วัดนาป่าพง พระคึกฤทธิ์ โสตถิผโล พุทธวจน ศิษย์วัดนาป่าพง ความเห็นนี้เป็นเจตนาดี ต่อพวกท่านทั้งหลาย ควรอ่านและนำไปพิจารณา
ท้ายที่สุด ผู้ที่กระทำ และผู้ร่วมกระผิดทุกคน ควรจะ กราบขอขมาพระศาสดา และประกาศขอโทษ ในการกระทำผิด จากความเข้าใจผิดของตน ต่อพุทธศาสนิกชน ให้เผนแพร่ออกสู่สาธารณะ เหมือนกับเวลาที่ตนกระทำผิด
---- เป็นการกระทำผิดหลายประการ จากความเข้าใจผิด เห็นผิด และปฏิบัติผิด หลายประการ
ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และสร้างความแตกแยก แก่พุทธศาสนิกชน
ความจริง ความเข้าใจผิด ทำนอง นี้ แต่กระทำรุนแรงกว่า เคยมีมาแล้ว ซึ่งถูกดำเนินคดี ต่อมาทำผิดพระวินัย ปาราชิก ไป
พระภิกษุ ซึ่งเป็นสาวก ของพระศาสดา จะกระทำสิ่งใด ที่เกี่ยวเนื่อง กับพระศาสดา ที่เป็นที่เคารพสูงสุด ที่เป็นท่านผู้เป็นศาสดา ผู้ตั้งศาสนา นี้ ควรพิจารณาให้ี่ถ้วนอย่างสูงสุด
พระพุทธรูป สาธุชน จัดสร้างขึ้นเพื้อเป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธองค์ ที่เป็นครื่องระลึกถึง บูขา พระพุทธองค์
เมื่อคราวที่พระศาสดา ตรัสรู้แล้วใหม่ๆ มีนายพาณิชย์ 2 คน ได้เข้าถวายพัตราหาร และไดถึง พระพุทธ และพระธรรม เป็นสรณะ แล้วได้ขอพระกรุณา ที่จะได้สิ่งอ้นเป็นเครื่องระลึก บูชา ถึงพระพุทธองค์ ทรงได้มอบพระเกศา แก่นายพาณิชทั้งสองไว้ เป็นเครื่องระลึก เคารพ บูชา
ทรงให่ก่อพระเจดีย์ บรรจุพระธาตของพระอรหันตสาวก เพื่อให้มหาชนบูชา
การสร้างพระพุทธรูป หรือภาพ หรือสิ่งอื่นใด เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึง บูชา พระศาสดา จึงเป็นสิ่งสมควร
การกล่าวอ้างว่า ไม่มีที่ทรงตรัสแสดง เกี่ยวกับพระพุทธรูป จึงนำพระพุทธรูป ออกไปจากวัด เป็นการกล่าว แบบผู้ไม่ใช้ความคิดตามที่สมควรกระทำ
เป็นการกระทำ ผู้คิดผิด แล้วเขื่อผิดๆ และกระทำแบบเถรตรงตามความเขื่อที่ผิดของตน เป็นการกระทพ แบบสีลัพตปรามาส ที่กระทำสิ่งต่างๆด้วยความเข้าใจผิด ไม่รู้ไม่เข้าใจ ความมุ่งหมาย ของเรื่องนั้น อย่างแท้จริง
เพราะการสร้างเครื่องระลึกถึง พระพุทธองค์ ก็มีหลายแบบหลายประการ ผู้ใดกระทำด้วยความบริสุทธิ์ ใจ กระทำด้วยความเคารพบูชา ก็เป็นสิ่งที่กระทำได้ เช่น แต่เดิม เป็นรูปธรรมจักร เป็นรอยพระบาทจำลอง
และปัจจัยัน มี พระพุทธรูป และ รูปภาพพระศาสดา
