By เหมียวหง่าว

บนโลกของเราเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย และแน่นอนว่าในแต่ละพื้นที่ก็มีวัฒนธรรมและความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย
และในวันนี้
#เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมประเพณีของชนเผ่าจากทั่วโลกที่มีการทำให้ร่างกายของตัวเองให้มีรูปร่างแปลกๆ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ลองไปชมกันได้ที่ข้างล่างนี้ได้เลย…
การเจาะและขยายริมฝีปากด้วยสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายจาน ที่พบในได้ในบางพื้นที่ของประเทศในแถบ แอฟริกา และ
อเมริกาใต้

ความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่ 8,700 ปีก่อนคริสตกาล และตอนนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ในชนเผ่า
Mursi และ เผ่า
เผ่าเซอร์มา (Surma) ในประเทศ
เอธิโอเปีย ด้วยการเจาะริมฝีปากข้างบนแล้วค่อยๆ ขยายด้วยการใส่จานแบนๆ เข้าไป ซึ่งก่อนหน้านั้นก็จะต้องถอนฟัน 2 ซี่หน้าออกไปด้วย โดยเจ้าจานนี้จะบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมของบุคคลผู้นั้น

เมื่อเด็กหญิงชาวเซอร์มาย่างเข้าสู่วัยแรกสาวพวกเธอจะต้องเข้าสู่พิธิกรรมฝังจานซึ่งทำมาจากแผ่นดินเหนียวลงที่ริมฝีปากล่าง โดยจะต้องถอนฟังล่างออก 2 ซี่ บากริมฝีปากล่างให้เป็นรู จากนั้นจึงฝังแผ่นจานดินเหนียวนั้นลงไป และมันจะค่อย ๆ ได้รับการขยายขนาดขึ้นทีละน้อยตามวันเวลา ยิ่งจานที่ฝังไว้มีขนาดใหญ่ขึ้นมากเท่าไร ก็เท่ากับว่าเธอเป็นสาวงามที่แสนมีค่ามากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้นเมื่อยามเธอออกเรือน ฝ่ายชายก็จะต้องนำวัวมาเป็นสินสอดมากขึ้นตามขนาดจานหรือริมฝีปากล่างที่ใหญ่ขึ้นของว่าที่ภรรยานั่นเอง ซึ่งนับเป็นวัวจำนวนตั้งแต่ 40 ตัว ไปจนถึง 60 ตัว สำหรับปากที่ฝังจานได้ใหญ่น่าประทับใจ ในขณะฝ่ายหญิงต้องเผชิญพิธีกรรมปากฝังจานเพื่อแสดงความงาม
ฝ่ายชายเองก็มีการประดับแสดงความงามสง่าของตนด้วยวิธีที่ที่แตกต่างไป และเจ็บน้อยกว่าอยู่มากเมื่อเทียบกับเพศตรงข้าม ด้วยการนำพืชสมุนไพรผสมดินโคลนมาเพ้นท์ตามร่างกายให้เป็นลวดลายสวยงาม
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันเด็กสาวเซอร์มาหลายคนปฏิเสธที่จะฝังจานที่ปากอีกต่อไป การขยายปากออกตามขนาดจานสร้างความเจ็บปวดแก่เธอ รวมถึงการถอนฟันที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรออกไปถึงสองซี่ก็มอบความเจ็บปวดให้แก่เด็กวัยแรกสาวไม่น้อย และนั่นอาจทำให้เธอคิดว่ามันไม่คุ้มเสียแล้วกับการแลกมาซึ่งความงามตามที่ผู้ใหญ่ในเผ่าบอก
กระโหลกที่ยื่นออกมา อาจจะฟังดูน่ากลัวแต่ใช้เวลาทำเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น

ในแถบแอฟริกา และทางตอนบนของอเมริกาใต้ การรัดศรีษะ คือการเปลี่ยนรูปร่างของกะโหลกศรีษะให้ผิดธรรมชาติ เช่นให้ยาวขึ้น สูงขึ้น หรือแบนขึ้น
พิธีกรรมนี้สามารถพบได้ใน เปรู อิรัก และอียิปต์ เป็นพิธีกรรมที่พบเมื่อ 1,000 ปีก่อน โดยเริ่มทำตั้งแต่ยังเป็นทารกขณะที่กระโหลกยังไม่แข็งแรง ด้วยการนำเชือกควั่น กดทับด้วยไม้กะดาน มัดที่หัวให้แน่น เพื่อบ่งบอกถึงสถานะทางสังคม
การรัดเต้านมในแคเมอรูน

