สวัสดีครับ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ผมกับแฟนคบกันมาได้นาน หลายปีแล้ว ยังไม่มีลูกด้วยกัน ผมตั้งใจทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งผมเป็นฝ่ายทำงานหาเงินคนเดียว ส่วนแฟนผมเนื่องจากสุขภาพไม่ค่อยจะดีนักเลยให้อยู่ดูงานบ้านอย่างเดียว แต่เงินที่หามาได้ไม่ค่อยจะมีพอเก็บ ทั้งต้องจ่ายภาระหนี้ บ่อยครั้งที่ไม่พอจนถึงสิ้นเดือน เราใช้ชีวิตกันอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย สำหรับตัวผมเองจากที่เคยใช้จ่ายเยอะ พอมาใช้ชีวิตคู่ก็ต้องปรับตัวให้ประหยัด โดยคิดไว้ว่าวันหนึ่งจะสร้างฐานะที่มั่นคงขึ้นมาได้ ปัญหาของผมมีอยู่ว่า
1. ส่วนใหญ่เงินที่หามาได้ ผมต้องเอาไปช่วยเหลือ ด้านครอบครัวของแฟน ซึ่งผมเองก็ปฏิเสฐไม่ได้ ซึ่งบ่อยครั้งที่ทำให้ไม่เหลือเงินเก็บ ซึ่งแฟนผมเขาก็รู้ดี จนผมไม่เหลือเงินที่จะส่งให้ทางบ้านผมได้เลย ถึงแม้ว่าทางบ้านผม มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าทางบ้านแฟนอยู่มาก บางครั้งทางบ้านผมถามว่ามีเงินใช้ไหมลูก ผมยังตอบทั้งน้ำตาเลยว่ามีพอใช้ครับ ทั้งที่ตอนนั้นผมเหลือเงินติดตัวเพียงไม่กี่บาท แต่ก็ไม่อยากให้ท่านมองไปถึงว่าแฟนเราไม่ได้ช่วยอะไร บ่อยครั้งที่น้อยใจที่มันขัดกับความรู้สึกที่ว่า พ่อแม่เราเลี้ยงเรามาส่งเราเรียนสูงๆ จบออกมาเขาก็ต้องหวังให้เราเลี้ยงดูเขาในยามชราบ้าง แต่แฟนผมเขามองว่าพ่อแม่ผมท่านมีความเป็นอยู่ดีกว่าของทางแฟนผมมากเขามองเห็นแต่ฝ่ายเขาว่าด้อยกว่ามากควรช่วยเหลือมากกว่าเหมือนมองว่าทางบ้านผมช่วยเหลือตัวเองได้อยู่แล้ว ซึ่งมันทำให้ผมเกิดความคับคั่งใจกับตัวเอง ว่าพ่อแม่ตัวเองแท้ๆกลับไม่ได้ช่วยเหลือท่านเลย
2. พักหลังมานี้ผมเริ่ม ทำบัญชี รายรับ รายจ่าย เพื่อควบคุมงบประมาณ และหาช่องทางรายได้เพิ่ม พยายามพัฒนาตัวเอง แต่มันก็เหมือนว่ายังไม่เร็วให้ทันใจเธอ แต่พอทุกครั้งที่เราเริ่มพูดเรื่องเงินกัน จะได้เป็นเรื่องทะเลาะกันทุกที ผมไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องเงินให้เธอเข้าใจได้ยังไง เพราะเธอก็ไม่เก่งเรื่องคิดคำนวน แต่กับเธอเรื่องคำนวนตัวเลขผมไม่ได้ให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ ผมจะให้ความสำคัญเรื่องทัศนคติ แนวคิด เรื่องเงิน ของคนรวยกับคนจน แต่พอพูดถึงเรื่องนี้ ก็ถึงคราวที่ต้องทะเลาะกันอีกรอบ เหมือนกันว่า คำว่าจน มันฝังอยู่ในหัวเธอซึ่งผมไม่สามารถฝังคำว่ารวยเข้าไปแทนที่ได้ เหมือนกับผมที่ต้องคิดและทำอย่างคนรวย แต่กับเธอผมไม่สามารถชี้นำให้เธอคิดเหมือนผมได้เลย ลองมาหลายรอบแล้ว แต่สุดท้ายจบที่คำว่า เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก
3. มุมมองเรื่องการเงินของผม คิดว่าทำยังไงจะให้เงินที่หามาได้มีมากขึ้น แต่มุมมองของเธอ คิดว่าถ้ามีเงินจะซื้ออะไรดีจะเข้าคลีนิกเสริมไหนดี ซึ่งผมมองว่าถ้าผมปล่อยให้เธอเป็นผู้บริหารเงิน เราคงอดตายกันแน่ และเมื่อผมแย้งกับเธอว่า ให้เราเก็บเงินให้มากพอก่อน แล้วเราค่อยเอาเงินที่สะสมและทำกำไรจากส่วนนั้นแบ่งมาใช้จ่าย เธอตอบว่าเมื่อไหรจะถึงวันนั้นสักที ถ้าใจผมอยากจะเสกให้ได้ ณ ตอนนี้เลย แต่โดยธรรมชาติความเป็นจริงแล้ว ก็คงมีแต่การเสี่ยงโชคเท่านั้นละที่เป็นได้ ถ้าเราเอาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เตรียมว่าจะปลูกมากินเสียก่อน แล้วเราจะเหลือเมล็ดพันธ์ข้าวที่ไหนไว้ปลูกเพื่อให้ผลผลิตในปีต่อๆไป (ผมรู้ว่าเราเศรษฐีดังๆแต่ละคน เขาก็ใช้เวลาสร้างตัวเหมือนกันนั่นแหละ เหมือนต้นไม้ใหญ่ก็เกิดจากจากเมล็ดพันธ์เล็กๆเหมือนกันนี่แหละครับ แต่ติดตรงที่ว่า ผมอธิบายให้เธอเข้าใจไม่ได้ เหมือนมันมีกำแพงกันอยู่ )
4. เรามีเรื่องทะเลาะกันเกือบทุกวัน ส่วนมาก จะเป็นเรื่องที่ผมพูดหรือไม่หวานไม่โรแมนติกไม่ถูกใจแฟน ซึ่งบางครั้งผมก็เหนื่อยจากงาน มีปัญหาจากงาน ทุกนาทีหรือทุกเวลา ผมสนใจแต่กับเรื่องช่องทางหารายได้ ซึ่งบางครั้งมันทำให้ผมขาดความพีถีพิถันใส่ใจเรื่องเล็กน้อยบางเรื่อง ในการพูดหรือการกระทำกับแฟน เลยทำให้เธองอล ซึ่งทุกครั้งเลยก็ว่าได้ มันทำให้ผมทำงาน หรือคิดวิตกอยู่ตลอด เหมือนตัวเองทำอะไรผิดไปแบบไม่ตั้งใจ หรือบางครั้งยังงงอยู่ว่า เราผิดตรงไหน เราพลาดตรงไหน บางครั้งก็น้อยใจที่แฟนไม่เข้าใจกันบ้างเลย ตลอดเวลาที่ตื่นจนหลับ ผมต้องทำงานเหนื่อยแค่ไหน คิดเรื่องงานเรื่องเงินไม่มีหยุด หาทางพัฒนาให้ตัวเองก้าวหน้าอยู่เสมอ คนที่ได้ประโยชน์ก็คือเธอ ความรู้สึกมันเหมือนแบกใครสักคนไว้บนหลัง เหนื่อยก็มาก ทำเพื่อเขา แต่โดนบ่นโดนว่า คิดในใจว่าถ้าผมเป็นคนไม่มีหัวใจผมคงทิ้งคนบนหลังไปนานแล้ว แต่มันทำไม่ได้ ถ้าผมทิ้งเธอไป ชีวิตเธอจะเป็นอย่างไร เธอจะเจอคนที่ดีกว่าไหม เธอจะทำงานอะไร เพราะสิ่งที่เธอจะทำงานแล้วได้เงินไวที่เธอพูดก็มีแค่ไม่กี่อย่าง (ไม่ขอพูดแล้วกันนะครับ)
