**ขออัพเดทชีวิต หลังจากที่ตัดสินใจแยกทางกันอย่างถาวร ณ ปัจจุบันถูกผู้เป็นสามี ข่มขู่ คุกคามทุกช่องทางที่เค้าจะทำได้ (ได้แจ้งความไว้แล้ว เนื่องจากมีการขู่ทำร้ายและขู่ฆ่า)และหนักสุดคือโดนกีดกันไม่ให้พบลูก โดยการสนับสนุนจากมารดาเค้าเองที่รู้เห็นเป็นใจ รายงานและซ้ำเติมเราทุกการเคลื่อนไหว..ตอนนี้สงสารลูก เพราะรู้สึกว่าลูกเริ่มมีปัญหาสภาพจิตใจ หมดหนทาง และสุดมือจนจะเจรจาแล้ว อยากถามผู้รู้ว่าเราควรทำอย่างไรได้บ้าง หรือ ต้องติดต่อหน่วยงานไหนที่จะสามารถช่วยเจรจาให้เราได้พบกับลูกได้บ้าง มันทรมานมากที่เจอแบบนี้ เราไม่ได้เรียกร้องอะไรจากการเลิกลาในครั้งนี้ ขอสิทธิ์ของการได้เจอลูก เนื่องจากสามียื่นเงื่อนไขว่าหากเราเลิกลากับเค้าให้เราตายไปจากชีวิตลูกไปเลย และหากพยายามติดต่อหรือมาแอบเจอลูก ด้วยวิธีใดก็ตาม จะเอาเราให้ถึงที่สุด ขู่ว่าจะเอาให้

ต้องย้ายงานและย้ายที่อยู่ บลา บลา สารพัดคำพูดที่จะเอามาขู่ เราเจรจาหลายรอบไม่เป็นผล รบกวนผู้ใหญ่ให้ช่วยก็แล้ว ไม่เป็นผล จริงๆอยากได้คำแนะนำ เพราะการฟ้องร้องคือลำดับสุดท้ายที่เราคิดจะทำ อยากได้คำแนะนำว่าควรทำยังไงต่อดีค่ะ..เป็นห่วงความรู้สึกลูกมากที่สุด😭
*****เรื่องราวที่เกิดขึ้น******
ก่อนอื่นต้องออกตัวว่าไม่คิดว่าวันนี้จะกลับมาตั้งกระทู้ของตัวเอง เคยแต่อ่านกระทู้ของคนอื่น ตามหัวกระทู้ ยาวหน่อยแต่อยากให้ลองอ่านนะคะ เราแต่งงานมา 6 ปี ย่างเจ้าปีที่ 7 ชีวิตแต่งงานเริ่มถึงทางตัน เรามีพยานรักด้วยกัน 1 คน 5 ขวบเป็นเด็กเลี้ยงง่าย โตตามวัยของเค้า
เข้าเรื่องกันคะ ชีวิตแต่งงานจุดเริ่มต้นคือ เราท้องก่อนแต่ง โดยก่อนหน้าที่จะรู้ตัวว่าท้องคือ เลิกกันค่ะ!! ฟังไม่ผิด เลิกกันตัดความสัมพันธ์กันแบบไม่มีการติดต่อใดๆได้ประมาณ 3 เดือน ฝ่ายชายด่าเราเสียหาย เรียกว่าคำหยาบๆต่ำๆมาหมดเค้าโกรธที่เราบอกเลิก สารพัดมารู้ตัวอีกทีคือ ประจำเดือนไม่มาตามปกติ สายตรองแบบเราไม่รอช้า ซื้อที่ตรวจประมาณ 5 ยี่ห้อกลัวไม่ชัวส์ เพื่อนสนิทก็รอฟังผลแบบเรียลไทม์มาก เช้ามาก็ตรวจ 5 ยี่ห้อที่ซื้อมาออกมา 2 ขีดแป๊ะมากไม่ได้นัดหมาย สรุปคือท้อง!! นาทีนั้น เข้าใจเลยว่าเหมือนตัวเองจะลอย กลืนน้ำลายไม่ได้มันจุกที่คอ ในหัวคิดอย่างเดียวจะบอกแม่ และ ครอบครัวยังไงดี??