เป็นการพยายามทำให้อกแบนที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะสำหรับชาวแคเมอรูนการมีหน้าอกใหญ่ๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดี กลับกันมันยังเป็นสัญลักษณ์ของความน่าอายด้วย นั่นทำให้ผู้หญิงในแคเมอรูนหลายๆ คนพยายามทำให้อกตัวเองแบนราบ ไม่ว่าจะด้วยการบีดรัด หรือแม้กระทั่งเอาอุปกรณ์ร้อนๆ มานาบคล้ายๆ การใช้เตารีดเลยด้วย
การหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเต้านมนี้ ทำให้ดูไม่เหมือนผู้หญิง และทำให้ผู้หญิงไม่ตกเป็นที่สนใจของเหล่าผู้ชายทั้งหลาย ซึ่งวิธีการทำของมันนี่ต้องขอบอกไว้เลยว่าน่ากลัวมากๆ พวกเขาใช้ไม้พายร้อนๆ และครกเพื่อละลายไขมันที่หน้าอกและทำให้มันแบน ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพมากมาย ทั้งมะเร็งเต้านม ซีสต์ และปัญหาในการให้นมเด็กทารก
4. การใส่รองเท้าเพื่อทำบีบให้เท้ามีลักษณะที่น่ากลัว

พิธีกรรมนี้เกิดขึ้นในจีน เด็กผู้หญิงจะถูกนำเชือกมามัดที่เท้าพร้อมกับใส่รองเท้าขนาดเล็กห้ามถอดมันเด็ดขาด จนทำให้ขนาดเท้าหยุดเจริญเติบโต โดยพิธีกรรมนี้ถูกสืบทอดมากว่า 1,000 ปีจนถูกแบนในช่วงศตวรรษที่ 20
การรัดเท้าจะเป็นการฝืนบีบเท้าเพื่อให้ใส่รองเท้าไม้ขนาดเล็กได้ และถูกแบ่งเป็นสามระดับจากความยาวของเท้า โดยระดับที่สวยที่สุดคือดอกบัวทองซึ่งมีความยาวไม่เกิน 3 นิ้ว
พวกเขามีความเชื่อว่าคนที่ไม่ใช้งานเท้านั้นจะเป็นคนที่มั่งคั่ง และไม่ต้องทำงานอะไรเลย และโชคร้ายกับผู้หญิงที่แนวคิดนี้ถูกสืบทอดมาเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ และทำให้ไม่สามารถใช้งานเท้าของตัวเองได้
การทำรอยแผลเป็น ของชนเผ่า Sepik River ใน
Papua New Guinea

พิธีกรรมสุดแสนทรมานนี้ใช้เวลานานกว่าสัปดาห์ โดยขึ้นอยู่กับวิธีการของแต่ละเผ่า แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ที่เดียวที่ทำแบบนี้ ชนเผ่า
Dinka ใน
Sudan ก็ได้นำการสร้างรอยแผลเป็นบนใบหน้าอีกด้วย โดยการขีดใบหน้าของผู้หญิงเพื่อความสวยงาม และของผู้ชายเพื่อแสดงถึงความเป็นชาย
วิธีการทำขึ้นอยู่แต่ละเผ่า ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะใช้มีด หรือหินคมกริบ เฉือนเนื้อในส่วนต่างๆ ก่อนจะสมานแผลด้วยผงถ่านเพื่อให้เป็นแผลเป็นนูนเด่นขึ้นมา มันคือสัญลักษณ์ ของ ความกล้าหาญ วัยเจริญพันธุ์ เวทมนต์ และสัญลักษณ์ แห่งชาติพันธุ์ ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละชนเผ่า
การฝนฟันให้แหลมคมดูเหมือนกับเขี้ยว

