ไทยจะเป็นประเทศแรกในโลกที่ภายในปี 2030 จะมีคนกว่าหนึ่งในสี่ของประเทศมีอายุมากกว่า 60 ปี แต่ยังเป็นประเทศที่ยากจนอยู่
Bloomberg ได้พาดหัวข่าวดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2519 และชวนให้คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย
ผมได้เข้าไปอ่านในบทความแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจกับสถานการณ์ของประเทศไทยอย่างมาก
ในบทความกล่าวว่าโดยปกติแล้วอัตราการเกิดของเด็กในแต่ละประเทศจะลดลงในช่วงที่ประเทศปรับเปลี่ยนไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว คือผู้หญิงเริ่มออกมาทำงานกันมากขึ้น สร้างรายได้เพิ่มขึ้นจึงมีลูกน้อยลง
#แต่ของประเทศไทยไม่เหมือนที่ใดๆในโลก จากข้อมูลจาก United Nation ที่ออกมาเดือนที่แล้วระบุว่าอัตราการเกิดของเด็กในประเทศไทยใกล้เคียงกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสวิตเซอร์แลนด์และฟินแลนด์ แต่ในแง่ของรายได้นั้นเทียบกันไม่ได้เลย แตกต่างราวฟ้ากับดิน
สวิตเซอร์แลนด์มีรายได้ต่อคนต่อปีอยู่ที่ $78,816
ฟินแลนด์มีรายได้อยู่ที่ $48,580
ประเทศไทยมีรายได้อยู่ที่ $6,362
จะเห็นได้ว่ารายได้ของเราน้อยกว่าสวิตเซอร์แลนด์เกิน 10 เท่าตัว แต่อัตราการเกิดของประชากรเข้าไปใกล้กับสวิตเซอร์แลนด์มาก
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีอัตราเกิดของเด็กลดลงจาก 6 คนมาที่ 2.2 คน และล่าสุดอยู่ที่ 1.5 คนต่อครอบครัว อัตราเกิดที่เหมาะสมควรจะเป็น 2.1 คนเพื่อที่จะให้ประชากรอยู่ในสัดส่วนที่ไม่น้อยเกินไป
นอกจากนี้ในบทความยังระบุด้วยว่าปัจจัยค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในประเทศไทยสูงขึ้นปีละ 12%ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงเป็นอันดับต้นๆของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยในอนาคต โดยในปี 2040 จะมีประชากรที่อายุมากกว่า 60 ปีสูงถึง 23 ล้านคน แต่ประเทศก็ยังยากจนอยู่ แล้วจะหาแรงงานที่ไหนมาพัฒนาประเทศ การบริโภคก็คงไม่เติบโตเท่าไหร่เพราะขาดวัยแรงงานที่จับจ่ายมากกว่า
ผมว่าสาเหตุของการที่ประเทศไทยเป็นอย่างนี้น่าจะเป็นเพราะว่า หลายๆครอบครัวแต่งงานกันแล้วไม่มีลูกเพราะคิดว่าสถานการณ์บ้านเมืองและอนาคตของประเทศดูไม่แน่นอน การที่จะมีลูกก็เป็นห่วงว่าเขาจะอยู่รอดในอนาคตได้อย่างไร (อันนี้ลองสัมภาษณ์ครอบครัวที่ไม่มีลูกมา) บางครอบครัวไม่อยากมีจริงๆก็มี
ส่วนที่สองน่าจะเป็นเพราะว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยโตช้าจึงทำให้หลายๆครอบครัวกลัวที่จะมีลูกคนที่สองและคนที่สาม เพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าเรียนพิเศษ และอื่นๆ ค่าใช้จ่ายของลูกต่อคนจนเรียนจบคงหลายล้านบาท
สาเหตุข้อสุดท้ายก็คือค่าใช้จ่ายทางด้านการแพทย์สูงขึ้นทุกปี เริ่มตั้งแต่การคลอดลูกโรงพยาบาลดีๆก็เกือบแสน ไหนจะต้องมีค่ารักษาพยาบาลตอนลูกเจ็บป่วยอีก ซึ่งแต่ละครั้งไม่น่าจะไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท
น่าคิดว่าจะทำอย่างไรดีกับประเทศไทยครับ !!! #อัตราการเกิด #ปัญหาประเทศไทย #หุ้นวีไอ
