หลังจากเราได้ดูกันในรายกลุ่มไปแล้ว
เราจะมาสรุปสถานการณ์รายทีม เพื่อให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นใน 7 เกมส์ที่ผ่านมาจากครึ่งฤดูกาล และอีก 8 เกมส์ที่จะกำลังจะมาถึง จะเป็นเช่นใด
เริ่มที่ทีมอันดับหนึ่งในปัจจบันอย่างบุรีรัมย์ ที่นำเชียงรายอยู่หนึ่งแต้ม และนำท่าเรืออยู่ 4 แต้ม
โดยครึ่งหลังของฤดูกาลนี้จะยากกว่าครึ่งแรกอยู่แล้ว เพราะจากที่ได้กล่าวถึงไปตอนครึ่งฤดูกาลว่า ครึ่งแรกของฤดูกาล บุรีรัมย์เล่นเกมส์เหย้าถึง 9 เกมส์ และออกไปเยือนเพียง 6 เกมส์เท่านั้น ดังนั้นครึ่งหลังของฤดูกาลนั้น พวกเขาจะต้องออกไปเยือนมากกว่าอีกหลายทีมแน่นอน และนั่นทำให้จากวันที่ 20 กรกฎาคม จนถึง 17 สิงหาคม พวกเขาไม่ได้เล่นเกมส์ลีกในบ้านเลย แต่มีเล่นเกมส์บอลถ้วยในบ้าน
นั่นทำให้ช่วงเดือนนั้นเป็นเดือนแห่งการตะลอนทัวร์ ปัญหาคือทีมจะมีเวลาซ้อมน้อยลงมาก
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ พวกเขามีแผลเก่าจากครึ่งฤดูกาลแรกอยู่ นั่นคือปัญหาผู้เล่นตัวต่างชาติในแดนหน้า
ที่ครึ่งฤดูกาลแรกมีเพียงเปโดรลงเล่นคนเดียว จนยากที่จะเอ่ยว่า เปโดรประคองเด็กๆในทีมให้ผ่านครึ่งมาด้วยอันดับหนึ่งได้
เพราะเอาเข้าจริงดูไม่ออกเลยว่าใครประคองใคร
แต่พอมาถึงครึ่งฤดูกาลหลัง 7 เกมส์ของบุรีรัมย์คือ เล่นในบ้านสองเกมส์ และออกไปเยือน 5 เกมส์
การมาของยอนเซ่น และบาราซิต กลับไม่ได้ทำให้ทีมยกระดับอะไรได้มากนัก ยอนเซ่นถูกส่งลงตัวจริง
แต่มีเพียงเกมส์เดียวเท่านั้นเองที่ได้ยืนครบ 90 นาที นั่นคือเกมส์ในบ้านกับสุพรรณ ซึ่งเป็นเกมส์แรกของเขา
หลังจากนั้นมาเขาถูกเปลี่ยนตัวออกก่อนจบเกมส์ ในนั้นมีสองเกมส์ที่ยืนไม่พ้นครึ่งแรกเลย
และในเกมส์ล่าสุดก็ไม่ได้ลงตัวจริงอีกด้วย มีเพียงบาราซิตที่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ
แทบจะแปลว่า บุรีรัมย์ ใช้กองหน้าต่างชาติตัวเดียวเป็นหลักในฤดูกาลนี้ และนั่นเป็นปัญหาใหญ่มาก
เพราะตัวผู้เล่นในแนวรุกที่เหลือนั้น มีแต่นักเตะที่อายุเพียง 20-22 ปีเท่านั้นเอง (ไม่นับศุภนัฏที่อายุ 17ปี ละกัน)
นั่นทำให้เกมส์รุกของพวกเขาดูจะไม่น่ากลัวมากนัก การที่ทีมมีกองหน้าต่างชาติคนเดียว และเล่นร่วมกับนักเตะอายุน้อย
แต่ก็ยังคงยืนอยู่อันดับหนึ่งของตารางในเวลานี้ได้ โดยที่ฟอร์มไม่พาทีมร่วงไปอยู่กลางตารางเนี่ย เป็นเรื่องที่นับว่าน่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
และพวกเขายังผ่านช่วงเวลาที่ทีมขาดกองหลังตัวหลักไปพร้อมกันถึงสองคน อยู่พักหนึ่งอีก ปีนี้ไม่ใช่ปีที่พวกเขาพร้อมที่จะป้องกันแชมป์เลยจริงๆ
แต่ถึงจะมีสภาพแบบนั้น พวกเขาก็เป็นอีกทีมที่ 5 เกมส์ในฐานะทีมเยือน ที่สามารถเก็บแต้มได้ในระดับที่ดีกว่าทีมในกลุ่มนำตอนครึ่งแรกของฤดูกาลทีมอื่น แต่การที่มีเพียงสองเกมส์ในบ้าน และเจอกับสองทีมที่ค่อนข้างแข็งพวกเขาทำได้เพียงเสมอทั้งสองเกมส์
คะแนนเลยไม่สามารถหนีห่างทีมอันดับสองได้เลย
8 เกมส์สุดท้าของบุรีรัมย์ งานของพวกเขาจะไม่ได้ยากเท่า 8 เกมส์ก่อนหน้านี้แล้ว
