สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาว Pantip ทุกคน
วันนี้เราขอมาแชร์ประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดี ในฐานะคู่แต่งงานมือใหม่ ที่ตั้งใจเลือกแหวนแต่งงานของเราให้ดีที่สุด แต่กลับต้องมาเจอประสบการณ์เลวร้ายที่สุด
ตอนแรกเลย เรากับแฟนตกลงกันว่าเราอยากจะจัดงานแต่งงานด้วยกำลังทรัพย์ของเราเอง ไม่อยากรบกวนที่บ้านของทั้งสองฝ่ายมากค่ะ เราจึงเริ่มตามหาแหวนแต่งงานด้วยตัวเอง แต่เราไม่มีความรู้ใดๆเกี่ยวกับเรื่องแหวนแต่งงานเลย มีหาข้อมูลมาบ้างทางอินเตอร์เนต แต่ก็ยังไม่กล้าไปซื้อที่ร้านขายเพชร เพราะกลัวจะโดนหลอก โดนฟันราคาเกินจริง
ความบังเอิญไม่มีในโลก “เอ”(นามสมมุติ) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยม แต่ก็ห่างหายกันไป เอได้ข่าวว่าเรากำลังจะแต่งงานจึงโทรมาแสดงความยินดีกับเรา เอบอกว่าเค้าทำธุรกิจนำเข้าเพชร ถ้าหาแหวนแต่งงานบอกได้นะ เดี๋ยวช่วยดูให้ เราเลยขอคำปรึกษาจากเอซะเลย ก็เลยรู้ว่าเพื่อนๆเราหลายคนก็มีซื้อแหวนเพชร และเครื่องประดับจากเอเหมือนกัน เอบอกกับเราว่า เค้าไม่เอากำไร ถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานให้เพื่อนสนิทละกัน แต่เราก็ไม่ยอมนะ บอกว่ายังไงก็ต้องมีค่าดำเนินการ จะบวกกำไรก็ไม่เป็นไร เราคิดว่าซื้อเพชรก็คล้ายกับซื้อทอง ซื้อที่ไหนก็เหมือนกัน ยิ่งถ้าซื้อกับเพื่อนก็ต้องดีกว่าซื้อกับร้านที่เราไม่รู้จัก
เราเลยตัดสินใจให้เอช่วยเลือกเพชรให้เราเลย เพราะเราค่อนข้างยุ่งกับการทำงาน เราบอกเอให้ช่วยเลือกเพชรในขนาดที่ต้องการคืออย่างน้อย 1 กะรัต และบอกงบประมาณเราไป
ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ เอก็ได้ติดต่อกลับมา ส่งข้อมูลใบเซอร์เพชรมาให้ดูพร้อมราคา เราเองก็ดูไม่ค่อยเป็น เอก็อธิบายให้ฟัง ซึ่งก็ได้มา 1.00 กะรัตเป๊ะ น้ำ 97 โดยจะต้องเพิ่มจากงบประมาณที่ให้ไว้นิดหน่อย แต่เอบอกว่าคุ้มมากราคานี้ ได้เพชรขนาด 1 กะรัต ในราคาไม่แพงมาก เพราะ คัทติ้งไม่ใช่ triple excellent (ลักษณะของสเปคเพชรเดี๋ยวอธิบายตอนหลังนะคะ) เราเองก็ยังไม่ได้ตอบตกลงอะไร ในใจก็คิดว่าจากข้อมูลในอินเตอร์เนต เห็นเค้าเชียร์กันว่าให้ซื้อเพชรที่คัทติ้งเป็น triple excellent เราเองก็เลยบอกเพื่อนว่า อยากได้เพชรที่เป็น triple excellent ด้วย
แต่เอก็พยายามบอกกับเราว่า “เพชรสเปคแบบนี้เทียบกับราคาแล้วถูกมาก เอาไปเถอะ ถ้าไม่ชอบ เดี๋ยวช่วยขายให้ ปล่อยไม่ยากหรอก ราคานี้ไม่ได้หลุดมาง่ายๆนะ” ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกแปลกๆ เหมือนเค้าพยายามขายเม็ดนี้ให้กับเรา แต่เราเองก็ดันไว้ใจเพื่อน ด้วยความเป็นเพื่อนสนิท เค้าคงให้คำแนะนำที่ดีที่สุดกับเรา และคิดว่าไม่น่าเสียหายอะไร อีกทั้งเพื่อนน่าจะรู้ดีกว่าเราเพราะเค้าอยู่ในวงการ อีกอย่างถ้าไม่ชอบไม่ถูกใจ เพื่อนก็สามารถปล่อยให้เราได้ เราจึงตอบตกลงพร้อมโอนเงินไปค่ะ (ตรงนี้อาจจะเป็นความผิดของเราเองที่ละเลย ไม่ศึกษาและไม่ไปดูเพชรด้วยตัวเองก่อน เพราะคิดว่าเพื่อนคงเลือกเพชรที่ดีที่สุดมาให้เรา)

