หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เดรัจฉานวิชา ขายคำพระศาสดาแม้กระทั่งกาแฟ ที่วัดนาป่าพง
กระทู้สนทนา
ศาสนาพุทธ
ร้านกาแฟ
วัด
พระสงฆ์
พระไตรปิฎก
กาแฟใส่นม
เรื่องเดรัจฉานวิชาเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่วัดนาป่าพงสอนผิด อธิบายผิด บิดเบือนไปมาก ทำให้เกิดความเข้าใจผิด สาวกพระคึกฤทธิ์จึงถึงขนาดวาดภาพการ์ตูน พุทธวจน'ตูน โดยนำภาพหลวงพ่อคูนมาเป็นแบบบิดเบือนว่าพระ "ทำ" เดรัจฉานวิชาต้องตกอบาย
ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว ที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามภิกษุทำเดรัจฉานวิชาเพราะจะเป็นช่องทางทำให้เกิดมิจฉาอาชีวะ เป็นผลให้ขวางพระนิพพาน เพราะเหตุไม่สามารถยังอริยมรรคมีองค์แปด ให้เกิดได้ก็เท่านั้นเอง
วัดน่าป่าพงสอนผิดตั้งแต่ใช้คำว่า “ทำเดรัจฉานวิชา” เพราะพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสว่า “ทำเดรัจฉานวิชา” แต่ทรงตรัสว่า “เลี้ยงชีพผิดด้วยเดรัจฉานวิชา” มีพระบาลีว่า “ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺติ ฯ”
ทำกับเลี้ยงชีพผิด ความหมายต่างกัน แค่การใช้คำตามพระศาสดาโดยมีคำแปลไทยที่ผู้ศึกษาบาลีแปลไว้ให้เสร็จสรรพ พระคึกฤทธิ์ยังทำไม่ตรง แล้วจะอธิบายธรรมตรงตามพุทธดำรัสพระศาสดาหรือ
การที่พระพุทธเจ้าตรัสห้ามภิกษุ “เลี้ยงชีพผิดด้วยเดรัจฉานวิชา” นั้นเป็นเพราะทรงเกรงว่าภิกษุจะไปหลอกลวงชาวบ้าน หาเงิน หาทอง กับชาวบ้าน อันเป็นการบริโภคปัจจัยอันมีโทษ
และเป็นวิชาที่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์อันจะนำมาซึ่งความหลุดพ้น จึงทรงตรัสห้าม
เหตุเพราะภิกษุเป็นผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยการ “ขอ” ด้วยการ “ให้โดยศรัทธา” ของชาวบ้าน จึงทำให้ภิกษุมีสัมมาอาชีวะ เพราะรับปัจจัยสี่ที่เขาเต็มใจให้ด้วยศรัทธา จึงเป็นหนทางให้อริยมรรคมีองค์แปดเจริญได้
พระศาสดาไม่เคยตรัสว่า “ทำเดรัจฉานวิชาแล้วตกอบาย” ทั้งหมดล้วนเป็นความเข้าใจผิดของพระคึกฤทธิ์และสาวกเอง
พระศาสดาทรงตรัสแต่เพียงว่า การเลี้ยงชีพผิด (มิจฉาอาชีวะ) นั้น เป็นเครื่องที่ทำให้พลาดสวรรค์ พลาดมรรคผล เท่านั้น
อนึ่ง ไม่พึงตีความตามใจตนเองว่า พลาดสวรรค์คือการตกอบาย เพราะมิฉะนั้นท่านจะเป็นผู้กล่าวตู่พระศาสดา หากพระศาสดาทรงประสงค์จะชี้ว่า การเลี้ยงชีพผิดด้วยเดรัจฉานวิชาแล้วตกอบาย จะทรงตรัสชัดเหมือนทุกพระสูตรที่ทรงตรัสเรื่องการตกอบาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยมิจฉัตตะ จึงมีการพลาดจากสวรรค์และมรรคผล ไม่มีการบรรลุสวรรค์และมรรคผล เพราะอาศัยมิจฉัตตะอย่างไร จึงมีการพลาดจากสวรรค์และมรรคผล ไม่มีการบรรลุสวรรค์และมรรคผล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีความเห็นผิด