เกมส์ที่จะไปเยือนตราดในวันอาทิตย์นี้คือเกมส์สุดท้ายของช่วงตะลอนทัวร์แล้ว และเกมส์ในบอลถ้วยก็จะน้อยลงไปด้วยเพราะในรอบลึกๆนี้ เกมส์จะถี่น้อยลงแล้ว พวกเขาจะมีเวลาเตรียมตัวได้มากขึ้น ซึ่งเกมส์ลีกของพวกเขาที่จัดว่าหนักจริงๆ คือการเปิดบ้านต้อนรับการท่าเรือ ในเกมส์เกือบท้ายฤดูกาล และเกมส์ที่จะไปเยือนเมืองทองหลังพักให้กับเกมส์ทีมชาติแล้ว ทั้งสองเกมส์พวกเขาค่อนข้างจะมีเวลาเตรียมทีม ซึ่งนับว่าไม่หนักเท่ากับช่วงเวลาก่อนหน้า ดังนั้นถ้าหากคาดการว่าทีมที่จะเป็นแชมป์ปีนี้ควรมีคะแนนมากกว่า 57 แต้มแล้ว
16 แต้มใน 8 เกมส์นั้น ก็มีความเป็นไปได้อยู่ไม่น้อยเลย
ทีมดันดับสอง เชียงราย
ปีนี้เชียงรายมาพร้อมกับการประกาศว่าพวกเขาคือทีมใหญ่เต็มตัวอย่างแท้จริง พวกเขาพร้อมด้วยผู้เล่นต่างชาติที่ไว้ใจได้
นักเตะไทยที่มีทั้งคุณภาพและประสบการณ์ และนักเตะไทยที่มีอายุน้อยในทีม รวมถึงดาวรุ่งของพวกเขาเองด้วย
การมีทุกอย่างพร้อมขนาดนี้ย่อยไม่ใช่การเนรมิตมันออกมาเพียงข้ามปีแน่นอน พวกเขาใช้ทั้งทุน และใช้ทั้งเวลาไปกับการสร้างโครงสร้างต่างๆในทีม
สองแชมป์บอลถ้วยในปีที่แล้วคือสิ่งที่บ่งบอกว่าปีนี้ควรจะถึงเวลาที่พวกเขาจะบอกทุกทีมในไทยลีกว่า พวกเขาคือทีมใหญ่อย่างแท้จริง
และพวกเขาทำได้ นั่นคือของจริง ฟอร์มของพวกดีอย่างสม่ำเสมอเกินกว่าการเป็นเพียงความวูบวาบเพียงชั่วคราว
เชื่อว่าพวกเขาสามารถกดดันบุรีรัมย์ได้จนถึงเกมส์สุดท้ายอย่างแน่นอน
หรือบางทีความกดดันนั้นอาจจะแสดงออกในเกมส์ที่บุรีรัมย์จะต้องรับการมาเยือนของการท่าเรือก็เป็นไปได้
7 เกมส์ที่ผ่านมาในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของเชียงราย พวกเขาได้เล่นในบ้านมากถึง 5 เกมส์ ฟอร์มนั้นอยู่ในกลุ่มเดียวกับทีมที่ฟอร์มดีอันดับต้นๆ อย่าง ชลบุรี และราชบุรี ใน 7 เกมส์นั้นเลย จะเป็นรองก็เพียงเมืองทองที่ได้ 15 คะแนนเต็ม จาก 5 เกมส์ในบ้าน ซึ่ง 5 เกมส์นั้น มีเกมส์ที่เจอกับเชียงรายในบ้านรวมอยู่ด้วย และเชียงรายได้เล่นนอกบ้านเพียง 2 เกมส์ นอกจากเกมส์ที่เจอเมืองทองนั้น ก็เป็นเกมส์ที่ถล่มการท่าเรือ
ฟอร์มพวกเขา ใน 7 เกมส์ ที่ผ่านมา ดีขึ้นกว่าครึ่งแรกของฤดูกาลไม่มากนัก แต่ถ้ามองในมุมของการรักษามาตรฐานที่ครึ่งฤดูกาลแรกทำไว้ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว พวกเขาทำได้ดีมากทีเดียว การได้เอกนิษฐ์กลับมานั้นช่วยให้พวกเขามีแนวรุกที่น่ากลัวขึ้นมามาก ซึ่งนั้นคือสิ่งที่ทำให้เชียงรายมีคุณภาพที่สูงขึ้นในเกมส์บุกจากครึ่งแรกอยู่ไม่น้อย แต่เอกนิษฐ์นั้นแม้จะฟอร์มโดดเด่นในฤดูกาลนี้ แต่ด้วยความที่อายุยังน้อย การที่จะยืนระยะด้วยฟอร์มแบบนี้ไปจนจบฤดูกาลนั้น ยังคงเป็นคำถามที่ต้องให้เวลาที่เหลือเป็นผู้ตอบ ว่าเขาดีพอที่จะยืนเป็นจอมทัพในแนวบุกได้อย่างมั่นคงแค่ไหนต่อไป
8 เกมส์สุดท้ายของเชียงราย พวกเขาจะต้องเล่นในบ้านเพียง 3 เกมส์ และจะต้องออกไปเยือนถึง 5 เกมส์