และซึ่งในสำนักที่มีการกระทำนี้ ก็มีรูปภาพเจ้าสำนักจำนวนมาก ทีสำนักนี้ ก็ไม่เคยจะกล่าวถึง ว่า ไม่มีเรื่องรูปภาพ ในพระพุทธวจนะ ที่ต้องนำออกไป
ที่ต้องให้เหลือแต่หนังสือที่เป็นพระพุทธวจนะ (ซึ่งไม่มีในคำตรัส เข่นกัน)
ทำไม จึงเป็นเช่นนี้ ได้
แต่กับ สิ่งอันเป็นเครื่องระลึก บูชา ถึง พระพุทธองค์พระศาสดา ที่เป็นที่เคารพ บูชา สูงสุด
ผู้อยู่ในสำนักนี้ กับกระทำและถึงกับมีการประกาศ เผยแพร่ ภาพและข้อความที่เป็นความเข้าใจผิดของตนออกไปทั่วโลก เหมือนกัยเป็นการกระทำที่ถูกต้อง ดีงาม ที่ผู้อื่นควรทราบ และกระทำตาม
ซึ่งความจริงเป็นการกระทำผิด คิดผิด ซี่งเห็นได้ขัดเจนจากการที่มีภาพเจ้าสำนักแสดงอยู่ในสำนักหลายภาพ ทำไมจึงกระทำได้
และหากผู้กระทำจะได้คิดพิจารณาตามสิ่งที่ตนอ้างสักนิด ที่ผู้กระทำ ได้นำพระพุทธรูป ซึ่งเป็นเครื่องแสดงให้ระลึกถึง พระศาสดา ที่เป็นผู้ให้กำเนิดสภาวะแห่งพระสงฆ์ของตน เป็นท่านผู้ตรัสสอนพระธรรม ที่ตนอ้างถึง เป็นท่านผู้ควรเคารพบูชาสูงสุด
หากผู้กระทำ คิด และเชื่อ เช่นนั้น จริง
ก็ควรนำสิ่งของทั้งหมดที่ไม่มีที่ ทรงตรัสแสดงไว้ ออกจากสำนักตนไปให้หมดสิ้น
ทั้งหนังสือที่ไม่เคยทรงตรัสแสดงไว้ให้ใช้บันทึกพระธรรม คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก ระบบไฟฟ้าทั้งหมดที่มีในสำนัก รถยนต์ทั้งหมด และทั้งหมดทั้งสิ้นที่ไม่มีตาัสแสดงไว้ ออกจากสำนักตนให้หมดสิ้นไป
ผู้กระทำสมควร จะได้กราบขอขมา พระศาสดา
ในการกระทำสิ่งที่ไม่สมควร นี้และที่มีเผยแพร่ การกระนั้นไปสู่คนหมู่มาก อย่างมิสมควรเลย
การอ้างถึงพระพุทธพจน์ เหมือนการอ้างถึง คำต่างๆ ว่าเป็นคำแต่งใหม่ ไม่มีพระพุทธพจน์ เป็นการอ้างแบบผู้ไม่ใช้ความคิด เพียงแต่เห็นว่า ตัวอักษรไม่ตรงกันเท่านั้น
ไม่เคยได้พิจารณาว่า ว่า หากคำพูดนั้น มีความหมาย มีหลักการ มีเนื้อหา อรรถะ กับพระธรรมที่ทรงตรัส หรือไม่
หากมีความหมาย หลัการ เนื้อหาและอรรถะ ตรงกับพระธรรมที่ทรงตรัส ย่อมเป็นคำกล่าวที่ถูกต้อง มีประโยชน์
เหมือนคำกล่าวของท่านพระอัสสชิ ที่แสดงให้ปริพาชกสารีบุตรฟัง แล้วได้บรรลุธรรม ได้ดวงตาเห็นธรรม ว่า
" ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรม
เหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติทรงสั่งสอนอย่างนี้.
