[CR] ANYDAY VACATION | ตอน ขับรถเที่ยวเส้นทางยอดนิยม Munich-Austria ตอนใต้-Cesky Krumlov-Prague Day 3

ความเดิมตอนที่แล้ว Day 2 : https://pantip.com/topic/39098263?
ฝากเป็นกำลังใจและติดตามพวกเรากันได้ที่ช่องทางอื่นๆใน
Youtube : https://bit.ly/2GA80nr

Day 3 : Schwangau-Oberrammergau-Ettal Abbey-Hopfensee

Guten Morgen เช้าวันจันทร์ที่ Munich โดยรวม Overnight train เมื่อคืนก็ถือว่าพอรับได้ ไม่ได้นุ่มเนียนมาก สำหรับคนที่นอนหลับยากอาจจะส่งผลเล็กน้อยแต่ พวกเราหลับได้สบายๆ และ รถไฟถึงตรงเวลาดีเยี่ยม จริงๆตู้โดยสารเองไม่ได้ใหญ่โตอะไร เปิดประตูเข้าไปก็จะเห็นเตียง2 ชั้นอยู่ทางด้านหนึ่งของห้องซึ่งกินพื้นที่ไป50% แล้วมุมซ้ายของห้องจะเป็นอ่างล้างหน้าแปรงฟันแบบพับเก็บได้ ถัดมาจะเป็นบันไดพาดเอาไว้ใช้สำหรับจะขึ้นที่นอนชั้นสอง ที่เหลือเมื่อวางกระเป๋าสัมภาระก็จะพบว่า..ห้องเต็ม55
เตียงนอนความยาว European size แต่ความกว้างสำหรับคนเดียวจริงๆ มีหมอนและผ้าห่มพร้อม ไม่มีกลิ่นของห้องหรือจากผ้าปูต่างๆมารบกวนการนอนแต่อย่างใด ประตูห้องสามารถlock จากด้านในได้ พร้อมมีส่วนตาแมวสำรวจเวลามีใครมาเคาะห้องถือว่าปลอดภัยดีมาก (เชื่อได้เลยว่าจะมีคนมาเคาะจริงๆ)
ห้องน้ำจะต้องไปเข้าที่ห้องน้ำของตู้โดยสารนั้นๆมี2 ห้องอยู่ใกล้กับห้องครัวของตู้โดยสารพนักงานประจำตู้โดยสารจะมีห้องนั่งพักเล็กๆอยู่ติดกับครัวก็ช่วยดูแลความเรียบร้อยได้ดีอีกขั้นหนึ่ง การใช้ Night train ทำให้เราสามารถประหยัดค่าโรงแรมไปได้1 คืนและไม่ต้องตื่นเช้ามาขนกระเป๋าไปสถานี และไม่เสียเวลาเที่ยวในช่วงกลางวันไปได้อีกด้วย 

กลางดึกประมาณ ตี 3กว่าๆ จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่เครื่องแบบเต็มยศ มาเคาะห้องเพื่อขอดูเอกสารการเดินทางใช้เวลาแค่1-2 นาที(คิดว่าคงเป็นช่วงที่ข้ามพรมแดน) และก่อนถึงMunich ประมาณ 20 นาทีพนักงานจะมาเคาะห้องแจ้งเตือนและเสริฟ์อาหารเช้า มีแซนด์วิชร้อน น้ำผลไม้และให้เลือกเครื่องดื่มร้อน 1 อย่างไม่ได้หรูหราเหมือนโรงแรมแต่ก็ต้อนรับเช้าวันใหม่ได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะพวกเราที่มีแผนจะเช่ารถขับตั้งแต่ออกสถานี Munich hauptbahnhof (Hbf) กันในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงถัดจากนี้ 