แม้ไม่ใช่เกมส์ที่ติดกันมากนัก แต่ก็ยังคงไม่ใช่งานง่ายอยู่ดี เพราะใน 5 เกมส์เยือนนั้น ทีมส่วนใหญ่มีฟอร์มการเล่นในบ้านช่วง 7-8 เกมส์ของครึ่งฤดูกาลหลังที่ดุไม่น้อย อย่างสมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง สุพรรณ ซึ่งถ้าเสมอทีมเหล่านี้ แรงกดดันที่มีต่อบุรีรัมย์จะต้องลดลงอย่างแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันการจะเก็บ 3 แต้มจากเจ้าถิ่นเหล่านี้ก็ไม่ใช่ง่ายเช่นกัน ดังนั้นถ้าใช้มาตรฐานเดียวกัน ที่ทีมจะเป็นแชมป์น่าจะต้องมีแต้มมากกว่า 57 แต้มนั้น 5 เกมส์นอกบ้านของเชียงราย คงจะเป็นอุปสรรคสำคัญ และชิ้นใหญ่มากต่อเชียงรายในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ หวังว่าพวกเขาจะรักษามาตรฐานได้ไว้ได้ต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือนะ
อันดับสาม การท่าเรือ
ฟอร์มที่เคยโดดเด่นในครึ่งฤดูกาลแรกของพวกเขาเราอาจจะต้องลืมกันไปก่อน เพราะว่าทุกทีมในเวลานี้ล้วนเปลี่ยนไปแล้ว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ การท่าเรือมีการเสริมทีมที่ไม่ได้พัฒนาทีมให้ดีไปกว่าครึ่งฤดูกาลแรกมากเท่าไหร่ ทำให้เมื่อเทียบกับทีมอื่นๆ ในอันดับที่ต่ำกว่า ซึ่งพวกเขาเสริมทีมเพื่อยกระดับทีมได้ดีมากๆ นั่นทำให้ 7 เกมส์ หลังครึ่งฤดูกาลของการท่าเรือ มีฟอร์มที่ไม่ได้โดดเด่นเท่าครึ่งฤดูกาลแรก แต่นั่นไม่ใช่ว่าการท่าจะหลุดจากทีมบนของตารางไปได้ เพราะทีมบนของตารางล้วนได้รับผลจากการปรับทีมของทีมในส่วนกลาง และล่างของตารางด้วยกันทั้งนั้น นั่นคือเหตุผลที่การท่าเรือยังคงอยู่ในอันดับสามได้อยู่
ใน 8 เกมส์สุดท้ายของการท่าเรือนี้ 4 เกมส์เยือนนั้นล้วนหลักหนา เป็นโปรแกรมที่หนักที่สุดในบรรดาทีมบนของตาราง ส่วนเกมส์ในบ้านนั้น ถ้าดูจากฟอร์มในบ้านของการท่าเรือ 3 เกมส์ก่อนหน้าแล้ว คงไม่ง่ายที่พวกเขาจะไม่แพ้ใครเลยใน 4 เกมส์นั้น นั่นไม่สำคัญเท่าการที่จะมีกี่เกมส์ที่พวกเขาชนะในบ้าน
ดังนั้นจาก 8 เกมส์ข้างหน้าพวกเขาจะมีคะแนนมากถึง 13-14 คะแนนได้รึเปล่า ซึ่งแปลว่าการที่การท่าเรือจะจบฤดูกาลนี้ด้วยอันดับที่สาม เป็นเรื่องที่ยากเลยล่ะครับ
อันดับ 4 แบ๊งค๊อค
7 เกมส์หลังครึ่งฤดูกาล 3 เกมส์ในบ้าน และ 4 เกมส์เยือนของพวกเขานั้น ฟอร์มลดลงจากช่วงครึ่งฤดูกาลแรกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเกมส์ในบ้านกับโคราช และสุโขทัย ซึ่งสองทีมนี้ไม่ใช่สองทีมที่มีผลการแข่งขันในฐานะทีมเยือนได้ดีนัก แต่แบ๊งค๊อคไม่สามารถคว้าโอกาสในการเก็บสามแต้มไว้ได้ และยิ่งไปกว่านั้น ช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ทีมกลางตาราง และทีมโซนล่างของตาราง มีการปรับทีมให้มีคุณภาพมากขึ้นหลายทีม โดยเฉพาะเกมส์ในบ้าน ดังนั้น 4 เกมส์ที่ไปเยือนของแบ๊งค๊อค พวกเขาไม่ชนะใครเลย 7 เกมส์นี้พวกเขาเก็บแต้มได้น้อยมากๆ
8 เกมส์ที่เหลือของแบ๊งค๊อค พวกเขาจะได้เล่นในบ้านมากถึง 5 เกมส์ 5 เกมส์นี้พวกเขาจะต้องทำให้ดีที่สุด เพราะ 5 เกมส์คือโอกาสที่แท้จริงของพวกเขาในการที่จะขยับขึ้น หรือแม้กระทั่งยืนอยู่ตรงที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบัน เพราะมีทั้งการตัดแต้มการท่าเรือ และการเจอกับทีมที่เล่นเกมส์เยือนได้ไม่ดีนัก และอีกอย่างคือเกมส์เยือน 3 เกมส์นั้น ขนาดในเกมส์ที่มีโอกาสมากที่สุดอย่างการเจอกับประจวบ ก็ยังไม่ใช่งานง่ายของแบ๊งค๊อคในเวลานี้ สามเกมส์เยือนนี้เรียกได้ว่า เสมอคือความสำเร็จ ชนะคือกำไร แล้วล่ะ