"
ซึ่งเป็น คำกล่าว ของท่านพระอัสสชิเอง แต่เนื้อหาของคำกล่าว ตรงหลักการ สาระ อรรถะ กับพระธรรม ของพระศาสดา และทำให้ ปริพาชกสารีบุตร และ ปริพาชกโมคคัลลานะ บรรลุโสดาบัน และต่อมาได้บรรพชา และ พระศาสดาทรงตั้งให้เป็นอัครสาวก ขวา ซ้าย
การอ้างแบบเถรตรง แบบสีลัพตปรามาส ทียึดแต่รูปแบบ แต่ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง นี้ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมควร ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ความความเข้าใจผิดและการกระทำผิดนี้ สร้างความแตกแยก ไม่ลงรอยกันในหมู่ชาวพุทธ ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรให้มีขึ้น จากความเข้าใจผิดๆ นี้
ความเห็นนี้ มีขึ้นเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด ที่มีการอ้างพระพุทธวจนะ อย่างไม่ถูกต้อง ไม่ตรงความหมาย ไม่ตรงวัตถุประสงค์
ของผู้ที่ไม่เข้าใจอย่างถูกต้อง สมควร จะได้แก้ไขความเห็นผิดของตน รู้จักใช้ความคิดพิจารณาสิ่งที่ตนจะกระทำ จะอ้างพระพุทธวจนะ ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ตรงความหมาย ตรงวัตถุที่ถูกต้อง ต่อไป
หยุดความคิดอันมัวเมา จากความเข้าใจผิด หยุดการกระทำที่มัวเมา จากความคิด ความเชื่อที่ผิด ของตน
ทั้งการกระทำที่กล้ากระทำต่อสิ่งที่ควรเคารพบูชาสูงสุด โดยไม่มีสติรู้ตัว ไม่มีความคิดพิจารณาถึง
ความยำเกรง และความเคารพ บูชา ต่อพระศาสดา
แต่ กลับไม่คิดสักนิด
ที่ จะคิดเปรียบเทียบ พิจารณา กับสิ่งอื่นที่มีลักษณะเหมือนกัน ที่ตนเห็นอยู่ มีอยู่
ท้ายที่สุด ผู้ที่กระทำ และผู้ร่วมกระผิดทุกคน ควรจะ กราบขอขมาพระศาสดา และประกาศขอโทษ ในการกระทำผิด จากความเข้าใจผิดของตน ต่อพุทธศาสนิกชน ให้เผนแพร่ออกสู่สาธารณะ เหมือนกับเวลาที่ตนกระทำผิด
Cr. วงกลม
อ่านเพิ่มเติม. https://pantip.com/topic/39166850/comment4
วัดนาป่าพง พระคึกฤทธิ์ โสตถิผโล พุทธวจน ศิษย์วัดนาป่าพง ความเห็นนี้เป็นเจตนาดี ต่อพวกท่านทั้งหลาย ควรอ่านและนำไปพิจารณา
---- เป็นการกระทำผิดหลายประการ จากความเข้าใจผิด เห็นผิด และปฏิบัติผิด หลายประการ
ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และสร้างความแตกแยก แก่พุทธศาสนิกชน
ความจริง ความเข้าใจผิด ทำนอง นี้ แต่กระทำรุนแรงกว่า เคยมีมาแล้ว ซึ่งถูกดำเนินคดี ต่อมาทำผิดพระวินัย ปาราชิก ไป
พระภิกษุ ซึ่งเป็นสาวก ของพระศาสดา จะกระทำสิ่งใด ที่เกี่ยวเนื่อง กับพระศาสดา ที่เป็นที่เคารพสูงสุด ที่เป็นท่านผู้เป็นศาสดา ผู้ตั้งศาสนา นี้ ควรพิจารณาให้ี่ถ้วนอย่างสูงสุด
พระพุทธรูป สาธุชน จัดสร้างขึ้นเพื้อเป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธองค์ ที่เป็นครื่องระลึกถึง บูขา พระพุทธองค์