หลังจากนั้นเราก็ไปจัดการขึ้นเรือนแหวนหมั้นกับเอเสร็จสรรพ ระหว่างรอแหวนเรามีโอกาสได้ไปเจอกับ “บี” (นามสมมุติ) ซึ่งเพื่อนอีกคนสมัยมัธยมเหมือนกัน พอบีรู้ว่าเราซื้อแหวนเพชรกับเอ ก็ตกใจ เพราะบีกับเพื่อนเคยซื้อเครื่องประดับจากเอเหมือนกัน แต่กลับได้ของที่มีคุณภาพไม่ตรงตามที่ต้องการ คือขายเพชรแพงและหลอกขายเพชรที่ไม่ค่อยดีมาให้คนที่ไม่มีความรู้ เครื่องประดับก็ไม่ได้คุณภาพ หลุดบ้างหักบ้าง ไปแก้หลายรอบก็ยังไม่รอด หลังจากนั้นเลยมีปัญหาทะเลาะกัน ก็เลิกคบกันไป
พอเราฟังแล้วเราก็เครียดเลย แหวนวงนี้เป็นแหวนแต่งงานที่สำคัญสำหรับเราด้วยสิ เราอยากให้มันออกมาดีที่สุดเลยปรึกษา ‘เอ’ เพื่อนสนิทที่เราคิดว่าไว้ใจได้ แต่พอคุยกับบีเริ่มทำให้ความเชื่อมั่นของเราสั่นคลอน
หลังจากนั้นพอเราได้แหวนจากเอ ซึ่งคุณภาพแหวนก็ดูไม่ค่อยโอเคจริงๆเหมือนกับที่บีเตือนมา หนามเตยบางอันจับขอบเพชรได้ไม่ค่อยมั่นคง เสียวเพชรหลุดมาก ไปแก้มา 2 รอบ ก็ยังไม่ดีขึ้น เราเริ่มใจเสีย เราเลยกลับมาปรึกษากับบีว่าเราควรทำยังไงดี บีเลยแนะนำรุ่นพี่คนนึงที่เป็นเจ้าของร้านเพชรมา โดยบีบอกว่าร้านนี้ดี เชื่อถือได้ เพราะบีเองก็เคยมาซื้อเพชรกับร้านนี้แล้วรู้สึกประทับใจกว่าร้านอื่น และบียังส่งคลิปวิดีโอของเพื่อนอีกคนที่เคยไปซื้อเพชรกับร้านรุ่นพี่คนนี้มาก่อนให้เราได้ดูอีกด้วย
เผื่อเพื่อนๆคนไหนสนใจสามารถเข้าไปดูคลิปได้ตามลิงค์นี้ค่ะ (ขอแอบ tie in ร้านรุ่นพี่นิดนึงนะคะ)
https://www.youtube.com/watch?v=1vlAAyFFJGg
เราจึงนำแหวนเพชรพร้อมใบเซอร์ไปให้รุ่นพี่คนนี้ดู ซึ่งรุ่นพี่บอกว่า เราซื้อเพชรมาราคาค่อนข้างสูง (เราขอไม่บอกราคานะคะ) และที่สำคัญสเปคของแหวนวงนี้เป็นสเปคที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะไม่ใช่ triple excellent และขนาด 1.00 กะรัต ค่ะ
ขออธิบายเพิ่มเติมแบบนี้ค่ะ triple excellent คือ ศัพท์ในวงการเพชรที่พูดถึงเรื่องการเจียระไนเพชรให้ออกมาดีที่สุดใน 3 ส่วนด้วยกัน คือ สัดส่วน สมมาตร และความเกลี้ยงเกลา จึงจะทำให้เพชรส่องประกายได้อย่างดีและสวยงามที่สุด ซึ่งเพชรของเรานั้นเป็น 2 excellent และ 1 good เท่านั้น จะสวยไม่เท่าเพชรที่เป็น triple excellent ร้านเพชรส่วนใหญ่จึงนำเพชรที่เป็น triple excellent มาขาย เพราะสวยงามที่สุดค่ะ
ที่สำคัญที่สุดคือ เพชรของเราเป็นขนาด 1.00 กะรัตพอดี ยิ่งไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากหากมีกรณีที่ทำเพชรตก ชนอะไร หรือว่าช่างฝังเพชรไม่ดี ทำให้เพชรบิ่นขึ้นมาแล้วต้องเจียระไนใหม่ จะทำให้น้ำหนักลดลงต่ำกว่า 1.00 กะรัต ซึ่งทำให้น้ำหนักเพชรตกลงไปอีก tier นึงเลยค่ะ (เราเองก็เพิ่งรู้ตอนนี้แหละ ข้อมูลในอินเตอร์เนตก็ไม่ค่อยมีบอกไว้ด้วย)
