[CR] ANYDAY VACATION | ตอนขับรถเที่ยวเส้นทางยอดนิยมMunich-Austria ตอนใต้-Cesky Krumlov-Prague Day4

ความเดิมตอนที่แล้ว Day 3 https://pantip.com/topic/39106268
ฝากเป็นกำลังใจและติดตามพวกเรากันได้ที่ช่องทางอื่นๆใน
Youtube : https://bit.ly/2GA80nr
Facebook : https://bit.ly/32Y3LvK

Day 4 Mittenwald-Innsbruck
 
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ พยายามนึกข้อดีของการพักที่โรงแรม Hotel weinbauer ใน Schwangau สรุปได้ว่า
⁃ ในราคา104 ยูโร พวกเราได้ห้องพักที่กว้างขวาง ห้องน้ำที่พื้นห้องน้ำปรับให้อุ่นได้จาก heater, Wifi ใช้งานได้ดี, ราคานี้รวมอาหารเช้าสำหรับทั้ง2 คนและจอดรถได้ฟรี รอบบริเวณโรงแรมทั้งด้านหน้าและหลัง จึงถือว่าครบบบในราคาที่สมเหตุผล
⁃ ตรงข้ามโรงแรมมี Supermarket เพียงแค่ข้ามถนนไปเท่านั้น  ขนม ของกินเล่นหายห่วง
⁃ ของแถมชั้นดีที่ไม่รู้มาก่อนก็คือด้านหลังโรงแรมนั้นมองเห็น Neuschwanstein (ขอแนะนำว่าใครเลือกพักที่เมืองนี้ กดmap ดูว่าโรงแรมที่เลือกอยู่ฝั่งถนนด้านเดียวกับที่มองเห็นปราสาทหรือไม่)
ว่าแล้วทั้งหมดจะเป็นอย่างไรไปชมกัน.. เริ่มจากด้านหน้าของโรงแรมเมื่อมองจากอีกฝั่งถนนชิคๆคูลๆ
และแล้วก็พบกันอีกครั้งกับ Neuschwanstein ท้องฟ้าก็จะหม่นๆเล็กน้อยเนื่องจากฝนตกตลอด 
วันนี้จะเป็นอีก1 วันที่พวกเราจะต้องเจอกับฝนตลอดทั้งวัน เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทางย้ายเมืองกันต่อโดยเป้าหมายวันนี้จะแวะไปยังเมือง Mittenwald ซึ่งยังอยู่ในเยอรมันแล้วจึงขับไปยังInnsbruck ของออสเตรียระยะทางรวมทั้งวันอยู่ที่130 Km โดยเลือกเส้นทางที่ผ่านทะเลสาบPlansee ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่เส้นทางที่เร็วที่สุดตาม GPS แต่ทว่า“ของมันต้องแวะไปจริงๆ” 

