คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 21
พี่มีประสบการณ์เหมือนน้องมานิดหน่อย ไม่กี่ปี ... พี่ว่า ... น้องทนให้ได้ซักปี พอมีโอกาสเหมาะ ก็ค่อยย้ายไปสาย AIS ก็ได้นะ ... ที่บอกให้ทน เพื่อ
1) ให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้ ในสายงานตรวจสอบนี้ก่อน เพราะการเป็น external audit ใน Big 4 มันคือตัวการันตี การทำงานที่ได้มาตรฐาน (ทางการบัญชี)ในระดับที่คนส่วนใหญ่ ให้การยอมรับ ... ได้เริ่มจากสิ่งที่ดูเหมือนจะถูกต้องที่สุดก่อน เป็น profession มากที่สุดก่อน มันจะหล่อหลอมสิ่งที่ดีให้กับตัวน้องไปตลอด ติดเป็น perception เลยก็ว่าได้
2) เอา business knowledge มาให้ได้ ไปตรวจให้เข้าใจธุรกิจเขาจริงๆ ถ้าอยากใช้หัวคิด ให้ลองสังเกตจาก หลายๆ กิจการที่ไปตรวจมา ว่าทำไม ถึงตรวจในเนื้อหา สาระที่แตกต่างกัน ให้ลองใช้หัวคิดดูว่า ถ้าสมมติ ไม่มี working papers จากรุ่นพี่ เป็นเรา เราจะตรวจมันยังไง ให้ได้บทสรุปคร่าวๆ ง่ายๆ ว่า มันเสี่ยง รึไม่เสี่ยง ส่งผลกระทบ หรือไม่ส่งผลกระทบต่อรายการอะไร ในงบการเงิน (ลองคิดเล่นๆ ดู)
3) ให้ฝึกใช้ professional judgement ได้จริงๆ ยังไง น้องออก job น้องก็น่าจะได้ยินเรื่องเล่าจากรุ่นพี่มาว่า job ไหนเน่า job ไหน ไม่เน่า นั่นแหละ เริ่มจากตรงนี้ ไปดูซิว่าเขา evaluate มันยังไง ที่บอกเน่า คือเน่ายังไง ที่บอกสะอาดคือ สะอาดยังไง แล้วถ้าเป็นน้องๆ จะวางแผนตรวจสอบมันยังไง อยากรู้อะไร รู้ไปทำไม เพื่ออะไร แล้วจะนำเสนอมันยังไง แก้ไขยังไง Hello!
4) ถ้าน้องชอบ case การที่น้องออกไปตรวจ มันก็คือ case scenario นึงๆ นั่นแหละ ที่ต้องใช้ skepticism ตลอด ยังไง ... อย่างเช่น เจอลูกค้า re-state งบการเงินจาก misstatement ของปีที่แล้ว เคยเจอมั้ย เจอแล้วได้ความรู้อะไร ทำไม ที่อื่นไม่โดน ทำไมที่นี่โดน ลูกค้าทำ currency swap ลูกค้าทำ buy-outs ลูกค้าทำ transfer pricing น้องได้อะไรจากมัน ตรวจยังไง แล้วน้องรู้ยังว่า การนำเสนองบการเงิน มันต้องนำเสนอต่างจาก กิจการที่มีเหตุการณ์ปกติ ยังไง ที่ดำเนินกิจการแบบ plain plain ยังไง
5) เคยทำงานร่วมกันกับ ต่างแผนกใน firm รึยัง ทำไม การเป็น audit ที่ได้มาตรฐานจริงๆ ตามหลักสากล ถึงต้อง rely on งานจากผู้ชำนาญการเฉพาะด้าน ยกตัวอย่าง ทำไมต้องไปปรึกษา tax & legal ในเรื่องภาษีที่ซับซ้อน ทำไมต้องไปให้แผนก advisory ช่วยดู calculation basis ของกิจการที่ใช้ TAS 19 ทำไม เราตรวจเองไม่ได้ เพราะอะไร
