วันที่ 4 เม.ษ. ที่ผ่านมา ผมได้ตัดสินใจจอง รถ MG GS 1.5 TX สีส้มที่ศูนย์ที่ใกล้ๆบ้านที่วงศ์สว่าง พร้อมของแถม 19รายการ หนี่งในนั้นคือการเปลี่ยนเป็นเบาะหนังแท้ ด้วยความที่ว่า ผมต้องการที่จะออกรถก่อนวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ หลังจากทำสัญญาจองเสร็จ ทางเซลล์แนะนำว่าให้มัดจำเพิ่ม 30,000บาท เพื่อไปเร่งรัดในการติดตั้งเบาะหนังแท้ และใช้เป็นส่วนลดเพิ่มในวันชำระเงิน แต่หลักฐานการชำระเงินเพิ่มนี้ ยืนยันโดยเซลส์เท่านั้นผ่าน LINE
หลังจากนั้น วันรับรถได้ถูกเลื่อนมาตลอด อย่างน้อย 3-4 ครั้ง เนื่องจากของแถม 19 รายการติดตั้งไม่ครบ หรือติดตั้งอุปกรณ์เสริมในคุณสมบัติที่ด้อยกว่า จนถึงวันที่ 20 พ.ค. ผมได้เข้าไปตราจสอบรถก่อนวันรับรถ ได้พบว่ามีรอยบุบบนฝากระโปรงหน้าขวา จึงได้ปฏิเสธการรับรถ และขอให้เซลส์ หารถสีส้มคันใหม่ให้ แต่เซลส์ได้เสนอสีขาวเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง คันสีขาวที่ว่านี้ ผมได้เข้าไปดูภายหลัง พอว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมไปแล้ว ไม่ใช่เป็นรถใหม่จากโรงงาน ผมจึงได้ปฏิเสธไป
ในระหว่างนี้ เซลส์ได้แจ้งว่า อาจจะมีรถใหม่สีส้มอีกคันหนึ่ง แต่ในที่สุด วันที่ 16 มิ.ย. เซลส์ได้แจ้งว่าได้ลาออกจากการเป็นตัวแทนศูนย์แล้ว และได้สัญญาว่าจะคืนเงินทั้งหมด 30,000 โดยเร็ว ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี จึงได้พยามติดต่อศูนย์ แต่ไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ ผมจึงได้เข้าไปที่ศูนย์และได้พูดคุยกับพนักงาน จึงทราบว่า โทรศัพท์ที่ศูนย์ เสียมาหลายเดือนแล้ว ช่วงปลายเดือน มิ.ย. ผมได้นัดเข้าไปพูดคุยกับผู้จัดการศูนย์ เรื่องเงินมัดจำ 30,000 ที่ว่านี้ จึงทราบว่าเซลส์คนนี้ ได้ก่อเรื่องฉ้อโกงหลายเคสและได้ถูกไล่ออกไปแล้ว
ในระหว่างนี้ ผมได้คืนมา 8,000 บาท จากเซลส์ คงเหลือ 22,000 บาท หลังจากให้โอกาศเซลส์คนนี้มาระยะหนึ่ง และเชื่อว่ามีการบ่ายเบี่ยง เลื่อนเวลาในการคืนเงิน ให้เลยอายุความ 3 เดือน ผมได้ตัดสินใจเข้าไปพบผู้จัดการศูนย์ฯ วันที่ 13 ก.ค. เพื่อขอให้ศูนย์รับผิดชอบ และดำเนินคดีกับเซลส์คนนี้ พร้อมกับได้มอบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเซลส์ทั้งหมดกับผู้จัดการฯ เรื่องการรับผิดชอบนั้น ผมได้ให้ผู้จัดการฯหารถคันสีขาวคันใหม่ ซึ่งทางผู้จัดการฯได้โชว์ให้ดูรายการในสต็อกว่ายังมีอยู่หลายคัน ไม่ใช่คันที่จอดอยู่ที่โชว์รูม คันเดิมที่มีการติดตั้งอุปกรณ์และจอดมาหลายเดือนแล้ว หลังจากสรุปเรื่องอุปกรณ์ตกแต่งให้เท่าเทียมกับใบจองรถสีส้มแล้ว ผมได้นัดและเข้าไปดูรถคันสีขาว ซึ่งเชื่อว่าเป็นคันใหม่ ในวันที่ 17 ส.