ลอเรนซ์ ปีเตอร์ /บีบีซีนิวส์
วันที่ 2 สิงหาคม 2562

Getty Images / นายทราพิค บอกว่า แผนที่สำคัญที่สุดคือการจำลองสถานที่และเหตุการณ์การลอบวางระเบิดขึ้นมาใหม่ พร้อมกับให้มีหุ่นคนในเหตุการณ์ขนาดเหมือนจริง
ล่าสุดเซบาสเตียน ทราพิค โฆษกเขตชโรโคโว ฟอเรสต์ ของโปแลนด์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสถานที่นี้ กำลังทำการปรับปรุงแปลงโฉมครั้งใหญ่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เซบาสเตียน ทราพิค โฆษกเขต บอกกับบีบีซีว่า พวกเขากำลังทำทุกวิถีทางที่จะรักษาและให้เกียรติข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของอาคารที่กำลังพุพังลง
นี่นำมาซึ่งเสียงวิพากษณ์วิจารณ์ว่า การจำลองสถานการณ์ขึ้นมาใหม่อย่างไม่เป็นมืออาชีพ ให้มีคนใส่เครื่องแบบนาซี อาจทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็น “ดิสนีย์แลนด์” อันโหดร้ายน่ากลัวหรือไม่
การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวอาจสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้หากนี่กลายเป็นการชักชวนให้กลุ่มนีโอนาซีเดินทางมาเคารพบูชาลัทธินาซี ขณะนี้ มีการติดตั้งผังแสดงข้อมูลใหม่ สร้างที่จอดรถและทางเข้าตัวอาคารใหม่ นอกจากนี้ยังมีแผนสร้างโรงแรมและร้านอาหารเพิ่มเติมอีกด้วย
ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี่เกือบ 3 แสนคน โดยส่วนใหญ่เป็นคนเยอรมันและโปแลนด์
ศ.พาเวล แมคเซวิคซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์สงคราม บอกว่า บาดแผลจากสงครามควรได้รับการรักษาไว้และเสนอเป็นบทเรียน นิทรรศการควรทำหน้าที่อธิบาย ให้บริบทสถานที่ แต่ไม่ควรบดบังตัวสถานที่เอง
Getty Imagesมุสโสลินี(คนที่สองจากซ้าย) และฮิตเลอร์(กลาง) ที่ Wolf’s Lair เมื่อ ส.ค. 1941

ศ.แมคเซวิคซ์ ยังบอกอีกว่า Wolf’s Lair เป็นสถานที่ที่ผู้นำนาซีใช้ในการตัดสินใจเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว และสังหารพลเรือนในกรุงวอร์ซอ ดังนั้นการเสนอประวัติศาสตร์ต้องใส่ใจเรื่องของความรู้สึกและให้ความเคารพต่อผู้เสียชีวิตด้วย เขาเตือนว่า การสร้างสถานที่นี้ให้กลายเป็นเหมือน “ดิสนีย์แลนด์” อาจสร้างให้เกิดความหลงใหลในนาซีเยอรมนีและตัวฮิตเลอร์เอง
การสะท้อนภาพประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดในสมัยใหม่นำมาซึ่งประเด็นเรื่องรสนิยมและเรื่องศีลธรรม ผู้มาเยี่ยมชมที่อายุน้อยจะยิ่งรู้สึกห่างไกลจากประวัติศาสตร์ในยุคเก่า ๆ ดังนั้นมีความจำเป็นที่ต้องทำให้ประวัติศาสตร์รู้สึกจริงและเข้าถึงได้ง่าย
Wolf’s Lair เป็นสถานที่สำคัญที่ชาวโปแลนด์มองว่าเป็นบาดแผลท่ามกลางภูมิทัศน์มาซูเรียนอันสวยงาม แต่การสร้างลูกเล่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอาจเป็นการล้อเล่นกับความเจ็บปวดของโปแลนด์ในช่วงสงครามได้
The Wolf’s Lair หรือ Wolfsschanze
- กองบัญชาการใหญ่ของฮิตเลอร์สำหรับปฏิบัติการบาร์บารอซซา ซึ่งเป็นการบุกสหภาพโซเวียตของกองทัพนาซีเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 1941
- ตลอดช่วงสงครามส่วนใหญ่ ระหว่าง มิ.ย. 1941 ถึง พ.ย. 1944 ฮิตเลอร์อยู่ที่กองบัญชาการแห่งนี้ซึ่งในขณะนั้นเป็นปรัสเซียตะวันออก
- ตอนนั้นมีสิ่งก่อสร้างราว 200 แห่ง รวมถึงลานบิน 2 แห่ง และสถานีรถไฟ รายล้อมไปด้วยทุ่นระเบิดและปืนต่อต้านอากาศยาน
- เป็นสถานที่ที่ที่ฮิตเลอร์และผู้ช่วยคนสำคัญใช้ในการตัดสินใจวางแผนจัดการกับสหภาพโซเวียตและชาวยิวในยุโรป
