เราเรียนจบมาสักพักแล้วค่ะ ขอเท้าความก่อนนะคะ คือเราเรียนบัญชีภาคพิเศษซึ่งทำให้เราเรียนจบภายใน 2 ปีครึ่ง ตอนเทอมสุดท้ายของการเรียนเราก็ไปสมัครงานเกี่ยวกับบัญชีค่ะ เราไม่ได้อยากทำงานหรืออยากเรียนสายนี้ตั้งแต่แรก แต่เพราะครอบครัวคนรอบข้างไม่ยอมให้เราเรียนในสายที่เราชอบค่ะ พอเทอมสุดท้ายเราเหลือเรียนแค่สองวิชา แม่ก็เลยให้เราไปสมัครงาน ตอนนั้นด้วยความที่เราไม่เคยได้ใช้ชีวิตเองเลย เราดิ่งไปพักนึงเลยค่ะ ดิ่งจนสามารถพูดได้เลยว่าเข้าใจว่าคนที่เขาอยากฆ่าตัวตายเป็นยังไง เราไม่อยากพูด ไม่อยากยิ้มกับใครไปเป็นอาทิตย์เลยค่ะ แต่หลังจากผ่านอาทิตย์นั้นมาได้เราก็กลับมาเป็นปกติแต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นแล้ว เราเป็นคนที่ร่าเริงมากๆ ช่วงที่ดิ่งไม่มีใครรู้เลยว่าเราดิ่งนอกจากแม่เรา แต่ตอนนั้นแม่ได้ได้พูดอะไรกับเรา มารู้ตอนหลังว่าแกไม่โอเคกับเราที่ดิ่งตอนนั้น แกไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรแกโกรธมากแต่ไม่อยากพูดกับเรา
เราได้งานทำตอนช่วง พ.ย.ปี61 ช่วงแรกๆที่ทำงานเราโดนด่าเยอะมากเลย เพราะเราไม่เข้าใจงานด้วยแล้วก็ไม่เคยฝึกงานเลย(ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันมั้ย) หัวหน้าทีมเราด่าเราทุกอย่างเลยค่ะ แบบทุกอย่างจริงๆ โดนตั้งแต่ที่ตัวเองทำผิดจนคนอื่นทำก็โดนลงที่เราหมด ตอนนั้นเราเข้าใจนะคะว่าพี่เขาเก่งพอเห็นคนทำงานไม่เป็นก็คงขัดใจเป็นปกติ แล้วจะให้ด่าคนที่อยู่มาก่อนก็ไม่ใช่ยังไงก็ด่าเด็กใหม่ดีกว่า เราเคยโดนถึงขนาดเรียกพี่ทีมอื่นมานั่งนินทาเราอยู่ข้างหลังเลย เราอดทนนะคะทนจนมีวันนึงเรารู้สึกว่าเราจะผ่านวันนี้ไปได้ยังไง พอเราเลิกงานเรากลับถึงบ้านเราปล่อยโฮเลย จากที่ปกติเป็นคนไม่ร้องไห้ต่อหน้าคนแต่วันนั้นไม่ไหวแล้ว คงเพราะเครียดด้วยทำงานแปดโมงเลิกงานสี่ทุ่มห้าทุ่ม(เป็นช่วงปิดงบ)บางอาทิตย์ก็ไม่ได้หยุดเลย แต่เราผ่านช่วงนั้นมาได้แล้วค่ะ แต่ตอนนี้ก็คือกลัวพี่หัวหน้าทีมไปเลยไม่กล้าถามกลัวโดนด่า เราเลือกที่จะถามพี่คนอื่นแทน
จนถึงตอนนี้เราทำงานมาได้ประมาณแปดเก้าเดือนแล้ว เราเหนื่อยมากเลย เราอยากลาออกแต่พอเราจะออกคนรอบข้างกลับบอกให้เราทนอีกหน่อย คนอื่นทำได้ทำไมเราทำไม่ได้ เราก็คิดแบบนั้นนะคะ เรารู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเกินไปรึป่าว เจอปัญหานิดๆหน่อยๆก็คิดแต่จะหนีปัญหา แล้วจริงๆเราไม่รู้ด้วยซ้ำค่ะว่าออกมาแล้วเราจะไปทำอะไร เรากลัวว่าเราไปที่ใหม่แล้วเราก็ทนไม่ได้อีก กลัวการล้มเหลว เราตอนนี้เหมือนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่หาประตูทางออกไม่เจอ เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ อยากออกจากตรงนี้แต่ทุกคนบอกว่าที่ตรงนี้ดีกับเราที่สุดแล้ว ทุกคนชมว่าเราเป็นเด็กดี เรียนจบแล้วมีงานทำช่วยพ่อแม่ได้ แต่เราไม่ได้มองตัวเองแบบนั้นเลยค่ะ เรารู้สึกเราอ่อนแอ แบกรับคำพูดของทุกคนมากเกินไป เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราใช้ทุกวันนี่ไปเพื่ออะไร เราแค่ตื่นมาทำงาน เลิกงานกลับบ้าน ไม่มีจุดหมายเลย
เราเคยลองถามตัวเองว่าเฮ้ยเราเป็นโรคซึมเศร้ารึป่าว แต่เราว่าเราไม่ได้เป็น เราแค่ขี้ขลาดกับการใช้ชีวิต บวกกับพอโตขึ้นก็รับรู้เรื่องในครอบครัวเยอะขึ้น จริงๆครอบครัวเรามีปัญหาค่ะ เราโตมาในครอบครัวที่พ่อติดเหล้า ทะเลาะกันกับแม่ทุกวัน เราเห็นจนชินตาถึงขั้นที่ต่อให้เขาตีกันเลือดตกยางออกเราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วค่ะ อาจจะคิดว่ามันไม่ปกติแล้ว แต่ถ้าเจอแบบเราตั้งแต่เด็กมันจะชินชาค่ะ ห้ามไปก็ไม่ช่วยอะไร มีปัญหาถึงขั้นที่แม่เราคิดจะฆ่าตัวตาย เราจำวันนั้นได้ดีเลย วันที่แม่ถือเชือกเข้าห้องน้ำไป ตอนนั้นเราอยู่ประถม เราเดินตามแม่ไปยืนหน้าประตูห้องน้ำ เรายืนอยู่แบบนั้นนานมากค่ะ เราไม่รู้ว่านานเท่าไหร่จนแม่เราเดินออกมา เราไม่ได้ห้ามหรือร้องไห้นะคะตอนนั้นแค่ยืนเฉยๆอยู่หน้าห้องน้ำ อาจจะแปลกแต่ตอนนั้นในหัวเราโล่งมากเลยเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ถือเชือกเข้าห้องน้ำทำไม
เมื่อก่อนเราไม่ได้สนใจปัญหาครอบครัวมากมายเลยค่ะ แต่พอเราเริ่มทำงาน พ่อกับแม่เราเริ่มแก่ตัวลง แต่พ่อเราก็ยังเป็นเหมือนเดิมติดเหล้าเหมือนเดิม มันเหมือนอิ่มตัว เราเบื่อแต่จะให้เราทิ้งเขาก็ทำไม่ได้ แม่เราอยากหนีไปใช้ชีวิตใหม่เราสนับสนุนนะคะ เราเป็นภาระแม่มาหลายปีให้เขาต้องทนอยู่ตรงนี้เพราะต้องส่งเราเรียนให้จบไปไหนไม่ได้(แต่แม่เราก็ไม่ได้ไปไหนนะคะแกบอกว่าแก่เกินกว่าจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆแล้ว) แต่ให้เราทิ้งพ่อเราก็โดนด่าว่าอกตัญญูพอทำงานได้แล้วทิ้งพ่อ มันเหมือนทุกอย่างมากดดันเราตอนนี้ เราคิดว่าถาเราตายไปเลยคงจะดีกว่าแต่เราอยู่เพราะแม่ค่ะ แต่ถ้าไม่มีแม่จริงๆเราก็ไม่ได้คิดจะฆตต.นะคะ เราว่าการฆตต.เป็นภาระ ให้คนอื่นที่ต้องมาเห็นเราในสภาพนั้น
เราแค่อยากหนี อยากลาออกจากงานมาพัก เราดูเห็นแก่ตัวมากเลย ออกมาอยู่ให้เป็นภาระแม่อีกครั้ง แต่เราก็ไม่อยากทนทำงานแล้ว มันเหมือนเกินลิมิตที่เราจะทนแล้ว แต่ให้ทนก็ทนได้ (งงๆอ่ะ555555555) เราไม่รู้จริงๆว่าเราควรทำยังไงกับชีวิตตัวเอง