ตอนที่รู้ตัวว่าท้องคืออายุ 25 แล้วทำงานได้ 2-3 ปีแล้ว ก็ถือว่ารับผิดชอบตัวเองได้ ตัดสินใจติดต่อฮี หลังจากตัดขาด นางก็ไปพักผ่อนหย่อนใจอยู่ที่ต่างจังหวัด ชิววเหลือเกิน พ่อคุณณณ!! เราส่งข้อความไปบอกเค้าว่าถ้ากลับกรุงเทพเมื่อไหร่ ขอให้พาเราไป รพ.ก่อน เค้าก็ส่ง whatapp มาว่าเกิดไรขึ้น??เราเพียงแค่แจ้งว่าต้องพาเราไป รพ. วันรุ่งขึ้นฮีก็กลับจากต่างจังหวัดและตรงดิ่งมารับเรา เราไปรพ.เพื่อตรวจให้ชัวส์สรุปว่าท้อง หมอที่ตรวจช่างให้กำลังใจมาก ก่อนจะตรวจการตั้งครรภ์พูกกับเราว่า ท้องชัวส์!! ไม่ได้ให้กำลังใจตรูเลยคุณหมอ ผลออกมาว่าเราตั้งครรภ์ได้เกือบ 3 เดือน เกริ่นมายาวมาก นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่อง
เราแจ้งทางบ้านเรียบร้อย ฮีก็รับผิดชอบไม่รู้ว่าเต็มใจมั้ย แต่นาทีนั้นก็ต้องมีสปริตแหละแก!! หลังจากนั้นก็แต่งงานกันตามประเพณี ฝ่ายชายก็ให้สินสอดตามเหมาะสม คุณแม่ฝ่ายชายค่อนข้างตกใจ เพราะหมายมั่นสาวไว้ให้ลูกแล้ว (ครอบครัวคนจีน จะมีการทาบทามสาวๆให้ลูกเพราะแม่ฮีเห็นว่าโสดมาสักพัก) แรกๆเราเองก็ไม่ได้ป็นที่ยอมรับเท่าไหร่จากพ่อแม่ฝ่ายชาย หลังจากคลอดลูก ความสัมพันธ์แม่สามีก็เริ่มดีขึ้น เนื่องจากเป็นหลานชายคนแรกของตระกูล เป็นธรรมดาที่จะเห่อหลาน เราก็ได้อานิสงค์การเอ็นดูเพิ่มอีกนิดนึง จากเมื่อก่อนเราเหมือนอากาศธาตุเลยก็ว่าได้!! ส่วนพี่น้องของเค้าถือว่าดีและน่ารักกับเรา
หลังจากลูกเริ่มโตจนเข้าโรงเรียน ในระหว่างการเดินทางของชีวิตครอบครัว ยอมรับว่ามีทั้งเรื่องทุกข์และสุขคละเคล้ากันไป จับได้ว่าสามีคุยกับคนอื่นในระหว่างที่เดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด ในอดีตสามีเป็นคนชอบเที่ยว และเฮฮามาก ไม่แปลกที่ใครๆจะชอบคุยกับเค้า เค้าให้เหตุผลว่าเหงา!!!และพูดสั้นๆว่าขอโทษ และ อีกสารพัดที่เราจะจับได้หลายเรื่อง เราเป็นคนไม่โวยวาย ไม่ตามเช็ค ตามเฝ้า อยากทำอะไร ไปไหนเราให้อิสระ แค่ไลน์บอกกันแค่นั้นพอ เราใช้เหตุผลและพยายามระงับความโกรธ ทั้งที่ในใจมันทุกข์และทุรนทุรายมาก ร้องไห้เงียบๆคนเดียว เพราะไม่อยากให้ใครรู้ สามีชอบพูดกับเราว่าเธอสตรอง เธอเก่ง เธอไม่คิดอะไรเยอะหรอก ถามฉันรึยัง??สามีไม่มีความโรแมนติก ไม่มีความมุ้งมิ้งใดๆสักเรื่อง ไม่มีวันสำคัญใดๆทั้งสิ้น และ ไม่มีการซัตพอร์ตใดๆให้กับเรา..ฟังไม่ผิดค่ะ เราดูแลตัวเอง ทำงานหาเงินจัดการชีวิตลูกและชีวิตตัวเองมาตั้งแต่วันแรกที่รู้ตัวว่าท้องและค่าใช้จ่ายในบ้าน สามีจะดูแลเฉพาะเรื่องเรียนลูกเท่านั้น ของเราหรออย่าหวัง เค้าแค่บอกว่าว่าจะพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ แต่เธอต้องออกค่าตั๋วเครื่องบินเองนะ นี่ฉันเป็นคนอื่นหรือคนนอกครอบครัวเธอรึป่าว?? เราเคยคิดว่าจะเปลี่ยนสามีได้ เราคงคิดผิดจริง สามีรักครอบครัวมากยกเว้น...