เมื่อรับรถเรียบร้อยแล้วก็ขนกระเป๋าเก็บใส่ท้ายรถแล้วออกเดินทางกันเลย จังหวะแรกที่คิดว่าทุกคนต้องเป็นก็คือ ขับออกไปทางไหน? วนซ้ายรึขวาดี เพราะที่นี่มักจะใช้ระบบให้เราเดินมายังตึกจอดรถที่บริษัทต่างๆเช่าไว้ด้วยตัวเองแล้วขับออกไปเอง เรียกว่าต้องมองซ้าย-ขวาให้ดีแล้วทำตามเค้า 555 ส่วนความรู้สึกไม่ชินของการจราจรขวามือ ซึ่งตรงข้ามกับบ้านเรานั้นเรียกว่าไม่น่ากลัวอะไร เนื่องจากในเมืองกฎจราจรเข้มงวดขับรถกันไม่เร็ว จึงมีเวลาให้พวกเราได้สังเกตเพื่อนร่วมทางข้างหน้าอยู่เสมอ สักพักก็ปรับตัวได้สบาย
จุดหมายแรกของเราวันนี้ก็คือ Neuschwanstein Castle จุดกำเนิดของปราสาท Disney ปราสาทในฝันของใครหลายๆคน โดยปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเมือง Schwangau ขับรถจากMunich ใช้เวลา1 ชั่วโมง40 นาที เมื่อขับมาถึงจะต้องหาที่จอดรถ ซึ่งมีลานจอดรถประมาณ 4 ลานใหญ่ๆราคาประมาณ 6-7 ยูโร แนะนำว่าให้ส่งคนลงที่ Ticket-Center Hohenschwangau เพื่อไปต่อคิวซื้อตั๋วก่อน เนื่องจากหลัง11 โมงนักท่องเที่ยวจะแน่นมาก(ตั๋วที่ซื้อออนไลน์ก็จะต้องมาติดต่อที่นี่ก่อนเช่นกัน) ตั๋วเข้าชมปราสาทจะระบุเวลาเข้าชมพร้อมไกด์นำเสมอ ต้องมาให้ตรงเวลา พวกเราไม่ได้จองล่วงหน้าอาศัยว่ามาถึงเช้าหน่อย(ตัวปราสาทเปิดให้เข้าชมรอบแรก 9 โมง) ราคาคนละ13 ยูโร
ปราสาทNeuschwanstein ตั้งอยู่บนเขาจึงต้องเลือกวิธีที่จะขึ้นไปชมปราสาทซึ่งมี 3 วิธี คือเดิน รถบัสหรือรถม้า พวกเราเลือกวิธีขาขึ้นใช้รถบัสแล้วเดินลงจากปราสาทตั๋วรถบัสซื้อได้ที่ซุ้มเล็กๆตรงบริเวณที่รอรถ รถจะออกเป็นรอบใช้เวลาประมาณ15-20 นาทีรวมระยะเวลารอรถ
จุดที่รถบัสไปส่งจะยังต้องเดินไปอีก10 นาทีจึงจะถึงทางเข้าปราสาท แต่จากจุดนี้เองนักท่องเที่ยวมักจะเลือกมาก่อนเพราะอยู่ใกล้กับสะพานMarienbrücke สะแพนแขวนเล็กๆบนหุบเหวซึ่งให้มุมมองที่ตื่นตาตื่นใจเข้าไปที่ตัวปราสาท 
ไม่รู้เป็นเพราะอะไรทริปนี้มักจะมีนักท่องเที่ยวมาขอให้ถ่ายรูปให้ทั้งที่ในตัวไม่ได้ถือกล้องอะไรนอกจาก iPhone..สะพานตรงนี้โดนไป 3 เจ้า เสียดายไม่มีบุญได้จับ Leica กับเค้าบ้างไรบ้าง 55
เมื่อใกล้ถึงเวลาเข้าชมปราสาท พวกเราจึงออกเดินฝ่าผู้คนบนสะพานไปยังจุดเข้าชมปราสาทกัน 
ในตัวปราสาท ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ และบางส่วนกำลังได้รับการบูรณะซ่อมแซม จากที่ไกด์แนะนำ ปราสาทแห่งนี้จริงๆแล้วบางส่วนถือว่ายังสร้างไม่เสร็จเสียด้วยซ้ำ เมื่อเยี่ยมชมด้านในตัวปราสาทเสร็จซึ่งใช้เวลาประมาณ40 นาที พวกเราจึงออกเดินเท้าลงมายังลานจอดรถด้านล่างระหว่างทางสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด จากมุมบริเวณลานจอดรถจะมองเห็นอีกหนึ่งปราสาทที่อยู่ไม่ไกลกันก็คือปราสาท Hohenschwangau