5. กับเธอคนนี้ผม ทุ่มเทให้มากทั้งกายและใจ ถ้าไม่มีเธออยู่แล้ว ผมไม่อยากมีใครเข้ามาในชีวิตอีก คิดว่าทุกขที่สุดแล้ว ไม่อยากมีอีก กับเธอคนนี้ เธอได้ทุกอย่างจากผมมากกว่าทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม แต่ถึงจะบอกให้เธอได้ยินยังไง ก็เหมือนจะไม่ได้ยิน
6. ทุกวันนี้ผมเป็นคนระแวง ไม่ค่อยพูด กลายเป็นคนเงียบในสายตาเธอ กลายเป็นคนไม่กล้าพูดแบบตอบกลับไปทันที กับเธอเลย เพราะกลัวว่าบางคำที่ผมพูดแบบไม่ยั้งคิด มันกระทบจิตใจเธอ โดยทุกครั้งของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เธอจะเปลี่ยนเป็นคนละคน เงียบ พูดจาตัดพ้อประชดประชัน เศร้า หรือกร้าวร้าว แล้วแต่กรณีไป เหมือนเธอเล่นสงครามจิตวิทยากับผมยังไงยังงั้น ซึ่งบ่อยครั้ง มันจะเป็นตอนที่ผมต้องทำงาน และงานยุ่งอยู่มากๆ ความรู้สึกเหมือนประมาณ เรากำลังทำสิ่งหนึ่งที่เราไม่ชอบและอึดอัดอยู่แล้ว และต้องทำให้เสร็จด้วย และแล้วแฟนก็มาทะเลาะอีก งานต้องให้เสร็จทันกำหนด เครียดกับแฟนในหัวสมองอีก อยากระบายกับคนรู้จักหรือใครก็ไม่ได้ เพราะเรื่องทะเลาะภายในแบบนี้ไม่ควรระบายให้ใครรู้ ต่างกันกับผมโดยสิ้นเชิง เวลาเธอมีปัญหาทะเลาะกับผม เธอระบายผ่านแชตผ่านโซเชียลทุกอย่างหรือแม้กระทั่งคนรอบข้างและคนรอบตัวเธอ
7.ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ การจะมีชีวิตคู่ ต้องอยู่อย่างเสียสละซึ่งกันและกัน แต่ที่ผ่านมาใจผมลึกๆบางครั้งมันก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ว่าทำไมเราทั้งที่ว่าเราทำให้เขาไม่ถูกใจแต่เรื่องเล็กน้อย เช่น พูดโดยไม่ยั้งคิด โดนต่อมความรู้สึกของเขา หรือด้วยความเหนื่อยล้าทำให้เรากระทำพลาดหรือไม่ประทับใจ ทำไมไม่ปล่อยมันผ่านไปบ้าง ทั้งที่บางอย่างผมไม่เอามาใส่ใจด้วยซ้ำ เหมือนกับว่า เราเสียสละอยู่ฝ่ายเดียวหรือยังไง
8. ผมคิดบวกมาตลอดว่า คนเราสามารถสอนให้เขามีทัศนคติไปในทางที่เราอยากให้เขาเข้าใจได้ แต่มาวันนี้ ผมพึ่งเข้าใจกับตัวเองแล้วว่า ยากที่สุดก็คือแฟนเรา มันยากถึงขนาดว่าอาจต้องแลกด้วยการเลิกรากัน