พอเราลองเอาข้อมูลนี้ไปถามกับร้านเพชรอื่นๆก็ได้ข้อมูลตรงกัน ตอนนั้นเรานี่งงและรู้สึกเจ็บใจตัวเองมากเลย ที่ไม่เตรียมตัวหาข้อมูลให้ดีก่อนจะซื้อของสำคัญที่มูลค่าก็ไม่น้อย และสงสัยว่าทำไมเพื่อนถึงเลือกเพชรเม็ดนี้ให้กับเราโดยที่ไม่ได้อธิบายข้อมูลกับเราให้ละเอียด แต่เราว่าอะไรไม่ได้ เพราะเราก็เชื่อใจเอในการหาเพชรเม็ดนี้ให้กับเราเอง
สุดท้ายเราเลยตัดสินใจจะปล่อยเพชรเม็ดนี้ไป โดยฝากให้เอเป็นคนปล่อยให้ ซึ่งตอนแรกเอก็ไม่อยากปล่อยให้ พยายามคะยั้นคะยอให้เราใช้เพชรเม็ดนี้ แต่เราอยากปล่อยมากๆ
พอได้ปล่อยจริงๆ ก็ใช้เวลาหลายเดือนก็ปล่อยไม่ได้ซักที เอก็ปลอบใจเราว่าใจเย็นๆยังไงก็ปล่อยได้ รอหน่อยนะ แต่จนแล้วจนรอด ผ่านไปอีกครึ่งปีก็ปล่อยไม่ได้เลย ในระหว่างนั้น ความสัมพันธ์ของเรากับเอเริ่มเปลี่ยนไป เอเริ่มพูดจาไม่ดีกับเรา อารมณ์เสียใส่เราเมื่อเราถามถึงความคืบหน้าในการปล่อยเพชร
เรานึกขึ้นได้ว่า เอก็รับซื้อคืนนี่นา เราเลยถามเอว่าขอขายคืนได้มั้ย ซึ่งเอบอกว่ารับซื้อคืนในราคาที่หัก 15% เราก็อ้าวสิ ไม่เห็นบอกกันไว้ตั้งแต่แรก และมันเป็นเงินจำนวนค่อนข้างเยอะสำหรับเรา
เราเริ่มหงุดหงิดและมีปากเสียงกับเอ เราเลยเอาเพชรไปตระเวนถามขายตามร้านเพชรต่างๆ เผื่อว่าจะได้ราคาดีกว่า แต่ร้านส่วนใหญ่ไม่รับซื้อ เพราะว่าไม่ใช่เพชรที่คนต้องการ ขายไม่ได้ มีแค่ร้านเดียวที่รับ แต่ก็ให้ราคาที่แสนขาดทุน มากกว่า 50% เสียอีก ทำให้เราเริ่มมั่นใจแล้วว่า เพชรเม็ดนี้ไม่ใช่เพชรที่ดีเหมือนที่เอแนะนำมาจริงๆ
ตอนนั้นเราเริ่มใจแป้วแล้ว เสียความรู้สึกมากๆ ว่าทำไมเอถึงทำกับเราแบบนี้ แหวนแต่งงานมันมีแค่วงเดียวในชีวิต มันมีความหมายกับเรามากนะ
ตอนนั้น จำได้ว่าเหลือเวลาอีกแค่ 1 เดือนก่อนแต่งงาน ซึ่งเพชรเม็ดนี้ก็ไม่อยากใช้แล้ว พยายามทำใจใช้เพชรเม็ดนี้อยู่นานแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าเป็นความทรงจำแย่ๆ เห็นแหวนก็จะคิดถึงหน้าเพื่อนคนนี้ เลยไม่อยากที่จะเลือกมาใช้เป็นแหวนแต่งงาน จะขายก็ขายไม่ได้ แหวนวงใหม่ก็ยังไม่มี คือไม่มีทางเลือกแล้ว เครียดมาก ในใจตอนนั้นคิดว่า ต้องซื้อใหม่เท่านั้น ถ้าจะต้องทิ้งเงินที่ขาดทุนไป ก็ต้องทำ
เราจึงพยายามถามเพื่อนหลายๆคนให้ช่วยแนะนำมาหลายๆร้าน รวมถึงร้านของรุ่นพี่ในตอนแรก รอบนี้บอกกับตัวเองว่าจะไม่ทำพลาดอีกแล้ว ปรึกษากับหลายๆคน หลายๆร้าน เพื่อหาร้านที่เราคิดว่าเราจะไว้ใจได้ เรียกได้ว่าอาทิตย์นึงไปดูมากว่า 10 ร้านได้
แต่สุดท้ายเรารู้สึกประทับใจกับร้านของรุ่นพี่ที่บีแนะนำในตอนแรกมากที่สุด เพราะคุยแล้วรู้สึกเป็นกันเอง คอยให้คำแนะนำตลอด ปรึกษาอยู่นาน พี่เค้าก็เสนอมาหลายทางเลือก เช่น ลองเจียระไนหน้าเพชรให้เป็น triple excellent มั้ย ถึงแม้จะเสียหน้าเพชรไปเยอะ น้ำหนักลดลง แต่อาจจะขายได้ราคาดีกว่า บอกข้อดีข้อเสียครบ ทั้งๆที่เราไม่เคยซื้อของร้านเค้ามาก่อน อีกทั้งรุ่นพี่คนนี้ไม่เคยเสนอขายเพชรในร้านให้เราเลย (หรือว่าเราดูไม่มีปัญญาซื้อนะ) จึงทำให้เรารู้สึกประทับใจ และตัดสินใจซื้อแหวนเพชรสำหรับงานสำคัญของเรากับพี่เค้าค่ะ