เนื่องจากยังไม่หิวข้าวและรายงานอากาศจะมีฝนตกในช่วงบ่าย พวกเราจึงออกเดินทางไปยังจุดหมายถัดไปโดยไม่ได้ไปเยี่ยมชมปราสาท Hohenschwangau .. ก่อนจะออกไปไกลจากบริเวณปราสาทตามรายทางจะมีจุดจอดรถให้เก็บภาพระยะไกลของตัวปราสาทตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวสดใส 
จุดหมายถัดไปคือเมือง Oberammergau ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 45 นาที เป็นเมืองเล็กแต่สวยงามตามstyle เมืองในแคว้น Bavaria เมื่อแยกจากถนนหลักเข้าสู่ถนนเข้าเมืองเล็กๆแห่งนี้ก็จะเริ่มเห็นลานจอดรถ พวกเราเลือกได้ที่หนึ่งอยู่ก่อนถึง Hotel Wolf เป็นถนนแยกไปทางซ้ายมือจอดฟรีซะด้วย แล้วก็ลงเดินภายในเมืองจะมีร้านค้าโรงแรมบ้านเรือนที่มีงานpaint สีสันสดใสอยู่ที่ผนังสร้างความสดชื่นในวันที่อากาศครึ้มก่อนฝนจะตกได้ดีเลย
ว่าแล้วก็ตามธรรมเนียม Ice cream/Gelato สักนอยในเมืองเล็กๆแห่งนี้มีร้านที่เค้าว่าดี อยู่ 2-3 ร้านเลยทีเดียว คิดไว้ว่าวันนี้จะได้กินรสชาด ตามที่ต้องการไหมน้อถ้าเผื่อคุยกันไม่รู้เรื่องอีก
จากบริเวณไม่ไกลจากร้านGelato จะมองเห็นเส้นทางที่ทอดไปยังโบสถ์ St. Peter and Paul 
เดินย้อนกลับมานั่งพัก รอจังหวะถ่ายรูปสวยๆกันสักนิดหน้าโรงแรม Hans & Adolf Heinzeller ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นมุมเด่นของเมืองเนื่องจากอยู่ติดทางแยกบริเวณกลางเมืองพอดี 
แล้วก็ขอลา Oberammergau ไปด้วยภาพถนนช่วงแรกของเมืองที่จะเริ่มเห็นงาน paint ตามอาคารร้านรวงสีสันสวยงามมากมาย 
จุดหมายถัดไปตามโปรแกรมคือ พระราชวัง Linderhof ซึ่งว่ากันว่ามีความโดดเด่นไม่เป็นรองปราสาทหงส์หินใหม่(งงกันมั้ย Neu = New , Schwein = Swan , Stein = Stone ) เลยทีเดียว แต่ฝนดันมาตกพรำๆเสียก่อนและมีแนวโน้มจะหนักขึ้นเรื่อยๆจึงปรับแผนโดยการแวะเข้าไปขอพรที่ Ettal Abbey อันสวยงามตระการตากันก่อน... Wow ตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าของที่นี่(ด้านในไม่เสียค่าเข้าเยี่ยมชมแต่เสียเฉพาะค่าจอดรถที่ลานจอด1 ยูโร) พวกเราขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาดที่นี่ด้วยประการทั้งปวง
เมื่อแง้มประตูเข้าไปในโดมจะพบกับแท่นพิธีรูปปูนปั้นต่างๆ รวมถึงภาพเขียน/วาดบริเวณผนังเป็นความสวยงามที่น่าจะสะกดทุกคนที่เดินเข้าไปให้พบกับความสงบเมื่อมาเยือน
สงบนิ่งกายใจอยู่กับความสวยงามภายในโบสถ์ได้พักนึงก็ออกมาด้านนอกกันต่อ
คำถาม: ร่มใสนี้หาซื้อที่ไหนใน Bavaria?