- เบนิโต มุสโสลินี ผู้นำฟาสซิสต์ของอิตาลี และผู้นำฝ่ายอักษะคนอื่น ๆ มาเยือนฮิตเลอร์ที่นี่
- สถานที่ซึ่งมีขนาด 618 เอเคอร์ หรือเกือบ 4 พันไร่ เป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับเขตทะเลสาบมาซูเรียน ซึ่งพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยว
Cr.BBC/NEWS/ไทย
The Wolf’s Lair หรือ Wolfsschanze / รังหมาป่า
รังหมาป่า (เยอรมัน:
Wolfsschanze โวลฟส์ชันเซอ) เป็นกองบัญชาการใหญ่ทางทหารแห่งแรกในแนวรบด้านตะวันออก ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นหนึ่งในกองบัญชาการฟือเรอร์ทั่วทวีปยุโรป กองบัญชาการดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเตรียมการสำหรับปฏิบัติการบาร์บารอสซาซึ่งถูกพบในป่ามัสอูเริน (Masuren) ใกล้กับเมืองรัสเทินบวร์คในมณฑลปรัสเซียตะวันออก ซึ่งปัจจุบันคือเมือง Kętrzyn ในประเทศโปแลนด์
ฮิตเลอร์เดินทางมาถึงรังหมาป่าเป็นครั้งแรกในคืนวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1941 และเดินทางออกครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1944 นับเป็นเวลารวมมากกว่า 800 วัน หรือประมาณ 3 ปีครึ่ง
รังหมาป่าถูกทำลายและถูกทิ้งร้างเมื่อวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1945 ในปัจจุบันซากของรังหมาป่ายังคงถูกพบในป่าเกอร์ลิทซ์ (Forst Görlitz) ใกล้กับเมือง Kętrzyn ประเทศโปแลนด์
กองทัพแดงมาถึงแนวชายแดนของแคว้นปรัสเซียตะวันออกราวเดือนตุลาคม ค.ศ. 1944 ฮิตเลอร์ได้เดินทางออกจากรังหมาป่าเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน และสองวันต่อมา ได้มีคำสั่งให้ทำลายรังหมาป่าทิ้ง แต่การทำลายอย่างสิ้นเชิงยังไม่เกิดขึ้นจนกระทั่งในคืนวันที่ 24-25 มกราคม ค.ศ. 1945 โดยใช้ระเบิดหลายตันในการทำลายสถานที่ทั้งหมด โดยบังเกอร์ 1 แห่งต้องใช้ระเบิดทีเอ็นทีอย่างน้อย 8 ตัน ในวันที่ 27 มกราคม กองทัพแดงยึดรังหมาป่าได้โดยปราศจากการต่อสู้
หลังจากยึดรังหมาป่าได้แล้ว ได้มีการเก็บกวาดทุ่นระเบิดกว่า 54,000 ทุ่นรอบรังหมาป่า ซึ่งใช้เวลาจนถึงปี ค.ศ. 1955
แผนลับ 20 กรกฎาคม ( 20 July plot)

(Cr.ภาพhttp://treatise.16mb.com)
เป็นความพยายามลอบสังหารอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ฟือเรอร์แห่งไรช์ที่สาม ภายในกองบัญชาการสนาม "รังหมาป่า" ใกล้เมืองรัสเทินบวร์ค มณฑลปรัสเซียตะวันออก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1944 วัตถุประสงค์ประจักษ์ของความพยายามลอบสังหารดังกล่าว คือ เพื่อยึดการควบคุมประเทศเยอรมนีและกองทัพเยอรมันทางการเมืองจากพรรคนาซี (รวมถึงเอ็สเอ็ส) เพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตรให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ความปรารถนาเบื้องหลังของนายทหารระดับสูงของแวร์มัคท์หลายนาย คือ เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่าชาวเยอรมันทุกคนไม่ได้เป็นอย่างฮิตเลอร์และพรรคนาซี แม้จะยังไม่ทราบรายละเอียดการริเริ่มสันติภาพของผู้ก่อการ แต่พวกเขาน่าจะรวมข้อเรียกร้องให้ยอมรับการผนวกดินแดนโดยเยอรมนีในทวีปยุโรป
แผนลับดังกล่าวเป็นความพยายามสูงสุดของขบวนการกู้ชาติเยอรมันหลายกลุ่มในการโค่นรัฐบาลเยอรมันอันมีพรรคนาซีเป็นผู้นำ ความล้มเหลวทั้งในการลอบสังหารฮิตเลอร์และรัฐประหารซึ่งวางแผนให้เกิดขึ้นหลังการลอบสังหารนั้นนำไปสู่การจับกุมประชาชนอย่างน้อย 7,000 คนโดยเกสตาโพ ตามรายงานการประชุมกิจการนาวีของฟือเรอร์ มีผู้ถูกประหารชีวิต 4,980 คน
Cr.