เมื่อคราวที่พระศาสดา ตรัสรู้แล้วใหม่ๆ มีนายพาณิชย์ 2 คน ได้เข้าถวายพัตราหาร และไดถึง พระพุทธ และพระธรรม เป็นสรณะ แล้วได้ขอพระกรุณา ที่จะได้สิ่งอ้นเป็นเครื่องระลึก บูชา ถึงพระพุทธองค์ ทรงได้มอบพระเกศา แก่นายพาณิชทั้งสองไว้ เป็นเครื่องระลึก เคารพ บูชา
ทรงให่ก่อพระเจดีย์ บรรจุพระธาตของพระอรหันตสาวก เพื่อให้มหาชนบูชา
การสร้างพระพุทธรูป หรือภาพ หรือสิ่งอื่นใด เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึง บูชา พระศาสดา จึงเป็นสิ่งสมควร
การกล่าวอ้างว่า ไม่มีที่ทรงตรัสแสดง เกี่ยวกับพระพุทธรูป จึงนำพระพุทธรูป ออกไปจากวัด เป็นการกล่าว แบบผู้ไม่ใช้ความคิดตามที่สมควรกระทำ
เป็นการกระทำ ผู้คิดผิด แล้วเขื่อผิดๆ และกระทำแบบเถรตรงตามความเขื่อที่ผิดของตน เป็นการกระทพ แบบสีลัพตปรามาส ที่กระทำสิ่งต่างๆด้วยความเข้าใจผิด ไม่รู้ไม่เข้าใจ ความมุ่งหมาย ของเรื่องนั้น อย่างแท้จริง
เพราะการสร้างเครื่องระลึกถึง พระพุทธองค์ ก็มีหลายแบบหลายประการ ผู้ใดกระทำด้วยความบริสุทธิ์ ใจ กระทำด้วยความเคารพบูชา ก็เป็นสิ่งที่กระทำได้ เช่น แต่เดิม เป็นรูปธรรมจักร เป็นรอยพระบาทจำลอง
และปัจจัยัน มี พระพุทธรูป และ รูปภาพพระศาสดา
และซึ่งในสำนักที่มีการกระทำนี้ ก็มีรูปภาพเจ้าสำนักจำนวนมาก ทีสำนักนี้ ก็ไม่เคยจะกล่าวถึง ว่า ไม่มีเรื่องรูปภาพ ในพระพุทธวจนะ ที่ต้องนำออกไป
ที่ต้องให้เหลือแต่หนังสือที่เป็นพระพุทธวจนะ (ซึ่งไม่มีในคำตรัส เข่นกัน)
ทำไม จึงเป็นเช่นนี้ ได้
แต่กับ สิ่งอันเป็นเครื่องระลึก บูชา ถึง พระพุทธองค์พระศาสดา ที่เป็นที่เคารพ บูชา สูงสุด
ผู้อยู่ในสำนักนี้ กับกระทำและถึงกับมีการประกาศ เผยแพร่ ภาพและข้อความที่เป็นความเข้าใจผิดของตนออกไปทั่วโลก เหมือนกัยเป็นการกระทำที่ถูกต้อง ดีงาม ที่ผู้อื่นควรทราบ และกระทำตาม
ซึ่งความจริงเป็นการกระทำผิด คิดผิด ซี่งเห็นได้ขัดเจนจากการที่มีภาพเจ้าสำนักแสดงอยู่ในสำนักหลายภาพ ทำไมจึงกระทำได้
และหากผู้กระทำจะได้คิดพิจารณาตามสิ่งที่ตนอ้างสักนิด ที่ผู้กระทำ ได้นำพระพุทธรูป ซึ่งเป็นเครื่องแสดงให้ระลึกถึง พระศาสดา ที่เป็นผู้ให้กำเนิดสภาวะแห่งพระสงฆ์ของตน เป็นท่านผู้ตรัสสอนพระธรรม ที่ตนอ้างถึง เป็นท่านผู้ควรเคารพบูชาสูงสุด
หากผู้กระทำ คิด และเชื่อ เช่นนั้น จริง
ก็ควรนำสิ่งของทั้งหมดที่ไม่มีที่ ทรงตรัสแสดงไว้ ออกจากสำนักตนไปให้หมดสิ้น
ทั้งหนังสือที่ไม่เคยทรงตรัสแสดงไว้ให้ใช้บันทึกพระธรรม คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก ระบบไฟฟ้าทั้งหมดที่มีในสำนัก รถยนต์ทั้งหมด และทั้งหมดทั้งสิ้นที่ไม่มีตาัสแสดงไว้ ออกจากสำนักตนให้หมดสิ้นไป
ผู้กระทำสมควร จะได้กราบขอขมา พระศาสดา