หากน้องอยากไปแนว AIS จริงๆ การผ่านงาน audit ถือว่าได้เปรียบอยู่ดี น้องจะมีโอกาสได้เห็น flows ในทางบัญชี ของหลากหลายธุรกิจ ลองเริ่มจากตรงนี้ แล้วค่อยๆ ใช้หัวคิด (คิดซิคิด) ว่าแต่ละที่ ทำไมมันเหมือน หรือไม่เหมือน จุดดี จุดด้อยของ flows แต่ละที่เป็นยังไง ทำไมที่นี่ใช้ SAP แล้ว flows ออกมาเป็นงี้ แตกต่างจากอีกที่ที่ใช้ Oracle ยังไง
เห้ย ... ทั้งหมดคือ มันจะเป็นประสบการณ์เปิดโลกเรามากๆ นะ ... ป้าบ้างคนนั่งเป็นผู้ทำบัญชี มาทั้งชีวิต อาจจะยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลยก็ได้ ... การตรวจเพื่อหาจุด control (ช่วงนี้ น้องน่าจะ interim ซินะ เลยชิลล์ 555+) มันเป็นเพียงส่วนนึงเท่านั้นเอง พี่เชื่อว่า งาน audit มันจะให้ความรู้กับน้องอีกมาก
แต่ถ้าน้องบอกว่า “พี่ค่ะ ... หยุด!!! งานนี้ มันไม่ใช้ตัวหนูจริงๆ คะ และหนูไม่มีเวลาขนาดนั้น (ooh snap)”
ก็ต้องรีบหา ERP เจ้าดังๆ กับแนวธุรกิจที่ชอบ อย่างเช่น SAP จะมาแรงมากกับพวกธุรกิจประเภทผลิต และเป็นองกรณ์ใหญ่ ในขณะที่ธุรกิจการให้บริการอย่าง โรงแรม จะชอบใช้ Oracle หรือ Infor SunSystems เป็นต้น เพื่อรีบดีดตัวเองออก ก่อนที่หน้างบจะมาเยือน ...
อย่าลืมหา mentor ในสายอาชีพเอาไว้สอบถามด้วย ก็จะยิ่งดี ลองๆ หาจาก พวก ERP Implementator ใน เจ้าดังๆ จากใน LinkedIn แล้วถามๆ ข้อมูลเขาก็ได้ มันมีบางคน ที่เปิด ให้คำแนะนำ อยู่นะ (ที่นอกเหนือจาก alumni ของมหาวิทยาลัย)
1) ให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้ ในสายงานตรวจสอบนี้ก่อน เพราะการเป็น external audit ใน Big 4 มันคือตัวการันตี การทำงานที่ได้มาตรฐาน (ทางการบัญชี)ในระดับที่คนส่วนใหญ่ ให้การยอมรับ ... ได้เริ่มจากสิ่งที่ดูเหมือนจะถูกต้องที่สุดก่อน เป็น profession มากที่สุดก่อน มันจะหล่อหลอมสิ่งที่ดีให้กับตัวน้องไปตลอด ติดเป็น perception เลยก็ว่าได้
2) เอา business knowledge มาให้ได้ ไปตรวจให้เข้าใจธุรกิจเขาจริงๆ ถ้าอยากใช้หัวคิด ให้ลองสังเกตจาก หลายๆ กิจการที่ไปตรวจมา ว่าทำไม ถึงตรวจในเนื้อหา สาระที่แตกต่างกัน ให้ลองใช้หัวคิดดูว่า ถ้าสมมติ ไม่มี working papers จากรุ่นพี่ เป็นเรา เราจะตรวจมันยังไง ให้ได้บทสรุปคร่าวๆ ง่ายๆ ว่า มันเสี่ยง รึไม่เสี่ยง ส่งผลกระทบ หรือไม่ส่งผลกระทบต่อรายการอะไร ในงบการเงิน (ลองคิดเล่นๆ ดู)
3) ให้ฝึกใช้ professional judgement ได้จริงๆ ยังไง น้องออก job น้องก็น่าจะได้ยินเรื่องเล่าจากรุ่นพี่มาว่า job ไหนเน่า job ไหน ไม่เน่า นั่นแหละ เริ่มจากตรงนี้ ไปดูซิว่าเขา evaluate มันยังไง ที่บอกเน่า คือเน่ายังไง ที่บอกสะอาดคือ สะอาดยังไง แล้วถ้าเป็นน้องๆ จะวางแผนตรวจสอบมันยังไง อยากรู้อะไร รู้ไปทำไม เพื่ออะไร แล้วจะนำเสนอมันยังไง แก้ไขยังไง Hello!