https://howlingpixel.com/i-th/รังหมาป่า
กองบัญชาการใหญ่ “ฮิตเลอร์” อาจจะกลายเป็น “สวนสนุกนาซี”
วันที่ 2 สิงหาคม 2562
Getty Images / นายทราพิค บอกว่า แผนที่สำคัญที่สุดคือการจำลองสถานที่และเหตุการณ์การลอบวางระเบิดขึ้นมาใหม่ พร้อมกับให้มีหุ่นคนในเหตุการณ์ขนาดเหมือนจริง
ล่าสุดเซบาสเตียน ทราพิค โฆษกเขตชโรโคโว ฟอเรสต์ ของโปแลนด์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสถานที่นี้ กำลังทำการปรับปรุงแปลงโฉมครั้งใหญ่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เซบาสเตียน ทราพิค โฆษกเขต บอกกับบีบีซีว่า พวกเขากำลังทำทุกวิถีทางที่จะรักษาและให้เกียรติข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของอาคารที่กำลังพุพังลง
นี่นำมาซึ่งเสียงวิพากษณ์วิจารณ์ว่า การจำลองสถานการณ์ขึ้นมาใหม่อย่างไม่เป็นมืออาชีพ ให้มีคนใส่เครื่องแบบนาซี อาจทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็น “ดิสนีย์แลนด์” อันโหดร้ายน่ากลัวหรือไม่
การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวอาจสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้หากนี่กลายเป็นการชักชวนให้กลุ่มนีโอนาซีเดินทางมาเคารพบูชาลัทธินาซี ขณะนี้ มีการติดตั้งผังแสดงข้อมูลใหม่ สร้างที่จอดรถและทางเข้าตัวอาคารใหม่ นอกจากนี้ยังมีแผนสร้างโรงแรมและร้านอาหารเพิ่มเติมอีกด้วย
ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี่เกือบ 3 แสนคน โดยส่วนใหญ่เป็นคนเยอรมันและโปแลนด์
ศ.พาเวล แมคเซวิคซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์สงคราม บอกว่า บาดแผลจากสงครามควรได้รับการรักษาไว้และเสนอเป็นบทเรียน นิทรรศการควรทำหน้าที่อธิบาย ให้บริบทสถานที่ แต่ไม่ควรบดบังตัวสถานที่เอง
Getty Imagesมุสโสลินี(คนที่สองจากซ้าย) และฮิตเลอร์(กลาง) ที่ Wolf’s Lair เมื่อ ส.ค. 1941
ศ.แมคเซวิคซ์ ยังบอกอีกว่า Wolf’s Lair เป็นสถานที่ที่ผู้นำนาซีใช้ในการตัดสินใจเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว และสังหารพลเรือนในกรุงวอร์ซอ ดังนั้นการเสนอประวัติศาสตร์ต้องใส่ใจเรื่องของความรู้สึกและให้ความเคารพต่อผู้เสียชีวิตด้วย เขาเตือนว่า การสร้างสถานที่นี้ให้กลายเป็นเหมือน “ดิสนีย์แลนด์” อาจสร้างให้เกิดความหลงใหลในนาซีเยอรมนีและตัวฮิตเลอร์เอง
การสะท้อนภาพประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดในสมัยใหม่นำมาซึ่งประเด็นเรื่องรสนิยมและเรื่องศีลธรรม ผู้มาเยี่ยมชมที่อายุน้อยจะยิ่งรู้สึกห่างไกลจากประวัติศาสตร์ในยุคเก่า ๆ ดังนั้นมีความจำเป็นที่ต้องทำให้ประวัติศาสตร์รู้สึกจริงและเข้าถึงได้ง่าย
Wolf’s Lair เป็นสถานที่สำคัญที่ชาวโปแลนด์มองว่าเป็นบาดแผลท่ามกลางภูมิทัศน์มาซูเรียนอันสวยงาม แต่การสร้างลูกเล่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอาจเป็นการล้อเล่นกับความเจ็บปวดของโปแลนด์ในช่วงสงครามได้
The Wolf’s Lair หรือ Wolfsschanze
- กองบัญชาการใหญ่ของฮิตเลอร์สำหรับปฏิบัติการบาร์บารอซซา ซึ่งเป็นการบุกสหภาพโซเวียตของกองทัพนาซีเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 1941
- ตลอดช่วงสงครามส่วนใหญ่ ระหว่าง มิ.ย. 1941 ถึง พ.ย. 1944 ฮิตเลอร์อยู่ที่กองบัญชาการแห่งนี้ซึ่งในขณะนั้นเป็นปรัสเซียตะวันออก