ในการกระทำสิ่งที่ไม่สมควร นี้และที่มีเผยแพร่ การกระนั้นไปสู่คนหมู่มาก อย่างมิสมควรเลย
การอ้างถึงพระพุทธพจน์ เหมือนการอ้างถึง คำต่างๆ ว่าเป็นคำแต่งใหม่ ไม่มีพระพุทธพจน์ เป็นการอ้างแบบผู้ไม่ใช้ความคิด เพียงแต่เห็นว่า ตัวอักษรไม่ตรงกันเท่านั้น
ไม่เคยได้พิจารณาว่า ว่า หากคำพูดนั้น มีความหมาย มีหลักการ มีเนื้อหา อรรถะ กับพระธรรมที่ทรงตรัส หรือไม่
หากมีความหมาย หลัการ เนื้อหาและอรรถะ ตรงกับพระธรรมที่ทรงตรัส ย่อมเป็นคำกล่าวที่ถูกต้อง มีประโยชน์
เหมือนคำกล่าวของท่านพระอัสสชิ ที่แสดงให้ปริพาชกสารีบุตรฟัง แล้วได้บรรลุธรรม ได้ดวงตาเห็นธรรม ว่า
" ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรม
เหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติทรงสั่งสอนอย่างนี้.
"
ซึ่งเป็น คำกล่าว ของท่านพระอัสสชิเอง แต่เนื้อหาของคำกล่าว ตรงหลักการ สาระ อรรถะ กับพระธรรม ของพระศาสดา และทำให้ ปริพาชกสารีบุตร และ ปริพาชกโมคคัลลานะ บรรลุโสดาบัน และต่อมาได้บรรพชา และ พระศาสดาทรงตั้งให้เป็นอัครสาวก ขวา ซ้าย
การอ้างแบบเถรตรง แบบสีลัพตปรามาส ทียึดแต่รูปแบบ แต่ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง นี้ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมควร ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ความความเข้าใจผิดและการกระทำผิดนี้ สร้างความแตกแยก ไม่ลงรอยกันในหมู่ชาวพุทธ ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรให้มีขึ้น จากความเข้าใจผิดๆ นี้
ความเห็นนี้ มีขึ้นเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด ที่มีการอ้างพระพุทธวจนะ อย่างไม่ถูกต้อง ไม่ตรงความหมาย ไม่ตรงวัตถุประสงค์
ของผู้ที่ไม่เข้าใจอย่างถูกต้อง สมควร จะได้แก้ไขความเห็นผิดของตน รู้จักใช้ความคิดพิจารณาสิ่งที่ตนจะกระทำ จะอ้างพระพุทธวจนะ ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ตรงความหมาย ตรงวัตถุที่ถูกต้อง ต่อไป
หยุดความคิดอันมัวเมา จากความเข้าใจผิด หยุดการกระทำที่มัวเมา จากความคิด ความเชื่อที่ผิด ของตน
ทั้งการกระทำที่กล้ากระทำต่อสิ่งที่ควรเคารพบูชาสูงสุด โดยไม่มีสติรู้ตัว ไม่มีความคิดพิจารณาถึง
ความยำเกรง และความเคารพ บูชา ต่อพระศาสดา
แต่ กลับไม่คิดสักนิด
ที่ จะคิดเปรียบเทียบ พิจารณา กับสิ่งอื่นที่มีลักษณะเหมือนกัน ที่ตนเห็นอยู่ มีอยู่
ท้ายที่สุด ผู้ที่กระทำ และผู้ร่วมกระผิดทุกคน ควรจะ กราบขอขมาพระศาสดา และประกาศขอโทษ ในการกระทำผิด จากความเข้าใจผิดของตน ต่อพุทธศาสนิกชน ให้เผนแพร่ออกสู่สาธารณะ เหมือนกับเวลาที่ตนกระทำผิด
Cr. วงกลม
อ่านเพิ่มเติม. https://pantip.com/topic/39166850/comment4