อันดับ 5 สมุทรปราการ
สมุทรปราการมีแผลใหญ่ที่ในครึ่งฤดูกาลแรกไม่เผยออกมา นั่นคือการรับมือกับนักเตะกองหน้าต่างชาติ
อาจจะเป็นเพราะว่าในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกนั้น ทีมที่ใช้กองหน้าต่างชาติตัวใหญ่ทักษะดี คนเดียวเอาอยู่ ไม่ค่อยมี โดยเฉพาะกับทีมกลาง หรือท้ายตาราง และอีกสาเหตุก็คงเป็นเพราะว่า นักเตะสมุทรปราการเริ่มที่จะกรอบจากการลงเตะในลีก เนื่องจากนักเตะส่วนใหญ่ของสมุทรปราการ ยังไม่ใช่นักเตะที่มากประสบการณ์อะไรนัก ดังนั้นพอถึงเวลานี้ ความล้าน่าจะมีผลต่อพวกเขาอยู่ไม่น้อย และสมุทรปราการเองก็ไม่ใช่ทีมใหญ่ที่จะมีนักเตะคุณภาพเท่ากันในตำแหน่งสำรองอีกด้วย ฟอร์มของพวกเขาจึงลดลงในครึ่งหลังของฤดูกาล โดยเฉพาะเกมส์รับ ที่ไม่สามารถหยุดกองหน้าต่างชาติของทีมคู่แข่งได้เลย ทีมใหญ่มีกองหน้าต่างชาติ สองสามตัว สมุทรปราการมีอันต้องโดนทุกที 7 เกมส์ในครึ่งหลังของฤดูกาลนี้ พวกเขามีแต้มที่ไม่ได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนครึ่งแรก แต่ได้แต้มเท่ากับทีมร่วมกลุ่มอย่างแบ๊งค๊อค ซึ่งค่อนข้างน้อย
8 เกมส์ที่เหลือของสมุทรปราการนั้น งานหนักกว่าแบ๊งค๊อคค่อนข้างมาก การเป็นทีมเยือน 4 เกมส์ ที่มีการตัดแต้มกับการท่าเรือด้วย อาจจะเป็นผลดีต่อพวกเขาถ้าไม่แพ้ ส่วนอีกสามเกมส์นั้น มีเพียงการเยือนประจวบที่เป็นอีกทีมในกลุ่มฟอร์มการเล่นในบ้านแย่ลงกว่าครึ่งฤดูกาลก่อน
อีก 4 เกมส์ในฐานะเจ้าบ้านนั้น งานหนักแบบสุดๆ แต่ก็หวังว่าจะมีแต้มได้อยู่ เพียงแค่อาจจะไม่สวยหรู
ดูแล้วไม่ง่ายเลยที่จะยังรักษาอันดับนี้ไว้ได้จนจบฤดูกาล
อันดับ 6 เมืองทอง
เป็นทีมที่ดีที่สุดในการเล่นในบ้าน ในช่วง 7 เกมส์ของครึ่งฤดูกาลหลังนี้
พวกเขาเล่นในบ้าน 5 เกมส์ ชนะทุกเกมส์ เป็นทีมเดียวที่ไม่แพ้ หรือเสมอใครเลย
นั่นทำให้พวกเขาดีพอที่จะขึ้นมาอยู่อันดับ 6 ส่วนเกมส์นอกบ้าน 2 เกมส์ พวกเขาก็ไม่แพ้ เป็น 7 เกมส์ที่สวยหรูอย่างแท้จริง
แต่ 8 เกมส์ที่เหลือนี่คือความโหดอย่างแท้จริง โมเมนตั้มที่สร้างมา 7เกมส์ กำลังจะถูกทดสอบแล้ว
8 เกมส์ที่เหลือของเมืองทอง คือการไปเยือน 4 เกมส์ 2 ใน 4 เกมส์คือท่าเรือและสมุทรปราการ
ในเวลานี้พวกเขามีลุ้นการเก็บแต้มในฐานะเกมส์เยือนได้หลายแต้มอยู่ อาจจะเกือบ 10 แต้มได้เลย
แต่ในฐานะเจ้าบ้าน 4 เกมส์ การต้อนรับการมาเยือนของทั้ง บุรีรัมย์ ชลบุรี ระยอง และสุพรรณ ในเวลานี้
ไม่ใช่ว่าคว้าสามแต้มจากทีมเหล่านี้ แม้จะเล่นในบ้านตนเองได้นะครับ
การชนะในบ้านรวด 5 นัดนั่นถือว่ายอดเยี่ยม แต่กับ 4 ทีมนี้ ชนะไม่ง่ายแน่นอน
พาร์ทต่อไปจะเป็นครึ่งตารางหลังนะครับ พาร์ทสุดท้ายแล้ว
โค้งสุดท้ายไทยลีก 2019 ในโค้งของแต่ละทีมเป็นเช่นไรกันบ้าง 1/3
https://pantip.com/topic/39117776
โค้งสุดท้ายไทยลีก 2019 ในโค้งของแต่ละทีมเป็นเช่นไรกันบ้าง 2/3
https://pantip.com/topic/39117842
โค้งสุดท้ายไทยลีก 2019 ในโค้งของแต่ละทีมเป็นเช่นไรกันบ้าง 3/3
https://pantip.com/topic/39117874
ปล. แก้คำว่า สมุทธปราการ -> สมุทรปราการ