ซึ่งรอบนี้แหวนเพชรโอเคมาก ถูกใจทั้งเราทั้งแฟน แหวนวงนี้ได้ก่อนงานแค่ 1 อาทิตย์ ตอนนั้นลุ้นสุดๆ แต่ร้านก็ช่วยเต็มที่ ขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยจริงๆค่ะ
เราเพิ่มขนาดเป็น 1.15 กะรัต และได้ triple excellent ค่ะ รอบนี้เราไปดูเพชรจริงก่อน ลดน้ำลงจาก 97 มาเป็นน้ำ 96 แต่เพิ่มขนาดแทน ส่วนราคาก็โอเค คนขายก็ไว้ใจได้ เป็นอันจบดีลค่ะ
ส่วนเพชรเม็ดเก่าก็ตัดสินใจที่จะกลับไปขายคืนให้เอ เพราะเราก็ไม่รู้เก็บไว้ทำไมและต้องการให้เรื่องมันจบ แต่ที่เสียใจยิ่งกว่าคือ คราวนี้เค้ากลับบอกว่าจะหัก 25% จากตอนแรกจะหัก 15% เราก็ไม่พอใจแล้วจึงเริ่มมีปากเสียงกัน เค้าบอกว่ามันเป็นธุรกิจ (ไหนตอนแรกบอกว่าจะไม่เอากำไร) เราเลยต้องกลับมากลุ้มอีกรอบ ประจวบเหมาะมีคนกำลังมาซื้อเพชรเม็ดนี้พอดี (แต่ให้หักเรา 25% นะ เหมือนขายคืนร้าน ไม่ใช่ฝากขาย) ซึ่งเอให้เราส่งเพชรให้เอก่อน รอจนกว่าลูกค้าจะมาซื้อเพชร จ่ายเงินและค่อยโอนเงินคืนให้กับเรา เราก็งงว่าตอนซื้อให้เราโอนเงินก่อนได้ของ แต่ตอนขายต้องให้เราส่งของก่อนได้เงิน ซึ่งเราเองก็มืดแปดด้านไปสักพัก กลัวไม่ได้เงินคืน
เราก็เลยคุยกับบีและเพื่อนคนอื่น จึงได้รู้ว่าเพื่อนเราอีกกลุ่มสมัยเรียนมัธยมกำลังจะซื้อแหวนเพชรกับเอเหมือนกัน ซึ่งพอเราติดต่อเพื่อนคนนี้เลยรู้ว่าเป็นเพชรที่กำลังจะซื้อคือเพชรเม็ดเดียวกับของเรา ซึ่งเอขายให้ในราคาที่สูงกว่าราคาที่รับซื้อคืนจากเราซะอีก เราเลยตัดสินใจขายตรงให้เพื่อนไปเลย ไม่ต้องให้เอได้กินหัวคิว กำไรแล้ว กำไรอีก
หมายเหตุ
ที่เราเสียความรู้สึกในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับสเปคของเพชรแต่อย่างใด เพราะมันขึ้นอยู่กับความพอใจและงบประมาณของเรา แต่สิ่งที่เราไม่พอใจเอ เนื่องจากเค้าพยายามยัดเยียดขายเพชรเม็ดนี้ให้ทั้งที่ไม่บอกข้อมูลทั้งหมด และเอไม่สามารถทำในสิ่งที่เอรับปากเราได้เลย ตอนขายพูดซะดิบดี แต่ตอนรับเงินแล้วกลับหน้ามือเป็นหลังมือ แหวนแต่งงานคือแหวนเพียงวงเดียวในชีวิตใครหลายๆคน มันมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่ามูลค่าทางตัวเงิน ต่อให้หลังจากนี้จะซื้อแหวนเพชรที่ใหญ่กว่านี้ สวยกว่านี้สักกี่วง ก็ไม่ใช่แหวนแต่งงานสำหรับเราค่ะ
อุทาหรณ์ครั้งนี้
ส่วนหนึ่งเกิดจากความไว้ใจเพื่อนมากเกินไปของเราเอง เจอเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดขนาดนี้ ซึ้งไปอีกนานเลย อีกเรื่องที่สำคัญ คือ การที่ไม่ศึกษาเพชรให้ดีก่อนซื้อ ของราคาแพง ต้องดูกันนานๆ หรือปรึกษาผู้รู้หลายๆคน จริงๆแล้วเพชรรายละเอียดเยอะค่ะ หาผู้เชี่ยวชาญแนะนำเราดีกว่า ส่วนเรื่องบริการหลังการขายก็สำคัญนะคะ จะได้ช่วยดูแลแหวนเพชรสำคัญของเราได้ไปนานๆค่ะ