Plansee เป็นทะเลสาบที่อยู่ในแคว้นTyrol ประเทศAustria ซึ่งใครที่เคยเดินทางมาแถบนี้ก็จะพบว่าตัวเองเดินทางลัดเลาะไปมาในระหว่างเขตแดนของทั้งสองประเทศนี้โดยไม่รู้ตัวและเส้นทางขับรถยาวประมาณ7 km เลียบทะเลสาบแห่งนี้ก็มีที่พักจอดรถเก็บรูปอยู่เป็นระยะ
สะพานไม้ทอดตัวอยู่บนสายน้ำเล็กๆสีTurquoise ที่แยกตัวออกมาจากทะเลสาบ (ภาพหลายๆภาพก็ไม่อาจถ่ายทอดความสวยงามตามธรรมชาติได้เท่ากับการมาสัมผัสด้วยตัวเอง)
ฝนตกยังขนาดนี้อากาศดีจะสวยขนาดไหน(ข้ามถนนด้วยความระมัดระวังกันด้วยนะ)
ขับรถประมาณ1 ชั่วโมงก็ถึงเมืองMittenwald อีกเมืองเล็กๆในBavaria สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดนตรีคลาสสิค ที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องการทำไวโอลินด้วยนะ บ้านเรือนในเมืองมีฉากหลังเป็นภูเขาKarwendel ที่มีหิมะปกคลุมยิ่งใหญ่ตระการตาโดยภูเขาแห่งนี้อยู่ใกล้กับเมืองมากๆ 
เท่าที่ลองดูข้อมูลที่นี่มี Cable car ขึ้นไปบนKarwendel ด้วยแต่อากาศวันนี้ไม่เป็นใจเสียจริง เดินเล่นชม Highlight ของเมืองก็คือโบสถ์สีชมพูซึ่งใช้ชื่อว่า  St. Peter and Paul (เช่นเดียวกับอีกโบสถ์ในอีกหลายเมืองบนโลกของเรานี้ ถ้าลองเสิชในWiki)
เมื่อซึมซับกับบรรยากาศของเมืองเล็กๆที่น่ารักแห่งนี้เรียบร้อยจึงร่ำลา Mittenwald ไป แล้วออกเดินทางต่อไปยังInnsbruck ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 45 นาที Innsbruck เป็นอีกเมืองนึงที่เป็นลักษณะที่ราบซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาAlps โดยยอดเขาที่มีชื่อเสียงและตั้งอยู่ติดเมืองก็คือ Nordkette ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของเมืองนี้ที่ไม่ควรพลาด ติดอยู่ที่อากาศใน 2 วันนี้ไม่ค่อยเป็นใจเสียเลย 

เป้าหมายหลักวันนี้คือ Nordkette ซึ่งกระเช้าที่ขึ้นสู่ด้านบนนั้นบางส่วนเปิดให้ขึ้นได้รอบสุดท้ายคือ4 โมงเย็น เดินตามหา Innsbruck Tourismus เพื่อซื้อInnsbruck card แบบ24 ชั่วโมงราคาคนละ43 ยูโร(มี48 และ72 ชม. ให้เลือกด้วย) ราคาอาจจะดูแรงไปนิสแต่ Nordkette อย่างเดียวก็36.5 ยูโรแล้วจึงไม่ต้องคิดมาก
ถึงแม้จะแทบไม่มีฝนตก แต่ดูจากสภาพหลังฝนตกใหม่ๆความชื้นและหมอกจัดขนาดนี้ ต้องทำใจล่วงหน้าว่าข้างบนอากาศคงจะยิ่งแปรปรวน(ที่Nordkette มีWebcam ให้เช็คอากาศและทัศนียภาพกันแบบreal time เพื่อตัดสินใจก่อนขึ้นไปได้) แต่พวกเราเช็คแล้วพรุ่งนี้ฝนอาจจะหนักกว่าวันนี้ หันมองหน้ากันแล้วท่อนนี้ก็มา“แต่หัวใจของคน ยังยืนยันจะไม่ถอดใจ”

