลกก็คือ จะมีโรค โรคหนึ่ง ผมเรียกว่า"""โรคเลี้ยวแล้วพุ่ง""" แล้วกัน แง่มๆ โรคนี้เจอทุกวันครับ ไม่รู้ทำไม ก็เข้าใจว่าช่วงเร่งด่วนหรือพี่รีบ แต่ในการที่เราจะยอมให้เข้ามาแทรกคันหรือสองคันมันก็ไม่ทำให้เราถึงที่หมายช้าลงนะครับ ผมกล้าพูดได้เลย เพราะผมเองก็ขับทั้งรถยนต์และก็ขี่ทั้งรถจักรยานยนต์ ผมจึงเห็นภาพการจราจรของทั้งสองยานพาหนะนี้ ยามที่อยู่บนท้องถนน และคนที่ขี่รถจักรยานยนต์ผมว่ามีไม่น้อยเลยนะที่เค้าจะมีรถยนต์แต่เลือกที่จะขี่รถสองล้อแทน (แบบผม) """ การเสียสละที่ยิ่งใหญ่""" นอกจากจะช่วยในเรื่องของเวลาแล้วค่าน้ำมันก็ถูกกว่ามาก ช่วยลดภาระไปได้เยอะ เอาเงินที่เหลือไป  """เที่ยวต่างจังหวัดได้อีก""" 

[ลองดูก็ไม่แย่]

     ผมเคยเข้าไปนั่งในร้านอาหารนะ เคยได้ยินพนักงานออฟฟิตกลุ่มนึงคุยกันเรื่องนำรถจักรยานยนต์ที่บ้านมาใช้ทำงานเพราะหนีการจราจรที่ติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วน และระบบขนส่งมวลชนที่ ...... "กูว่าจะเอารถที่บ้านมาขี่หว่ะ แต่กูขี่ไม่เป็น" ผมฟังแล้วรู้สึกเห็นใจเค้านะ เพราะการที่เราจะขี่รถสองล้อใน กทม นั้น ยิ่งถ้าขี่ไม่เป็นหรือเพิ่งหัดขี่นี่คือ ยากมากๆเลยแหละ ทั้งอันตรายจากรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ( เพื่อนร่วมทาง) และหลุมบ่อบนท้องถนน  แต่ถ้าเราตั้งใจจริงๆ ก็มีที่ฝึกขับนะครับ ลองหัดเล่นๆช่วงวันหยุด คอร์สเรียนก็มี หลักจากหัดขับพอคล่องก็ไปสอบใบขับขี่ หลังจากนั้นก็ แว๊นครับ หมวกกันน็อค เสื้อแจ็คเก็ต ถุงมือ เสื้อกันฝน ทั้งหมดนี่คุณจะไม่ต้องแบกเข้าไปที่ออฟฟิตนะครับ หากซื้อรถที่มี U-BOX  โดยทั้งหมดนี่เป็นสิ่งจำเป็นเวลาเราอยู่บนถนนที่แดด 80 องศาหรือฝนตก  - -*  ของแบบนี้ต้องลองครับ และสิ่งที่ต้องมีเวลาขี่รถจักรยานยนต์คือสติ การตัดสินใจ (สำคัญสุดๆ)  

[รัฐบาลไม่ถูกใจสิ่งนี้]

     เรียนตามตรงถ้าผมเป็น รมต คมนาคมมาอ่านก็คงไม่ชอบเท่าไหร่กับบทความนี้ เพราะดูจากเนื้อหารวมๆแล้วมีการเชื้อเชิญให้ไปขี่รถจักรยานยนต์แทนที่จะไปซื้อรถยนต์ที่ ได้ค่าภาษีจากการขาย นำเข้า บลาๆ ปล่อยมลพิษเยอะกว่า ค่าใช้จ่ายเยอะกว่าและค่ายรถยนต์รวมถึงพนักงานที่ทำงานบริษัทผลิตรถยนต์ที่ไม่ถูกใจเช่นเดียวกัน  แค่นี้ดีกว่าเนอะ เดี๋ยวยาว

[เอาที่สะดวก]


     สุดท้ายคงไม่ขอพูดอะไรมากครับ ต่างคนก็ต่างความคิด ผมไม่สามารถทำให้ทุกคนใน กทม มาใช้รถจักรยานยนต์ทั้งหมดได้ แค่ลองเสนอทางเลือกในมุมที่ผมคิดว่าสะดวก (สำหรับตัวผม) ที่เหลือก็เป็นเหตุผลของแต่ละบุคคลครับ อยู่ที่ท่านเลือกเลย อย่างที่บอกแหละครับ เอาที่สะดวก
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่