สำหรับใครที่กำลังเลือกแหวนแต่งงาน เราแนะนำให้ดูหลายๆร้าน ถามหลายๆคน และอย่าไว้ใจใครง่ายๆ แม้เป็นเพื่อนสนิทก็ตาม
ขอเป็นกำลังใจให้คู่บ่าวสาวที่กำลังจะแต่งงาน เตรียมงานอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่พอผ่านไปก็จะกลายเป็นความทรงจำดีๆสำหรับเราค่ะ
แชร์ประสบการณ์!! เมื่อเราต้องซื้อแหวนแต่งงานถึง 2 วง
วันนี้เราขอมาแชร์ประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดี ในฐานะคู่แต่งงานมือใหม่ ที่ตั้งใจเลือกแหวนแต่งงานของเราให้ดีที่สุด แต่กลับต้องมาเจอประสบการณ์เลวร้ายที่สุด
ตอนแรกเลย เรากับแฟนตกลงกันว่าเราอยากจะจัดงานแต่งงานด้วยกำลังทรัพย์ของเราเอง ไม่อยากรบกวนที่บ้านของทั้งสองฝ่ายมากค่ะ เราจึงเริ่มตามหาแหวนแต่งงานด้วยตัวเอง แต่เราไม่มีความรู้ใดๆเกี่ยวกับเรื่องแหวนแต่งงานเลย มีหาข้อมูลมาบ้างทางอินเตอร์เนต แต่ก็ยังไม่กล้าไปซื้อที่ร้านขายเพชร เพราะกลัวจะโดนหลอก โดนฟันราคาเกินจริง
ความบังเอิญไม่มีในโลก “เอ”(นามสมมุติ) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยม แต่ก็ห่างหายกันไป เอได้ข่าวว่าเรากำลังจะแต่งงานจึงโทรมาแสดงความยินดีกับเรา เอบอกว่าเค้าทำธุรกิจนำเข้าเพชร ถ้าหาแหวนแต่งงานบอกได้นะ เดี๋ยวช่วยดูให้ เราเลยขอคำปรึกษาจากเอซะเลย ก็เลยรู้ว่าเพื่อนๆเราหลายคนก็มีซื้อแหวนเพชร และเครื่องประดับจากเอเหมือนกัน เอบอกกับเราว่า เค้าไม่เอากำไร ถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานให้เพื่อนสนิทละกัน แต่เราก็ไม่ยอมนะ บอกว่ายังไงก็ต้องมีค่าดำเนินการ จะบวกกำไรก็ไม่เป็นไร เราคิดว่าซื้อเพชรก็คล้ายกับซื้อทอง ซื้อที่ไหนก็เหมือนกัน ยิ่งถ้าซื้อกับเพื่อนก็ต้องดีกว่าซื้อกับร้านที่เราไม่รู้จัก
เราเลยตัดสินใจให้เอช่วยเลือกเพชรให้เราเลย เพราะเราค่อนข้างยุ่งกับการทำงาน เราบอกเอให้ช่วยเลือกเพชรในขนาดที่ต้องการคืออย่างน้อย 1 กะรัต และบอกงบประมาณเราไป
ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ เอก็ได้ติดต่อกลับมา ส่งข้อมูลใบเซอร์เพชรมาให้ดูพร้อมราคา เราเองก็ดูไม่ค่อยเป็น เอก็อธิบายให้ฟัง ซึ่งก็ได้มา 1.00 กะรัตเป๊ะ น้ำ 97 โดยจะต้องเพิ่มจากงบประมาณที่ให้ไว้นิดหน่อย แต่เอบอกว่าคุ้มมากราคานี้ ได้เพชรขนาด 1 กะรัต ในราคาไม่แพงมาก เพราะ คัทติ้งไม่ใช่ triple excellent (ลักษณะของสเปคเพชรเดี๋ยวอธิบายตอนหลังนะคะ) เราเองก็ยังไม่ได้ตอบตกลงอะไร ในใจก็คิดว่าจากข้อมูลในอินเตอร์เนต เห็นเค้าเชียร์กันว่าให้ซื้อเพชรที่คัทติ้งเป็น triple excellent เราเองก็เลยบอกเพื่อนว่า อยากได้เพชรที่เป็น triple excellent ด้วย
