คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ภิกษุทั้งหลาย ! มีเรื่องราวในกาลก่อน : บุรุษผู้หนึ่ง ตั้งใจว่าจะคิดซึ่งความคิดเรื่องโลก จึงออกจากนครราชคฤห์ไปสู่สระบัวชื่อสุมาคธา แล้วนั่งคิดอยู่ที่ริมฝั่งสระ บุรุษนั้นได้เห็นแล้ว ซึ่งหมู่เสนาประกอบด้วยองค์สี่ (คือช้าง ม้า รถ พลเดินเท้า) ที่ฝั่งสระสุมาคธานั้น เข้าไปอยู่ๆ สู่เหง้ารากบัว ครั้นเขาเห็นแล้วเกิดความไม่เชื่อตัวเองว่า “เรานี้บ้าแล้ว เรานี้วิกลจริตแล้ว สิ่งใดไม่มีในโลก เราได้เห็นสิ่งนั้นแล้ว” ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! บุรุษนั้นกลับเข้าไปสู่นครแล้ว ป่าวร้องแก่มหาชน ว่า “ท่านผู้เจริญ ! ข้าพเจ้าเป็นบ้าแล้ว ข้าพเจ้าวิกลจริตแล้ว เพราะว่าสิ่งใดไม่มีอยู่ในโลก ข้าพเจ้ามาเห็นแล้วซึ่งสิ่งนั้น” ดังนี้
มีเสียงถามว่า “เห็นอะไรมา ?
”เขาบอกแล้วตามที่เห็นทุกประการ มีเสียงรับรองว่า “ถูกแล้ว ท่านผู้เจริญเอ๋ย ! ท่านเป็นบ้าแล้ว ท่านวิกลจริตแล้ว”.
ภิกษุทั้งหลาย ! แต่ว่าบุรุษนั้น ได้เห็นสิ่งที่มีจริง เป็นจริง หาใช่เห็นสิ่งไม่มีจริง ไม่เป็นจริงไม่.
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกาลก่อนดึกดำบรรพ์ : สงครามระหว่างพวกเทพกับอสูรได้ตั้งประชิดกันแล้ว ในสงครามครั้งนั้น พวกเทพเป็นฝ่ายชนะ อสูรเป็นฝ่ายแพ้ พวกอสูรกลัว แล้วแอบหนีไปสู่ภพแห่งอสูรโดยผ่านทางเหง้ารากบัว หลอกพวกเทพให้หลงค้นอยู่ (เรื่องของโลกย่อมพิสดารไม่สิ้นสุดถึงเพียงนี้).
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอทั้งหลาย จงอย่าคิดเรื่องโลก โดยนัยว่า :-
โลกเที่ยงหรือ ?
โลกไม่เที่ยงหรือ ?
โลกมีที่สุดหรือ ?
โลกไม่มีที่สุดหรือ ?
ชีพก็ดวงนั้น ร่างกายก็ร่างนั้นหรือ ?
ชีพก็ดวงอื่น ร่างกายก็ร่างอื่นหรือ ?
ตถาคตตายแล้ว ย่อมเป็นอย่างที่เป็นมาแล้วนั้น อีกหรือ ?
ตถาคตตายแล้ว ไม่เป็นอย่างที่เป็นมาแล้วนั้น อีกหรือ ?
ตถาคตตายแล้ว เป็นอย่างที่เป็นมาแล้วอีกก็มี ไม่เป็นก็มีหรือ ?
ตถาคตตายแล้ว เป็นอย่างที่เป็นมาแล้วอีกก็ไม่เชิง ไม่เป็นก็ไม่เชิงหรือ ?
เพราะเหตุไรจึงไม่ควรคิดเล่า ?
เพราะความคิดนั้น ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นเงื่อนต้นแห่งพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพานเลย.
ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อพวกเธอจะคิด จงคิดว่า :- เช่นนี้ๆ เป็นทุกข์ เช่นนี้ๆ เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เช่นนี้ๆ เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์ เช่นนี้ๆ เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ดังนี้.
เพราะเหตุไรจึงควรคิดเล่า ?
เพราะความคิดนี้ ย่อมประกอบด้วยประโยชน์ เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์ เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน.
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึงทำความเพียรเพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า :- นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ นี้เป็นความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ดังนี้เถิด.
ภิกษุทั้งหลาย ! บุรุษนั้นกลับเข้าไปสู่นครแล้ว ป่าวร้องแก่มหาชน ว่า “ท่านผู้เจริญ ! ข้าพเจ้าเป็นบ้าแล้ว ข้าพเจ้าวิกลจริตแล้ว เพราะว่าสิ่งใดไม่มีอยู่ในโลก ข้าพเจ้ามาเห็นแล้วซึ่งสิ่งนั้น” ดังนี้
มีเสียงถามว่า “เห็นอะไรมา ?
”เขาบอกแล้วตามที่เห็นทุกประการ มีเสียงรับรองว่า “ถูกแล้ว ท่านผู้เจริญเอ๋ย ! ท่านเป็นบ้าแล้ว ท่านวิกลจริตแล้ว”.
ภิกษุทั้งหลาย ! แต่ว่าบุรุษนั้น ได้เห็นสิ่งที่มีจริง เป็นจริง หาใช่เห็นสิ่งไม่มีจริง ไม่เป็นจริงไม่.
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกาลก่อนดึกดำบรรพ์ : สงครามระหว่างพวกเทพกับอสูรได้ตั้งประชิดกันแล้ว ในสงครามครั้งนั้น พวกเทพเป็นฝ่ายชนะ อสูรเป็นฝ่ายแพ้ พวกอสูรกลัว แล้วแอบหนีไปสู่ภพแห่งอสูรโดยผ่านทางเหง้ารากบัว หลอกพวกเทพให้หลงค้นอยู่ (เรื่องของโลกย่อมพิสดารไม่สิ้นสุดถึงเพียงนี้).
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอทั้งหลาย จงอย่าคิดเรื่องโลก โดยนัยว่า :-
โลกเที่ยงหรือ ?
โลกไม่เที่ยงหรือ ?
โลกมีที่สุดหรือ ?
โลกไม่มีที่สุดหรือ ?
ชีพก็ดวงนั้น ร่างกายก็ร่างนั้นหรือ ?
ชีพก็ดวงอื่น ร่างกายก็ร่างอื่นหรือ ?
ตถาคตตายแล้ว ย่อมเป็นอย่างที่เป็นมาแล้วนั้น อีกหรือ ?
ตถาคตตายแล้ว ไม่เป็นอย่างที่เป็นมาแล้วนั้น อีกหรือ ?
ตถาคตตายแล้ว เป็นอย่างที่เป็นมาแล้วอีกก็มี ไม่เป็นก็มีหรือ ?
ตถาคตตายแล้ว เป็นอย่างที่เป็นมาแล้วอีกก็ไม่เชิง ไม่เป็นก็ไม่เชิงหรือ ?
เพราะเหตุไรจึงไม่ควรคิดเล่า ?
เพราะความคิดนั้น ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นเงื่อนต้นแห่งพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพานเลย.
ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อพวกเธอจะคิด จงคิดว่า :- เช่นนี้ๆ เป็นทุกข์ เช่นนี้ๆ เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เช่นนี้ๆ เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์ เช่นนี้ๆ เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ดังนี้.
เพราะเหตุไรจึงควรคิดเล่า ?
เพราะความคิดนี้ ย่อมประกอบด้วยประโยชน์ เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์ เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน.
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึงทำความเพียรเพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า :- นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ นี้เป็นความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ดังนี้เถิด.
แสดงความคิดเห็น
โลกจินดาคืออะไร