ครอบครัวเรา ญาติๆเราถึงกับเอ่ยปากว่า สามีเราไม่เอาปากมาด้วยหรอ ยกมือไหว้ทียังกับบังคับ เวลาไปเยี่ยม พ่อและ ปู่ย่าเรา ความเห็นแก่ตัวเค้ายังคงเกิน 100 เหมือนเดิม จนวันนี้ปีที่ 6 เข้าปีที่ 7 เรารู้สึกว่าชีวิตคู่ถึงทางตัน ความสัมพันธ์ยิ่งห่าง เหมือนต่างคนต่างอยู่ เราโกรธเค้า เค้ายังไม่รู้ตัวเองเลย ส่วนเราโมโหเค้าไม่ได้เลยเพราะเค้าเป็นคนอารมณ์ร้อน จะหาเรื่องทุกครั้งที่เราเริ่มโมโห หาเรื่องมาทะเลาะสารพัดที่จะขุดมาได้ อ้างว่าเราเอาแต่ใจ คนที่มองเห็นแต่ตัวเองถูกเสมอ มักจะเป็นแบบนี้ เราทำได้แค่เดินหนีออกจากตรงนั้น และ แอบร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียวบ่อยครั้ง สามีจะรู้สึกรักเราเมื่อเค้ามีความต้องการเรื่องบนเตียงแค่นั้น ถึงกับถามตัวเองมีค่าแค่นี้หรอ?? มาถึงจุดนี้เราถามตัวเองทุกครั้งว่ามันถึงจุดที่เราควรต้องตัดสินใจรึยัง เราพยายามหาข้อดีของสามีมาหักล้าง แต่ข้อดีและข้อเสียดันสูสีกันอีก เรารู้สึกตัวเองใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวมาตลอด แก้ปัญหาด้วยตัวเองมาตลอด เราไม่ได้อยากสตรองแต่ในเมื่อเค้าไม่ได้เป็นที่พึ่งและเกื้อกูลกันในฐานะสามีภรรยา เราจำเป็นต้องยืนให้มั่นเพื่อจะได้มีแรงเดินต่อ มันรู้สึกท้อ เสียใจ บอกใครไม่ได้ อย่างที่ใครเค้าบอกว่าน้ำตาตกในเป็นยังไง ใจนึงก่อนที่จะพิมพ์กระทู้นี้นอนคิดเรื่องลูกมาตลอด ว่าถ้าหากวันนึงที่พ่อกับแม่เปลี่ยนสถานะ ลูกจะเข้าใจและยอมรับมันได้มากน้อยแค่ไหน เราไม่รู้ว่าตอนนี้เราจะเดินทางไหนดี รู้สึกอ่อนแรง วันนี้ไม่คิดว่าอารมณ์ตัวเองจะดาวส์แบบนี้ ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันเกิดของเราเอง..อยากได้แค่ทางชี้แนะว่าเราควรไปในทิศทางไหน
ปล.กระทู้แรกๆที่เขียนยาวขนาดนี้ ต้องขออภัยด้วยหากแท็กผิดห้อง
แต่งงานมา 6 ปี ชีวิตคู่เริ่มถึงทางตัน!!
*****เรื่องราวที่เกิดขึ้น******
ก่อนอื่นต้องออกตัวว่าไม่คิดว่าวันนี้จะกลับมาตั้งกระทู้ของตัวเอง เคยแต่อ่านกระทู้ของคนอื่น ตามหัวกระทู้ ยาวหน่อยแต่อยากให้ลองอ่านนะคะ เราแต่งงานมา 6 ปี ย่างเจ้าปีที่ 7 ชีวิตแต่งงานเริ่มถึงทางตัน เรามีพยานรักด้วยกัน 1 คน 5 ขวบเป็นเด็กเลี้ยงง่าย โตตามวัยของเค้า
เข้าเรื่องกันคะ ชีวิตแต่งงานจุดเริ่มต้นคือ เราท้องก่อนแต่ง โดยก่อนหน้าที่จะรู้ตัวว่าท้องคือ เลิกกันค่ะ!! ฟังไม่ผิด เลิกกันตัดความสัมพันธ์กันแบบไม่มีการติดต่อใดๆได้ประมาณ 3 เดือน ฝ่ายชายด่าเราเสียหาย เรียกว่าคำหยาบๆต่ำๆมาหมดเค้าโกรธที่เราบอกเลิก สารพัดมารู้ตัวอีกทีคือ ประจำเดือนไม่มาตามปกติ สายตรองแบบเราไม่รอช้า ซื้อที่ตรวจประมาณ 5 ยี่ห้อกลัวไม่ชัวส์ เพื่อนสนิทก็รอฟังผลแบบเรียลไทม์มาก เช้ามาก็ตรวจ 5 ยี่ห้อที่ซื้อมาออกมา 2 ขีดแป๊ะมากไม่ได้นัดหมาย สรุปคือท้อง!! นาทีนั้น เข้าใจเลยว่าเหมือนตัวเองจะลอย กลืนน้ำลายไม่ได้มันจุกที่คอ ในหัวคิดอย่างเดียวจะบอกแม่ และ ครอบครัวยังไงดี??