9. ผมอาจจะเป็นคนที่ไม่เข้าใจผู้หญิงเลยก็ว่าได้ เพราะส่วนใหญ่ ผมตามอารมณ์เธอไม่ทัน ไม่รู้เลยว่าเปิดประตูเข้าบ้านมา เธออารมณ์ดีหรือร้าย แต่บ่อยครั้งเธอก็ไม่สังเกตุอาการผมด้วยซ้ำว่า ผมมีปัญหาเรื่องงานจากที่ทำงานหรือเหนื่อยมายังไงบ้หาง ราวกับว่า ผมจะมาในสภาพไหนก็ตาม ต้องคุยแบบเข้าใจอารมณ์เธอ มีครั้งหนึ่ง ผมกลับเข้าบ้านด้วย สภาพที่เหนื่อยล้าจากที่ทำงาน และกำลังคิด หรือนั่งเงียบอยู่ เธอกลับมองว่าผมไม่พูดหรืออารมณ์ไม่ดีกับเธอซะงั้น สุดท้ายกลายเป็น น้ำผึ้งหยดเดียว จนทุกครั้ง จนทำให้ผมทำตัวไม่ถูกเลยว่าต้องทำอย่างไรดี
10. ทุกวันนี้อาจไม่ได้หวานเหมือนคบกันใหม่ๆ แต่ทุกอย่างก็ตั้งใจทำเพื่อสร้างครอบครัว อาจเป็นเพราะผมมุ่งมั่นจนเกินไป เลยปล่อยให้เธอต้องอยู่บ้าน อยู่กับสมาร์ทโฟน ที่สามารถดูได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งที่เธอชอบต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าว ดารา สังคม ความงาม บันเทิง ยกเว้นอย่างเดียวที่ผมเคยส่งให้เธอดูแต่ได้ผลคือ การเงิน (ผมไม่ได้ต้องการให้เธอต้องหาเงินหรือเป็นคนเก่งเรื่องงบการเงินแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ผมต้องการคือ ขอแค่ ให้เข้าใจทัศนคติเรื่องการเงิน ในแบบที่เศรษฐีเขาทำกันยังไง แค่นี้ก็แบ่งเบาภาระผมไปได้มากแล้วครับ)
11. อันที่จริงแฟนผมเขาก็มีความคิดอยากหาเงินช่วยอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ติดที่ว่าไอเดียแต่ละอย่าง มันต้องใช้เงินทุนหลักแสนทั้งนั้น ซึ่งผมต้องใช้เวลาสะสมที่ค่อนข้างนานเนื่องจากรายจายที่มากอยู่ ณ ตอนนี้ และถ้าจะทำได้จริงก็หมายความว่า ผมต้องทิ้งงานประจำที่ผมทำอยู่ไปช่วยเธอ ซึ่งผมมองว่ามันเสี่ยงเกินไปสำหรับเราทั้งคู่ในตอนนี้
12.ปัญหาที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ผมกับแฟน เราคุยกันเป็นหัวข้อตรงๆแบบนี้กันไมได้ เพราะไม่ว่าจะขึ้นต้นว่ายังไงแต่สุดท้ายเธอจะชอบพูดโยงไปถึงการไม่มีโอกาสทางสังคม ที่เธอมีตอนเด็กๆ จนสุดท้ายมันก็ทำผมและเธอไม่อยากจะคุยต่อ ใจหนึ่งก็เจ็บแทนเหมือนกัน และอีกใจหนึ่งก็อยากให้เธอละทิ้งความคิดในอดีตเพื่อรับสิ่งดีๆที่อยู่ตรงหน้า แต่มันคุยกันต่อไม่ได้จริงๆ ไม่ผม ก็เป็นเธอที่มีน้ำตา และผมก็ลองหลายครั้งแล้ว จนมันลามปัญหาไปสู่ถึงขั้นที่เราจะเลิกกันนับหลายสิบครั้ง แต่ผมทิ้งเธอไม่ได้ ด้วยรักก็ส่วนหนึ่ง และด้วยความที่ต้องรับผิดชอบก็ส่วนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นถ้าเธอต้องการจะไปผมก็คงรั้งไว้ไม่อยู่