เป็นพิธีกรรมของชนเผ่า
Mayans เป็นชนเผ่าเร่รอน ที่อาศัยยู่บนเกาะ
Metawai ประเทศ
Indonesia ผู้หญิงในเผ่านี้เชื่อว่าฟันที่แหลมคมนั้นเป็นต้นแบบของความงดงาม เป็นวัฒนธรรมโบราณที่ยังมีให้เห็นในปัจจุบัน
การยืดคอยาวของชนเผ่ากะเหรี่ยงในประเทศไทย

สมาชิกของชนเผ่ากะเหรี่ยงที่เป็นเพศหญิงจะเริ่มใส่ห่วงเหล็กไว้ที่คอตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โดยเริ่มต้นที่ห่วงเหล็ก 4 วง จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนจบที่ 25 วง โดยจริงๆ แล้วคอของพวกเขานั้นไม่ได้ยาวขึ้นแต่อย่างใด แต่เป็นไหล่ของพวกเขาต่างหากที่ถูกดันลงไป ซึ่งการทำแบบนี้เป็นการแสดงออกถึงความงดงาม
การใส่ห่วงคอทองเหลือง หมอผีประจำเผ่าเป็นผู้ทำพิธีใส่ให้ ก่อนใส่จะต้องใช้กระดูกไก่ทำนายหาฤกษ์ยามที่ดีที่สุด แต่เดิมผู้ที่จะสวมห่วงทองเหลืองจะต้องเป็นหญิงที่เกิดวันพุธที่ตรงกับวันเพ็ญเท่านั้น และจะต้องเป็นหญิงของเผ่าแท้ ไม่ใช่เชื้อผสมมาจากเผ่าอื่น แต่ต่อมาไม่ว่าจะเกิดวันใดก็นิยมใส่กันหมด ห่วงคอนี้เดิมใช้ทองคำแท้ แต่ปัจจุบันใช้ทองเหลืองที่นำมาจากเมืองเบลอง ประเทศพม่า ห่วงทองเหลืองนี้จะมีลักษณะตัน เส้นผ่าศูนย์กลาง 1/3 นิ้ว ที่ต้องตันเพราะถ้ากลวงแล้ว จะนำมาดัดเป็นวงกลมได้ไม่สวย
แต่เหตุผลอีกอย่างหนึ่งก็คือ เพื่อไม่ให้มีการแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์ ชนภูเขาของพม่าทั้งหมดจะแยกความแตกต่างได้จากเครื่องแต่งกายผู้หญิง
ที่มา : lifebuzz
Cr.
https://www.catdumb.com/extreme-body-119/
ความเชื่อแปลกๆ ของชนเผ่าจากทั่วโลก ที่เปลี่ยน ‘ร่างกาย’ ของตัวเองให้ดูประหลาด
บนโลกของเราเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย และแน่นอนว่าในแต่ละพื้นที่ก็มีวัฒนธรรมและความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย
และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมประเพณีของชนเผ่าจากทั่วโลกที่มีการทำให้ร่างกายของตัวเองให้มีรูปร่างแปลกๆ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ลองไปชมกันได้ที่ข้างล่างนี้ได้เลย…
การเจาะและขยายริมฝีปากด้วยสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายจาน ที่พบในได้ในบางพื้นที่ของประเทศในแถบ แอฟริกา และ อเมริกาใต้
ความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่ 8,700 ปีก่อนคริสตกาล และตอนนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ในชนเผ่า Mursi และ เผ่า เผ่าเซอร์มา (Surma) ในประเทศ เอธิโอเปีย ด้วยการเจาะริมฝีปากข้างบนแล้วค่อยๆ ขยายด้วยการใส่จานแบนๆ เข้าไป ซึ่งก่อนหน้านั้นก็จะต้องถอนฟัน 2 ซี่หน้าออกไปด้วย โดยเจ้าจานนี้จะบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมของบุคคลผู้นั้น