ย่อมมีความดำริผิด ผู้มีความดำริผิด ย่อมมีวาจาผิด ผู้มีวาจาผิด ย่อมมีการงานผิด ผู้มีการงานผิด ย่อมมีการเลี้ยงชีพผิด ผู้มีการเลี้ยงชีพผิด ย่อมมีความพยายามผิด ผู้มีความพยายามผิด ย่อมมีความระลึกผิด ผู้มีความระลึกผิด ย่อมมีความตั้งใจผิด ผู้มีความตั้งใจผิด ย่อมมีความรู้ผิด ผู้มีความรู้ผิด ย่อมมีความหลุดพ้นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยมิจฉัตตะอย่างนี้แล จึงมีการพลาดจากสวรรค์และมรรคผล ไม่มีการบรรลุสวรรค์และมรรคผล ฯ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖ อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
การเลี้ยงชีพผิด ไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิที่จะทำให้ตกอบาย
มิจฉาทิฏฐิที่จะทำให้ตกอบายนั้น ทรงตรัสไว้ดังนี้
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นมิจฉาทิฐิมีความเห็นวิปริตว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล การเช่นสรวงไม่มีผล ผลวิบากของกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์พวกที่เกิดผุดขึ้นไม่มี สมณะพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ให้รู้ตามไม่มีในโลก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าทิฐิวิบัติ.... เพราะทิฐิวิบัติเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลายเมื่อกายแตกตายไป ย่อมเข้าถึงอบายทุคติ วินิบาต นรก.....ฯ”
พระคึกฤทธิ์ไปอธิบายว่า พระที่ทำน้ำมนต์ คนที่รับการพรมน้ำมนต์ ลามปามไปถึงพระราชพิธีหลวง
มีความเห็นผิดว่า น้ำมนต์เป็นเครื่องดลบันดาล จนถึงกับพูดว่า "อย่าไปเรียกว่าทำน้ำมนต์ให้เรียกว่า
ทำน้ำเดรัจฉานวิชา” นั้น เป็นการพูดเกินคำพระศาสดา และพูดโดยเดาเอาเองด้วยความคิดของตนเองว่า พระที่ทำน้ำพระพุทธมนต์ คนที่พรมน้ำพระพุทธมนต์นั้น ทำไปด้วยความเชื่อว่า กรรมไม่มี น้ำมนต์ดลบันดาล
ทั้งๆ ที่พระศาสดาอธิบายเรื่องการไม่เชื่อผลของกรรมไว้ชัดเจนว่า
“ผลวิบากของกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วไม่มี” ซึ่งหมายถึง ความไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรมนั่นเอง
ดังนั้น การฟังพระคึกฤทธิ์อธิบายเรื่องเดรัจฉานวิชาผิดๆ จึงส่งผลให้สาวกของพระคึกฤทธิ์เที่ยวจาบจ้วง ด่าพอ เอานรกมาขู่ทั้งพระ ทั้งโยม ไปทั่ว
ทั้งหมด เริ่มจากการอธิบายเรื่องเดรัจฉานวิชาที่ผิด ใช้ศัพท์ผิด ไม่กล่าวตามคำพระศาสดา ไม่ศึกษาพระดำรัสให้ดีนั่นเอง
ขอบคุณที่มาข้อความและภาพ
http://watnaprapong.blogspot.com/2015/08/blog-post_14.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
สัตว์:..ตอนที่ 172 : .....สัตว์บุคคล..ผู้มีสัมมาทิฏฐิ...แบบที่ยังมี..อาสวะ...แบบที่ยังต้องเกิดอีก..