- ตอนนั้นมีสิ่งก่อสร้างราว 200 แห่ง รวมถึงลานบิน 2 แห่ง และสถานีรถไฟ รายล้อมไปด้วยทุ่นระเบิดและปืนต่อต้านอากาศยาน
- เป็นสถานที่ที่ที่ฮิตเลอร์และผู้ช่วยคนสำคัญใช้ในการตัดสินใจวางแผนจัดการกับสหภาพโซเวียตและชาวยิวในยุโรป
- เบนิโต มุสโสลินี ผู้นำฟาสซิสต์ของอิตาลี และผู้นำฝ่ายอักษะคนอื่น ๆ มาเยือนฮิตเลอร์ที่นี่
- สถานที่ซึ่งมีขนาด 618 เอเคอร์ หรือเกือบ 4 พันไร่ เป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับเขตทะเลสาบมาซูเรียน ซึ่งพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยว
Cr.BBC/NEWS/ไทย
The Wolf’s Lair หรือ Wolfsschanze / รังหมาป่า
ฮิตเลอร์เดินทางมาถึงรังหมาป่าเป็นครั้งแรกในคืนวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1941 และเดินทางออกครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1944 นับเป็นเวลารวมมากกว่า 800 วัน หรือประมาณ 3 ปีครึ่ง
รังหมาป่าถูกทำลายและถูกทิ้งร้างเมื่อวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1945 ในปัจจุบันซากของรังหมาป่ายังคงถูกพบในป่าเกอร์ลิทซ์ (Forst Görlitz) ใกล้กับเมือง Kętrzyn ประเทศโปแลนด์
กองทัพแดงมาถึงแนวชายแดนของแคว้นปรัสเซียตะวันออกราวเดือนตุลาคม ค.ศ. 1944 ฮิตเลอร์ได้เดินทางออกจากรังหมาป่าเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน และสองวันต่อมา ได้มีคำสั่งให้ทำลายรังหมาป่าทิ้ง แต่การทำลายอย่างสิ้นเชิงยังไม่เกิดขึ้นจนกระทั่งในคืนวันที่ 24-25 มกราคม ค.ศ. 1945 โดยใช้ระเบิดหลายตันในการทำลายสถานที่ทั้งหมด โดยบังเกอร์ 1 แห่งต้องใช้ระเบิดทีเอ็นทีอย่างน้อย 8 ตัน ในวันที่ 27 มกราคม กองทัพแดงยึดรังหมาป่าได้โดยปราศจากการต่อสู้
หลังจากยึดรังหมาป่าได้แล้ว ได้มีการเก็บกวาดทุ่นระเบิดกว่า 54,000 ทุ่นรอบรังหมาป่า ซึ่งใช้เวลาจนถึงปี ค.ศ. 1955
แผนลับ 20 กรกฎาคม ( 20 July plot)
(Cr.ภาพhttp://treatise.16mb.com)
เป็นความพยายามลอบสังหารอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ฟือเรอร์แห่งไรช์ที่สาม ภายในกองบัญชาการสนาม "รังหมาป่า" ใกล้เมืองรัสเทินบวร์ค มณฑลปรัสเซียตะวันออก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1944 วัตถุประสงค์ประจักษ์ของความพยายามลอบสังหารดังกล่าว คือ เพื่อยึดการควบคุมประเทศเยอรมนีและกองทัพเยอรมันทางการเมืองจากพรรคนาซี (รวมถึงเอ็สเอ็ส) เพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตรให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ความปรารถนาเบื้องหลังของนายทหารระดับสูงของแวร์มัคท์หลายนาย คือ เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่าชาวเยอรมันทุกคนไม่ได้เป็นอย่างฮิตเลอร์และพรรคนาซี แม้จะยังไม่ทราบรายละเอียดการริเริ่มสันติภาพของผู้ก่อการ แต่พวกเขาน่าจะรวมข้อเรียกร้องให้ยอมรับการผนวกดินแดนโดยเยอรมนีในทวีปยุโรป
แผนลับดังกล่าวเป็นความพยายามสูงสุดของขบวนการกู้ชาติเยอรมันหลายกลุ่มในการโค่นรัฐบาลเยอรมันอันมีพรรคนาซีเป็นผู้นำ ความล้มเหลวทั้งในการลอบสังหารฮิตเลอร์และรัฐประหารซึ่งวางแผนให้เกิดขึ้นหลังการลอบสังหารนั้นนำไปสู่การจับกุมประชาชนอย่างน้อย 7,000 คนโดยเกสตาโพ ตามรายงานการประชุมกิจการนาวีของฟือเรอร์ มีผู้ถูกประหารชีวิต 4,980 คน
Cr.https://howlingpixel.com/i-th/รังหมาป่า