***สรุป ผมอยากจะขอคำชี้แนะจากหลายๆท่านที่ประสบเจอปัญหาและลักษณะนี้ มีวิธีการแก้ไข หรือหาทางออก ยังไงบ้างครับ เผื่อเป็นทางออกของอีกหลายๆคนที่เป็นเหมือนกันกับผมครับ อาจจะยาวไปหน่อยต้องขออภัยด้วยครับ
ปัญหาชีวิตคู่ เส้นทางที่ไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ใครพอชี้แนะได้บ้าง หรือมีวิธียังไง
1. ส่วนใหญ่เงินที่หามาได้ ผมต้องเอาไปช่วยเหลือ ด้านครอบครัวของแฟน ซึ่งผมเองก็ปฏิเสฐไม่ได้ ซึ่งบ่อยครั้งที่ทำให้ไม่เหลือเงินเก็บ ซึ่งแฟนผมเขาก็รู้ดี จนผมไม่เหลือเงินที่จะส่งให้ทางบ้านผมได้เลย ถึงแม้ว่าทางบ้านผม มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าทางบ้านแฟนอยู่มาก บางครั้งทางบ้านผมถามว่ามีเงินใช้ไหมลูก ผมยังตอบทั้งน้ำตาเลยว่ามีพอใช้ครับ ทั้งที่ตอนนั้นผมเหลือเงินติดตัวเพียงไม่กี่บาท แต่ก็ไม่อยากให้ท่านมองไปถึงว่าแฟนเราไม่ได้ช่วยอะไร บ่อยครั้งที่น้อยใจที่มันขัดกับความรู้สึกที่ว่า พ่อแม่เราเลี้ยงเรามาส่งเราเรียนสูงๆ จบออกมาเขาก็ต้องหวังให้เราเลี้ยงดูเขาในยามชราบ้าง แต่แฟนผมเขามองว่าพ่อแม่ผมท่านมีความเป็นอยู่ดีกว่าของทางแฟนผมมากเขามองเห็นแต่ฝ่ายเขาว่าด้อยกว่ามากควรช่วยเหลือมากกว่าเหมือนมองว่าทางบ้านผมช่วยเหลือตัวเองได้อยู่แล้ว ซึ่งมันทำให้ผมเกิดความคับคั่งใจกับตัวเอง ว่าพ่อแม่ตัวเองแท้ๆกลับไม่ได้ช่วยเหลือท่านเลย
2. พักหลังมานี้ผมเริ่ม ทำบัญชี รายรับ รายจ่าย เพื่อควบคุมงบประมาณ และหาช่องทางรายได้เพิ่ม พยายามพัฒนาตัวเอง แต่มันก็เหมือนว่ายังไม่เร็วให้ทันใจเธอ แต่พอทุกครั้งที่เราเริ่มพูดเรื่องเงินกัน จะได้เป็นเรื่องทะเลาะกันทุกที ผมไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องเงินให้เธอเข้าใจได้ยังไง เพราะเธอก็ไม่เก่งเรื่องคิดคำนวน แต่กับเธอเรื่องคำนวนตัวเลขผมไม่ได้ให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ ผมจะให้ความสำคัญเรื่องทัศนคติ แนวคิด เรื่องเงิน ของคนรวยกับคนจน แต่พอพูดถึงเรื่องนี้ ก็ถึงคราวที่ต้องทะเลาะกันอีกรอบ เหมือนกันว่า คำว่าจน มันฝังอยู่ในหัวเธอซึ่งผมไม่สามารถฝังคำว่ารวยเข้าไปแทนที่ได้ เหมือนกับผมที่ต้องคิดและทำอย่างคนรวย แต่กับเธอผมไม่สามารถชี้นำให้เธอคิดเหมือนผมได้เลย ลองมาหลายรอบแล้ว แต่สุดท้ายจบที่คำว่า เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก
3. มุมมองเรื่องการเงินของผม คิดว่าทำยังไงจะให้เงินที่หามาได้มีมากขึ้น แต่มุมมองของเธอ คิดว่าถ้ามีเงินจะซื้ออะไรดีจะเข้าคลีนิกเสริมไหนดี ซึ่งผมมองว่าถ้าผมปล่อยให้เธอเป็นผู้บริหารเงิน เราคงอดตายกันแน่ และเมื่อผมแย้งกับเธอว่า ให้เราเก็บเงินให้มากพอก่อน แล้วเราค่อยเอาเงินที่สะสมและทำกำไรจากส่วนนั้นแบ่งมาใช้จ่าย เธอตอบว่าเมื่อไหรจะถึงวันนั้นสักที ถ้าใจผมอยากจะเสกให้ได้ ณ ตอนนี้เลย แต่โดยธรรมชาติความเป็นจริงแล้ว ก็คงมีแต่การเสี่ยงโชคเท่านั้นละที่เป็นได้ ถ้าเราเอาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เตรียมว่าจะปลูกมากินเสียก่อน แล้วเราจะเหลือเมล็ดพันธ์ข้าวที่ไหนไว้ปลูกเพื่อให้ผลผลิตในปีต่อๆไป (ผมรู้ว่าเราเศรษฐีดังๆแต่ละคน เขาก็ใช้เวลาสร้างตัวเหมือนกันนั่นแหละ เหมือนต้นไม้ใหญ่ก็เกิดจากจากเมล็ดพันธ์เล็กๆเหมือนกันนี่แหละครับ แต่ติดตรงที่ว่า ผมอธิบายให้เธอเข้าใจไม่ได้ เหมือนมันมีกำแพงกันอยู่ )
4. เรามีเรื่องทะเลาะกันเกือบทุกวัน ส่วนมาก จะเป็นเรื่องที่ผมพูดหรือไม่หวานไม่โรแมนติกไม่ถูกใจแฟน ซึ่งบางครั้งผมก็เหนื่อยจากงาน มีปัญหาจากงาน ทุกนาทีหรือทุกเวลา ผมสนใจแต่กับเรื่องช่องทางหารายได้ ซึ่งบางครั้งมันทำให้ผมขาดความพีถีพิถันใส่ใจเรื่องเล็กน้อยบางเรื่อง ในการพูดหรือการกระทำกับแฟน เลยทำให้เธองอล ซึ่งทุกครั้งเลยก็ว่าได้ มันทำให้ผมทำงาน หรือคิดวิตกอยู่ตลอด เหมือนตัวเองทำอะไรผิดไปแบบไม่ตั้งใจ หรือบางครั้งยังงงอยู่ว่า เราผิดตรงไหน เราพลาดตรงไหน บางครั้งก็น้อยใจที่แฟนไม่เข้าใจกันบ้างเลย ตลอดเวลาที่ตื่นจนหลับ ผมต้องทำงานเหนื่อยแค่ไหน คิดเรื่องงานเรื่องเงินไม่มีหยุด หาทางพัฒนาให้ตัวเองก้าวหน้าอยู่เสมอ คนที่ได้ประโยชน์ก็คือเธอ ความรู้สึกมันเหมือนแบกใครสักคนไว้บนหลัง เหนื่อยก็มาก ทำเพื่อเขา แต่โดนบ่นโดนว่า คิดในใจว่าถ้าผมเป็นคนไม่มีหัวใจผมคงทิ้งคนบนหลังไปนานแล้ว แต่มันทำไม่ได้ ถ้าผมทิ้งเธอไป ชีวิตเธอจะเป็นอย่างไร เธอจะเจอคนที่ดีกว่าไหม เธอจะทำงานอะไร เพราะสิ่งที่เธอจะทำงานแล้วได้เงินไวที่เธอพูดก็มีแค่ไม่กี่อย่าง (ไม่ขอพูดแล้วกันนะครับ)
5. กับเธอคนนี้ผม ทุ่มเทให้มากทั้งกายและใจ ถ้าไม่มีเธออยู่แล้ว ผมไม่อยากมีใครเข้ามาในชีวิตอีก คิดว่าทุกขที่สุดแล้ว ไม่อยากมีอีก กับเธอคนนี้ เธอได้ทุกอย่างจากผมมากกว่าทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม แต่ถึงจะบอกให้เธอได้ยินยังไง ก็เหมือนจะไม่ได้ยิน