พระศาสดาท่านกำลังแสดง..สัมมาทิฏฐิเบื้องต้น... ที่ยังไม่ใช่สัมมาทิฏฐิ...ที่จะเป็นทางไปสู่นิพพาน... ...แต่ก็ยัง...ทำให้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์... ฟังเลย 👇 👇 👇 กตมา จ ภิกฺขเว สมฺมาทิฏฺฐิ ฯ {...ภิกษุ ท! แ
สมาชิกหมายเลข 5449398
ประเด็น "กรณีเดรัจฉานวิชา?" (กรณีพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล)
ประเด็น "กรณีเดรัจฉานวิชา?" มีหลักฐานว่านักบวชท่านหนึ่ง และคณะ ทำการตัดคำพระพุทธพจน์ของพระศาสดาออก แล้วใส่ความเห็นของตนลงไป ในเรื่องเดรัจฉานวิชา หลักฐานชั้นพุทธวจนะ เดรัจฉาน
สมาชิกหมายเลข 7686632
สัตว์:..ตอนที่ 173 : ...สัตว์บุคคล..ผู้มีสัมมาทิฏฐิ...แบบที่เป็นไปเพื่อการสิ้น..อาสวะ - เป็นไปเพื่อการหลุดพ้น...
พระศาสดาท่านทรงกล่าวว่า.. การที่...บุคคลมีความเห็นถูกต้อง... " สัมมามรรค 3 องค์...จะเจริญไปด้วยกัน.. คือ 1.สัมมาทิฏฐิ 2.สัมมาวายามะ 3.สัมมาสติ " สัมมาทิฏฐิ..ที่เป็นอริยะ..เป็นอนาสวะ..ค
สมาชิกหมายเลข 5449398
***** พระศาสดาตรัสว่า คำพูดของคนที่ บอกว่า " ... เป็นอัตตา " นั้น ไม่ถูกต้อง ไม่ควรพูด
. ---------- ********** https://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=14&item=818&items=1&preline=0&pagebreak=0 ********** .
วงกลม
สาวกวจน vs พุทธวจน
ในพระไตร มี การแสดงธรรมชอว สาวก อยู่ประปราย แล้ว พระรับรองทีหลังว่า พระองค์ถ้าจะแสดงก็แสดงเหมือนสาวกนั้นแหละ แล้ว ธรรมที่สาวกแสดง จะเป็น พุทธวจน หรือ สาวกวจน ถ้าตีความจากสูตรหนึ่งว
สะพานหมุนติ้ว
.... ขออนุญาตถามคนที่จ้องจะโจทก์ความผิดให้ "พระอาจารย์คึกฤทธิ์" ซักคำครับ ....
ผมเป็นห่วงพุทธศาสนิกชนผู้หลงผิด ช่วยลองแนะนำซิครับ ว่าพุทธศาสนิกชนเหล่านี้ควรทำอย่างไร ควรไปวัดไหน หาพระภิกษุรูปใดจึงจะทำให้ธุลีในดวงตาเบาบางลงได้ ขอบคุณครับ เข้าวัดไหนๆก็แทบจะไม่เคยเจอคำสอนของพระศา
หมดเวลารัก
ถ้าเราไม่มีพระอย่างท่านพุทธทาส ท่านคึกฤทธิ์
🛑ป่านนี้เราคงวิ่งหาที่สะเดาะเคราะห์ต่อชะตากันจ้าละหวั่น 🛑ป่านนี้เราคงเชื่อว่า ญาติพี่น้องเราที่ตายไปเป็นผี ขึ้นสวรรค์ลงนรก รอให้เราทำบุญ กรวดน้ำ ส่ง Delivery ไปถึงได้ 🛑ป่านนี้เราคงเชื่อว่าสิ่งที่เราทำ
สมาชิกหมายเลข 755842
เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้หรือไม่ว่า "ไม่มีใครที่จะสามารถรู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นสาวกได้ เพียงขั้นการฟังเท่านั้น...."