โค้งสุดท้ายไทยลีก 2019 ในโค้งของแต่ละทีมเป็นเช่นไรกันบ้าง 2/3
เราจะมาสรุปสถานการณ์รายทีม เพื่อให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นใน 7 เกมส์ที่ผ่านมาจากครึ่งฤดูกาล และอีก 8 เกมส์ที่จะกำลังจะมาถึง จะเป็นเช่นใด
เริ่มที่ทีมอันดับหนึ่งในปัจจบันอย่างบุรีรัมย์ ที่นำเชียงรายอยู่หนึ่งแต้ม และนำท่าเรืออยู่ 4 แต้ม
โดยครึ่งหลังของฤดูกาลนี้จะยากกว่าครึ่งแรกอยู่แล้ว เพราะจากที่ได้กล่าวถึงไปตอนครึ่งฤดูกาลว่า ครึ่งแรกของฤดูกาล บุรีรัมย์เล่นเกมส์เหย้าถึง 9 เกมส์ และออกไปเยือนเพียง 6 เกมส์เท่านั้น ดังนั้นครึ่งหลังของฤดูกาลนั้น พวกเขาจะต้องออกไปเยือนมากกว่าอีกหลายทีมแน่นอน และนั่นทำให้จากวันที่ 20 กรกฎาคม จนถึง 17 สิงหาคม พวกเขาไม่ได้เล่นเกมส์ลีกในบ้านเลย แต่มีเล่นเกมส์บอลถ้วยในบ้าน
นั่นทำให้ช่วงเดือนนั้นเป็นเดือนแห่งการตะลอนทัวร์ ปัญหาคือทีมจะมีเวลาซ้อมน้อยลงมาก
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ พวกเขามีแผลเก่าจากครึ่งฤดูกาลแรกอยู่ นั่นคือปัญหาผู้เล่นตัวต่างชาติในแดนหน้า
ที่ครึ่งฤดูกาลแรกมีเพียงเปโดรลงเล่นคนเดียว จนยากที่จะเอ่ยว่า เปโดรประคองเด็กๆในทีมให้ผ่านครึ่งมาด้วยอันดับหนึ่งได้
เพราะเอาเข้าจริงดูไม่ออกเลยว่าใครประคองใคร
แต่พอมาถึงครึ่งฤดูกาลหลัง 7 เกมส์ของบุรีรัมย์คือ เล่นในบ้านสองเกมส์ และออกไปเยือน 5 เกมส์
การมาของยอนเซ่น และบาราซิต กลับไม่ได้ทำให้ทีมยกระดับอะไรได้มากนัก ยอนเซ่นถูกส่งลงตัวจริง
แต่มีเพียงเกมส์เดียวเท่านั้นเองที่ได้ยืนครบ 90 นาที นั่นคือเกมส์ในบ้านกับสุพรรณ ซึ่งเป็นเกมส์แรกของเขา
หลังจากนั้นมาเขาถูกเปลี่ยนตัวออกก่อนจบเกมส์ ในนั้นมีสองเกมส์ที่ยืนไม่พ้นครึ่งแรกเลย
และในเกมส์ล่าสุดก็ไม่ได้ลงตัวจริงอีกด้วย มีเพียงบาราซิตที่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ
แทบจะแปลว่า บุรีรัมย์ ใช้กองหน้าต่างชาติตัวเดียวเป็นหลักในฤดูกาลนี้ และนั่นเป็นปัญหาใหญ่มาก
เพราะตัวผู้เล่นในแนวรุกที่เหลือนั้น มีแต่นักเตะที่อายุเพียง 20-22 ปีเท่านั้นเอง (ไม่นับศุภนัฏที่อายุ 17ปี ละกัน)
นั่นทำให้เกมส์รุกของพวกเขาดูจะไม่น่ากลัวมากนัก การที่ทีมมีกองหน้าต่างชาติคนเดียว และเล่นร่วมกับนักเตะอายุน้อย
แต่ก็ยังคงยืนอยู่อันดับหนึ่งของตารางในเวลานี้ได้ โดยที่ฟอร์มไม่พาทีมร่วงไปอยู่กลางตารางเนี่ย เป็นเรื่องที่นับว่าน่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
และพวกเขายังผ่านช่วงเวลาที่ทีมขาดกองหลังตัวหลักไปพร้อมกันถึงสองคน อยู่พักหนึ่งอีก ปีนี้ไม่ใช่ปีที่พวกเขาพร้อมที่จะป้องกันแชมป์เลยจริงๆ
แต่ถึงจะมีสภาพแบบนั้น พวกเขาก็เป็นอีกทีมที่ 5 เกมส์ในฐานะทีมเยือน ที่สามารถเก็บแต้มได้ในระดับที่ดีกว่าทีมในกลุ่มนำตอนครึ่งแรกของฤดูกาลทีมอื่น แต่การที่มีเพียงสองเกมส์ในบ้าน และเจอกับสองทีมที่ค่อนข้างแข็งพวกเขาทำได้เพียงเสมอทั้งสองเกมส์
คะแนนเลยไม่สามารถหนีห่างทีมอันดับสองได้เลย
8 เกมส์สุดท้าของบุรีรัมย์ งานของพวกเขาจะไม่ได้ยากเท่า 8 เกมส์ก่อนหน้านี้แล้ว