4) ถ้าน้องชอบ case การที่น้องออกไปตรวจ มันก็คือ case scenario นึงๆ นั่นแหละ ที่ต้องใช้ skepticism ตลอด ยังไง ... อย่างเช่น เจอลูกค้า re-state งบการเงินจาก misstatement ของปีที่แล้ว เคยเจอมั้ย เจอแล้วได้ความรู้อะไร ทำไม ที่อื่นไม่โดน ทำไมที่นี่โดน ลูกค้าทำ currency swap ลูกค้าทำ buy-outs ลูกค้าทำ transfer pricing น้องได้อะไรจากมัน ตรวจยังไง แล้วน้องรู้ยังว่า การนำเสนองบการเงิน มันต้องนำเสนอต่างจาก กิจการที่มีเหตุการณ์ปกติ ยังไง ที่ดำเนินกิจการแบบ plain plain ยังไง
5) เคยทำงานร่วมกันกับ ต่างแผนกใน firm รึยัง ทำไม การเป็น audit ที่ได้มาตรฐานจริงๆ ตามหลักสากล ถึงต้อง rely on งานจากผู้ชำนาญการเฉพาะด้าน ยกตัวอย่าง ทำไมต้องไปปรึกษา tax & legal ในเรื่องภาษีที่ซับซ้อน ทำไมต้องไปให้แผนก advisory ช่วยดู calculation basis ของกิจการที่ใช้ TAS 19 ทำไม เราตรวจเองไม่ได้ เพราะอะไร
หากน้องอยากไปแนว AIS จริงๆ การผ่านงาน audit ถือว่าได้เปรียบอยู่ดี น้องจะมีโอกาสได้เห็น flows ในทางบัญชี ของหลากหลายธุรกิจ ลองเริ่มจากตรงนี้ แล้วค่อยๆ ใช้หัวคิด (คิดซิคิด) ว่าแต่ละที่ ทำไมมันเหมือน หรือไม่เหมือน จุดดี จุดด้อยของ flows แต่ละที่เป็นยังไง ทำไมที่นี่ใช้ SAP แล้ว flows ออกมาเป็นงี้ แตกต่างจากอีกที่ที่ใช้ Oracle ยังไง
เห้ย ... ทั้งหมดคือ มันจะเป็นประสบการณ์เปิดโลกเรามากๆ นะ ... ป้าบ้างคนนั่งเป็นผู้ทำบัญชี มาทั้งชีวิต อาจจะยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลยก็ได้ ... การตรวจเพื่อหาจุด control (ช่วงนี้ น้องน่าจะ interim ซินะ เลยชิลล์ 555+) มันเป็นเพียงส่วนนึงเท่านั้นเอง พี่เชื่อว่า งาน audit มันจะให้ความรู้กับน้องอีกมาก
แต่ถ้าน้องบอกว่า “พี่ค่ะ ... หยุด!!! งานนี้ มันไม่ใช้ตัวหนูจริงๆ คะ และหนูไม่มีเวลาขนาดนั้น (ooh snap)”
ก็ต้องรีบหา ERP เจ้าดังๆ กับแนวธุรกิจที่ชอบ อย่างเช่น SAP จะมาแรงมากกับพวกธุรกิจประเภทผลิต และเป็นองกรณ์ใหญ่ ในขณะที่ธุรกิจการให้บริการอย่าง โรงแรม จะชอบใช้ Oracle หรือ Infor SunSystems เป็นต้น เพื่อรีบดีดตัวเองออก ก่อนที่หน้างบจะมาเยือน ...