ที่เรามาเล่าในนี้เพราะเราไม่อยากเล่าให้คนใกล้ตัวฟังเลยค่ะ กลัวเป็นภาระคนรอบข้าง แค่เรื่องของตัวเองทุกคนก็เครียดพอแล้วต้องมาแบกรับเรื่องของคนอื่นอีก จริงๆคือกลัวโดนด่าว่าอ่อนแอไร้สาระแหละค่ะ555555 เราแค่อยากหาที่ระบาย แค่อยากเล่าทั้งหมดออกมา ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความรู้สึกด้านลบของเราในช่วงที่ผ่านมาเท่านั้นค่ะ เราในชีวิตจริงดูไม่ค่อยเหมือนที่เราเล่าในนี้เลย ดูเป็นแค่เด็กคนนึงที่เที่ยวเล่นสนุกไปวันๆเลย555555555
ห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่มีประตู
เราได้งานทำตอนช่วง พ.ย.ปี61 ช่วงแรกๆที่ทำงานเราโดนด่าเยอะมากเลย เพราะเราไม่เข้าใจงานด้วยแล้วก็ไม่เคยฝึกงานเลย(ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันมั้ย) หัวหน้าทีมเราด่าเราทุกอย่างเลยค่ะ แบบทุกอย่างจริงๆ โดนตั้งแต่ที่ตัวเองทำผิดจนคนอื่นทำก็โดนลงที่เราหมด ตอนนั้นเราเข้าใจนะคะว่าพี่เขาเก่งพอเห็นคนทำงานไม่เป็นก็คงขัดใจเป็นปกติ แล้วจะให้ด่าคนที่อยู่มาก่อนก็ไม่ใช่ยังไงก็ด่าเด็กใหม่ดีกว่า เราเคยโดนถึงขนาดเรียกพี่ทีมอื่นมานั่งนินทาเราอยู่ข้างหลังเลย เราอดทนนะคะทนจนมีวันนึงเรารู้สึกว่าเราจะผ่านวันนี้ไปได้ยังไง พอเราเลิกงานเรากลับถึงบ้านเราปล่อยโฮเลย จากที่ปกติเป็นคนไม่ร้องไห้ต่อหน้าคนแต่วันนั้นไม่ไหวแล้ว คงเพราะเครียดด้วยทำงานแปดโมงเลิกงานสี่ทุ่มห้าทุ่ม(เป็นช่วงปิดงบ)บางอาทิตย์ก็ไม่ได้หยุดเลย แต่เราผ่านช่วงนั้นมาได้แล้วค่ะ แต่ตอนนี้ก็คือกลัวพี่หัวหน้าทีมไปเลยไม่กล้าถามกลัวโดนด่า เราเลือกที่จะถามพี่คนอื่นแทน
จนถึงตอนนี้เราทำงานมาได้ประมาณแปดเก้าเดือนแล้ว เราเหนื่อยมากเลย เราอยากลาออกแต่พอเราจะออกคนรอบข้างกลับบอกให้เราทนอีกหน่อย คนอื่นทำได้ทำไมเราทำไม่ได้ เราก็คิดแบบนั้นนะคะ เรารู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเกินไปรึป่าว เจอปัญหานิดๆหน่อยๆก็คิดแต่จะหนีปัญหา แล้วจริงๆเราไม่รู้ด้วยซ้ำค่ะว่าออกมาแล้วเราจะไปทำอะไร เรากลัวว่าเราไปที่ใหม่แล้วเราก็ทนไม่ได้อีก กลัวการล้มเหลว เราตอนนี้เหมือนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่หาประตูทางออกไม่เจอ เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ อยากออกจากตรงนี้แต่ทุกคนบอกว่าที่ตรงนี้ดีกับเราที่สุดแล้ว ทุกคนชมว่าเราเป็นเด็กดี เรียนจบแล้วมีงานทำช่วยพ่อแม่ได้ แต่เราไม่ได้มองตัวเองแบบนั้นเลยค่ะ เรารู้สึกเราอ่อนแอ แบกรับคำพูดของทุกคนมากเกินไป เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราใช้ทุกวันนี่ไปเพื่ออะไร เราแค่ตื่นมาทำงาน เลิกงานกลับบ้าน ไม่มีจุดหมายเลย