Cr: Bloomberg
ประเทศไทย กับอัตราการเกิดที่น่ากังวล - By Billionaire VI
Bloomberg ได้พาดหัวข่าวดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2519 และชวนให้คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย
ผมได้เข้าไปอ่านในบทความแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจกับสถานการณ์ของประเทศไทยอย่างมาก
ในบทความกล่าวว่าโดยปกติแล้วอัตราการเกิดของเด็กในแต่ละประเทศจะลดลงในช่วงที่ประเทศปรับเปลี่ยนไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว คือผู้หญิงเริ่มออกมาทำงานกันมากขึ้น สร้างรายได้เพิ่มขึ้นจึงมีลูกน้อยลง
#แต่ของประเทศไทยไม่เหมือนที่ใดๆในโลก จากข้อมูลจาก United Nation ที่ออกมาเดือนที่แล้วระบุว่าอัตราการเกิดของเด็กในประเทศไทยใกล้เคียงกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสวิตเซอร์แลนด์และฟินแลนด์ แต่ในแง่ของรายได้นั้นเทียบกันไม่ได้เลย แตกต่างราวฟ้ากับดิน
สวิตเซอร์แลนด์มีรายได้ต่อคนต่อปีอยู่ที่ $78,816
ฟินแลนด์มีรายได้อยู่ที่ $48,580
ประเทศไทยมีรายได้อยู่ที่ $6,362
จะเห็นได้ว่ารายได้ของเราน้อยกว่าสวิตเซอร์แลนด์เกิน 10 เท่าตัว แต่อัตราการเกิดของประชากรเข้าไปใกล้กับสวิตเซอร์แลนด์มาก
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีอัตราเกิดของเด็กลดลงจาก 6 คนมาที่ 2.2 คน และล่าสุดอยู่ที่ 1.5 คนต่อครอบครัว อัตราเกิดที่เหมาะสมควรจะเป็น 2.1 คนเพื่อที่จะให้ประชากรอยู่ในสัดส่วนที่ไม่น้อยเกินไป
นอกจากนี้ในบทความยังระบุด้วยว่าปัจจัยค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในประเทศไทยสูงขึ้นปีละ 12%ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงเป็นอันดับต้นๆของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยในอนาคต โดยในปี 2040 จะมีประชากรที่อายุมากกว่า 60 ปีสูงถึง 23 ล้านคน แต่ประเทศก็ยังยากจนอยู่ แล้วจะหาแรงงานที่ไหนมาพัฒนาประเทศ การบริโภคก็คงไม่เติบโตเท่าไหร่เพราะขาดวัยแรงงานที่จับจ่ายมากกว่า
ผมว่าสาเหตุของการที่ประเทศไทยเป็นอย่างนี้น่าจะเป็นเพราะว่า หลายๆครอบครัวแต่งงานกันแล้วไม่มีลูกเพราะคิดว่าสถานการณ์บ้านเมืองและอนาคตของประเทศดูไม่แน่นอน การที่จะมีลูกก็เป็นห่วงว่าเขาจะอยู่รอดในอนาคตได้อย่างไร (อันนี้ลองสัมภาษณ์ครอบครัวที่ไม่มีลูกมา) บางครอบครัวไม่อยากมีจริงๆก็มี
ส่วนที่สองน่าจะเป็นเพราะว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยโตช้าจึงทำให้หลายๆครอบครัวกลัวที่จะมีลูกคนที่สองและคนที่สาม เพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าเรียนพิเศษ และอื่นๆ ค่าใช้จ่ายของลูกต่อคนจนเรียนจบคงหลายล้านบาท
สาเหตุข้อสุดท้ายก็คือค่าใช้จ่ายทางด้านการแพทย์สูงขึ้นทุกปี เริ่มตั้งแต่การคลอดลูกโรงพยาบาลดีๆก็เกือบแสน ไหนจะต้องมีค่ารักษาพยาบาลตอนลูกเจ็บป่วยอีก ซึ่งแต่ละครั้งไม่น่าจะไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท
น่าคิดว่าจะทำอย่างไรดีกับประเทศไทยครับ !!! #อัตราการเกิด #ปัญหาประเทศไทย #หุ้นวีไอ
Cr: Bloomberg