เมื่อเด็กหญิงชาวเซอร์มาย่างเข้าสู่วัยแรกสาวพวกเธอจะต้องเข้าสู่พิธิกรรมฝังจานซึ่งทำมาจากแผ่นดินเหนียวลงที่ริมฝีปากล่าง โดยจะต้องถอนฟังล่างออก 2 ซี่ บากริมฝีปากล่างให้เป็นรู จากนั้นจึงฝังแผ่นจานดินเหนียวนั้นลงไป และมันจะค่อย ๆ ได้รับการขยายขนาดขึ้นทีละน้อยตามวันเวลา ยิ่งจานที่ฝังไว้มีขนาดใหญ่ขึ้นมากเท่าไร ก็เท่ากับว่าเธอเป็นสาวงามที่แสนมีค่ามากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้นเมื่อยามเธอออกเรือน ฝ่ายชายก็จะต้องนำวัวมาเป็นสินสอดมากขึ้นตามขนาดจานหรือริมฝีปากล่างที่ใหญ่ขึ้นของว่าที่ภรรยานั่นเอง ซึ่งนับเป็นวัวจำนวนตั้งแต่ 40 ตัว ไปจนถึง 60 ตัว สำหรับปากที่ฝังจานได้ใหญ่น่าประทับใจ ในขณะฝ่ายหญิงต้องเผชิญพิธีกรรมปากฝังจานเพื่อแสดงความงาม ฝ่ายชายเองก็มีการประดับแสดงความงามสง่าของตนด้วยวิธีที่ที่แตกต่างไป และเจ็บน้อยกว่าอยู่มากเมื่อเทียบกับเพศตรงข้าม ด้วยการนำพืชสมุนไพรผสมดินโคลนมาเพ้นท์ตามร่างกายให้เป็นลวดลายสวยงาม
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันเด็กสาวเซอร์มาหลายคนปฏิเสธที่จะฝังจานที่ปากอีกต่อไป การขยายปากออกตามขนาดจานสร้างความเจ็บปวดแก่เธอ รวมถึงการถอนฟันที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรออกไปถึงสองซี่ก็มอบความเจ็บปวดให้แก่เด็กวัยแรกสาวไม่น้อย และนั่นอาจทำให้เธอคิดว่ามันไม่คุ้มเสียแล้วกับการแลกมาซึ่งความงามตามที่ผู้ใหญ่ในเผ่าบอก
กระโหลกที่ยื่นออกมา อาจจะฟังดูน่ากลัวแต่ใช้เวลาทำเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น
พิธีกรรมนี้สามารถพบได้ใน เปรู อิรัก และอียิปต์ เป็นพิธีกรรมที่พบเมื่อ 1,000 ปีก่อน โดยเริ่มทำตั้งแต่ยังเป็นทารกขณะที่กระโหลกยังไม่แข็งแรง ด้วยการนำเชือกควั่น กดทับด้วยไม้กะดาน มัดที่หัวให้แน่น เพื่อบ่งบอกถึงสถานะทางสังคม
การรัดเต้านมในแคเมอรูน
เป็นการพยายามทำให้อกแบนที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะสำหรับชาวแคเมอรูนการมีหน้าอกใหญ่ๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดี กลับกันมันยังเป็นสัญลักษณ์ของความน่าอายด้วย นั่นทำให้ผู้หญิงในแคเมอรูนหลายๆ คนพยายามทำให้อกตัวเองแบนราบ ไม่ว่าจะด้วยการบีดรัด หรือแม้กระทั่งเอาอุปกรณ์ร้อนๆ มานาบคล้ายๆ การใช้เตารีดเลยด้วย
การหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเต้านมนี้ ทำให้ดูไม่เหมือนผู้หญิง และทำให้ผู้หญิงไม่ตกเป็นที่สนใจของเหล่าผู้ชายทั้งหลาย ซึ่งวิธีการทำของมันนี่ต้องขอบอกไว้เลยว่าน่ากลัวมากๆ พวกเขาใช้ไม้พายร้อนๆ และครกเพื่อละลายไขมันที่หน้าอกและทำให้มันแบน ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพมากมาย ทั้งมะเร็งเต้านม ซีสต์ และปัญหาในการให้นมเด็กทารก
4. การใส่รองเท้าเพื่อทำบีบให้เท้ามีลักษณะที่น่ากลัว