ค. ผมเข้าไปที่ศูนย์ จึงทราบว่ารถสีขาวดังเกล่าว เป็นรถสีขาวคันเดิม และไม่มีคันใหม่เหลือแล้ว โดยให้เหตุผลว่า รถที่ผลิตล็อตสุดท้าย มีความผิดพลาดเยอะ จึงได้ส่งกลับไปที่โรงงาน และรถคันสีขาวดังเกล่าวที่จอดมาหลายเดือน เป็นคันที่มีสภาพดีที่สุด ผมจึงตัดสินใจไม่รับ และขอให้ทางศูนย์คืนเงินมัดจำ รวมถึงเงินมัดจำอีก 22,000 บาทที่เกล่าวไว้ขั้นต้น
ผมได้ติดตามเรื่องคืนเงิน และ เรื่องดำเนินคดีกับเซลส์ มาตลอดกับผู้จัดการฯ หลายๆครั้ง ก็มีการบ่ายเบี่ยงมาตลอด เหมือนๆกับเคสของเซลส์ เพื่อที่จะให้คดีขาดอายุความ ล่าสุดทางผู้จัดการฯได้ตกลงนัด ให้ผมเข้าไปรับเช็คเงินคืนที่ศูนย์ฯช่วงเช้าในวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่พอไปถึง ผู้จัดการแจ้งว่าคืนไม่ได้ และขอให้ผมอยู่รอพูดคุยกับอีกท่านหนึ่งตอนบ่ายสอง ผมบอกว่าผมไม่คุย ถ้าจะคุย ก็ขอคุยกับเจ้าของศูนย์เท่านั้น หลังจากที่ไม่ได้รับข้อมูล ผมก็ออกไปสถานีตำรวจเพื่อจ้งความตอนช่วงบ่าย
หลังจากลงบันทึกเสร็จ ทางตำรรจได้แจ้งว่า ผมเองที่ผิดสัญญา ถ้าทางศูนย์มีรถให้ คันสีส้ม ผมต้องรับรถไปก่อน ส่วนข้อบกพร่องนั้น ผมต้องขอให้ศูนย์ไปซ่อมแซมหรือไปฟ้อง สคบ. เอา นี่ผมผิดหรือครับ?
ขอบคุณล่วงหน้าในคำแนะนำและข้อคิดเห็นครับ
ขอคำแนะนำและปรึกษาเรื่องการขอเงินจองฯคืน
หลังจากนั้น วันรับรถได้ถูกเลื่อนมาตลอด อย่างน้อย 3-4 ครั้ง เนื่องจากของแถม 19 รายการติดตั้งไม่ครบ หรือติดตั้งอุปกรณ์เสริมในคุณสมบัติที่ด้อยกว่า จนถึงวันที่ 20 พ.ค. ผมได้เข้าไปตราจสอบรถก่อนวันรับรถ ได้พบว่ามีรอยบุบบนฝากระโปรงหน้าขวา จึงได้ปฏิเสธการรับรถ และขอให้เซลส์ หารถสีส้มคันใหม่ให้ แต่เซลส์ได้เสนอสีขาวเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง คันสีขาวที่ว่านี้ ผมได้เข้าไปดูภายหลัง พอว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมไปแล้ว ไม่ใช่เป็นรถใหม่จากโรงงาน ผมจึงได้ปฏิเสธไป