6. ทุกวันนี้ผมเป็นคนระแวง ไม่ค่อยพูด กลายเป็นคนเงียบในสายตาเธอ กลายเป็นคนไม่กล้าพูดแบบตอบกลับไปทันที กับเธอเลย เพราะกลัวว่าบางคำที่ผมพูดแบบไม่ยั้งคิด มันกระทบจิตใจเธอ โดยทุกครั้งของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เธอจะเปลี่ยนเป็นคนละคน เงียบ พูดจาตัดพ้อประชดประชัน เศร้า หรือกร้าวร้าว แล้วแต่กรณีไป เหมือนเธอเล่นสงครามจิตวิทยากับผมยังไงยังงั้น ซึ่งบ่อยครั้ง มันจะเป็นตอนที่ผมต้องทำงาน และงานยุ่งอยู่มากๆ ความรู้สึกเหมือนประมาณ เรากำลังทำสิ่งหนึ่งที่เราไม่ชอบและอึดอัดอยู่แล้ว และต้องทำให้เสร็จด้วย และแล้วแฟนก็มาทะเลาะอีก งานต้องให้เสร็จทันกำหนด เครียดกับแฟนในหัวสมองอีก อยากระบายกับคนรู้จักหรือใครก็ไม่ได้ เพราะเรื่องทะเลาะภายในแบบนี้ไม่ควรระบายให้ใครรู้ ต่างกันกับผมโดยสิ้นเชิง เวลาเธอมีปัญหาทะเลาะกับผม เธอระบายผ่านแชตผ่านโซเชียลทุกอย่างหรือแม้กระทั่งคนรอบข้างและคนรอบตัวเธอ
7.ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ การจะมีชีวิตคู่ ต้องอยู่อย่างเสียสละซึ่งกันและกัน แต่ที่ผ่านมาใจผมลึกๆบางครั้งมันก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ว่าทำไมเราทั้งที่ว่าเราทำให้เขาไม่ถูกใจแต่เรื่องเล็กน้อย เช่น พูดโดยไม่ยั้งคิด โดนต่อมความรู้สึกของเขา หรือด้วยความเหนื่อยล้าทำให้เรากระทำพลาดหรือไม่ประทับใจ ทำไมไม่ปล่อยมันผ่านไปบ้าง ทั้งที่บางอย่างผมไม่เอามาใส่ใจด้วยซ้ำ เหมือนกับว่า เราเสียสละอยู่ฝ่ายเดียวหรือยังไง
8. ผมคิดบวกมาตลอดว่า คนเราสามารถสอนให้เขามีทัศนคติไปในทางที่เราอยากให้เขาเข้าใจได้ แต่มาวันนี้ ผมพึ่งเข้าใจกับตัวเองแล้วว่า ยากที่สุดก็คือแฟนเรา มันยากถึงขนาดว่าอาจต้องแลกด้วยการเลิกรากัน
9. ผมอาจจะเป็นคนที่ไม่เข้าใจผู้หญิงเลยก็ว่าได้ เพราะส่วนใหญ่ ผมตามอารมณ์เธอไม่ทัน ไม่รู้เลยว่าเปิดประตูเข้าบ้านมา เธออารมณ์ดีหรือร้าย แต่บ่อยครั้งเธอก็ไม่สังเกตุอาการผมด้วยซ้ำว่า ผมมีปัญหาเรื่องงานจากที่ทำงานหรือเหนื่อยมายังไงบ้หาง ราวกับว่า ผมจะมาในสภาพไหนก็ตาม ต้องคุยแบบเข้าใจอารมณ์เธอ มีครั้งหนึ่ง ผมกลับเข้าบ้านด้วย สภาพที่เหนื่อยล้าจากที่ทำงาน และกำลังคิด หรือนั่งเงียบอยู่ เธอกลับมองว่าผมไม่พูดหรืออารมณ์ไม่ดีกับเธอซะงั้น สุดท้ายกลายเป็น น้ำผึ้งหยดเดียว จนทุกครั้ง จนทำให้ผมทำตัวไม่ถูกเลยว่าต้องทำอย่างไรดี