คำตอบ:  เตรียมมาจากเมืองไทยซิ..สั่งออนไลน์ทวงคนขายทุกวันจนได้มาวันสุดท้ายก่อนบิน
ออกจากEttal Abbey ก็เป็นเวลา 3โมงกว่าแล้ว ก้มมองแพลนสถานที่ต่อไปจะเป็นที่สุดท้ายของวันนี้แล้ว อยู่ที่เมืองFüssen ใกล้ๆกับ Schwangau ที่พวกเราจะค้างคืน ... เปิดGPS ดูพบว่าขับกลับไปได้ 2 เส้นทางพวกเราจึงเลือกเส้นทางที่ไม่ซ้ำกับขามา ด้วยความไม่ตั้งใจกลับพบว่ามีความสวยงามซ่อนตัวอยู่ซึ่งก็คือทะเลสาบ Plansee น้ำในทะเลสาบสีเขียวอมฟ้าตัดกับภูเขาที่ยังเห็นมีน้ำแข็งปกคลุมยอดอยู่ ต้องกลั้นใจไม่จอดรถแวะเก็บรูปแล้วบอกตัวเองว่าพรุ่งนี้ค่อยขับผ่านทางนี้อีกทีละกัน
และแล้วพวกเราก็มาถึงสถานที่สุดท้ายของวันนี้  ซึ่งก็คือทะเลสาบเช่นเดียวกัน แต่ที่นี่คือทะเลสาบ Hopfensee ทำไมถึงต้องเป็นที่นี่น่ะหรือ? รอไปชมพร้อมๆกันเลย... หลังจากจอดรถที่บริเวณหน้าโรงแรม Am Hopfensee และแวะหยอดเหรียญจ่ายค่าที่จอดกับตู้อัตโนมัติ(เมืองเล็กๆแถบนี้จะมีค่าจอดรถเฉลี่ยชั่วโมงละ1 ยูโรแต่สามารถเลือกได้สั้นที่สุด 20-30 นาทีราคาก็จะถูกลง) แล้วก็ได้เวลาเดินตามหาสิ่งที่ดึงดูดพวกเราให้มายังที่นี่

ถ้าอากาศดี Hopfensee ถือเป็นแหล่งนึงที่ผู้คนนิยมมาพักผ่อนกัน เนื่องจากรอบทะเลสาบทำทางเดินไว้ให้เดินเล่นและปั่นจักรยานไปพร้อมๆกับซึมซับบรรยากาศชิลๆ ระหว่างเดินตามหาเจ้าสิ่งนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแวะเก็บภาพท่ามกลางฝนพรำเบาๆ
และสิ่งที่พวกเราตามหาก็คือ....สะพานไม้เก่าๆ ณ มุมนึงของทะเลสาบ พวกเราเจอรูปที่ถ่ายจากสะพานแห่งนี้จาก IG (อีกแหล่งข้อมูลสถานที่น่าสนใจที่ผู้คนบนโลกใบนี้เคยแวะเวียนไปและแชร์ให้กับคนอื่นๆ) สิ่งที่คิดและสิ่งที่เจอจริง... ก็มักจะเป็นเช่นนั้นแล 55 ต้องหาโอกาสไปชมเองด้วยตัวเองสักครั้งกันนะสะพานไม้นี้มีเจ้าของและติดป้ายเล็กๆไว้ที่น่าจะมีความหมายว่าเป็น private property เราจึงไม่ได้เดินขึ้นไปบนแท่นสะพาน แต่เดินเล่นจะเจออีกสะพานที่ไม่มีข้อความห้ามไว้ (ก็ไม่มั่นใจจึงขอแชะ1 รูปแล้วเดินลงมาทันที) 
ปิดท้ายกันด้วยภาพเรือน้อยคอย..อะไร? ก้อคอยทุกๆคนให้ไปเยี่ยมเยียนทะเลสาบที่ชื่อ Hopfensee อยู่นี่ไง
แล้วพรุ่งนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าเลือกนอนค้างคืนที่ Schwangau มีข้อดีอย่างไรกัน กับพวกเรา ANYDAY Vacation
ชื่อสินค้า:   Munich-Austria ตอนใต้-Cesky Krumlov-Prague
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่