พิธีกรรมนี้เกิดขึ้นในจีน เด็กผู้หญิงจะถูกนำเชือกมามัดที่เท้าพร้อมกับใส่รองเท้าขนาดเล็กห้ามถอดมันเด็ดขาด จนทำให้ขนาดเท้าหยุดเจริญเติบโต โดยพิธีกรรมนี้ถูกสืบทอดมากว่า 1,000 ปีจนถูกแบนในช่วงศตวรรษที่ 20
การรัดเท้าจะเป็นการฝืนบีบเท้าเพื่อให้ใส่รองเท้าไม้ขนาดเล็กได้ และถูกแบ่งเป็นสามระดับจากความยาวของเท้า โดยระดับที่สวยที่สุดคือดอกบัวทองซึ่งมีความยาวไม่เกิน 3 นิ้ว
พวกเขามีความเชื่อว่าคนที่ไม่ใช้งานเท้านั้นจะเป็นคนที่มั่งคั่ง และไม่ต้องทำงานอะไรเลย และโชคร้ายกับผู้หญิงที่แนวคิดนี้ถูกสืบทอดมาเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ และทำให้ไม่สามารถใช้งานเท้าของตัวเองได้
การทำรอยแผลเป็น ของชนเผ่า Sepik River ใน Papua New Guinea
วิธีการทำขึ้นอยู่แต่ละเผ่า ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะใช้มีด หรือหินคมกริบ เฉือนเนื้อในส่วนต่างๆ ก่อนจะสมานแผลด้วยผงถ่านเพื่อให้เป็นแผลเป็นนูนเด่นขึ้นมา มันคือสัญลักษณ์ ของ ความกล้าหาญ วัยเจริญพันธุ์ เวทมนต์ และสัญลักษณ์ แห่งชาติพันธุ์ ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละชนเผ่า
การฝนฟันให้แหลมคมดูเหมือนกับเขี้ยว
เป็นพิธีกรรมของชนเผ่า Mayans เป็นชนเผ่าเร่รอน ที่อาศัยยู่บนเกาะ Metawai ประเทศ Indonesia ผู้หญิงในเผ่านี้เชื่อว่าฟันที่แหลมคมนั้นเป็นต้นแบบของความงดงาม เป็นวัฒนธรรมโบราณที่ยังมีให้เห็นในปัจจุบัน
การยืดคอยาวของชนเผ่ากะเหรี่ยงในประเทศไทย
สมาชิกของชนเผ่ากะเหรี่ยงที่เป็นเพศหญิงจะเริ่มใส่ห่วงเหล็กไว้ที่คอตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โดยเริ่มต้นที่ห่วงเหล็ก 4 วง จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนจบที่ 25 วง โดยจริงๆ แล้วคอของพวกเขานั้นไม่ได้ยาวขึ้นแต่อย่างใด แต่เป็นไหล่ของพวกเขาต่างหากที่ถูกดันลงไป ซึ่งการทำแบบนี้เป็นการแสดงออกถึงความงดงาม
การใส่ห่วงคอทองเหลือง หมอผีประจำเผ่าเป็นผู้ทำพิธีใส่ให้ ก่อนใส่จะต้องใช้กระดูกไก่ทำนายหาฤกษ์ยามที่ดีที่สุด แต่เดิมผู้ที่จะสวมห่วงทองเหลืองจะต้องเป็นหญิงที่เกิดวันพุธที่ตรงกับวันเพ็ญเท่านั้น และจะต้องเป็นหญิงของเผ่าแท้ ไม่ใช่เชื้อผสมมาจากเผ่าอื่น แต่ต่อมาไม่ว่าจะเกิดวันใดก็นิยมใส่กันหมด ห่วงคอนี้เดิมใช้ทองคำแท้ แต่ปัจจุบันใช้ทองเหลืองที่นำมาจากเมืองเบลอง ประเทศพม่า ห่วงทองเหลืองนี้จะมีลักษณะตัน เส้นผ่าศูนย์กลาง 1/3 นิ้ว ที่ต้องตันเพราะถ้ากลวงแล้ว จะนำมาดัดเป็นวงกลมได้ไม่สวย
แต่เหตุผลอีกอย่างหนึ่งก็คือ เพื่อไม่ให้มีการแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์ ชนภูเขาของพม่าทั้งหมดจะแยกความแตกต่างได้จากเครื่องแต่งกายผู้หญิง
ที่มา : lifebuzz
Cr.https://www.catdumb.com/extreme-body-119/