แต่เอก็พยายามบอกกับเราว่า “เพชรสเปคแบบนี้เทียบกับราคาแล้วถูกมาก เอาไปเถอะ ถ้าไม่ชอบ เดี๋ยวช่วยขายให้ ปล่อยไม่ยากหรอก ราคานี้ไม่ได้หลุดมาง่ายๆนะ” ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกแปลกๆ เหมือนเค้าพยายามขายเม็ดนี้ให้กับเรา แต่เราเองก็ดันไว้ใจเพื่อน ด้วยความเป็นเพื่อนสนิท เค้าคงให้คำแนะนำที่ดีที่สุดกับเรา และคิดว่าไม่น่าเสียหายอะไร อีกทั้งเพื่อนน่าจะรู้ดีกว่าเราเพราะเค้าอยู่ในวงการ อีกอย่างถ้าไม่ชอบไม่ถูกใจ เพื่อนก็สามารถปล่อยให้เราได้ เราจึงตอบตกลงพร้อมโอนเงินไปค่ะ (ตรงนี้อาจจะเป็นความผิดของเราเองที่ละเลย ไม่ศึกษาและไม่ไปดูเพชรด้วยตัวเองก่อน เพราะคิดว่าเพื่อนคงเลือกเพชรที่ดีที่สุดมาให้เรา)
พอเราฟังแล้วเราก็เครียดเลย แหวนวงนี้เป็นแหวนแต่งงานที่สำคัญสำหรับเราด้วยสิ เราอยากให้มันออกมาดีที่สุดเลยปรึกษา ‘เอ’ เพื่อนสนิทที่เราคิดว่าไว้ใจได้ แต่พอคุยกับบีเริ่มทำให้ความเชื่อมั่นของเราสั่นคลอน
หลังจากนั้นพอเราได้แหวนจากเอ ซึ่งคุณภาพแหวนก็ดูไม่ค่อยโอเคจริงๆเหมือนกับที่บีเตือนมา หนามเตยบางอันจับขอบเพชรได้ไม่ค่อยมั่นคง เสียวเพชรหลุดมาก ไปแก้มา 2 รอบ ก็ยังไม่ดีขึ้น เราเริ่มใจเสีย เราเลยกลับมาปรึกษากับบีว่าเราควรทำยังไงดี บีเลยแนะนำรุ่นพี่คนนึงที่เป็นเจ้าของร้านเพชรมา โดยบีบอกว่าร้านนี้ดี เชื่อถือได้ เพราะบีเองก็เคยมาซื้อเพชรกับร้านนี้แล้วรู้สึกประทับใจกว่าร้านอื่น และบียังส่งคลิปวิดีโอของเพื่อนอีกคนที่เคยไปซื้อเพชรกับร้านรุ่นพี่คนนี้มาก่อนให้เราได้ดูอีกด้วย
เผื่อเพื่อนๆคนไหนสนใจสามารถเข้าไปดูคลิปได้ตามลิงค์นี้ค่ะ (ขอแอบ tie in ร้านรุ่นพี่นิดนึงนะคะ)
https://www.youtube.com/watch?v=1vlAAyFFJGg
เราจึงนำแหวนเพชรพร้อมใบเซอร์ไปให้รุ่นพี่คนนี้ดู ซึ่งรุ่นพี่บอกว่า เราซื้อเพชรมาราคาค่อนข้างสูง (เราขอไม่บอกราคานะคะ) และที่สำคัญสเปคของแหวนวงนี้เป็นสเปคที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะไม่ใช่ triple excellent และขนาด 1.00 กะรัต ค่ะ
ขออธิบายเพิ่มเติมแบบนี้ค่ะ triple excellent คือ ศัพท์ในวงการเพชรที่พูดถึงเรื่องการเจียระไนเพชรให้ออกมาดีที่สุดใน 3 ส่วนด้วยกัน คือ สัดส่วน สมมาตร และความเกลี้ยงเกลา จึงจะทำให้เพชรส่องประกายได้อย่างดีและสวยงามที่สุด ซึ่งเพชรของเรานั้นเป็น 2 excellent และ 1 good เท่านั้น จะสวยไม่เท่าเพชรที่เป็น triple excellent ร้านเพชรส่วนใหญ่จึงนำเพชรที่เป็น triple excellent มาขาย เพราะสวยงามที่สุดค่ะ
ที่สำคัญที่สุดคือ เพชรของเราเป็นขนาด 1.00 กะรัตพอดี ยิ่งไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากหากมีกรณีที่ทำเพชรตก ชนอะไร หรือว่าช่างฝังเพชรไม่ดี ทำให้เพชรบิ่นขึ้นมาแล้วต้องเจียระไนใหม่ จะทำให้น้ำหนักลดลงต่ำกว่า 1.00 กะรัต ซึ่งทำให้น้ำหนักเพชรตกลงไปอีก tier นึงเลยค่ะ (เราเองก็เพิ่งรู้ตอนนี้แหละ ข้อมูลในอินเตอร์เนตก็ไม่ค่อยมีบอกไว้ด้วย)