10. ทุกวันนี้อาจไม่ได้หวานเหมือนคบกันใหม่ๆ แต่ทุกอย่างก็ตั้งใจทำเพื่อสร้างครอบครัว อาจเป็นเพราะผมมุ่งมั่นจนเกินไป เลยปล่อยให้เธอต้องอยู่บ้าน อยู่กับสมาร์ทโฟน ที่สามารถดูได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งที่เธอชอบต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าว ดารา สังคม ความงาม บันเทิง ยกเว้นอย่างเดียวที่ผมเคยส่งให้เธอดูแต่ได้ผลคือ การเงิน (ผมไม่ได้ต้องการให้เธอต้องหาเงินหรือเป็นคนเก่งเรื่องงบการเงินแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ผมต้องการคือ ขอแค่ ให้เข้าใจทัศนคติเรื่องการเงิน ในแบบที่เศรษฐีเขาทำกันยังไง แค่นี้ก็แบ่งเบาภาระผมไปได้มากแล้วครับ)
11. อันที่จริงแฟนผมเขาก็มีความคิดอยากหาเงินช่วยอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ติดที่ว่าไอเดียแต่ละอย่าง มันต้องใช้เงินทุนหลักแสนทั้งนั้น ซึ่งผมต้องใช้เวลาสะสมที่ค่อนข้างนานเนื่องจากรายจายที่มากอยู่ ณ ตอนนี้ และถ้าจะทำได้จริงก็หมายความว่า ผมต้องทิ้งงานประจำที่ผมทำอยู่ไปช่วยเธอ ซึ่งผมมองว่ามันเสี่ยงเกินไปสำหรับเราทั้งคู่ในตอนนี้
12.ปัญหาที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ผมกับแฟน เราคุยกันเป็นหัวข้อตรงๆแบบนี้กันไมได้ เพราะไม่ว่าจะขึ้นต้นว่ายังไงแต่สุดท้ายเธอจะชอบพูดโยงไปถึงการไม่มีโอกาสทางสังคม ที่เธอมีตอนเด็กๆ จนสุดท้ายมันก็ทำผมและเธอไม่อยากจะคุยต่อ ใจหนึ่งก็เจ็บแทนเหมือนกัน และอีกใจหนึ่งก็อยากให้เธอละทิ้งความคิดในอดีตเพื่อรับสิ่งดีๆที่อยู่ตรงหน้า แต่มันคุยกันต่อไม่ได้จริงๆ ไม่ผม ก็เป็นเธอที่มีน้ำตา และผมก็ลองหลายครั้งแล้ว จนมันลามปัญหาไปสู่ถึงขั้นที่เราจะเลิกกันนับหลายสิบครั้ง แต่ผมทิ้งเธอไม่ได้ ด้วยรักก็ส่วนหนึ่ง และด้วยความที่ต้องรับผิดชอบก็ส่วนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นถ้าเธอต้องการจะไปผมก็คงรั้งไว้ไม่อยู่
***สรุป ผมอยากจะขอคำชี้แนะจากหลายๆท่านที่ประสบเจอปัญหาและลักษณะนี้ มีวิธีการแก้ไข หรือหาทางออก ยังไงบ้างครับ เผื่อเป็นทางออกของอีกหลายๆคนที่เป็นเหมือนกันกับผมครับ อาจจะยาวไปหน่อยต้องขออภัยด้วยครับ