เกมส์ที่จะไปเยือนตราดในวันอาทิตย์นี้คือเกมส์สุดท้ายของช่วงตะลอนทัวร์แล้ว และเกมส์ในบอลถ้วยก็จะน้อยลงไปด้วยเพราะในรอบลึกๆนี้ เกมส์จะถี่น้อยลงแล้ว พวกเขาจะมีเวลาเตรียมตัวได้มากขึ้น ซึ่งเกมส์ลีกของพวกเขาที่จัดว่าหนักจริงๆ คือการเปิดบ้านต้อนรับการท่าเรือ ในเกมส์เกือบท้ายฤดูกาล และเกมส์ที่จะไปเยือนเมืองทองหลังพักให้กับเกมส์ทีมชาติแล้ว ทั้งสองเกมส์พวกเขาค่อนข้างจะมีเวลาเตรียมทีม ซึ่งนับว่าไม่หนักเท่ากับช่วงเวลาก่อนหน้า ดังนั้นถ้าหากคาดการว่าทีมที่จะเป็นแชมป์ปีนี้ควรมีคะแนนมากกว่า 57 แต้มแล้ว
16 แต้มใน 8 เกมส์นั้น ก็มีความเป็นไปได้อยู่ไม่น้อยเลย
ทีมดันดับสอง เชียงราย
ปีนี้เชียงรายมาพร้อมกับการประกาศว่าพวกเขาคือทีมใหญ่เต็มตัวอย่างแท้จริง พวกเขาพร้อมด้วยผู้เล่นต่างชาติที่ไว้ใจได้
นักเตะไทยที่มีทั้งคุณภาพและประสบการณ์ และนักเตะไทยที่มีอายุน้อยในทีม รวมถึงดาวรุ่งของพวกเขาเองด้วย
การมีทุกอย่างพร้อมขนาดนี้ย่อยไม่ใช่การเนรมิตมันออกมาเพียงข้ามปีแน่นอน พวกเขาใช้ทั้งทุน และใช้ทั้งเวลาไปกับการสร้างโครงสร้างต่างๆในทีม
สองแชมป์บอลถ้วยในปีที่แล้วคือสิ่งที่บ่งบอกว่าปีนี้ควรจะถึงเวลาที่พวกเขาจะบอกทุกทีมในไทยลีกว่า พวกเขาคือทีมใหญ่อย่างแท้จริง
และพวกเขาทำได้ นั่นคือของจริง ฟอร์มของพวกดีอย่างสม่ำเสมอเกินกว่าการเป็นเพียงความวูบวาบเพียงชั่วคราว
เชื่อว่าพวกเขาสามารถกดดันบุรีรัมย์ได้จนถึงเกมส์สุดท้ายอย่างแน่นอน
หรือบางทีความกดดันนั้นอาจจะแสดงออกในเกมส์ที่บุรีรัมย์จะต้องรับการมาเยือนของการท่าเรือก็เป็นไปได้
7 เกมส์ที่ผ่านมาในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของเชียงราย พวกเขาได้เล่นในบ้านมากถึง 5 เกมส์ ฟอร์มนั้นอยู่ในกลุ่มเดียวกับทีมที่ฟอร์มดีอันดับต้นๆ อย่าง ชลบุรี และราชบุรี ใน 7 เกมส์นั้นเลย จะเป็นรองก็เพียงเมืองทองที่ได้ 15 คะแนนเต็ม จาก 5 เกมส์ในบ้าน ซึ่ง 5 เกมส์นั้น มีเกมส์ที่เจอกับเชียงรายในบ้านรวมอยู่ด้วย และเชียงรายได้เล่นนอกบ้านเพียง 2 เกมส์ นอกจากเกมส์ที่เจอเมืองทองนั้น ก็เป็นเกมส์ที่ถล่มการท่าเรือ
ฟอร์มพวกเขา ใน 7 เกมส์ ที่ผ่านมา ดีขึ้นกว่าครึ่งแรกของฤดูกาลไม่มากนัก แต่ถ้ามองในมุมของการรักษามาตรฐานที่ครึ่งฤดูกาลแรกทำไว้ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว พวกเขาทำได้ดีมากทีเดียว การได้เอกนิษฐ์กลับมานั้นช่วยให้พวกเขามีแนวรุกที่น่ากลัวขึ้นมามาก ซึ่งนั้นคือสิ่งที่ทำให้เชียงรายมีคุณภาพที่สูงขึ้นในเกมส์บุกจากครึ่งแรกอยู่ไม่น้อย แต่เอกนิษฐ์นั้นแม้จะฟอร์มโดดเด่นในฤดูกาลนี้ แต่ด้วยความที่อายุยังน้อย การที่จะยืนระยะด้วยฟอร์มแบบนี้ไปจนจบฤดูกาลนั้น ยังคงเป็นคำถามที่ต้องให้เวลาที่เหลือเป็นผู้ตอบ ว่าเขาดีพอที่จะยืนเป็นจอมทัพในแนวบุกได้อย่างมั่นคงแค่ไหนต่อไป
8 เกมส์สุดท้ายของเชียงราย พวกเขาจะต้องเล่นในบ้านเพียง 3 เกมส์ และจะต้องออกไปเยือนถึง 5 เกมส์