พอเราลองเอาข้อมูลนี้ไปถามกับร้านเพชรอื่นๆก็ได้ข้อมูลตรงกัน ตอนนั้นเรานี่งงและรู้สึกเจ็บใจตัวเองมากเลย ที่ไม่เตรียมตัวหาข้อมูลให้ดีก่อนจะซื้อของสำคัญที่มูลค่าก็ไม่น้อย และสงสัยว่าทำไมเพื่อนถึงเลือกเพชรเม็ดนี้ให้กับเราโดยที่ไม่ได้อธิบายข้อมูลกับเราให้ละเอียด แต่เราว่าอะไรไม่ได้ เพราะเราก็เชื่อใจเอในการหาเพชรเม็ดนี้ให้กับเราเอง
สุดท้ายเราเลยตัดสินใจจะปล่อยเพชรเม็ดนี้ไป โดยฝากให้เอเป็นคนปล่อยให้ ซึ่งตอนแรกเอก็ไม่อยากปล่อยให้ พยายามคะยั้นคะยอให้เราใช้เพชรเม็ดนี้ แต่เราอยากปล่อยมากๆ
พอได้ปล่อยจริงๆ ก็ใช้เวลาหลายเดือนก็ปล่อยไม่ได้ซักที เอก็ปลอบใจเราว่าใจเย็นๆยังไงก็ปล่อยได้ รอหน่อยนะ แต่จนแล้วจนรอด ผ่านไปอีกครึ่งปีก็ปล่อยไม่ได้เลย ในระหว่างนั้น ความสัมพันธ์ของเรากับเอเริ่มเปลี่ยนไป เอเริ่มพูดจาไม่ดีกับเรา อารมณ์เสียใส่เราเมื่อเราถามถึงความคืบหน้าในการปล่อยเพชร
เรานึกขึ้นได้ว่า เอก็รับซื้อคืนนี่นา เราเลยถามเอว่าขอขายคืนได้มั้ย ซึ่งเอบอกว่ารับซื้อคืนในราคาที่หัก 15% เราก็อ้าวสิ ไม่เห็นบอกกันไว้ตั้งแต่แรก และมันเป็นเงินจำนวนค่อนข้างเยอะสำหรับเรา
เราเริ่มหงุดหงิดและมีปากเสียงกับเอ เราเลยเอาเพชรไปตระเวนถามขายตามร้านเพชรต่างๆ เผื่อว่าจะได้ราคาดีกว่า แต่ร้านส่วนใหญ่ไม่รับซื้อ เพราะว่าไม่ใช่เพชรที่คนต้องการ ขายไม่ได้ มีแค่ร้านเดียวที่รับ แต่ก็ให้ราคาที่แสนขาดทุน มากกว่า 50% เสียอีก ทำให้เราเริ่มมั่นใจแล้วว่า เพชรเม็ดนี้ไม่ใช่เพชรที่ดีเหมือนที่เอแนะนำมาจริงๆ
ตอนนั้นเราเริ่มใจแป้วแล้ว เสียความรู้สึกมากๆ ว่าทำไมเอถึงทำกับเราแบบนี้ แหวนแต่งงานมันมีแค่วงเดียวในชีวิต มันมีความหมายกับเรามากนะ
ตอนนั้น จำได้ว่าเหลือเวลาอีกแค่ 1 เดือนก่อนแต่งงาน ซึ่งเพชรเม็ดนี้ก็ไม่อยากใช้แล้ว พยายามทำใจใช้เพชรเม็ดนี้อยู่นานแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าเป็นความทรงจำแย่ๆ เห็นแหวนก็จะคิดถึงหน้าเพื่อนคนนี้ เลยไม่อยากที่จะเลือกมาใช้เป็นแหวนแต่งงาน จะขายก็ขายไม่ได้ แหวนวงใหม่ก็ยังไม่มี คือไม่มีทางเลือกแล้ว เครียดมาก ในใจตอนนั้นคิดว่า ต้องซื้อใหม่เท่านั้น ถ้าจะต้องทิ้งเงินที่ขาดทุนไป ก็ต้องทำ
เราจึงพยายามถามเพื่อนหลายๆคนให้ช่วยแนะนำมาหลายๆร้าน รวมถึงร้านของรุ่นพี่ในตอนแรก รอบนี้บอกกับตัวเองว่าจะไม่ทำพลาดอีกแล้ว ปรึกษากับหลายๆคน หลายๆร้าน เพื่อหาร้านที่เราคิดว่าเราจะไว้ใจได้ เรียกได้ว่าอาทิตย์นึงไปดูมากว่า 10 ร้านได้
แต่สุดท้ายเรารู้สึกประทับใจกับร้านของรุ่นพี่ที่บีแนะนำในตอนแรกมากที่สุด เพราะคุยแล้วรู้สึกเป็นกันเอง คอยให้คำแนะนำตลอด ปรึกษาอยู่นาน พี่เค้าก็เสนอมาหลายทางเลือก เช่น ลองเจียระไนหน้าเพชรให้เป็น triple excellent มั้ย ถึงแม้จะเสียหน้าเพชรไปเยอะ น้ำหนักลดลง แต่อาจจะขายได้ราคาดีกว่า บอกข้อดีข้อเสียครบ ทั้งๆที่เราไม่เคยซื้อของร้านเค้ามาก่อน อีกทั้งรุ่นพี่คนนี้ไม่เคยเสนอขายเพชรในร้านให้เราเลย (หรือว่าเราดูไม่มีปัญญาซื้อนะ) จึงทำให้เรารู้สึกประทับใจ และตัดสินใจซื้อแหวนเพชรสำหรับงานสำคัญของเรากับพี่เค้าค่ะ