ในคลิปนี้ ในนาทีที่ 12.00 อ.สุจินต์ กล่าวว่า "ไม่มีใครที่จะสามารถรู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นสาวกได้ เพียงขั้นการฟัง เท่านั้น แต่ถ้าไม่ฟังเลย ไม่มีทางที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะกล่าวว่า มีพระร
สมาชิกหมายเลข 7572607
พระพุทธเจ้าทรงตรัส เรื่อง จิตวิมุติ หรือการหลุดพ้นแห่งจิต
พระพุทธเจ้าทรงตรัส เรื่อง จิตวิมุติ หรือการหลุดพ้นแห่งจิต ไว้ใน พระไตรปิฎก เล่มที่ 14 ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ บทนี้ชื่อว่า “ธาตุปัญญัติติกะ” ดังนี้ ” ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าจิตของภิกษุ
สมาชิกหมายเลข 2748147
ประเด็น "พระคึกฤทธิ์ติเตียนพระอรหันต์ ในขณะที่พระศาสดาสรรเสริญพระอรหันต์" : อริยุปวาท
พระคึกฤทธิ์ติเตียนพระอรหันต์ในขณะที่พระศาสดาสรรเสริญพระอรหันต์ ภาพที่ทุกท่านเห็นนี้คือภาพที่พระมหาไพโรจน์ โรจนธัมโม (วงศ์ศาไชย) ภิกษุสาวกวัดนาป่าพง นำมาแสดงใน FB 
สมาชิกหมายเลข 7712176
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ศาสนาพุทธ
ร้านกาแฟ
วัด
พระสงฆ์
พระไตรปิฎก
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เดรัจฉานวิชา ขายคำพระศาสดาแม้กระทั่งกาแฟ ที่วัดนาป่าพง
กาแฟใส่นม
เรื่องเดรัจฉานวิชาเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่วัดนาป่าพงสอนผิด อธิบายผิด บิดเบือนไปมาก ทำให้เกิดความเข้าใจผิด สาวกพระคึกฤทธิ์จึงถึงขนาดวาดภาพการ์ตูน พุทธวจน'ตูน โดยนำภาพหลวงพ่อคูนมาเป็นแบบบิดเบือนว่าพระ "ทำ" เดรัจฉานวิชาต้องตกอบาย
ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว ที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามภิกษุทำเดรัจฉานวิชาเพราะจะเป็นช่องทางทำให้เกิดมิจฉาอาชีวะ เป็นผลให้ขวางพระนิพพาน เพราะเหตุไม่สามารถยังอริยมรรคมีองค์แปด ให้เกิดได้ก็เท่านั้นเอง
วัดน่าป่าพงสอนผิดตั้งแต่ใช้คำว่า “ทำเดรัจฉานวิชา” เพราะพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสว่า “ทำเดรัจฉานวิชา” แต่ทรงตรัสว่า “เลี้ยงชีพผิดด้วยเดรัจฉานวิชา” มีพระบาลีว่า “ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺติ ฯ”
ทำกับเลี้ยงชีพผิด ความหมายต่างกัน แค่การใช้คำตามพระศาสดาโดยมีคำแปลไทยที่ผู้ศึกษาบาลีแปลไว้ให้เสร็จสรรพ พระคึกฤทธิ์ยังทำไม่ตรง แล้วจะอธิบายธรรมตรงตามพุทธดำรัสพระศาสดาหรือ
การที่พระพุทธเจ้าตรัสห้ามภิกษุ “เลี้ยงชีพผิดด้วยเดรัจฉานวิชา” นั้นเป็นเพราะทรงเกรงว่าภิกษุจะไปหลอกลวงชาวบ้าน หาเงิน หาทอง กับชาวบ้าน อันเป็นการบริโภคปัจจัยอันมีโทษ และเป็นวิชาที่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์อันจะนำมาซึ่งความหลุดพ้น จึงทรงตรัสห้าม
เหตุเพราะภิกษุเป็นผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยการ “ขอ” ด้วยการ “ให้โดยศรัทธา” ของชาวบ้าน จึงทำให้ภิกษุมีสัมมาอาชีวะ เพราะรับปัจจัยสี่ที่เขาเต็มใจให้ด้วยศรัทธา จึงเป็นหนทางให้อริยมรรคมีองค์แปดเจริญได้
พระศาสดาไม่เคยตรัสว่า “ทำเดรัจฉานวิชาแล้วตกอบาย” ทั้งหมดล้วนเป็นความเข้าใจผิดของพระคึกฤทธิ์และสาวกเอง