อย่าลืมหา mentor ในสายอาชีพเอาไว้สอบถามด้วย ก็จะยิ่งดี ลองๆ หาจาก พวก ERP Implementator ใน เจ้าดังๆ จากใน LinkedIn แล้วถามๆ ข้อมูลเขาก็ได้ มันมีบางคน ที่เปิด ให้คำแนะนำ อยู่นะ (ที่นอกเหนือจาก alumni ของมหาวิทยาลัย)
สมาชิกหมายเลข 1319547 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2864555 ถูกใจ, HaKucHOu ถูกใจ, KuroKi ถูกใจ, winter_peace ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3511954 ถูกใจ, golfs2000 ถูกใจ, jojoja ถูกใจ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
พึงทำละซิ ปีแรกก็เหมือนเรียนฝึกพื้นฐาน
พอโตตามสายงาน ได้รับผิดชอบ รับรองได้คิดแน่
ตรวจยังไงให้จบงาน และผ่านได้ตามมาตรฐาน
ภายใต้ระยะเวลากำหนด
พรีเซน ก็มี ครับ คุยลูกค้า คุยกับพาร์ตเนอร์
อยู่ big4 เงินดี ประสบการณ์ได้ไว ต่อยอดได้เยอะ
แต่จะทนไว้ หรือเปล่า อีกเรื่องนึง
พอโตตามสายงาน ได้รับผิดชอบ รับรองได้คิดแน่
ตรวจยังไงให้จบงาน และผ่านได้ตามมาตรฐาน
ภายใต้ระยะเวลากำหนด
พรีเซน ก็มี ครับ คุยลูกค้า คุยกับพาร์ตเนอร์
อยู่ big4 เงินดี ประสบการณ์ได้ไว ต่อยอดได้เยอะ
แต่จะทนไว้ หรือเปล่า อีกเรื่องนึง
สมาชิกหมายเลข 5750535 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4105464 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5448184 ถูกใจ, jevaisbien ถูกใจ, ป้าป๊อก ถูกใจ, vanillaskyline ถูกใจ, mahchalemon ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1011998 ถูกใจ, ramai ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
รู้สึกอาชีพออดิทไม่ตอบโจทย์ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ
ตอนมหาลัยเน้นทำกิจกรรมเยอะไปหน่อยอ่านหนังสือสอบน้อย แต่ว่ามีประวัติแข่งขันเคสค่ะ แล้วก็อยู่ชมรมพัฒนาชุมชนโดยใช้ความรู้ทางธุรกิจ
ชอบทำเคส รู้สึกว่าสนุกดี เราได้คิดอะไรใหม่ๆ ถ้าอะไรไม่รู้ก็ศึกษาเพิ่มเอาไปต่อยอดไอเดีย
เป็นคนมี skill present ระดับหนึ่ง ส่วนภาษาอังกฤษปานกลางเพราะเคยไปเรียนแลกเปลี่ยน แต่พอไม่ค่อยได้ใช้มันเลยแย่ลง
ตอนนี้ทำออดิทใน Big4 อยู่ค่ะ รู้สึกไม่ตอบโจทย์เลย เหมือนไม่ค่อยได้ใช้หัวคิดสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะบริษัทมีโปรแกรมที่ช่วยในการทำงานที่ดีมาก
และมีไฟล์งานเก่าที่รุ่นพี่ทำไว้อย่างดี เลยไม่ต้องคิดอะไรใหม่เพิ่ม สามารถทำความเข้าใจและทำตามได้เลย
ตอนนี้รู้สึกเสียดายประสบการณ์ + soft skill ที่ได้มา เราควรไปทำสายงานอื่นจะดีกว่าไหมคะ แต่ยอมรับว่ากลัวเหมือนกัน เพราะเกรดไม่ได้เยอะด้วย สายอื่นแข่งขันค่อนข้างสูง ไม่ได้หางานง่ายๆเหมือนสายออดิทแน่ๆ
หรือเราควรทำออดิทสักปีนึงพอให้เป็นประสบการณ์แล้วไปเรียนต่อเลยโดยไม่เอา CPA เพราะจริงๆก็สนใจสาย ERP อยู่ อยากเรียนรู้เพิ่ม
พี่ๆคิดว่ายังไงบ้างคะ ขอคำแนะนำหน่อยค่า