แม้ไม่ใช่เกมส์ที่ติดกันมากนัก แต่ก็ยังคงไม่ใช่งานง่ายอยู่ดี เพราะใน 5 เกมส์เยือนนั้น ทีมส่วนใหญ่มีฟอร์มการเล่นในบ้านช่วง 7-8 เกมส์ของครึ่งฤดูกาลหลังที่ดุไม่น้อย อย่างสมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง สุพรรณ ซึ่งถ้าเสมอทีมเหล่านี้ แรงกดดันที่มีต่อบุรีรัมย์จะต้องลดลงอย่างแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันการจะเก็บ 3 แต้มจากเจ้าถิ่นเหล่านี้ก็ไม่ใช่ง่ายเช่นกัน ดังนั้นถ้าใช้มาตรฐานเดียวกัน ที่ทีมจะเป็นแชมป์น่าจะต้องมีแต้มมากกว่า 57 แต้มนั้น 5 เกมส์นอกบ้านของเชียงราย คงจะเป็นอุปสรรคสำคัญ และชิ้นใหญ่มากต่อเชียงรายในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ หวังว่าพวกเขาจะรักษามาตรฐานได้ไว้ได้ต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือนะ
อันดับสาม การท่าเรือ
ฟอร์มที่เคยโดดเด่นในครึ่งฤดูกาลแรกของพวกเขาเราอาจจะต้องลืมกันไปก่อน เพราะว่าทุกทีมในเวลานี้ล้วนเปลี่ยนไปแล้ว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ การท่าเรือมีการเสริมทีมที่ไม่ได้พัฒนาทีมให้ดีไปกว่าครึ่งฤดูกาลแรกมากเท่าไหร่ ทำให้เมื่อเทียบกับทีมอื่นๆ ในอันดับที่ต่ำกว่า ซึ่งพวกเขาเสริมทีมเพื่อยกระดับทีมได้ดีมากๆ นั่นทำให้ 7 เกมส์ หลังครึ่งฤดูกาลของการท่าเรือ มีฟอร์มที่ไม่ได้โดดเด่นเท่าครึ่งฤดูกาลแรก แต่นั่นไม่ใช่ว่าการท่าจะหลุดจากทีมบนของตารางไปได้ เพราะทีมบนของตารางล้วนได้รับผลจากการปรับทีมของทีมในส่วนกลาง และล่างของตารางด้วยกันทั้งนั้น นั่นคือเหตุผลที่การท่าเรือยังคงอยู่ในอันดับสามได้อยู่
ใน 8 เกมส์สุดท้ายของการท่าเรือนี้ 4 เกมส์เยือนนั้นล้วนหลักหนา เป็นโปรแกรมที่หนักที่สุดในบรรดาทีมบนของตาราง ส่วนเกมส์ในบ้านนั้น ถ้าดูจากฟอร์มในบ้านของการท่าเรือ 3 เกมส์ก่อนหน้าแล้ว คงไม่ง่ายที่พวกเขาจะไม่แพ้ใครเลยใน 4 เกมส์นั้น นั่นไม่สำคัญเท่าการที่จะมีกี่เกมส์ที่พวกเขาชนะในบ้าน
ดังนั้นจาก 8 เกมส์ข้างหน้าพวกเขาจะมีคะแนนมากถึง 13-14 คะแนนได้รึเปล่า ซึ่งแปลว่าการที่การท่าเรือจะจบฤดูกาลนี้ด้วยอันดับที่สาม เป็นเรื่องที่ยากเลยล่ะครับ
อันดับ 4 แบ๊งค๊อค
7 เกมส์หลังครึ่งฤดูกาล 3 เกมส์ในบ้าน และ 4 เกมส์เยือนของพวกเขานั้น ฟอร์มลดลงจากช่วงครึ่งฤดูกาลแรกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเกมส์ในบ้านกับโคราช และสุโขทัย ซึ่งสองทีมนี้ไม่ใช่สองทีมที่มีผลการแข่งขันในฐานะทีมเยือนได้ดีนัก แต่แบ๊งค๊อคไม่สามารถคว้าโอกาสในการเก็บสามแต้มไว้ได้ และยิ่งไปกว่านั้น ช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ทีมกลางตาราง และทีมโซนล่างของตาราง มีการปรับทีมให้มีคุณภาพมากขึ้นหลายทีม โดยเฉพาะเกมส์ในบ้าน ดังนั้น 4 เกมส์ที่ไปเยือนของแบ๊งค๊อค พวกเขาไม่ชนะใครเลย 7 เกมส์นี้พวกเขาเก็บแต้มได้น้อยมากๆ
8 เกมส์ที่เหลือของแบ๊งค๊อค พวกเขาจะได้เล่นในบ้านมากถึง 5 เกมส์ 5 เกมส์นี้พวกเขาจะต้องทำให้ดีที่สุด เพราะ 5 เกมส์คือโอกาสที่แท้จริงของพวกเขาในการที่จะขยับขึ้น หรือแม้กระทั่งยืนอยู่ตรงที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบัน เพราะมีทั้งการตัดแต้มการท่าเรือ และการเจอกับทีมที่เล่นเกมส์เยือนได้ไม่ดีนัก และอีกอย่างคือเกมส์เยือน 3 เกมส์นั้น ขนาดในเกมส์ที่มีโอกาสมากที่สุดอย่างการเจอกับประจวบ ก็ยังไม่ใช่งานง่ายของแบ๊งค๊อคในเวลานี้ สามเกมส์เยือนนี้เรียกได้ว่า เสมอคือความสำเร็จ ชนะคือกำไร แล้วล่ะ