เราเคยลองถามตัวเองว่าเฮ้ยเราเป็นโรคซึมเศร้ารึป่าว แต่เราว่าเราไม่ได้เป็น เราแค่ขี้ขลาดกับการใช้ชีวิต บวกกับพอโตขึ้นก็รับรู้เรื่องในครอบครัวเยอะขึ้น จริงๆครอบครัวเรามีปัญหาค่ะ เราโตมาในครอบครัวที่พ่อติดเหล้า ทะเลาะกันกับแม่ทุกวัน เราเห็นจนชินตาถึงขั้นที่ต่อให้เขาตีกันเลือดตกยางออกเราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วค่ะ อาจจะคิดว่ามันไม่ปกติแล้ว แต่ถ้าเจอแบบเราตั้งแต่เด็กมันจะชินชาค่ะ ห้ามไปก็ไม่ช่วยอะไร มีปัญหาถึงขั้นที่แม่เราคิดจะฆ่าตัวตาย เราจำวันนั้นได้ดีเลย วันที่แม่ถือเชือกเข้าห้องน้ำไป ตอนนั้นเราอยู่ประถม เราเดินตามแม่ไปยืนหน้าประตูห้องน้ำ เรายืนอยู่แบบนั้นนานมากค่ะ เราไม่รู้ว่านานเท่าไหร่จนแม่เราเดินออกมา เราไม่ได้ห้ามหรือร้องไห้นะคะตอนนั้นแค่ยืนเฉยๆอยู่หน้าห้องน้ำ อาจจะแปลกแต่ตอนนั้นในหัวเราโล่งมากเลยเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ถือเชือกเข้าห้องน้ำทำไม
เมื่อก่อนเราไม่ได้สนใจปัญหาครอบครัวมากมายเลยค่ะ แต่พอเราเริ่มทำงาน พ่อกับแม่เราเริ่มแก่ตัวลง แต่พ่อเราก็ยังเป็นเหมือนเดิมติดเหล้าเหมือนเดิม มันเหมือนอิ่มตัว เราเบื่อแต่จะให้เราทิ้งเขาก็ทำไม่ได้ แม่เราอยากหนีไปใช้ชีวิตใหม่เราสนับสนุนนะคะ เราเป็นภาระแม่มาหลายปีให้เขาต้องทนอยู่ตรงนี้เพราะต้องส่งเราเรียนให้จบไปไหนไม่ได้(แต่แม่เราก็ไม่ได้ไปไหนนะคะแกบอกว่าแก่เกินกว่าจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆแล้ว) แต่ให้เราทิ้งพ่อเราก็โดนด่าว่าอกตัญญูพอทำงานได้แล้วทิ้งพ่อ มันเหมือนทุกอย่างมากดดันเราตอนนี้ เราคิดว่าถาเราตายไปเลยคงจะดีกว่าแต่เราอยู่เพราะแม่ค่ะ แต่ถ้าไม่มีแม่จริงๆเราก็ไม่ได้คิดจะฆตต.นะคะ เราว่าการฆตต.เป็นภาระ ให้คนอื่นที่ต้องมาเห็นเราในสภาพนั้น
เราแค่อยากหนี อยากลาออกจากงานมาพัก เราดูเห็นแก่ตัวมากเลย ออกมาอยู่ให้เป็นภาระแม่อีกครั้ง แต่เราก็ไม่อยากทนทำงานแล้ว มันเหมือนเกินลิมิตที่เราจะทนแล้ว แต่ให้ทนก็ทนได้ (งงๆอ่ะ555555555) เราไม่รู้จริงๆว่าเราควรทำยังไงกับชีวิตตัวเอง
ที่เรามาเล่าในนี้เพราะเราไม่อยากเล่าให้คนใกล้ตัวฟังเลยค่ะ กลัวเป็นภาระคนรอบข้าง แค่เรื่องของตัวเองทุกคนก็เครียดพอแล้วต้องมาแบกรับเรื่องของคนอื่นอีก จริงๆคือกลัวโดนด่าว่าอ่อนแอไร้สาระแหละค่ะ555555 เราแค่อยากหาที่ระบาย แค่อยากเล่าทั้งหมดออกมา ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความรู้สึกด้านลบของเราในช่วงที่ผ่านมาเท่านั้นค่ะ เราในชีวิตจริงดูไม่ค่อยเหมือนที่เราเล่าในนี้เลย ดูเป็นแค่เด็กคนนึงที่เที่ยวเล่นสนุกไปวันๆเลย555555555