พระศาสดาทรงตรัสแต่เพียงว่า การเลี้ยงชีพผิด (มิจฉาอาชีวะ) นั้น เป็นเครื่องที่ทำให้พลาดสวรรค์ พลาดมรรคผล เท่านั้น
อนึ่ง ไม่พึงตีความตามใจตนเองว่า พลาดสวรรค์คือการตกอบาย เพราะมิฉะนั้นท่านจะเป็นผู้กล่าวตู่พระศาสดา หากพระศาสดาทรงประสงค์จะชี้ว่า การเลี้ยงชีพผิดด้วยเดรัจฉานวิชาแล้วตกอบาย จะทรงตรัสชัดเหมือนทุกพระสูตรที่ทรงตรัสเรื่องการตกอบาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยมิจฉัตตะ จึงมีการพลาดจากสวรรค์และมรรคผล ไม่มีการบรรลุสวรรค์และมรรคผล เพราะอาศัยมิจฉัตตะอย่างไร จึงมีการพลาดจากสวรรค์และมรรคผล ไม่มีการบรรลุสวรรค์และมรรคผล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีความเห็นผิด ย่อมมีความดำริผิด ผู้มีความดำริผิด ย่อมมีวาจาผิด ผู้มีวาจาผิด ย่อมมีการงานผิด ผู้มีการงานผิด ย่อมมีการเลี้ยงชีพผิด ผู้มีการเลี้ยงชีพผิด ย่อมมีความพยายามผิด ผู้มีความพยายามผิด ย่อมมีความระลึกผิด ผู้มีความระลึกผิด ย่อมมีความตั้งใจผิด ผู้มีความตั้งใจผิด ย่อมมีความรู้ผิด ผู้มีความรู้ผิด ย่อมมีความหลุดพ้นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยมิจฉัตตะอย่างนี้แล จึงมีการพลาดจากสวรรค์และมรรคผล ไม่มีการบรรลุสวรรค์และมรรคผล ฯ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖ อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
การเลี้ยงชีพผิด ไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิที่จะทำให้ตกอบาย
มิจฉาทิฏฐิที่จะทำให้ตกอบายนั้น ทรงตรัสไว้ดังนี้
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นมิจฉาทิฐิมีความเห็นวิปริตว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล การเช่นสรวงไม่มีผล ผลวิบากของกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์พวกที่เกิดผุดขึ้นไม่มี สมณะพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ให้รู้ตามไม่มีในโลก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าทิฐิวิบัติ.... เพราะทิฐิวิบัติเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลายเมื่อกายแตกตายไป ย่อมเข้าถึงอบายทุคติ วินิบาต นรก.....ฯ”
พระคึกฤทธิ์ไปอธิบายว่า พระที่ทำน้ำมนต์ คนที่รับการพรมน้ำมนต์ ลามปามไปถึงพระราชพิธีหลวงมีความเห็นผิดว่า น้ำมนต์เป็นเครื่องดลบันดาล จนถึงกับพูดว่า "อย่าไปเรียกว่าทำน้ำมนต์ให้เรียกว่า ทำน้ำเดรัจฉานวิชา” นั้น เป็นการพูดเกินคำพระศาสดา และพูดโดยเดาเอาเองด้วยความคิดของตนเองว่า พระที่ทำน้ำพระพุทธมนต์ คนที่พรมน้ำพระพุทธมนต์นั้น ทำไปด้วยความเชื่อว่า กรรมไม่มี น้ำมนต์ดลบันดาล
ทั้งๆ ที่พระศาสดาอธิบายเรื่องการไม่เชื่อผลของกรรมไว้ชัดเจนว่า “ผลวิบากของกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วไม่มี” ซึ่งหมายถึง ความไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรมนั่นเอง
ดังนั้น การฟังพระคึกฤทธิ์อธิบายเรื่องเดรัจฉานวิชาผิดๆ จึงส่งผลให้สาวกของพระคึกฤทธิ์เที่ยวจาบจ้วง ด่าพอ เอานรกมาขู่ทั้งพระ ทั้งโยม ไปทั่ว ทั้งหมด เริ่มจากการอธิบายเรื่องเดรัจฉานวิชาที่ผิด ใช้ศัพท์ผิด ไม่กล่าวตามคำพระศาสดา ไม่ศึกษาพระดำรัสให้ดีนั่นเอง
ขอบคุณที่มาข้อความและภาพ http://watnaprapong.blogspot.com/2015/08/blog-post_14.html