อันดับ 5 สมุทรปราการ
สมุทรปราการมีแผลใหญ่ที่ในครึ่งฤดูกาลแรกไม่เผยออกมา นั่นคือการรับมือกับนักเตะกองหน้าต่างชาติ
อาจจะเป็นเพราะว่าในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกนั้น ทีมที่ใช้กองหน้าต่างชาติตัวใหญ่ทักษะดี คนเดียวเอาอยู่ ไม่ค่อยมี โดยเฉพาะกับทีมกลาง หรือท้ายตาราง และอีกสาเหตุก็คงเป็นเพราะว่า นักเตะสมุทรปราการเริ่มที่จะกรอบจากการลงเตะในลีก เนื่องจากนักเตะส่วนใหญ่ของสมุทรปราการ ยังไม่ใช่นักเตะที่มากประสบการณ์อะไรนัก ดังนั้นพอถึงเวลานี้ ความล้าน่าจะมีผลต่อพวกเขาอยู่ไม่น้อย และสมุทรปราการเองก็ไม่ใช่ทีมใหญ่ที่จะมีนักเตะคุณภาพเท่ากันในตำแหน่งสำรองอีกด้วย ฟอร์มของพวกเขาจึงลดลงในครึ่งหลังของฤดูกาล โดยเฉพาะเกมส์รับ ที่ไม่สามารถหยุดกองหน้าต่างชาติของทีมคู่แข่งได้เลย ทีมใหญ่มีกองหน้าต่างชาติ สองสามตัว สมุทรปราการมีอันต้องโดนทุกที 7 เกมส์ในครึ่งหลังของฤดูกาลนี้ พวกเขามีแต้มที่ไม่ได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนครึ่งแรก แต่ได้แต้มเท่ากับทีมร่วมกลุ่มอย่างแบ๊งค๊อค ซึ่งค่อนข้างน้อย
8 เกมส์ที่เหลือของสมุทรปราการนั้น งานหนักกว่าแบ๊งค๊อคค่อนข้างมาก การเป็นทีมเยือน 4 เกมส์ ที่มีการตัดแต้มกับการท่าเรือด้วย อาจจะเป็นผลดีต่อพวกเขาถ้าไม่แพ้ ส่วนอีกสามเกมส์นั้น มีเพียงการเยือนประจวบที่เป็นอีกทีมในกลุ่มฟอร์มการเล่นในบ้านแย่ลงกว่าครึ่งฤดูกาลก่อน
อีก 4 เกมส์ในฐานะเจ้าบ้านนั้น งานหนักแบบสุดๆ แต่ก็หวังว่าจะมีแต้มได้อยู่ เพียงแค่อาจจะไม่สวยหรู
ดูแล้วไม่ง่ายเลยที่จะยังรักษาอันดับนี้ไว้ได้จนจบฤดูกาล
อันดับ 6 เมืองทอง
เป็นทีมที่ดีที่สุดในการเล่นในบ้าน ในช่วง 7 เกมส์ของครึ่งฤดูกาลหลังนี้
พวกเขาเล่นในบ้าน 5 เกมส์ ชนะทุกเกมส์ เป็นทีมเดียวที่ไม่แพ้ หรือเสมอใครเลย
นั่นทำให้พวกเขาดีพอที่จะขึ้นมาอยู่อันดับ 6 ส่วนเกมส์นอกบ้าน 2 เกมส์ พวกเขาก็ไม่แพ้ เป็น 7 เกมส์ที่สวยหรูอย่างแท้จริง
แต่ 8 เกมส์ที่เหลือนี่คือความโหดอย่างแท้จริง โมเมนตั้มที่สร้างมา 7เกมส์ กำลังจะถูกทดสอบแล้ว
8 เกมส์ที่เหลือของเมืองทอง คือการไปเยือน 4 เกมส์ 2 ใน 4 เกมส์คือท่าเรือและสมุทรปราการ
ในเวลานี้พวกเขามีลุ้นการเก็บแต้มในฐานะเกมส์เยือนได้หลายแต้มอยู่ อาจจะเกือบ 10 แต้มได้เลย
แต่ในฐานะเจ้าบ้าน 4 เกมส์ การต้อนรับการมาเยือนของทั้ง บุรีรัมย์ ชลบุรี ระยอง และสุพรรณ ในเวลานี้
ไม่ใช่ว่าคว้าสามแต้มจากทีมเหล่านี้ แม้จะเล่นในบ้านตนเองได้นะครับ
การชนะในบ้านรวด 5 นัดนั่นถือว่ายอดเยี่ยม แต่กับ 4 ทีมนี้ ชนะไม่ง่ายแน่นอน
พาร์ทต่อไปจะเป็นครึ่งตารางหลังนะครับ พาร์ทสุดท้ายแล้ว
โค้งสุดท้ายไทยลีก 2019 ในโค้งของแต่ละทีมเป็นเช่นไรกันบ้าง 1/3
https://pantip.com/topic/39117776
โค้งสุดท้ายไทยลีก 2019 ในโค้งของแต่ละทีมเป็นเช่นไรกันบ้าง 2/3
https://pantip.com/topic/39117842
โค้งสุดท้ายไทยลีก 2019 ในโค้งของแต่ละทีมเป็นเช่นไรกันบ้าง 3/3
https://pantip.com/topic/39117874
ปล. แก้คำว่า สมุทธปราการ -> สมุทรปราการ