Nordkette Cable car จะเป็นกระเช้าที่ขึ้นไปเป็นระดับแบ่งเป็น3 ชั้นโดยจากสถานีในเมืองแห่งนี้จะพาพวกเราขึ้นไปที่ชั้นแรก ซึ่งจะเป็นส่วนของ platform ชมวิวของเมืองInnsbruck ซึ่งจากจุดนี้จะสามารถแยกไป Nature Park และ Alpine zoo ได้แต่ถ้าจะขึ้น Nordkette ต่อต้องไปต่อกระเช้าที่สถานีซึ่งอยู่ใกล้ๆ
ก่อนจะต่อกระเช้าขึ้นไปชั้นที่ 2 ในสถานีก็จะมีข้อมูลเกี่ยวกับNordkette ให้เห็นภาพรวมและบริการกระเช้าหรือเส้นทางต่างๆที่การเปิด-ปิดบริการแต่ละอันอาจแตกต่างกันในแต่ละช่วงของปี
 สถานีชั้นที่สอง Seegrube.Nordkette เป็นชั้นที่มีร้านอาหาร Seegrube ตั้งอยู่โดยมีบรรยากาศpanorama เป็นจุดขายนอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของบาร์เก๋ๆในแบบกระท่อมน้ำแข็งแต่เปิดให้บริการเฉพาะช่วงฤดูหนาวธ.ค.ถึงเม.ย. เท่านั้นอากาศเริ่มเย็นขึ้นมาเลยทีเดียวเมื่อถึงชั้นนี้ พวกเราจึงขึ้นไปต่อก่อนชั้น 3
ชั้นที่ 3 Hafelekar ณ จุด 2300 เมตรจากระดับน้ำทะเลถามว่าเห็นอะไรบ้าง? ให้ภาพนี้เป็นผู้บรรยายดีกว่าหุหุ
ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่เป็นใจแต่พวกเราไม่เสียใจที่ขึ้นไป Nordkette ในวันนี้ ประสบการณ์แบบนี้ก็สามารถทำให้เราหัวเราะไปกับมันได้แม้แต่ในวันที่นั่งบันทึกความทรงจำอยู่อย่าง ณ ตอนนี้ ..ในวันที่อากาศดี ที่นี่ panoramic view สวยมากๆโดยมีจุดเดินออกจากสถานีทั้งชั้น Seegrube และชั้น Hafelekar เพื่อชมทิวทัศน์หรือTrekking มากมาย และยังเป็นลานสกีที่มีชื่อเสียงมาก(หน้าWeb ขึ้นไว้ว่าเป็นหนึ่งในลานสกีที่มีความชันมากที่สุดในยุโรปคือกว่า 70 องศาเลยทีเดียว) ..ร่ำลา Nordkette ไปด้วยภาพนี้  “We will miss U” 
เมื่อกลับเข้ามาในเมือง เป็นเวลา4 โมง จึงเปิดข้อมูลดูว่ามีอะไรที่ใช้ Innsbruck card แล้วยังเข้าได้ในช่วงเวลานี้ หอประจำเมือง Stadtturm Innsbruck ซึ่งเปิดให้ขึ้นถึง5 โมงเย็นจึงเป็นคำตอบ บันไดเวียนเพื่อขึ้นไปด้านบนออกแบบได้ ว้าว ใช้ได้ทีเดียว นักท่องเที่ยวที่เดินเวียนขึ้นและเวียนลงจะไม่ชนกัน
เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนทัศนียภาพอาจจะถูกบดบังจากตาข่ายกั้นเพื่อความปลอดภัย แต่ภาพมุมสูงของเมืองนั้นก็ยังจัดว่าสวยงาม มุมนี้มองเห็น The colorful house อยู่ทางด้านซ้ายมือ 
มุมนี้จะมองเห็น Court Church (Hofkirche) ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ในเขต Old town ของเมืองน่าเสียดายที่พวกเราไม่ได้ไปเยี่ยมชม 28 รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขนาดเท่าบุคคลจริง(บ้างอาจจะบอกว่าใหญ่กว่าตัวจริง) ที่เป็นอัศวินพิทักษ์หลุมพระศพขององค์จักรพรรดิ์Maximilian ที่1 
เมื่อลงจากหอพวกเราก็เดินต่อไปยัง Golden roof ทันที ตัวตึกที่มีส่วนของหลังคายื่นออกมาจากระเบียง นอกจากจะโดดเด่นเพราะตกแต่งด้วยกระเบื้องทองแดงเคลือบทองคำจำนวนมาก ข้างในยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงอัตชีวประวัติและยุคอันเกรียงไกรขององค์จักรพรรดิ์ Maximilian ที่1 อีกด้วย
พิพิธภัณฑ์จะกล่าวถึงความสำคัญของเมืองInnsbruck ที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมเชื่อมต่อการค้าระหว่าง Germany และItaly ตั้งแต่อดีต ทำให้ Golden roof โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงความมั่งคั่งขององค์จักรพรรดิ์ได้เป็นอย่างดี 
มีลูกเล่นเป็นกิมมิคให้ถ่ายภาพพร้อมส่งemail เป็นpostcard ด้วย #พวกเราถูกใจสิ่งนี้ 
เนื่องจากมีเวลาไม่มากจึงสำรวจได้ไม่ละเอียดนัก แต่ที่ดึงดูดใจของพวกเราคือ งานกระเบื้องนูนแกะสลักที่เป็นของจริงซึ่งจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์(อันที่อยู่ตรงระเบียงของ Golden roof ปัจจุบันเป็นแค่งานpaint)
หลัง 5 โมงเย็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมมักจะปิดแล้ว พวกเราจึงออกเดินมุ่งหน้าสู่ Colorful houses of Innsbruck บนถนน Mariahilfstraße องค์ประกอบของสายน้ำ Inn โดยมีตัวตึกสีสันที่แตกต่างและเทือกเขาที่เป็นฉากหลังนั้น ทำให้ใครต่อใครต่างพากันหลงรักเมืองนี้
จักรยานของใครไม่รู้ขอยืมแปบนึงน้าาา 
จากนั้นก็เดินกลับโรงแรมเพื่อเตรียมทำภารกิจสำคัญอีกหนึ่งอย่างในวันนี้ซึ่งก็คือ.. ซักผ้านั่นเอง555 ร้านซักผ้าแบบตู้หยอดเหรียญนั้นหาได้ไม่ยากในเมืองใหญ่และมีร้านนึงที่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พักจึงตัดสินใจลองใช้บริการดู
ระหว่างนั่งรอ อบผ้าก็คำนวณการใช้งาน card ได้ความว่าใช้ไป 3 ที่เป็นค่าตั๋ว(36.5 + 5 + 4.5 = 46 ยูโร) ถือว่าคุ้มแล้วณจุดนี้แต่เรายังมีแพลนจะไปชม Swarovski Crystal Worlds พรุ่งนี้เช้าในราคา19 ยูโรที่ไม่ต้องเสียเพิ่มแล้ว (เพราะนับเวลา24 ชม. เริ่มจากการเปิดใช้ครั้งแรก ถือว่าดีงามมากๆ) 