ซึ่งรอบนี้แหวนเพชรโอเคมาก ถูกใจทั้งเราทั้งแฟน แหวนวงนี้ได้ก่อนงานแค่ 1 อาทิตย์ ตอนนั้นลุ้นสุดๆ แต่ร้านก็ช่วยเต็มที่ ขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยจริงๆค่ะ
ส่วนเพชรเม็ดเก่าก็ตัดสินใจที่จะกลับไปขายคืนให้เอ เพราะเราก็ไม่รู้เก็บไว้ทำไมและต้องการให้เรื่องมันจบ แต่ที่เสียใจยิ่งกว่าคือ คราวนี้เค้ากลับบอกว่าจะหัก 25% จากตอนแรกจะหัก 15% เราก็ไม่พอใจแล้วจึงเริ่มมีปากเสียงกัน เค้าบอกว่ามันเป็นธุรกิจ (ไหนตอนแรกบอกว่าจะไม่เอากำไร) เราเลยต้องกลับมากลุ้มอีกรอบ ประจวบเหมาะมีคนกำลังมาซื้อเพชรเม็ดนี้พอดี (แต่ให้หักเรา 25% นะ เหมือนขายคืนร้าน ไม่ใช่ฝากขาย) ซึ่งเอให้เราส่งเพชรให้เอก่อน รอจนกว่าลูกค้าจะมาซื้อเพชร จ่ายเงินและค่อยโอนเงินคืนให้กับเรา เราก็งงว่าตอนซื้อให้เราโอนเงินก่อนได้ของ แต่ตอนขายต้องให้เราส่งของก่อนได้เงิน ซึ่งเราเองก็มืดแปดด้านไปสักพัก กลัวไม่ได้เงินคืน
เราก็เลยคุยกับบีและเพื่อนคนอื่น จึงได้รู้ว่าเพื่อนเราอีกกลุ่มสมัยเรียนมัธยมกำลังจะซื้อแหวนเพชรกับเอเหมือนกัน ซึ่งพอเราติดต่อเพื่อนคนนี้เลยรู้ว่าเป็นเพชรที่กำลังจะซื้อคือเพชรเม็ดเดียวกับของเรา ซึ่งเอขายให้ในราคาที่สูงกว่าราคาที่รับซื้อคืนจากเราซะอีก เราเลยตัดสินใจขายตรงให้เพื่อนไปเลย ไม่ต้องให้เอได้กินหัวคิว กำไรแล้ว กำไรอีก
หมายเหตุ
ที่เราเสียความรู้สึกในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับสเปคของเพชรแต่อย่างใด เพราะมันขึ้นอยู่กับความพอใจและงบประมาณของเรา แต่สิ่งที่เราไม่พอใจเอ เนื่องจากเค้าพยายามยัดเยียดขายเพชรเม็ดนี้ให้ทั้งที่ไม่บอกข้อมูลทั้งหมด และเอไม่สามารถทำในสิ่งที่เอรับปากเราได้เลย ตอนขายพูดซะดิบดี แต่ตอนรับเงินแล้วกลับหน้ามือเป็นหลังมือ แหวนแต่งงานคือแหวนเพียงวงเดียวในชีวิตใครหลายๆคน มันมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่ามูลค่าทางตัวเงิน ต่อให้หลังจากนี้จะซื้อแหวนเพชรที่ใหญ่กว่านี้ สวยกว่านี้สักกี่วง ก็ไม่ใช่แหวนแต่งงานสำหรับเราค่ะ
อุทาหรณ์ครั้งนี้
ส่วนหนึ่งเกิดจากความไว้ใจเพื่อนมากเกินไปของเราเอง เจอเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดขนาดนี้ ซึ้งไปอีกนานเลย อีกเรื่องที่สำคัญ คือ การที่ไม่ศึกษาเพชรให้ดีก่อนซื้อ ของราคาแพง ต้องดูกันนานๆ หรือปรึกษาผู้รู้หลายๆคน จริงๆแล้วเพชรรายละเอียดเยอะค่ะ หาผู้เชี่ยวชาญแนะนำเราดีกว่า ส่วนเรื่องบริการหลังการขายก็สำคัญนะคะ จะได้ช่วยดูแลแหวนเพชรสำคัญของเราได้ไปนานๆค่ะ
สำหรับใครที่กำลังเลือกแหวนแต่งงาน เราแนะนำให้ดูหลายๆร้าน ถามหลายๆคน และอย่าไว้ใจใครง่ายๆ แม้เป็นเพื่อนสนิทก็ตาม
ขอเป็นกำลังใจให้คู่บ่าวสาวที่กำลังจะแต่งงาน เตรียมงานอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่พอผ่านไปก็จะกลายเป็นความทรงจำดีๆสำหรับเราค่ะ