ตอนที่รู้ตัวว่าท้องคืออายุ 25 แล้วทำงานได้ 2-3 ปีแล้ว ก็ถือว่ารับผิดชอบตัวเองได้ ตัดสินใจติดต่อฮี หลังจากตัดขาด นางก็ไปพักผ่อนหย่อนใจอยู่ที่ต่างจังหวัด ชิววเหลือเกิน พ่อคุณณณ!! เราส่งข้อความไปบอกเค้าว่าถ้ากลับกรุงเทพเมื่อไหร่ ขอให้พาเราไป รพ.ก่อน เค้าก็ส่ง whatapp มาว่าเกิดไรขึ้น??เราเพียงแค่แจ้งว่าต้องพาเราไป รพ. วันรุ่งขึ้นฮีก็กลับจากต่างจังหวัดและตรงดิ่งมารับเรา เราไปรพ.เพื่อตรวจให้ชัวส์สรุปว่าท้อง หมอที่ตรวจช่างให้กำลังใจมาก ก่อนจะตรวจการตั้งครรภ์พูกกับเราว่า ท้องชัวส์!! ไม่ได้ให้กำลังใจตรูเลยคุณหมอ ผลออกมาว่าเราตั้งครรภ์ได้เกือบ 3 เดือน เกริ่นมายาวมาก นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่อง
เราแจ้งทางบ้านเรียบร้อย ฮีก็รับผิดชอบไม่รู้ว่าเต็มใจมั้ย แต่นาทีนั้นก็ต้องมีสปริตแหละแก!! หลังจากนั้นก็แต่งงานกันตามประเพณี ฝ่ายชายก็ให้สินสอดตามเหมาะสม คุณแม่ฝ่ายชายค่อนข้างตกใจ เพราะหมายมั่นสาวไว้ให้ลูกแล้ว (ครอบครัวคนจีน จะมีการทาบทามสาวๆให้ลูกเพราะแม่ฮีเห็นว่าโสดมาสักพัก) แรกๆเราเองก็ไม่ได้ป็นที่ยอมรับเท่าไหร่จากพ่อแม่ฝ่ายชาย หลังจากคลอดลูก ความสัมพันธ์แม่สามีก็เริ่มดีขึ้น เนื่องจากเป็นหลานชายคนแรกของตระกูล เป็นธรรมดาที่จะเห่อหลาน เราก็ได้อานิสงค์การเอ็นดูเพิ่มอีกนิดนึง จากเมื่อก่อนเราเหมือนอากาศธาตุเลยก็ว่าได้!! ส่วนพี่น้องของเค้าถือว่าดีและน่ารักกับเรา
หลังจากลูกเริ่มโตจนเข้าโรงเรียน ในระหว่างการเดินทางของชีวิตครอบครัว ยอมรับว่ามีทั้งเรื่องทุกข์และสุขคละเคล้ากันไป จับได้ว่าสามีคุยกับคนอื่นในระหว่างที่เดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด ในอดีตสามีเป็นคนชอบเที่ยว และเฮฮามาก ไม่แปลกที่ใครๆจะชอบคุยกับเค้า เค้าให้เหตุผลว่าเหงา!!!และพูดสั้นๆว่าขอโทษ และ อีกสารพัดที่เราจะจับได้หลายเรื่อง เราเป็นคนไม่โวยวาย ไม่ตามเช็ค ตามเฝ้า อยากทำอะไร ไปไหนเราให้อิสระ แค่ไลน์บอกกันแค่นั้นพอ เราใช้เหตุผลและพยายามระงับความโกรธ ทั้งที่ในใจมันทุกข์และทุรนทุรายมาก ร้องไห้เงียบๆคนเดียว เพราะไม่อยากให้ใครรู้ สามีชอบพูดกับเราว่าเธอสตรอง เธอเก่ง เธอไม่คิดอะไรเยอะหรอก ถามฉันรึยัง??สามีไม่มีความโรแมนติก ไม่มีความมุ้งมิ้งใดๆสักเรื่อง ไม่มีวันสำคัญใดๆทั้งสิ้น และ ไม่มีการซัตพอร์ตใดๆให้กับเรา..ฟังไม่ผิดค่ะ เราดูแลตัวเอง ทำงานหาเงินจัดการชีวิตลูกและชีวิตตัวเองมาตั้งแต่วันแรกที่รู้ตัวว่าท้องและค่าใช้จ่ายในบ้าน สามีจะดูแลเฉพาะเรื่องเรียนลูกเท่านั้น ของเราหรออย่าหวัง เค้าแค่บอกว่าว่าจะพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ แต่เธอต้องออกค่าตั๋วเครื่องบินเองนะ นี่ฉันเป็นคนอื่นหรือคนนอกครอบครัวเธอรึป่าว?? เราเคยคิดว่าจะเปลี่ยนสามีได้ เราคงคิดผิดจริง สามีรักครอบครัวมากยกเว้น...ครอบครัวเรา ญาติๆเราถึงกับเอ่ยปากว่า สามีเราไม่เอาปากมาด้วยหรอ ยกมือไหว้ทียังกับบังคับ เวลาไปเยี่ยม พ่อและ ปู่ย่าเรา ความเห็นแก่ตัวเค้ายังคงเกิน 100 เหมือนเดิม จนวันนี้ปีที่ 6 เข้าปีที่ 7 เรารู้สึกว่าชีวิตคู่ถึงทางตัน ความสัมพันธ์ยิ่งห่าง เหมือนต่างคนต่างอยู่ เราโกรธเค้า เค้ายังไม่รู้ตัวเองเลย ส่วนเราโมโหเค้าไม่ได้เลยเพราะเค้าเป็นคนอารมณ์ร้อน จะหาเรื่องทุกครั้งที่เราเริ่มโมโห หาเรื่องมาทะเลาะสารพัดที่จะขุดมาได้ อ้างว่าเราเอาแต่ใจ คนที่มองเห็นแต่ตัวเองถูกเสมอ มักจะเป็นแบบนี้ เราทำได้แค่เดินหนีออกจากตรงนั้น และ แอบร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียวบ่อยครั้ง สามีจะรู้สึกรักเราเมื่อเค้ามีความต้องการเรื่องบนเตียงแค่นั้น ถึงกับถามตัวเองมีค่าแค่นี้หรอ?? มาถึงจุดนี้เราถามตัวเองทุกครั้งว่ามันถึงจุดที่เราควรต้องตัดสินใจรึยัง เราพยายามหาข้อดีของสามีมาหักล้าง แต่ข้อดีและข้อเสียดันสูสีกันอีก เรารู้สึกตัวเองใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวมาตลอด แก้ปัญหาด้วยตัวเองมาตลอด เราไม่ได้อยากสตรองแต่ในเมื่อเค้าไม่ได้เป็นที่พึ่งและเกื้อกูลกันในฐานะสามีภรรยา เราจำเป็นต้องยืนให้มั่นเพื่อจะได้มีแรงเดินต่อ มันรู้สึกท้อ เสียใจ บอกใครไม่ได้ อย่างที่ใครเค้าบอกว่าน้ำตาตกในเป็นยังไง ใจนึงก่อนที่จะพิมพ์กระทู้นี้นอนคิดเรื่องลูกมาตลอด ว่าถ้าหากวันนึงที่พ่อกับแม่เปลี่ยนสถานะ ลูกจะเข้าใจและยอมรับมันได้มากน้อยแค่ไหน เราไม่รู้ว่าตอนนี้เราจะเดินทางไหนดี รู้สึกอ่อนแรง วันนี้ไม่คิดว่าอารมณ์ตัวเองจะดาวส์แบบนี้ ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันเกิดของเราเอง..อยากได้แค่ทางชี้แนะว่าเราควรไปในทิศทางไหน
ปล.กระทู้แรกๆที่เขียนยาวขนาดนี้ ต้องขออภัยด้วยหากแท็กผิดห้อง