คืนนี้ออกเก็บภาพกลางคืนกัน แต่ข้างนอกยังมีฝนตกพรำๆจึงต้องลากเสื้อกันฝนคู่ใจไปด้วย(ขาตั้งกล้องก็ไม่มีภาพสวยน้อยกว่าของจริงไปเยอะเลย) เริ่มจาก Golden roof ยามค่ำคืน 
หอประจำเมือง Stadtturm พร้อม Food truck ขาย Hot Dog 
ภาพจากซุ้มถนนให้คนเดินตามแนวถนน Herzog-Friedrich-Straße 
เดินย้อนกลับมาผ่าน Town square ก็จะพบกับ Hospital Church of the Holy Spirit ตัวโบสถ์มีสีชมพูสวยหวาน ในอดีตโบสถ์แห่งนี้เป็นทางเชื่อมไปยังส่วนที่ใช้เป็นโรงพยาบาล แต่ปัจจุบันไม่มีโรงพยาบาลตั้งอยู่
เดินมาอีกนิดจะพบกับ Annasäule (St. Anne’s Column) ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของแคว้นTyrol เหนือทหาร Bavaria ในส่วนหนึ่งของสงครามสเปน 
และแล้วก็ได้เวลากลับไปนอนพักผ่อน จึงขอลาไปพร้อมกับภาพประตูชัยและโรงแรมเก่าแก่แห่งนึงของเมือง ที่อยู่ตรงมุมถนนติดTriumphpforte พอดี แล้วพรุ่งนี้พวกเราจะให้ดูอีก version ของบรรยากาศตอนเช้าของถนนสายหลักเส้นนี้กันอีกที ใน Day 5
ชื่อสินค้า:   Munich-Austria ตอนใต้-Cesky Krumlov-Prague
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่