ในระหว่างนี้ เซลส์ได้แจ้งว่า อาจจะมีรถใหม่สีส้มอีกคันหนึ่ง แต่ในที่สุด วันที่ 16 มิ.ย. เซลส์ได้แจ้งว่าได้ลาออกจากการเป็นตัวแทนศูนย์แล้ว และได้สัญญาว่าจะคืนเงินทั้งหมด 30,000 โดยเร็ว ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี จึงได้พยามติดต่อศูนย์ แต่ไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ ผมจึงได้เข้าไปที่ศูนย์และได้พูดคุยกับพนักงาน จึงทราบว่า โทรศัพท์ที่ศูนย์ เสียมาหลายเดือนแล้ว ช่วงปลายเดือน มิ.ย. ผมได้นัดเข้าไปพูดคุยกับผู้จัดการศูนย์ เรื่องเงินมัดจำ 30,000 ที่ว่านี้ จึงทราบว่าเซลส์คนนี้ ได้ก่อเรื่องฉ้อโกงหลายเคสและได้ถูกไล่ออกไปแล้ว
ในระหว่างนี้ ผมได้คืนมา 8,000 บาท จากเซลส์ คงเหลือ 22,000 บาท หลังจากให้โอกาศเซลส์คนนี้มาระยะหนึ่ง และเชื่อว่ามีการบ่ายเบี่ยง เลื่อนเวลาในการคืนเงิน ให้เลยอายุความ 3 เดือน ผมได้ตัดสินใจเข้าไปพบผู้จัดการศูนย์ฯ วันที่ 13 ก.ค. เพื่อขอให้ศูนย์รับผิดชอบ และดำเนินคดีกับเซลส์คนนี้ พร้อมกับได้มอบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเซลส์ทั้งหมดกับผู้จัดการฯ เรื่องการรับผิดชอบนั้น ผมได้ให้ผู้จัดการฯหารถคันสีขาวคันใหม่ ซึ่งทางผู้จัดการฯได้โชว์ให้ดูรายการในสต็อกว่ายังมีอยู่หลายคัน ไม่ใช่คันที่จอดอยู่ที่โชว์รูม คันเดิมที่มีการติดตั้งอุปกรณ์และจอดมาหลายเดือนแล้ว หลังจากสรุปเรื่องอุปกรณ์ตกแต่งให้เท่าเทียมกับใบจองรถสีส้มแล้ว ผมได้นัดและเข้าไปดูรถคันสีขาว ซึ่งเชื่อว่าเป็นคันใหม่ ในวันที่ 17 ส.ค. ผมเข้าไปที่ศูนย์ จึงทราบว่ารถสีขาวดังเกล่าว เป็นรถสีขาวคันเดิม และไม่มีคันใหม่เหลือแล้ว โดยให้เหตุผลว่า รถที่ผลิตล็อตสุดท้าย มีความผิดพลาดเยอะ จึงได้ส่งกลับไปที่โรงงาน และรถคันสีขาวดังเกล่าวที่จอดมาหลายเดือน เป็นคันที่มีสภาพดีที่สุด ผมจึงตัดสินใจไม่รับ และขอให้ทางศูนย์คืนเงินมัดจำ รวมถึงเงินมัดจำอีก 22,000 บาทที่เกล่าวไว้ขั้นต้น
ผมได้ติดตามเรื่องคืนเงิน และ เรื่องดำเนินคดีกับเซลส์ มาตลอดกับผู้จัดการฯ หลายๆครั้ง ก็มีการบ่ายเบี่ยงมาตลอด เหมือนๆกับเคสของเซลส์ เพื่อที่จะให้คดีขาดอายุความ ล่าสุดทางผู้จัดการฯได้ตกลงนัด ให้ผมเข้าไปรับเช็คเงินคืนที่ศูนย์ฯช่วงเช้าในวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่พอไปถึง ผู้จัดการแจ้งว่าคืนไม่ได้ และขอให้ผมอยู่รอพูดคุยกับอีกท่านหนึ่งตอนบ่ายสอง ผมบอกว่าผมไม่คุย ถ้าจะคุย ก็ขอคุยกับเจ้าของศูนย์เท่านั้น หลังจากที่ไม่ได้รับข้อมูล ผมก็ออกไปสถานีตำรวจเพื่อจ้งความตอนช่วงบ่าย
หลังจากลงบันทึกเสร็จ ทางตำรรจได้แจ้งว่า ผมเองที่ผิดสัญญา ถ้าทางศูนย์มีรถให้ คันสีส้ม ผมต้องรับรถไปก่อน ส่วนข้อบกพร่องนั้น ผมต้องขอให้ศูนย์ไปซ่อมแซมหรือไปฟ้อง สคบ. เอา นี่ผมผิดหรือครับ?
ขอบคุณล่วงหน้าในคำแนะนำและข้อคิดเห็นครับ